เรตติ้งร่วง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 06 Dec 2018 03:17:46 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เปิดเรตติ้ง พ.ย. 61 ละคร-เกมโชว์ไม่ปัง ช่อง 7-เวิร์คพอยท์เรตติ้งร่วง พลังดูดพีพีทีวี ใกล้ท็อปเท็น https://positioningmag.com/1201350 Wed, 05 Dec 2018 01:59:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1201350 อะไรก็เกิดขึ้นได้สำหรับ “ทีวีดิจิทัล” เมื่อเรตติ้งเฉลี่ยเวิร์คพอยท์ร่วงลงหนัก ในเดือนพฤศจิกายน 2561 หลังจากที่ยังไม่มีรายการใหม่ๆ จุดติด สร้างกระแสให้กับช่องได้ ในขณะเดียวกันเรตติ้งเฉลี่ยของช่อง 7 ก็ลดลงจากละครหลังข่าวเรตติ้งลดลง

จากข้อมูล เรตติ้งประจำเดือนพฤศจิกายน ของนีลเส็น พบว่า ช่อง 7 ยังคงเป็นแชมป์เรตติ้ง จาก 25 ช่องทีวีดิจิทัลที่ออกอากาศอยู่ในปัจจุบัน แต่เรตติ้งเฉลี่ยของช่อง 7 ลดลง 0.126 จาก เดือนตุลาคม 1.846 มาอยู่ที่ 1.720

รายการที่ทำเรตติ้งสูงสุดของช่อง 7 ในเดือนนี้ ยังคงเป็นละคร “สังข์ทอง” ออกอากาศเช้าวันหยุด ทำเรตติ้งสูงสุดของเดือนอยู่ที่ 7.073  และถ่ายทอดสดแข่งขันฟุตบอล AFF ซูซูกิ คัพ นัดทีมชาติไทย พบกับทีมสิงคโปร์ ได้เรตติ้ง 6.807 และละครเย็น “ไฮโซสะออน” เรตติ้งได้สูงสุดของเดือนนี้อยู่ที่ 6.751

ส่วนละครหลังข่าว 2 ทุ่ม เรตติ้งลดลงทั้งหมด “พ่อมดเจ้าเสน่ห์” เรตติ้งต่ำกว่า 3 หลายวัน โดยมีเรตติ้งต่ำสุด 2.76 นับเป็นละครใหม่ ออนแอร์หลังข่าวเรื่องแรกของช่อง 7 ที่มีเรตติ้งต่ำกว่า 3 แม้ในตอนจบ ก็ยังได้เรตติ้งอยู่ที่ 3.98 เท่านั้น

ส่วนช่องเวิร์คพอยท์ เป็นเดือนที่เรตติ้งลดลงแรง เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคมที่มีเรตติ้งเฉลี่ย 0.930 ตกลงมาอยู่ที่ 0.770 เนื่องจากเดือนตุลาคมมีรายการถ่ายทอดสดวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก ที่ผลงานนักกีฬาไทยทำได้ดี เรตติ้งจึงมาแรง แต่มาในเดือนพฤศจิกายน เวิร์คพอยท์ต้องกลับมาพึ่งพารายการหลักของช่องทั้งหมด เรตติ้งจึงลดลงมาก

รายการที่ทำเรตติ้งสูงสุดให้ช่อง ยังเป็นรายการตระกูลไมค์ “ไมค์ทองคำ” ได้สูงสุดอยู่ที่ 4.073 ตามด้วย “ไมค์หมดหนี้” 3.650 และ “ไมค์ทองคำเด็ก” 3.559

ส่วนรายการช่วงหลัง 2 ทุ่ม ที่ทำเรตติ้งสูงสุดคือ “นักร้องซ่อนแอบ หรือ I can see your voice” เรตติ้ง 3.142 , และ เดอะ แมส์ก ลายไทย 2.774 โดยรวมเวิร์คพอยท์ยังไม่มีรายการใหม่ๆ สร้างกระแสความนิยมของช่องได้แทนที่รายการเดิม

สถานการณ์ของช่องเวิร์คพอยท์ เป็นที่น่าจับตามาก จากช่องที่เคยโดดเด่น เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงมากที่สุดเมื่อปีที่แล้ว กลับหล่นลงแรงมากในปีนี้ จะหาทางฟื้นกลับขึ้นมาได้อย่างไร

ช่อง 3 SD ได้ละครรีรันช่วย พีพีทีวี เริ่มเข้าใกล้ท็อปเท็น 

สำหรับช่องที่มีเรตติ้งเพิ่มขึ้นมากสุดของเดือนคือ ช่อง 3 SD เรตติ้งเฉลี่ย 0.361 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.312 โดยจัดละครรีรันลงยาวทั้งวัน

ส่วนพีพีทีวี ได้คอนแทนต์กีฬาราคาแพง ที่ทุ่มทุนซื้อ ทั้งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และลีกอื่นๆ ในยุโรป อย่างไรก็ตาม เริ่มมองเห็นว่า “The Voice” รายการใหม่ที่ดึงมาจากช่อง 3 เป็นอีกหนึ่งคอนเทนต์มาแรง สร้างเรตติ้งสูงให้กับช่อง จากการออกอากาศ 2 ตอนในเดือนพฤศจิกายน ได้เรตติ้งอยู่ที่ 0.575 และ 0.776 ส่วนตอนล่าสุดวันที่ 3 ธันวาคม ได้เรตติ้ง 0.781

เรตติ้งเฉลี่ยช่องพีพีทีวีจึงเลื่อนอันดับอย่างรวดเร็ว จากอันดับ 13 มาเป็นอันดับที่ 11 แล้วด้วยกลยุทธ์การดูดรายการดังของช่องต่างๆ มาไว้ในช่องพีพีทีวี ที่จะเริ่มเห็นผลปีหน้า มาดูกันว่า พีพีทีวีจะทำได้ดีที่สุดแค่ไหน.

]]>
1201350
วิกฤติ เวิร์คพอยท์ เรตติ้งหล่นกระทบหุ้นร่วง https://positioningmag.com/1161504 Wed, 14 Mar 2018 00:59:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1161504 ไม่มีอะไรแน่นอน สำหรับสถานการณ์ของทีวีดิจิทัลที่พลิกผันได้ตลอด เมื่อเวิร์คพอยท์เคยแจ้งเกิดจากรายการ วาไรตี้ เกมโชว์ได้อย่างงดงาม จนขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 3 ของทีวีดิจิทัลที่ถูกจับตามองมากที่สุด แต่เวลานี้กลับต้องเผชิญหน้ากับความพลิกผันอย่างหนัก จากเรตติ้งที่กำลังหล่น จนส่งผลถึงราคาหุ้น

ราคาหุ้นของเวิร์คพอยท์ เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา ลดลงในวันเดียวถึง 8.75 บาท จากราคาเปิดตลาดอยู่ที่ 77.75 บาท มาปิดที่ 69 บาท เป็นการลงแรงถึง 11.25% ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน หลังจากที่เคยมีราคาสูงสุดในวันที่ 7 พ.ย. 2560 ในราคาที่ 104 บาท

ส่วนหนึ่งเป็นผลสะท้อนจากเรตติ้งทั้งช่อง และรายการหลักระดับ “แม่เหล็ก” ของเวิร์คพอยท์อย่าง “The Mask Singer” หรือ “หน้ากากนักร้อง” กำลังดิ่งลงอย่างหนัก

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้จับตามองเห็นความเปลี่ยนแปลงด้านผลตอบรับความนิยมของทั้งช่องและรายการสำคัญมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ส่งผลให้เรตติ้งเริ่มลดลงแพ้ช่องโมโน ที่นำเสนอภาพยนตร์และซีรีส์ต่างประเทศ แต่โดยรวมทั้งปีก็ยังประคองตัวรักษาอันดับเรตติ้งเป็นช่องอันดับ 3 ได้

ส่งสัญญาณไตรมาส 4 ปี 60 ขาดทุน

ปีที่แล้ว 2560 ถือว่าเป็นช่วงทองของ “เวิร์คพอยท์” แจ้งผลประกอบการปี 2560 ว่าบริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,852.50 ล้านบาท สูงขึ้นจากปี 2559 ที่มีรายได้รวม 2,667.05 ล้านบาท คิดเป็น 44% โดยมีกำไรสูงถึง 904.09 ล้านบาท สูงกว่าปี 2559 ถึง 355% ซึ่งปี 2559 มีกำไรอยู่ที่ 198.63 ล้านบาท

รายได้หลักมาจากกิจการโทรทัศน์ ซึ่งมีรายได้รวม 3,478.35 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนนี้มาจากรายได้ของช่องเวิร์คพอยท์จำนวน 3,208.76 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 979.72 ล้านบาท หรือ 44% เมื่อเทียบกับปี 2559

ความสำเร็จของเวิร์คพอยท์ในปีที่แล้ว มาจากรายการ The Mask Singer หน้ากากนักร้อง ที่เปิดตัวซีซั่นแรก ก็กระชากเรตติ้งถล่มทลายได้เรตติ้งสูงสุดถึง 13.371 โดยมีเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 6.55 แซงหน้าละครหลังข่าวช่วงเวลาไพรม์ไทม์ทั้งของช่อง 7 และช่อง 3 เป็น Talk of the town ไม่มีใครไม่รู้จัก ทุกคนต้องดู

ในขณะที่ซีซั่น 2 ออกอากาศช่วงเดือนเมษายนถึงสิงหาคมปีที่แล้ว แม้เรตติ้งจะลดลงไปบ้างแต่ก็ได้เฉลี่ยทั้งซีซั่นอยู่ที่ 7.311 และเคยได้สูงสุดอยู่ที่ 9.383 ส่วนซีซั่น 3 ที่ออกอากาศต่อเนื่องกันมาและจบไปเมื่อต้นเดือน ก.พ. 2561 ได้เรตติ้งเฉลี่ย 3.579

แม้ว่าภาพรวมทั้งปีกำไรพุ่งสูงสุด แต่ว่าผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2560 มีตัวเลขขาดทุนอยู่ที่ 22 ล้านบาท

ตัวเลขเรตติ้งช่วงไตรมาส 4 เริ่มถดถอยลงต่อเนื่อง เมื่อรายการใหม่ๆ ที่คาดหวังไว้ไม่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะรายการ The X Factor จบลงไปด้วยเรตติ้งเฉลี่ยเพียง 1.309

เปิดปีใหม่ รายการใหม่ ยังไม่ปัง

เมื่อเปิดศักราชใหม่เวิร์คพอยท์ ยังคงให้น้ำหนักกับรายการ วาไรตี้ “เกมโชว์” ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญของช่อง รายการที่เวิร์คพอยท์หวังจะเป็นหมัดเด็ดดึงเรตติ้งก็ไม่เป็นไปตามคาดหมาย

The Show : ศึกชิงเวที ที่เป็นการ battle กันระหว่างนักร้องทีมชายและทีมหญิง จัดลงผังทุกวันอังคาร หลังข่าวในช่วงไพรม์ไทม์ แต่เปิดตัวออกอากาศครั้งแรกได้เรตติ้งไปเพียง 1.73 และค่อยๆ ลดลง จนสัปดาห์ที่แล้วได้เรตติ้งไปเพียง 1.32 เท่านั้น

ในขณะที่ซีรีส์อินเดียศึกสองราชันย์ โปรุส VS อเล็กซานเดอร์” ซีรีส์ประวัติศาสตร์อินเดีย สงครามครั้งสุดท้ายของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช เวิรค์พอยท์จัดลงทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ หลังรายการวาไรตี้ช่วงไพรม์ไทม์ ที่หวังว่าจะเปรี้ยง แต่เรตติ้งก็ไม่มาตามคาด สัปดาห์ที่ผ่านมา เรตติ้งอยู่ในระดับ 0.4 – 0.6 เท่านั้น

รายการใหม่อย่าง My Mom Cook หรือเชพไม่ทิ้งแถว ในวันเสาร์ ได้เรตติ้งในเสาร์ที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมาเพียง 0.799

นอกจากนี้ช่วงละครไทย “สาวน้อยร้อยหม้อ” ที่ลงผังไพรม์ไทม์วันหยุด ตอนจบในวันอาทิตย์ที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้เรตติ้งอยู่ที่ 1.51 โดยจะมีละครใหม่ “คู่ซี้ผีมือปราบ” ได้สองนักแสดงใหญ่ “ติ๊ก เจษฎาภรณ์ และ ชาคริต แย้มนาม ออนแอร์ต่อ

ส่งผลให้เรตติ้งของเวิร์คพอยท์ที่เคยอยู่อันดับ 3 ในปี 2560 ต้องหล่นมาอยู่อันดับ 4 ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2561 โดยช่องโมโนเบียดขึ้นมาเป็นอันดับ 3

“บุพเพสันนิวาส” เอฟเฟกต์ กระทบ 2 รายการหลัก

ที่ผ่านมา รายการ I can see your voice หรือ นักร้องซ่อนแอบ และ The Mask Singer แม้ว่าจะมีเรตติ้งลดลงไป แต่ทั้งสองรายการยังคงเป็น “รายการหลัก” ให้กับช่องเวิร์คพอยท๋ สร้างเรตติ้งสม่ำเสมอในผังวันพุธ และพฤหัส ทุกสัปดาห์ สามารถสู้กับละครช่องของช่อง 3 และช่องวัน ซึ่งเป็นช่องที่มีฐานผู้ชมเป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกันอย่างคนกรุงเทพฯ และคนหัวเมืองหลักได้อย่างสูสีบ้าง

แต่เมื่อละครไทยเริ่มมาแรง ตั้งแต่ ”เรือนเบญจพิษ” ของช่องวัน ทำให้เรตติ้งทั้งสองรายการเริ่มได้รับผลกระทบ

อีกทั้งยังมาเจอ “บุพเพสันนิวาส” ฟีเวอร์ ที่ช่อง 3 จัดลงผังวันพุธและพฤหัส ทั้งสองรายการหลักของเวิร์คพอยท์ก็ต้องรับผลกระทบเข้าอย่างจังๆ

“บุพเพสันนิวาส” ออกอากาศตอนแรก ก็ชนะทั้งสองรายการ แต่เรตติ้งยังไม่ทิ้งห่างมากนัก ได้เรตติ้ง 3.417 และ 4.769 โดยที่ I can see your voice ได้เรตติ้ง 2.791 ในขณะที่ The Mask Singer 4 อยู่ที่ 3.186

พอมาสัปดาห์ต่อมาตอนที่ 3 และ 4 ของบุพเพสันนิวาส เริ่มกวาดเรตติ้งไปที่ 7.311 และ 8.197 ทำให้ทั้งสองราย การเรตติ้งลงลงอีก โดย I can see your voice ได้เรตติ้งอยู่ที่ 2.136 และ The Mask Singer 4 ได้ 1.888 เท่านั้น

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อ “บุพเพสันนิวาส” เรตติ้งถล่มทลาย 11.354 และ 12.645 I can see your voice เหลือเพียง 1.992 ในขณะที่ The Mask Singer 4 รูดลงหนักมาอยู่ที่ 1.609 เท่านั้น

สถานการณ์ในทุกวันพุธ และพฤหัสทุกสัปดาห์ ก็คงจะเป็นเช่นนี้ไปอีกระยะของกระแส “บุพเพสันนิวาส” จนกว่าจะจบลง และหวังว่าจะไม่มีละครชุดใหม่มาปังต่อเนื่องอีก จึงส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างหนักในช่วงนี้

น่าจับตามองว่าในวิกฤติเช่นนี้ เวิร์คพอยท์ที่ขึ้นชื่อว่า เป็นบริษัทที่มีครีเอทีฟสูง สร้างสรรค์คอนเทนต์ใหม่ๆ พร้อมปรับเปลี่ยนจัดรายการใหม่ลงผังได้อย่างรวดเร็ว จะใช้กลยุทธ์อะไรในการสร้างรายการใหม่ ฟื้นความนิยมกลับคืนมา เพื่อพร้อมที่จะสู้ชิงทั้งเรตติ้ง และสร้างกระแสขึ้นมาได้อีกครั้ง

เพราะบทเรียนการต่อสู้ในสังเวียนทีวีดิจิทัลที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่า ไม่มีใครชนะได้ตลอดกาล อยู่ที่ว่าใครมีคอนเทนต์ที่โดนใจผู้ชมได้มากที่สุด กระแสก็พร้อมเหวี่ยงกลับไปมาได้ตลอดเวลา.

]]>
1161504
เวิร์คพอยท์ เจอพิษ “ดรามา” ท่วมจอ ฉุดเรตติ้งร่วง https://positioningmag.com/1153169 Wed, 10 Jan 2018 23:15:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1153169 ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้วสำหรับเรตติ้งรวมของช่อง “เวิร์คพอยท์” ที่เคยแซงขึ้นมาอยู่อันดับ 3 มีบางเดือนถึงกับแซงช่อง 3 แต่กลับต้องหล่นมาอยู่อันดับ 4 ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม และลากยาวมาถึงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม 2561

หนำซ้ำ ราคาหุ้นของเวิร์คพอยท์ (ใน10 มกราคม 2561) ที่เคยพุ่งทยาน กลับหล่นจาก 82 บาท เหลือ 76.75 บาท หายไป 5.25 บาท หรือคิดเป็น 6.4% ทำเอานักลงทุน นักวิเคราะห์ “งงเด้” กันเป็นแถว

งานนี้ เวิร์คพอยท์ ออกอาการร้อนๆ หนาวๆ ไม่น้อยทีเดียว

แต่ต้องยอมรับว่าช่วง 1-2 ปีมานี้ เวิร์คพอยท์ทำผลงานได้เข้าตาคนดู โดยช่วง 3 ไตรมาสแรกปี 2560 ถือว่าช่วงที่เวิร์คพอยท์พีคสุดๆ จากการแซงขึ้นมาอยู่อันดับ 3 รองจาก 2 ช่องใหญ่รายเดิมอย่าง ช่อง 7 และช่อง 3 (ดูตาราง 25 อันดับเรตติ้งทีวีดิจิทัล ของเพจ TV Digital Watch) ไม่เท่านั้น เรตติ้งยังเข้าใกล้เบอร์ 2 โดยปี 60 มีเรตติ้งสูงถึง 1.001 หลังจากที่ปี 59 เรตติ้งรวมอยู่ที่ 0.837

เวิร์คพอยท์นั้นเอาดีมาจากรายการวาไรตี้เกมโชว์ล้วนๆ โดยเฉพาะรายการ The Mask Singer ซีซัน1 ออกอากาศในช่วงปลายปี 2559 ได้สร้างชื่อเสียง เรตติ้ง และความนิยมให้กับช่องเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนขยายมาเป็นซีซันที่ 2 และ 3 จนถึงทุกวันนี้

ด้วยความแปลกใหม่ ให้คนดูคอยลุ้น คอยติดตาม ทำให้เกมโชว์รายการนี้เคยทำเรตติ้งสูงสุดถึง 13.371 แซงหน้าละครหลังข่าวช่วงเวลาไพรม์ไทม์ ทั้งช่อง 7 และช่อง 3 ไปแบบขาดลอย (เรตติ้งรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 6.55)

ในขณะที่ซีซัน 2 ออกอากาศช่วงเดือนเมษายนถึงสิงหาคม ปี 60 เรตติ้งก็เริ่มลดลง แต่ก็ได้เฉลี่ยทั้งซีซันอยู่ที่ 7.311 และเคยได้สูงสุดอยู่ที่ 9.383

เวิร์คพอยท์เอง เมื่อเห็นว่ารายการแนวนี้ประสบความสำเร็จ ก็รีบส่งรายการวาไรตี้ประกวดร้องเพลงลงผังต่อเนื่อง เช่น I Can See Your Voice หรือนักร้องซ่อนแอบ และรายการที่ออกในช่วงกลางปีอย่าง We Kid Thailand หรือ เด็กร้องก้องโลก เมื่อนำมารายการตระกูล ”ไมค์” ที่มีแต่เดิม ตั้งแต่ ไมค์หมดหนี้, ไมค์ทองคำ, ซูเปอร์หม่ำ ก็ยิ่งช่วยเกื้อหนุนให้ภาพรวมทั้งหมดของช่องพุ่งทะยานสูง

เรตติ้ง เดือนมีนาคม 2560 ของเวิร์คพอยท์เคยไล่จี้ติดช่อง 3 ที่อยู่ในอันดับ 2 ด้วยเรตติ้ง 1.165 โดยช่อง 3 อยู่ที่ 1.359 ซึ่งเรตติ้งของเวิร์คพอยท์โตต่อเนื่องจนถึงเดือนกรกฎาคม จากนั้นก็เริ่มตกลงมาจนต่ำกว่า 1 ในช่วงครึ่งหลัง แต่ก็ยังประคองตัวอยู่ในอันดับ 3  ได้ตลอด และจะมีช่วงพิเศษในเดือนตุลาคม ที่ช่องวันแซงขึ้นมาในอันดับ 3 จากผลของโครงการ “ละครมาราธอน”

จนกระทั่งเดือนธันวาคม ในช่วง 3 สัปดาห์แรกของเดือนที่โดน “ช่องโมโน” อัดหนังต่างประเทศลงผังแซงขึ้นเป็นอันดับ 3 แต่เวิร์คพอยท์ก็มาตีตื้นช่วงสัปดาห์สุดท้าย มาชนะโมโน ขึ้นมารักษาอันดับ 3 เช่นเดิม ด้วยผลพวงจากตัวเลขเรตติ้งและกระแสความนิยมจาก 3 ไตรมาสแรกของปี

***“The X Factor Thailand “ มากับความคาดหวัง แต่ไม่ถึงฝัน

ถ้าดูจากรายการช่วงหลังที่ เวิร์คพอยท์เอามาลงผัง หลายรายการกลับไม่ “ปัง” อย่างที่คิด แถมยังโดนกระดรามาถล่มจนฉุดให้เรตติ้งวูบตาม

หนึ่งในรายการที่เวิร์คพอยท์ตั้งความหวังไว้มาก คือ The X Factor Thailand รายการเรียลลิตี้ประกวดร้องเพลงจากอังกฤษ ตามหาผู้มีความสามารถทางด้านเสียงดนตรี ของ ไซมอน โคเวลล์ เจ้าของคนเดียวกันที่สร้าง American Got Talent ที่เวิร์คพอยท์รับหน้าที่ผลิต Thailand Got Talent  ได้ประสบความสำเร็จไประดับหนึ่งไปแล้ว

The X Factor ถือเป็นรายการที่โด่งดังและประสบความสำเร็จมามากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก สร้างนักร้องระดับโลกอย่างวงบอยแบนด์อย่าง วันไดเรคชั่น ให้มีชื่อเสียงดังก้องโลกมาแล้ว  ทำให้เวิร์คพอยท์ยิ่งมั่นใจมากกับรายการนี้ จึงทุ่มไม่อั้นเพื่อต้องเปรี้ยงไม่แพ้ The Mask Singer จัดเต็มทั้งบรรดากรรมการชื่อดัง 4 คนชื่อดัง ตั้งแต่ ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค, เจนนิเฟอร์ คิ้ม, เบน-ชลาทิศ ตันติวุฒิ และ โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร และได้ กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์ เป็นพิธีกร โปรโมตรายการถี่ยิบ จัดผังวางไว้ทุกวันศุกร์ช่วงเวลาไพรม์ไทม์ หลังรายการ ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”

ภาพจาก : facebook.com/TheXFactorThailand

แต่เมื่อรายการออกอากาศครั้งแรกในวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ก็เกิด “ดรามา” ทันที เมื่อผู้เข้าประกวดที่ถูกพูดถึงมากที่สุด “ใหม่ พิมพ์ลักษณ์” เข้ารอบ 3 คนสุดท้ายนั้น เมื่อนักสืบพันทิป ตามค้นหาประวัติก็ ”โป๊ะแตก” พบว่า ใหม่ พิมพ์ลักษณ์ ที่ดูเป็นสาวขี้อายไม่กล้าแสดงออก แท้ที่จริงแล้ว คือ ครูสอนร้องเพลง ที่มีประสบการณ์ผ่านการเล่นละครเวทีมาแล้ว และเคยออกรายการ  I Can See Your Voice มาแล้ว

ภาพจาก : facebook.com/TheXFactorThailand

ส่วน ”น้องชบา” สาวน้อยเสียงดีชาวภูเก็ต ก็ผ่านการประกวดมาอย่างโชกโชน ตั้งแต่รายการ The Voice Kid ซีซัน 1 วนเวียนเข้าออกรายการของช่องเวิร์คพอยท์มาแล้ว เช่น รายการ I Can See Your Voice

เรตติ้งวันแรก เพียง 1.5 พร้อมกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์กระหึ่มโซเชียล ที่สำคัญเรตติ้งก็ยังไม่ขึ้น จนเวิร์คพอยท์ต้องขยับผังใหม่ย้ายไปออกอากาศวันจันทร์ แทนที่รายการ We Kid Thailand  การประกวดร้องเพลงเด็ก ที่ทำเรตติ้งในระดับ 2 กว่า และเอา We Kid Thailand ไปออกวันเสาร์แทน

การย้ายไปออกอากาศในวันจันทร์ ที่ไม่ต้องรอรายการของ คสช.เหมือนในวันศุกร์ ไม่ได้ทำให้เรตติ้งรายการดีขึ้นจากเดิมมากนัก จนจบไปอย่างเงียบๆ โดยเทปสุดท้ายรอบไฟนอลออกอากาศในวันที่18 ธันวาคม ด้วยเรตติ้ง 1.5 พร้อมกับกระแส รายการไม่ ”เรียล” เหมือน ”การแสดง” พรีเซนต์ดรามามากเกินไป ผู้เข้าประกวดหน้าซ้ำจนผู้ชมจำหน้าได้ ไม่เกิดความรู้สึกแปลกใหม่ น่าสนใจ น่าค้นหาอีกต่อไป แชมป์ได้มาแบบค้านสายตา ยังไม่รู้ว่าจะมี ซีซัน 2 ต่อไปหรือไม่

***ดรามา Let Me In Thailand ขายชีวิตเฟก เมกสตอรี

ส่วนรายการ Let Me In Thailand ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาจากเกาหลี ออกอากาศมาถึงซีซันที่ 3 ก็ต้องเจอกับกระแสดรามาถล่มอย่างหนัก

จุ๊บจิ๊บ-จิราภรณ์

เมื่อ “จุ๊บจิ๊บ-จิราภรณ์” สาวที่ได้คัดเลือกให้แปลงโฉมที่เกาหลีใต้ ได้ถูกชาวโซเชียลแฉว่า หน้าไม่ได้แย่ แถมยังเคยมีดีกรีดาวโรงเรียน หนำซ้ำชีวิตก็ไม่ได้ลำบาก อยู่คอนโดหรู ใช้เสื้ผ้าราคาแพง ตรงข้ามกับเรื่องราวในรายการแบบสุดขั้ว

ทำเอาเวิร์คพอยท์ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากชาวโซเชียลว่า เมกเรื่อง สร้างดรามาจนเกินจริง ไม่จริงใจกับคนดู ซึ่งเป็นมุกการตลาดเดิมๆ ที่เวิร์คพอยท์ทำมาจนชิน เพื่อเรียกเรตติ้ง แต่ครั้งนี้ กลับส่งผลกระทบให้เรตติ้งรายการ Let Me In Thailand ออกอากาศวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นเทปหลังจากมีดรามาของกรณีจุ๊บจิ๊บ ตกลงไปอยู่ที่ 1.764 จากที่สัปดาห์ก่อนยังได้ที่ 2.112

***The Mask Singer หน้ากากนักร้อง ไม่ปังเหมือนภาคแรก***

ส่วนรายการที่เคยสร้างชื่อให้กับเวิร์คพอยท์อย่างมาก อย่าง The Mask Singer ก็ลดความร้อนแรงลงต่อเนื่อง จนเรตติ้งของซีซัน 2 ถึงซีซัน 3 จะลดลงมาตลอด ท่ามกลางความรู้สึกของคนดูที่ไม่ตื่นเต้น หรือต้องลุ้นเหมือนกับภาคแรก

ภาพจาก : facebook.com/pg/TheMaskSingerTH

ยิ่งซีซันหลังๆ นักร้องนอกกระแส ที่คนคาดเดาได้ยาก หาได้ยากขึ้น จึงต้องเลือกนักร้องดังในกระแส ทำให้คนดูคาดเดาง่าย ความสนุกตื่นเต้นลดลง นอกจากนี้ การใช้นักร้องที่มีชื่อเสียงก็มีเรื่อง “คิว” งานเข้ามาเป็นข้อจำกัดเรื่องเวลาที่ให้กับรายการ จึงเริ่มมี ”ดรามา” แทบทุกครั้งเมื่อนักร้องเสียงดี ชื่อดังต้องแพ้โหวต ที่ไม่เคยมีการชี้แจงตัวเลข หรือสัดส่วนการโหวตในรายการ

คณะกรรมการและพิธีกร ที่ป็นอีกหนึ่งในแม่เหล็กในซีซันแรกๆ เมื่อใช้มุกเดิมๆ คนดูเริ่มเบื่อ จนต้องหามุกอื่น เช่น ขายความเซ็กซี่ หรือใช้อุปกรณ์ประกอบ กรรมการเริ่มหน้าซ้ำ เพราะวนเวียนอยู่ในหลายรายการในช่อง เริ่มไม่น่าค้นหาติดตามตื่นเต้นเท่ากับตอนแรกๆ ยิ่งทำให้ความนิยมค่อยๆ ลดลง จนบางเทปในซีซัน 3 ได้เรตติ้งต่ำกว่า 3 เป็นครั้งแรก เช่นในวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมาได้เรตติ้งไปเพียง 2.748

***ลุยรายการใหม่ เปิดรับผู้ผลิตนอก

เมื่อเรตติ้งคนดูเริ่มลดลง เปิดปีใหม่มา เวิร์คพอยท์จึงต้องเร่งอัดรายการใหม่ลงผัง แต่ยังคงเน้นรายการวาไรตี้ แนวประกวดร้องเพลงแบบเดิม อย่างรายการ DIVA Thailand เสียงเปลี่ยนสวย เป็นรายการร้องเพลงแต่ลูกผสมกับการทำศัลยกรรม ออกอากาศไปตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม ช่วงไพรม์ไทม์ของวันอังคาร

แต่รายการนี้ก็ยังถูกวิจารณ์จากคนดูเช่นเดิม ว่านำดรามาของผู้เข้าประกวดแข่งขันมาใช้ แทนที่จะเน้นการแข่งขัน “นึกว่าเป็นรายการไมค์หมดหนี้ หรือไมค์ทองคำ เพราะเน้นดรามาชีวิตของแต่ละคนมากกว่าการร้องเพลงเสียอีก”

นอกจากนี้ยังมีรายการใหม่ The Show ศึกชิงเวทีที่เริ่มโปรโมตแล้วว่าเป็นทีมผู้สร้างทีมเดียวกับ The Mask Singer เป็นการนำเซเลบซุปตาร์เมืองไทยมาโชว์แข่งขันกันเพื่อแย่งเวทีมาเป็นของทีมตัวเอง คาดว่าจะมาแทนรายการ Let Me In Thailand 3 ที่จะจบในเดือนกุมภาพันธ์

ช่วงวันหยุด เวิร์คพอยท์จัด Show Me Your Son หรือ ลูกแม่หล่อมาก รายการเลือกคู่โดยฝ่ายหญิงจะเลือกผู้ชายผ่านแม่ฝ่ายชาย ในทุกวันเสาร์เวลาไพรม์ไทม์ และ My Mom Cooks เชฟไม่ทิ้งแถว รายการที่เอาแม่ลูกดารา 2 ทีมมาแข่งทำอาหาร ออกอากาศทุกวันเสาร์ช่วงบ่าย

แต่ที่น่าสนใจคือ การกลับมาของ วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา นำรายการ “วู้ดดี้ เวิลด์” กลับมาออนแอร์บนจอทีวีอีกครั้ง ในช่วงดึกวันอาทิตย์ ควบคู่ไปกับการออกอากาศผ่านช่องทาง เฟซบุ๊ก ยูทูป และไลน์ แต่คราวนี้เป็นรูปแบบ ไทม์แชริ่ง ร่วมกับช่องเวิร์คพอยท์ ส่งสัญญาณว่าเวิร์คพอยท์ต้องเริ่มเปิดรับผู้ผลิตรายการภายนอกมากขึ้น นอกเหนือจากรายการที่ผลิตเองมาโดยตลอด

ยิ่งไปกว่านั้น ในผังรายการช่วงบ่ายของวันทำงาน เวิร์คพอยท์ต้องนำภาพยนตร์ต่างประเทศมาเสริมผังสร้างเรตติ้ง จากเดิมที่เป็นการรีรันรายการเกมโชว์วาไรตี้ของช่องเท่านั้น

แหล่งข่าววงการทีวีบอกว่า นอกจากช่วงเวลาไพรม์ไทม์ที่เป็นช่วงเวลาทำเงินมากที่สุดแล้ว ช่วงเย็น ค่ำ คืออีกเบรก ที่ทุกช่องต้องตรึงคนดูให้อยู่จนถึงเวลาไพรม์ไทม์ ทำให้ผังรายการของ 6 ช่องใหญ่ ตั้งแต่ช่อง 7, ช่อง 3 , เวิร์คพอยท์, โมโน, ช่อง 8 และช่องวัน ล้วนปรับผังรับมือการแข่งขันอย่างดุดเดือดมากขึ้น (อ่านข่าวเก่า พร้อมกราฟิก-ไพรม์ไทม์เย็น ค่ำ เดือด ช่อง 8 ช่องวัน อัดผังเปิดศึกชิงฐานคนดูช่อง 3)

การนำรายการภาพยนตร์ต่างประเทศมาลง เป็นการตอกย้ำโมเดลความสำเร็จที่เกิดมาแล้วกับช่องโมโน ที่ประสบความสำเร็จด้วยภาพยนตร์และซีรีส์ต่างประเทศล้วนๆ

น่าจับตาว่า การปรับผัง รับรูปแบบรายการใหม่ๆ ของเวิร์คพอยท์ครั้งนี้ จะช่วยดันเรตติ้ง ความนิยมของช่องกลับมาร้อนแรงได้อีกครั้งหรือไม่

สถานการณ์ของเวิร์คพอยท์ถือว่าท้าทายไม่น้อย เพราะดรามาที่เคยใช้ได้ผลอย่างในรายการประกวด ที่เค้นถามเรื่องราวชีวิต เพื่อเรียกน้ำตา ราวกับดูหนังชีวิต แม้จะเรียกกระแสความสนใจ และเรตติ้งจากคนได้ในช่วงแรก แต่ก็เริ่มจะไม่มีพลังเหมือนเดิม แถมถูกกระแสตีกลับ เมื่อคนดูเริ่มรู้ทันกับมุกเดิมๆ จนส่งผลให้เรตติ้งของรายการลดลงเรื่อยๆ

แต่เวิร์คพอยท์ก็มีจุดแข็งตรงที่เป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ได้เอง การปรับเปลี่ยนรายการ เปลี่ยนผังได้อย่างรวดเร็ว พร้อมรุก บุกตะลุย สร้างสรรค์รูปแบบรายการใหม่ๆ รับสถานการณ์ต่างๆ ได้ตลอดเวลา

ต้องรอดูว่า หมากเกมใหม่ของเวิร์คพอยท์ จะช่วยกู้สถานการณ์ให้กลับมาได้หรือไม่  ท่ามกลางสถานการณ์การช่วงชิงของทีวีดิจิทัลที่ยังดำเนินไปอย่างเข้มข้น.

]]>
1153169