เรตติ้งละคร – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 02 Jan 2019 08:23:10 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ศึกละครใหม่ VS ละครรีรัน มาราธอนส่งท้ายปี 61 แบบไหน ฟันเรตติ้งมากกว่ากัน https://positioningmag.com/1205615 Fri, 28 Dec 2018 04:27:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1205615 เข้าสู่ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ สำหรับปีนี้กลายเป็นปีแรกที่หลายๆช่องงัดกลยุทธ์ละครมาราธอนมาจัดใส่ในช่วงปลายปี เพื่อรับสถานการณ์รื่นเริง งบโฆษณาหด อีกทั้งยังได้ลดต้นทุนช่องได้อีกด้วย จัดมากันหมดตั้งแต่ช่อง 3, ช่อง 8 และช่องวัน ขาประจำ “มาราธอน”

ช่อง 3 เริ่มต้นแต่ไก่โห่ก่อนทุกช่อง แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำเอากลุ่มแฟนละครช่อง 3 มีอึ้งกับกลยุทธ์ละครรีรันกันพอสมควร โดยเริ่มตั้งแต่ 18 ธันวาคม ด้วยละคร “ลิขิตรัก The Crown Princess” วางไว้ในช่วงละครหลังข่าว และ “อังกอร์” ตั้งแต่ 20 ธันวาคมในช่วงละครเย็น

แม้ช่อง 3 ไม่ได้ชี้แจงถึงสาเหตุการวางละครรีรันในรูปแบบมาราธอนก่อนใคร แต่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์อธิบายว่า เป็นรูปแบบหนึ่งของการลดต้นทุนครั้งใหญ่ปลายปี ที่มีการคาดการณ์ว่า ผลประกอบการช่อง 3 ปีนี้ทั้งปี จะขาดทุนเป็นปีแรก

ในขณะที่ช่อง 7 ยังคงโชว์ความสตรอง ยืนหนึ่ง ด้วยการจัดละครใหม่ลงทุกช่วงเหมือนเดิม ได้ใจกลุ่มผู้ชมทีวียกใหญ่

สำหรับช่อง 8 นั้น เป็นครั้งแรกที่จัดละครมาราธอน ที่มาลงในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี โดยส่ง “สาปกระสือ” ละครไทยที่แรงที่สุดของช่องในปีนี้ มารีรันสร้างความต่อเนื่องละครไทยให้กับฐานผู้ชมช่อง ก่อนจะไปเริ่มใหม่ในต้นปีหน้า

ช่องวัน ช่องต้นตำรับ “มาราธอน” จัดละครรีรันมาราธอนถึง 4 เรื่อง แบ่งเป็น 1 เรื่องที่จบไปแล้ว “พรหมไม่ได้ลิขิต” และ 3 เรื่องที่กำลังออกอากาศ “สงครามนักปั้น, นางสาวไม่จำกัดนามสกุล และ หน้ากากแก้ว” ยิงยาวตั้งแต่ 25 ธันวาคม 2561 จนถึง 3 มกราคม 2562

เรตติ้งละครมาราธอนช่วงสัปดาห์แรกของช่อง 3 นั้น “ลิขิตรัก The Crown Princess” เปิดตัว 6 ตอนแรกเรตติ้งสวิงไปมาตามสถานะความแข็งแรงของคู่แข่งด้วย โดยได้เรตติ้ง 2.439, 2.531, 2.531 พอมาเจอละครบู๊สนั่น “จ้าวสมิง” ช่อง 7 ในช่วงปลายสัปดาห์ เรตติ้งเผ่นลงมาอยู่ที่ 1.825, 1.628 และ 1.709 และมารีบาวน์อีกครั้งในช่วงวันทำงาน 24- 26 ธันวาคม ด้วยเรตติ้ง 2.582, 2.820 และ 2.655 โดยยังรักษาพื้นที่ฐานที่มั่นในกรุงเทพฯ ไว้ได้ จากตัวเลขเรตติ้งในพื้นที่กรุงเทพฯ กลับคืนมาแข็งแรงเหมือนเดิม

แม้จะแพ้ช่อง 7 แทบไม่เห็นฝุ่น แต่ก็ยังมีเรตติ้งมากกว่าละครใหม่ของช่องวันในช่วงเดียวกันอย่าง “นางสาวไม่จำกัดนามสกุล”

สำหรับ “ลิขิตรัก” มีเรตติ้งเฉลี่ยทั้งเรื่อง 4.740 จากการออกอากาศครั้งแรก การนำมารีรันได้เรตติ้งเฉลี่ยเกินครึ่งของรอบแรก จึงยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และยังเป็นตัวเลขเรตติ้งระดับเดียวกับละครใหม่ที่ออกอากาศในเดือนธันวาคมนี้อีกด้วย

ในสัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ เมื่อทั้งช่องวันและช่อง 8 จัดละครรีรันลงยกแผง ละครใหม่ช่อง 7 โดยเฉพาะละครเย็น “พ่อตาปืนโต ตอนหลานข้าใครอย่าแตะ” จึงทำเรตติ้งทิ้งห่างทุกช่อง แต่ละครหลังข่าวช่อง 7 ที่กำลังออกอากาศอยู่ เรตติ้งไม่เสถียร มี “จ้าวสมิง” ที่โกยเรตติ้งเป็นกอบเป็นกำเป็นหลักเท่านั้น

“อังกอร์” ละครรีรันช่วงเย็นของช่อง 3 เป็นอีกเรื่องที่นับว่าแน่พอสมควร จากเรตติ้งเฉลี่ยในการออกอากาศครั้งแรกที่ 5.311 มาออกอากาศในช่วงละครเย็น ชนกับละคร “พ่อตาปืนโต ตอน หลานข้าใครอย่าแตะ” จากช่อง 7 ก็ยังสามารถทำเรตติ้งขึ้นมาเรื่อยๆ อยู่ที่ 2.514 , 2.452 , 2.903, 3.290 และ 3.611

สำหรับช่องวัน เลือกเรื่อง “พรหมไม่ได้ลิขิต” ที่เพิ่งจบลงไป มาเปิดตัวมาราธอน แม้ละครดังแต่เพิ่งจบลงไปไม่นาน เรตติ้งรีรันรอบนี้จึงยังไม่สูงมากนัก เปิดตัวด้วยเรตติ้งเฉลี่ย 1.442 , 1.519 และ 1.153

ส่วน “สงครามนักปั้น” ช่องวัน ที่กำลังออกอากาศอยู่ มาเริ่มรีรันตอนที่ออกอากาศไปแล้ว เรตติ้งอยู่ที่ 0.935, 0.777 และ 0.841

ในขณะที่ “สาปประสือ” ช่อง 8 เปิดตัวช่วงรีรัน ยาวต่อเนื่องจากช่วงเย็นและหลังข่าว ด้วยตอนแรก 0.713 และตอนที่ 2 ได้ 0.579

ช่วงเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี นอกเหนือจากละครไทยที่จัดมารีรันกันยาวๆ แล้ว คอนเทนต์ที่ออกอากาศในช่วงนี้ของช่องต่างๆ ยังมีรูปแบบรายการรวมมิตร รวมเรื่องตอนที่ได้รับความนิยม หรือจัดหนังทั้งไทยและต่างประเทศมาออนแอร์เป็นช่วงยาวๆ ตามงบและกลยุทธ์ของแต่ละสถานี ในช่วงเทศกาล ที่คาดว่าจะเป็นช่วงที่มีผู้ชมทีวีน้อยที่สุดช่วงหนึ่ง.

]]>
1205615
ศึกชิงเรตติ้งละครไทย ช่องวัน ช่อง 8 จัดหนัก ลุยสู้ช่องใหญ่ https://positioningmag.com/1200230 Wed, 28 Nov 2018 12:26:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1200230 การมาของ “ทีวีดิจิทัล” ไม่เพียงแต่ทำให้ ภูมิทัศน์สื่อทีวี ต้องเปลี่ยนแปลง คอนเท้นท์ “ละคร” ที่เคยถูกครองโดย ช่อง 7 และช่อง 3 มาตลอด กำลังถูกเขย่าบัลลังก์ จากช่องวัน และช่อง 8 ส่งละครมาชิงเรทติ้งอย่างคึกคัก 

ช่องวัน นอกจากมี “แต้มต่อ” มาจากการเป็น “ผู้ผลิตละคร” ป้อนให้กับช่องต่างๆ มาก่อนแล้ว  ยังถือหุ้นโดยกลุ่มจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่และ กลุ่มปราสาททองโอสถ ที่เข้ามาอัดฉีดเงินลงทุน  จึงทำให้ช่องวันสามารถจัดหนักเต็มที่

ในปีนี้ช่องวัน ขยายตลาดละครลง 2 ช่วงเวลา ช่วเย็น เปิดด้วยละคร “สุภาพบุรุษมงกุฎเพชร” และละครช่วงค่ำ ปลายสัปดาห์ ศุกร์-เสาร์ “เลือดข้นคนจาง” ที่สร้างกระแสตามติดทั้งในละคร และออนไลน์ เปิดช่วงละครใหม่ให้ช่องได้ผลชัดเจน

ส่วนช่อง 8 ของค่ายอาร์เอส หันมาสู้ในตลาดละครเย็น เพียงช่วงเดียว  เพื่อเสริมทัพแผงซีรี่ส์อินเดีย ที่แผ่วลง เปิดตัวด้วยเรื่อง “พยัคฆา” ส่งต่อมายัง “สาปกระสือ” และปัจจุบันเรื่อง “ซิ่นลายหงส์”

จากเรตติ้งละครไทย ในสัปดาห์นี้ 26-27 พ.ย. จะเห็นว่าทั้ง 2 ช่วงเวลานั้น ละครของช่องวัน และช่อง 8 เรตติ้งดีขึ้น ดีวันดีคืนอย่างเห็นได้ชัด

สำหรับช่วงเย็น แชมป์ยังไงก็ตกเป็นของละครเย็นช่อง 7 ที่จัดรสชาติแบบบ้านๆ เสริพฐานลูกค้าแมส ทำเรตติ้งสูงไปถึง 6.382 ในวันที่ 21 พ.ย. ทิ้งห่างคู่แข่งทุกช่อง แต่ในตอนจบของ สุภาพบุรุษมงกุฎเพชร” จากช่องวัน วันที่ 26 พ.ย. ก็ทำเรตติ้งเฉือนช่อง 3 “ตราบาปสีชมพู” ไปอย่างเฉียดฉิว

แม้ว่า “ซิ่นลายหงส์” ช่อง 8 ตามมาอยู่อันดับ 4 ของช่วงเวลา แต่ก็ได้เรตติ้งระดับเกิน 2 แล้ว เรตติ้งใกล้กับละครช่อง 3 และช่องวัน กลายเป็นรายการที่ทำเรตติ้งสูงสุดของช่อง 8 ประจำวัน

สำหรับละครเย็น ยังมีละครรีรันจากช่อง 3SD ช่อง 28 ที่จัดละครดังมาเรียกเรตติ้งได้เสมอ ปัจจุบันนำละครรีรัน “แรงปรารถนา มีณเดชน์ และคิมเบอร์รี่ นำแสดง มาเรียกเรตติ้งได้พอสมควร

ส่วนช่วงไพรม์ไทม์หลัง 2 ทุ่ม ช่องวันกลายเป็นช่องที่โดดเด่นที่สุดช่องหนึ่ง จากการวางละครลง 2 เรื่องในวันจันทร์-อังคาร เมื่อ “พรหมไม่ได้ลิขิต” ที่ได้คู่ บี้-สุกฤษฏิ์ และ เอสเธอร์ สุปรีลีลา ทำเรตติ้งพุ่งแรง แซงละคร “ชาติเสือพันธ์มังกร” ช่อง 3  ไปแล้ว ทั้ง 2 วัน 26-27 พ.ย.

โดยเฉพาะวันที่ 27 พ.ย. “ชาติเสือพันธ์มังกร” ยิ่งออนแอร์ เรตติ้งเริ่มลดลงเรื่อยๆ หล่นมาอยู่ต่ำกว่า 2 เป็นครั้งแรก โดยได้ไปเพียง 1.911

สถานการณ์ของละครช่อง 3 ตอนนี้ กำลังเหมือนกับช่อง 7 ที่เรตติ้งละครไพรม์ไทม์ไม่เข้าเป้า โดยช่อง 7 มีละคร “พ่อมดเจ้าเสน่ห์” ที่ทำเรตติ้งต่ำสุดของช่องต่ำกว่า 3 มาแล้วหลายครั้ง โดยล่าสุด วันที่ 22 พ.ย. ทำเรตติ้งได้เพียง 2.763 เท่านั้น  ส่วนช่อง 3 ก็มีละคร “รักพลิคล็อค” มีเรตติ้งต่ำสุดอยู่ที่ 1.566

รักพลิคล็อค

การที่ละครช่อง 7 ลงมาอยู่ในระดับ 2 กว่า และช่อง 3 ลงมาอยู่ในระดับ 1 กว่า ในขณะที่ละครช่องวัน และช่อง 8 สามารถทำเรตติ้งขึ้นได้ถึงระดับ 2 แสดงให้เห็นว่า ตลาดผู้ชมเริ่มเปิดมากขึ้นแล้ว ใครมีคอนเทนต์ดี ก็สามารถช่วงชิงเรตติ้งมาได้เสมอ และพร้อมจะแซงหน้า 2 ช่องใหญ่ได้เสมอ

สถานการณ์นี้อาจจะส่งผลต่อเนื่องไปยังปีหน้า ที่เหมือนจะบอกว่า คอนเทนต์ใครดี ก็คว้าชัยได้ ไม่ต้องอิงฐานผู้ชมเดิมอีกต่อไป เพราะผู้ชมพร้อมจะเสพคอนเทนต์ดี ใหม่ สนุก เร้าใจ เปลี่ยนช่องได้ตลอดเวลา

เวลานี้ ต้องคอยดูว่า ช่องใหญ่ทั้ง ช่อง 7 และ ช่อง 3 จะงัดกลยุทธ์ใดมาสู้กัน.

]]>
1200230
เปิดเรตติ้งละครรีรัน “เหมือนคนละฟากฟ้า” แมท ภีรนีย์” https://positioningmag.com/1196154 Wed, 07 Nov 2018 09:48:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1196154 ข่าวความสัมพันธ์ของแมท ภีรนีย์นางเอกช่อง 3 และสงกรานต์ เตชะณรงค์ทายาทกลุ่มโบนันซ่า เขาใหญ่ กำลังร้อนระอุที่สุดของช่วงนี้ โดยเฉพาะในโลกโซเชียลกระหน่ำคอมเมนต์ถล่มกันหนัก หลังจากที่สงกรานต์ออกมายอมรับว่า ต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ และกำลังเดินหน้าจีบแมท ทำเอานักสืบโซเชียลจับผิดว่า ทั้งสองแอบคบกันก่อนที่สงกรานต์จะหย่าขาดจากแอฟ ทักษอรอดีตภรรยา 

ช่วงที่ข่าวกำลังร้อน บังเอิญตรงกับช่วงที่ช่อง 3 จัดละครรีรันเหมือนคนละฟากฟ้า นำแสดงโดยแมท ภีรนีย์และแอนดริว เกร็กสันมาออกอากาศในช่วงบ่ายของวันทำงานพอดี โดยเริ่มออกอากาศไปตอนแรกเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยเป็นการออกอากาศต่อจากรักกันพัลวันที่ได้เรตติ้งตอนจบไปสูงถึง 2.935 

ออกอากาศวันแรก ด้วยแรงส่งมาจากรักกันพัลวันเรตติ้งเปิดตัวอยู่ที่ 1.496 สูงกว่าตอนที่รักกันพัลวันออกอากาศตอนแรกในวันที่ 1 ตุลาคม ด้วยเรตติ้ง 1.262 พอในตอนที่ 2 เรตติ้งค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นเป็น 1.706  

แต่ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ ตอนที่ 3 ที่ออกอากาศในวันที่ 31 ตุลาคม ตรงกับช่วงที่เกิดกระแสฮือฮาในโซเชียลขึ้นมาอีก หลังจากที่แมทไปคอมเมนต์แรงต่อคนที่มาต่อว่าเธอในไอจีมีเงินเสียค่าปรับไหมคะและถ้ามั่นใจในตัวเอง ว่าไม่ได้ทำผิด ทำไมต้องแคร์อะไรด้วยคะ เรตติ้งของตอนที่ 3 หล่นลงมาอยู่ที่ 1.479 

เปิดมาตอนที่ 4 และ 5 ในวันที่ 1-2 พฤศจิกายน เรตติ้งเริ่มกระเตื้องขึ้นมาอีก แต่เมื่อสงกรานต์” เปิดใจครั้งแรกในวันที่ 5 พฤศจิกายน ว่ากำลังเดินหน้าจีบแมท เรตติ้งตกลงมาอยู่ที่ 1.560 และตอนล่าสุดวันที่ 6 พฤศจิกายน เรตติ้งขึ้นมาเล็กน้อยอยู่ที่ 1.589 ก่อนที่แมทจะเปิดใจแถลงข่าวในวันที่ 7 พฤศจิกายน ยอมรับเปิดโอกาส ศึกษาดูใจสงกรานต์ หากอนาคตต้องเจ็บ ก็ขอน้ำตาเช็ดหัวเข่าด้วยตัวเอง

ในขณะที่ละครเหมือนคนละฟากฟ้าเป็นละครแนวโรแมนติกดราม่า เรื่องของผู้ชายที่ถูกเลี้ยงมาอย่างเก็บกด กดดัน และผู้หญิงน่ารัก สดใส โตมากับอีกสภาวะแวดล้อมหนึ่ง สองคนที่แตกต่างกันมีความรักกัน ที่ต้องฝ่าด่านอุปสรรคมากมาย 

เมื่อละครสะท้อนชีวิตคนในสังคม แถมถูกโยงเข้ากับดราม่าของนักแสดงของเรื่อง มาดูกันว่า กระแสข่าวของแมทสงกรานต์จะกระทบกับละครที่กำลังออกอากาศต่อไปหรือไม่อย่างไร.

]]>
1196154
ช่องวันจัดเต็ม Tie in ไม่ยั้ง ดึงพลังนุช ส่งท้าย “เมีย 2018” https://positioningmag.com/1185477 Wed, 29 Aug 2018 09:38:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1185477 จบลงไปแล้ว สำหรับ “เมีย 2018” ละครกระแสแรงที่สุดของช่องวันในปีนี้ ทำสถิติเรตติ้งละครสูงสุดของช่อง ในตอนจบได้สูงถึง 6.939 สำหรับเรตติ้งในกลุ่ม 15+ และตามสไตล์ช่องวัน ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อแห่งการ Tie in อาศัยช่วง 2 ตอนสุดท้ายของ “เมีย 2018” จัดเต็มทั้ง 2 ตอน

เรตติ้งเฉลี่ยทั้งเรื่องอยู่ที่ 3.332 เป็นกลุ่มผู้หญิง 4.282, ผู้ชาย 2.319 ในกลุ่มคนดูพื้นที่กรุงเทพฯ 3.873 และต่างจังหวัด 3.238

เรียกได้ว่า เป็นช่องที่สามารถสร้างความโดดเด่นในเรื่องละครได้ไม่แพ้ช่อง 3 และช่อง 7 ไปแล้ว แถมยังเอาชนะได้ในบางวัน

พอถึงตอนอวสาน ช่องวันก็เลยจัดเต็ม ทั้งก่อนจบวันที่ 27 ส.ค. มีทั้ง Tie in ละครเพลง “แฟนจ๋า” The Musical มีโผล่มาให้คนดูละครได้ชมเป็นน้ำจิ้ม กระตุ้นความอยากดูละครเวที และนำนักแสดงหน้าใหม่ “เพลงขวัญ-นัตยา ทองเสน” ใน “วิมานจอเงิน” มาช่วยโปรโมต แบบละครซ้อนละคร เพื่อให้ผู้ชมได้รู้จักหน้าตามากขึ้น

พอมาตอนจบวันที่ 28 ส.ค. ระหว่างที่ผู้ชมรอลุ้นว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร อรุณาจะเลือกใคร ระหว่างธาดา หรือ บอสวศิน ตามคำร้องของผู้ชมที่แชร์กันกระหน่ำก่อนถ่ายฉากจบว่า หากอรุณาไม่ลงเอยกับบอสวศินแล้ว ทั้งบ้านผู้กำกับ, คนเขียนบท และตึกแกรมมี่มีเดือดร้อนแน่ ในฉากสุดท้ายที่ทุกคนรอคอย กลายเป็นฉาก รักใสใส ไปแทนที่ ด้วยภาพของบอสวศินประทับรอยจูบดูดดื่มกับอรุณา พร้อมเพลงประกอบ “First Lady“ ของเป๊ก ผลิตโชคขึ้นมาจนจบ

แน่นอนว่า การใส่เพลงของ “เป๊ก ผลิตโชค” เข้ามาในฉากจบ ทำให้บรรดา “นุช” แฟนคลับของเป๊กช่วยกันแชร์กันสนั่น แม้จะมีกระแสเสียงไม่พอใจจากบรรดานุชบ้าง ที่ช่องวัน Tie in สินค้าในเครือไม่ยั้ง แต่ส่วนใหญ่ก็บอกกันว่า จะว่าก็ทำได้ไม่เต็มปาก เพราะติดเพลง “เฮียเป๊ก” ไปด้วย ถือว่าช่วยๆ กันไป (ฮา)

ฉากจบจึงกลายเป็น “เมีย 702 ปะทะ เมีย 2018” “เมีย 702” คือ กลุ่มแฟนคลับเป๊ก ที่มีรหัส 702 มาจาก คำบอกรักแม่ ของเป๊ก ในวัยเด็ก Switch down 02 = ดาวน์เซเว่นโอทู กลายมาเป็นกิมมิกคำว่า ดาว 702 ในหมู่นุช ที่เป็นคำบอกรักประจำด้อม ของเป๊กกะนุช

สำหรับเรตติ้งเฉพาะตอนจบ เรตติ้งเฉลี่ยในกลุ่มผู้หญิง 15+ ถึง 8.848 และกลุ่มผู้ชาย 15+ อยู่ที่ 4.905 กรุงเทพฯ 7.822 และต่างจังหวัด 6.772 สูงสุดที่ในทุกตอนที่ออกอากาศตั้งแต่ 28 พฤษภาคม – 28 สิงหาคม 2561

กระแสในโซเชียลกับ เมีย 2018 ตอนจบมีทั้งฟิน ที่อรุณาลงเอยกับบอสวศิน และกระแสบ่นช่องวันที่จัด Tie in จนบทยืดเยื้อ คนละแนวกับที่เดินเรื่องมาโดยตลอด เหมือนถ่ายไปลงโฆษณาไป (ฮา) แถมเพจดังอย่าง อีเจี๊ยบ เลียบด่วน ก็จัดวิจารณ์ให้เต็มที่ ฟังเพลงในตอนจบหลายเพลง ก็ไม่จบเสียที บทย้วยใน 2 ตอนสุดท้าย “อยากจะเอาใจคนดูก็เอา อยากได้กำไรทางธุรกิจก็จะเอา มันเลยประดักประเดิด กลายเป็นกร่อยไปเลย” 

แต่บิ๊กบอส “บอย ถกลเกียรติ” ก็ไม่ยอมพลาดกับกระแสในเพจ จับกระแสเข้าไปเสนอให้ส่วนลด 10% สำหรับการจองตั๋ว แฟนจ๋า เดอะมิวสิคคัล สำหรับลูกเพจของอีเจี๊ยบทุกคนทันที เรียกได้ว่าเช็กกระแสออนไลน์ด้วยตัวเอง และเสนอสิทธิพิเศษโปรโมตสินค้าในเครืออย่างต่อเนื่อง

กระแส “เมีย 2018” ทำให้ละครช่องวันโดดเด่นขึ้นมาเหนือช่อง 3 ในฐานะที่เป็นคู่แข่งกันโดยตรง โดยเฉพาะฐานผู้ชมในพื้นที่กรุงเทพฯ และหัวเมือง ที่เป็นพื้นที่ของช่อง 3 มานาน แต่เมีย 2018 ตีแตกพื้นที่นี้ เข้ามาเป็นแชมป์ในพื้นที่กรุงเทพฯ แทนที่ละครหลังข่าว 2 ทุ่มของช่อง 3 ในล็อตนี้ “ดวงใจในไฟหนาว” จนเรตติ้งลดลงต่ำกว่า 2 ไปหลายตอนแล้ว

ละครเรื่องเดียวยังช่วยดึงเรตติ้งละคร “วิมานจอเงิน” ช่องวัน ที่ออกอากาศก่อนหน้า เมีย 2018 ให้มีเรตติ้งสูงขึ้นมาด้วย แต่วันที่ไม่มี เมีย 2018 ออกอากาศเรตติ้งก็จะลดลงมา ทำให้เรตติ้งเฉลี่ยช่องวัน ขึ้นไปอยู่อันดับ 5

เหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นกับละคร “บุพเพสันนิวาส” ของช่อง 3 ที่ระหว่างออกอากาศสามารถดึงเรตติ้งของทั้งช่องขึ้นมา จนทำให้แซงหน้าเป็นแชมป์เรตติ้งเหนือช่อง 7 ได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม เรตติ้งและความนิยมของละครแต่ละเรื่อง ไม่สามารถส่งต่อไปยังเรื่องที่ออกอากาศต่อเนื่องได้ ขึ้นอยู่กับการวางละครเรื่องต่อไป รองรับความต่อเนื่องจากกระแสได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งช่องวันได้จัด “บาปรัก” ละครที่เป็นอีกหนึ่งความหวังของช่องวัน มี “กบ สุวนันท์” ข้ามมาจากช่อง 7 มาลงช่องวันเป็นครั้งแรก กับบทแรงที่สุด ในฐานะ “เมียที่นอกใจ กับชายชู้ที่เป็นผู้ชายขายตัว”

ละครช่องวัน จะอยู่ในกระแสขาชึ้นต่อเนื่อง หรือละครช่อง 3 จะกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์เรตติ้งในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้อีกครั้งหรือไม่ น่าติดตาม.

]]>
1185477
ช่องวันใช้กลยุทธ์ “มาราธอน” ยิงยาว ละคร วาไรตี้ วันหยุดได้ผล สร้างฐานคนดู ดึงเรตติ้งเพิ่ม https://positioningmag.com/1181050 Wed, 01 Aug 2018 05:00:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1181050 วันหยุดยาว ถือเป็นช่วงท้าทายของคนทำทีวี เพราะคนส่วนใหญ่จะเดินทางท่องเที่ยว จำนวนคนดูทีวีมักจะลดลง แทนที่จะทำเหมือนกับหลายช่องมักออนแอร์ด้วยรายการพิเศษ แต่ช่องวันกลับใช้กลยุทธ์ “มาราธอน” ออนแอร์ ด้วยรายการที่เคยออกอากาศไปแล้วมาลงผังยาวทั้งวัน จากที่เคยเริ่มจากละครมาราธอน ขยายเป็นรายการวาไรตี้มาราธอน

มาราธอน นำมาใช้เพื่อให้คนดูได้ใช้เวลาทั้งวันดูกันต่อเนื่อง เหมือนกับเปิดดูซีรีส์เกาหลี ซีรีส์ต่างประเทศทางออนไลน์ เป็นการตอบโจทย์เป็นพฤติกรรมที่คนส่วนใหญ่มักใช้เวลาช่วงวันหยุดเพื่อเปิดดูรายการที่เป็นที่นิยมแบบต่อเนื่องรวดเดียวจบ

ในเกาหลีสถานีทีวีช่องใหญ่อย่าง KBS ใช้กลยุทธ์ละครมาราธอนกับซีรีส์เรื่องดัง “Descendants of the Sun” ซีรีส์ชุดที่เป็นที่มาของความรักของ ชงจุงกิ และซองเฮเคียว จนแต่งงานกันไปเมื่อปีที่แล้ว เป็นซีรีส์เกี่ยวกับอาชีพทหาร ที่โด่งดังมากในปี 2559  ด้วยการจัดลงช่วงมาราธอนในวันเลือกตั้งใหญ่ของประเทศวันที่ 13 เม.ย. 2559 เพื่อออนแอร์ย้อนหลังตอนที่ 12-14 ที่ออกอากาศไปแล้ว และต่อด้วยตอนใหม่ตอนที่ 15 ซึ่งเป็นตอนก่อนสุดท้าย ส่งผลให้ซีรีส์ชุดนี้กลายเป็น talk of the town ในเกาหลี มีเรตติ้งทั่วประเทศในตอนที่ 9 สูงถึง 30 สรุปทั้งเรื่องได้เรตติ้งคนดูสูงถึง 38.8 จากทั่วประเทศ

เมื่อมีสูตรสำเร็จมาแล้ว ช่องวันจึงใช้วิธีการแบบเดียวกัน ด้วยการส่งละครดัง “เมีย 2018” กระแสมาแรงที่สุดในตอนนี้ ลงช่วงมาราธอนทันทีในวันที่ 27-29 กรกฏาคม ออกอากาศในช่วงเวลาหลังข่าว 2 ทุ่มไปจนถึงตีสอง เรียกคนดูในช่วงวันหยุดได้ยาวๆ เรตติ้งระดับ 1 กว่าทุกวัน

ในขณะที่ ละครพีเรียดสยองขวัญ “บางกอกนฤมิต” ออกอากาศในช่วงเช้าถึงเย็นของวันที่ 29-30 กรกฎาคม ได้เรตติ้งเฉลี่ยในระดับ 0.8 และรายการวาไรตี้ “World of dance” เต้นบันลือโลก ออกอากาศ ในวันที่ 28 ก.ค. ได้เรตติ้งไป 0.562 

งานนี้ได้ผลทั้งในแง่สร้างฐานคนดูกลุ่มใหม่ๆ และเรตติ้งเพิ่มทันตา เพราะการออกอากาศตอนล่าสุดของทั้ง เมีย 2018 และบางกอกนฤมิต ในวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา เมีย 2018 ตอนที่ 19 ได้เรตติ้งสูงถึง 4.150 สูงที่สุดตั้งแต่ออกอากาศมา แถมได้เรตติ้งเพิ่มจากพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เป็นฐานผู้ชมของช่อง 3 มาได้เพิ่มด้วย แม้จะยังไม่ชนะ “เกมเสน่หา” จากช่อง 3 แต่ก็รุกคืบตลาดคนดูในกรุงเทพฯ ได้มากขึ้น จากเรตติ้งเฉลี่ยในกรุงเทพฯ อยู่ที่ 4.335 ในขณะที่เกมเสน่หาได้เฉลี่ยอยู่ที่ 3.807 และในพื้นที่กรุงเทพฯ อยู่ที่ 4.788

ในขณะที่บางกอกนฤมิต ก็ได้รับผลพวงจากช่วงมาราธอน และความแรงของเมีย 2018 ทำให้เรตติ้งวันที่ 30 กรกฎาคม ขึ้นมาอยู่ที่ 2.656 สูงที่สุดตั้งแต่ออกอากาศมาเช่นกัน

สำหรับรายการวาไรตี้ ช่องวันเริ่มนำมาชิมลางสร้างความนิยมรายการให้ผู้ชมมากขึ้น ในช่วงมาราธอนในวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมาในเวลากลางวัน ด้วยรายการ World of dance หรือ เต้นบันลือโลก เป็นรายการคัดเลือกหานักเต้นผู้ชนะในแข่งในระดับโลก ลิขสิทธิ์จากอเมริกา มีเรตติ้งเฉลี่ยทุกช่วงทั้งวันอยู่ที่ 0.562 ในขณะที่ช่วงเวลาปกติออกอากาศในช่วงเย็นวันอาทิตย์ เรตติ้งล่าสุดวันที่ 22 กรกฎาคมอยู่ที่ 0.720

นอกจากนี้ผลของการจัดช่วงมาราธอนตลอดวันหยุดยาว 4 วันที่ผ่านมา และความร้อนแรงของ “เมีย 2018” ทำให้เรตติ้งเฉลี่ยของช่องวันประจำสัปดาห์ระหว่างวันที่ 23-29 กรกฎาคม ขึ้นมาอยู่ที่ 0.611 จากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ช่องวันมีเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 0.522 ยังรักษาอันดับ 5 ไว้ได้

เมื่อกลยุทธ์ออกอากาศแบบมาราธอนได้รับการตอบรับอย่างดี ความนิยมมา เรตติ้งปัง ต่อไปนี้ทุกเทศกาลวันหยุด น่าจะเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาทองของช่องวัน ที่สามารถพลิกฟื้นความนิยมและเรตติ้ง ตรึงผู้ชมอยู่หน้าจอได้อยู่หมัด.

]]>
1181050
ผ่าปม ช่อง 3 เรตติ้งดี แต่รายได้ไม่เข้าเป้า ขาดทุน 126 ล้าน Q1 ตั้ง “สมประสงค์” กลับมาคุมหารายได้ https://positioningmag.com/1169806 Sun, 13 May 2018 05:47:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1169806 ละครบุพเพสันนิวาสสร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการทีวีดิจิทัล เป็นละครที่สร้างกระแสทั้งบนโลกออนไลน์ และเรตติ้งสูงสุดในยุคทีวีดิจิทัล กลายเป็นละครแห่งชาติที่ดังไปทั่วประเทศ ที่ดูเหมือนจะทำให้สถานการณ์ของบีอีซี เวิลด์ หรือกลุ่มช่อง 3 ในปี 2560 ซึ่งมีผลประกอบการที่ตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มีกำไรจากผลประกอบการเพียง 61 ล้านบาท น่าจะพลิกฟื้นกลับคืนมาได้ 

แต่หลังจากกลุ่มช่อง 3 แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1 กลับพบว่า ผลประกอบการยังขาดทุนอยู่ถึง 126 ล้านบาท มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,420 ล้านบาท

จึงเกิดคำถามว่า อิทธิฤทธิ์ของออเจ้าไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ช่อง 3 พลิกฟื้นขึ้นมาเลยหรือ

รายได้จากโฆษณา เป็นรายได้หลักของช่อง 3 มาโดยตลอด โครงสร้างรายได้ของบริษัทในไตรมาส 1 จะพบว่า 91.8% มาจากค่าจากโฆษณา7.2% มาจากรายได้ค่าลิขสิทธิ์และบริการอื่น รายได้ส่วนนี้อยู่ที่ 173.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.6% จากไตรมาส 4/60 และ 9.5% จากไตรมาส 1/60 โดยได้แรงส่งจากกระแสของละครบุพเพสันนิวาสผ่านแพลตฟอร์ม เมลโล และพันธมิตรรายอื่นๆ  

ช่อง 3 เปิดตัวแอปเมลโล วันที่ 29 มีนาคม เป็นช่วงจังหวะที่ละครบุพเพสันนิวาสกำลังพุ่งแรงพอดี และดูรีรันละครได้หลังละครจบ ทำให้มียอดคนดาวน์โหลดแอปเวลานี้ 490,000 ดาวน์โหลด ส่วนแอป Ch3Thailand มียอดผู้คนดาวน์โหลด 2.9 ล้านราย

ความจริงแล้ว ไตรมาส 1 ของปี 2561 นี้ ไม่ได้เป็นไตรมาสแรกที่กลุ่มช่อง 3 ขาดทุน เพราะได้เริ่มขาดทุนเป็นครั้งแรก มาตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว โดยขาดทุนอยู่ที่ 335.5 ล้านบาท ทำให้รวมทั้งปีบริษัทจึงมีกำไรเหลืออยู่เพียง 61 ล้านบาท 

สาเหตุหลักมาจากรายได้จากโฆษณาลดลงต่อเนื่อง ทั้งสภาวะเศรษฐกิจ เม็ดเงินโฆษณาลดลง บวกกับการแข่งขันทีวีดิจิทัลที่มีถึง 22 ช่อง 

ถ้ามองในแง่รายได้ไตรมาสนี้ถือว่าเพิ่มสูงขึ้น 17.5% ถ้าเทียบกับไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ส่งผลให้ขาดทุนลดลง 209.5 ล้านบาท หรือ 62.4% แต่ถ้าไปเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว รายได้ลดลง 563.4 ล้านบาท หรือ 18.9% ทำให้พลิกจากกำไร 249 ล้านบาท มาเป็นขาดทุน 126 ล้านบาท ซึ่งนับว่าสาหัสสากรรจ์สำหรับช่อง 3 ทีเดียว

ช่อง 3 ได้ชี้แจงว่า การที่รายได้ลดลงนี้ เป็นผลมาจากรายงานตัวเลขเม็ดเงินโฆษณาทีวี ได้ลดลงต่อเนื่องจากตั้งแต่เดือนธันวาคม 60 และค่อยๆ เพิ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคม 61 แต่ถือว่าลดลงทุกเดือนเมื่อเทียบกับแต่ละเดือนในปีที่แล้ว โดยเป็นผลมาจากรายได้ของประชาชนลดลง จากการว่างงาน ส่งผลให้กำลังซื้ออ่อนแอ และยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนนัก 

นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายรวมของกลุ่ม BEC ไตรมาสแรกปี 61 อยู่ที่ 2,110.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4% จาก Q4/60 แต่ลดลง 4.3% จาก Q1/60 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากต้นทุนรายการที่เพิ่มขึ้น โดยประมาณ 64%

ต้นทุนรายการที่เพิ่มขึ้นนี้ เนื่องจากช่อง 3 ได้ใบอนุญาตทีวีดิจิทัลมาถึง 3 ช่อง แม้ว่าจะมีการนำรายการมาออนแอรซ้ำก็ตาม แต่ก็ยังมีรายการที่ผลิตใหม่ และก็ยังมีทั้งค่าใบอนุญาต ค่า MUX ที่ต้องชำระต่อเนื่อง

ทีมขายมือใหม่ เรตติ้งดี แต่รายได้เข้าไม่เต็ม

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ปัญหาหลักของกลุ่มช่อง 3 ตอนนี้คือ ด้านการขาย เนื่องจากเป็นทีมใหม่ แม้บางช่วงจะขายเต็ม แต่รายได้จากเรตที่ตั้งไว้แต่ละช่วง ไม่ได้เข้ามาเต็มเม็ดเต็มหน่วย บางช่วงเวลาเป็นเวลาแถมฟรี ไม่เคยมีรายได้ บางช่วงมีการลดแลกแจกแถมสารพัด

ก่อนหน้านี้ปัญหาของช่องที่โดนวิจารณ์มากคือ เรื่องคอนเทนต์ โดยเฉพาะละคร ที่ไม่โดนใจตลาด เรตติ้งไม่ดี รายได้จึงไม่มา แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ คอนเทนต์ดีขึ้น เรตติ้งฟื้นมาได้ แต่ขายไม่ได้ ซึ่งกลายเป็นปัญหาหลักที่กลุ่มช่อง 3 ต้องแก้ปัญหาโดยด่วน ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องเจอกับสภาพขาดทุนไปอีกหลายไตรมาส” 

ตั้ง 2 ทีมกระตุ้นรายได้และลดค่าใช้จ่าย ดึงสมประสงค์กลับมาคุมหารายได้

เมื่อเร็วๆ นี้ ช่อง 3 ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 ชุดคือ คณะกรรมการการตลาดและกระตุ้นการขาย และคณะกรรมการลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย 

โดยได้มีการตั้งให้ สมประสงค์ บุญยะชัย กรรมการบริษัท มาเป็นประธานคณะทำงานการตลาดและกระตุ้นการขาย ชุดนี้ โดยมีหน้าที่กำหนดกลยุทธ์การขาย มุ่งหาลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ไม่ใช่เอเจนซี่อย่างเดียว และมุ่งหารายได้ในรูปแบบอื่นๆ 

ทั้งนี้ สมประสงค์ เคยเป็นประธานกรรมการบริหารบริษัท แต่ได้ลาออกไปในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ท่ามกลางปัญหารายได้และผลประกอบการบริษัทตกต่ำ โดยยังคงตำแหน่งบอร์ดบริษัทอยู่ 

สายประวิทย์ มาลีนนท์ไม่เหลือใย แม้เก้าอี้ในบอร์ด

ในวันเดียวกันนี้ บีอีซี เวิลด์ ยังได้แจ้งว่า วรวรรธน์ มาลีนนท์ ลูกชายนายประวิทย์ มาลีนนท์ ได้แจ้งลาออกจากการเป็นบอร์ดบริษัท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้ วรวรรธน์ หรือ อ๋อง เป็นตัวแทนของสายนายประวิทย์ ที่เป็นบอร์ดบริษัทมาเป็นเวลานาน แต่ได้ขายหุ้นที่ถือทั้งหมด 1.47% ออกไปเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และในเดือนมีนาคม ลูกสาวและลูกชายในสายนายประวิทย์ ทั้ง อรอุมา, วัลลิภา และชฎิล ที่เคยถือหุ้นคนละ 1.47% ก็ได้ขายหุ้นที่ถือทั้งหมดในบริษัทออกมาจนหมด

ปัจจุบัน ตระกูลมาลีนนท์ผู้ก่อตั้งช่อง 3 ได้ถือหุ้นในบริษัทผ่าน 7 พี่น้องในครอบครัว ตั้งแต่สายนายประสาร, ประชา, ประชุมรัชนี, รัตนา, นิภา และอัมพร รวม 40.25%.

]]>
1169806
เล็บครุฑ ปะทะ หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ช่อง 7 เฉือนคม ช่อง 3 ชิงเรตติ้งละครหลังข่าว https://positioningmag.com/1167675 Sat, 28 Apr 2018 05:00:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1167675 ความร้อนแรงจากละคร “บุพเพสันนิวาส” ที่เพิ่งจบลงไปพร้อมตอนพิเศษเมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ช่อง 3 ต้องรีบนำมา “รีรัน” ลงละครเย็นต่อในเดือนพฤษภาคมนี้อีกรอบ เพื่อหวังว่ากระแสที่มาเต็มของออเจ้าจะช่วยส่งต่อเนื่องมาจากละครชุดใหม่ของช่อง 3 ในขณะที่ช่อง 7 คู่แข่งหลักของช่อง 3 ก็เตรียมพร้อมจัดหนักจัดเต็มสู้ศึกรอบใหม่ครั้งนี้อย่างเต็มที่

เนื่องจากชุดละครหลังข่าว เป็นช่วงเวลาหลัก ที่มีผู้ชมทีวีสูงสุดของวัน ที่สร้างเรตติ้งและรายได้หลักของทั้งสองช่อง ทำให้ต่างวางกลยุทธ์สู้กันหนัก เพราะหากใครชนะในช่วงเวลานี้ มีลุ้นหนุนส่งเรตติ้งทั้งช่องพาขึ้นอันดับ 1 ได้ทันที อย่างที่ “บุพเพสันนิวาส” เคยดันทั้งช่องขึ้นเรตติ้งอันดับ 1 ในเดือนมีนาคมมาแล้ว

ในความเป็นจริง เมื่อละครเรื่องหนึ่งจบ มีละครเรื่องใหม่เข้ามาแทนที่ เรตติ้งของละครเรื่องหนึ่ง กับละครอีกเรื่องหนึ่งจึงไม่สามารถการันตี หรือส่งต่อให้กันได้ เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับ “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” ละครใหม่ที่มาออกอากาศต่อจาก “บุพเพสันนิวาส” 

“หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” ละครพีเรียดอิงประวัติศาสตร์ สมัยอยุธยาตอนปลาย ต่อเนื่องมาจากกรุงธนบุรี จากค่ายทีวีซีน ที่ต้องรับศึกหนักจากความคาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จต่อจาก “บุพเพสันนิวาส” เปิดตัวตอนแรกวันที่ 25 เมษายน เรตติ้งอยู่ที่ 4.762 ถึงแม้ว่าจะไม่สูงมาก แต่ก็นับว่าเป็นการเปิดตัวเรตติ้งละครใหม่ได้ดีของช่อง 3 เนื่องจากเป็นละครที่มีตัวละครที่เกี่ยวข้องเยอะมาก จึงเน้นไปในแนวทางปูเรื่อง

พอมาตอนที่ 2 วันที่ 26 เมษายน “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” ที่ไฮไลต์ไปที่ชีวิตของ “ขันที” ความมีจริต อารมณ์ และสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับการตรวจความเป็นชาย เรตติ้งลดลงมาอยู่ที่ 3.916

แต่ปัจจัยแวดล้อมและการแข่งขันของแต่ละช่วงเวลา ก็มีส่วนสำคัญกระทบต่อเรตติ้งของละครแต่ละเรื่องด้วยเช่นกัน เป็นส่วนหนึ่งของการวางกลยุทธ์ จัดวางผัง ลงช่วงเวลาของแต่ละช่อง ที่จะต้องวิเคราะห์ว่าจะเปิดแนวรุก หรือแนวรับที่จุดไหน

กรณีของ “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” เป็นละครที่ได้รับการจับตาจากคู่แข่งมาก เพราะเป็นละครแนวพีเรียดต่อเนื่องจาก “บุพเพสันนิวาส” ทำให้ช่อง 7 จัดของแข็งที่สุดที่อยู่ในมือมาประกบ

ช่อง 7 จัดกลยุทธ์เด็ดรับ “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว”  

ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย ละครที่เป็นหน้าตาของช่อง 7 คือละครบู๊ ถูกใจฐานผู้ชมช่องในระดับแมสได้เสมอ คราวนี้ช่อง 7 จึงจัด เล็บครุฑ ละครบู๊ฟอร์มใหญ่ของช่องเรื่องหนึ่งในปีนี้ มีดาราระดับพระเอกของช่อง 2 คน “ซี ศิวัฒน์ และ เอส กันตพงศ์“ มาสู้กันดุเดือดตั้งแต่ตอนแรก มาลงผังชน “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” เต็มๆ

โดย ช่อง 7 รีบตัดจบละครที่กำลังออกอากาศ “ชาติลำชี” แบบรวบรัดชนิดคนดูงงกับบทสรุปในวันสุดท้าย วันที่ 25 เมษายน เพื่อรับน้องใหม่ “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” ที่ลงจอวันแรก และก็ได้ผลดีตามเป้าหมาย เมื่อละครตอนจบ มักจะได้เรตติ้งชนะละครตอนแรกเสมอ ทำให้เรตติ้ง “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” เปิดตัวไม่สูงดังคาดหวัง ที่ 4.762

แถมตอนต่อมาตอนที่ 2 ก็จัดละครบู๊ “เล็บครุฑ” รับลูกต่อ ทำให้ “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” ที่ออกตัวตอนแรกยังไม่แรงพอ เจอกับละครใหม่สายแข็งเข้าไป เรตติ้งลดลงฮวบทันทีอยู่ที่ 3.916 “เล็บครุฑ” เปิดตัวตอนแรกไปได้สวยที่เรตติ้ง 5.534

ผลลัพธ์ที่ออกมาใน 2 ตอนแรก จึงดูเหมือนว่าเป็นชัยชนะของช่อง 7

ละครวันจันทร์ – อังคาร ฟอร์มยักษ์เจอความสดใหม่ 

ละครชุดต่อมาชุดวันจันทร์ อังคาร ช่อง 3 ปูนำมาตั้งแต่ “เงินปากผี” ละครผีเข้ามาเสียบในผังแทนที่ “บ่วงรักซานตาน” ที่วางไว้ตั้งแต่ตอนแรก เริ่มสร้างเรตติ้งให้ช่วงละครต้นสัปดาห์วันทำงานได้ดี จนส่งต่อมายัง “คมแฝก” ละครบู๊ ที่กำลังออกอากาศอยู่ในขณะนี้ แถม “คมแฝก” ยังเป็นละครที่เปิดตัวได้เรตติ้งสูงสุดของช่อง 3 ในปีนี้ โดยเปิดตัวตอนแรกวันที่ 26 มีนาคม ได้เรตติ้งที่ 5.831 แต่นั่นก็เป็นเรตติ้งสูงสุดของคมแฝกตั้งแต่ออกอากาศมาจนถึงวันที่  24 เมษายน

ในขณะที่ช่อง 7 ส่งละครดราม่า “เสน่หามายา” ในช่วงที่ช่อง 3 กำลังพีคด้วยกระแสออเจ้าและคมแฝก เมื่อไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ช่อง 7 จึงรีบตัดจบเมื่อวันที่ 24 เมษายนนี้ พร้อมเตรียมส่งละครจานด่วน แนวรักกุ๊กกิ๊ก “พันธกานต์รัก” ของนักแสดงดาวรุ่งของช่อง “แบงค์ อาทิตย์” และ “มุกดา นรินทร์รักษ์” ออนแอร์วันที่ 30 เมษายนนี้ ตามสไตล์ของช่อง 7 ถ่ายไปออนแอร์ไป โดยละครเพิ่งเปิดกล้องเมื่อเดือนมกราคมนี้

ช่อง 7 หมายมั่นปั้นมือว่า การชิงออนแอร์ล่วงหน้า เพื่อดึงคนเฝ้าหน้าจอได้ก่อนละครชุดใหม่ฟอร์มใหญ่ของช่อง 3 “ลิขิตรัก The Crown Princess” ที่มีนักแสดงเบอร์ต้นของช่อง “ณเดชน์-ญาญ่า” นำแสดง ซึ่งช่อง 3 ประกาศไปเบื้องต้นว่า จะออกอากาศวันที่ 8 พ.ค. แต่ก็เป็นเพียงกลยุทธ์หลอกล่อคู่แข่ง เพราะล่าสุดก็เลื่อนออกไปออกอากาศวันที่ 14 พฤษภาคม เพื่อให้สอดคล้องกับการออกอากาศพร้อมกันที่ประเทศจีน เพราะเรื่องนี้เป็นละครเรื่องแรกที่ช่อง 3 ขายลิขสิทธิ์ล่วงหน้าไปออกอากาศที่จีนอย่างเป็นทางการ

ชุดละครต้นสัปดาห์นี้ ช่อง 3 ฟอร์มเหนือกว่า

ชุดละครวันหยุด ช่อง 7 ทุ่มสุดตัว ส่งตัวพ่อลงจอ

ละครวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เป็นชุดละครที่ออกอากาศแบบไปเร็วมาเร็ว เพราะมีถึง 3 ตอนในแต่ละสัปดาห์ ผังช่วงนี้ช่อง 7 ครองแชมป์มาโดยตลอด ด้วยการส่ง “สัมปทานหัวใจ” ละครดราม่าแนวตบจูบ ได้ตัวพ่อ “เวียร์ ศุกลวัฒน์“ และ “ฐิสา-วริฏฐิสา” นำแสดง

ส่วนช่อง 3 มักจะส่งละครฟอร์มไม่ใหญ่จัดลงผัง เนื่องจากคนดูของช่องจะเป็นคนเมือง ไม่ค่อยอยู่บ้านในช่วงวันหยุด หลังจากจัด “บ่วงรักซาตาน” ซึ่งโดนเท มาจากชุดวันจันทร์ อังคารมาลงจอ เรตติ้งไม่ดีเท่าไรนัก ก็รีบตัดจบจากการออกอากาศทั้งหมดเพียง 10 ตอน เพื่อเริ่มละครชุดใหม่ “บ่วงรักนางซิน” แนวโรแมนติกคอมเมดี้ ที่มี “อาเล็ก ธีรเดช “ และ “พรีม รมิดา” แสดงนำ ให้ออกอากาศวันแรกวันเดียวกับ “สัมปทานหัวใจ” ของช่อง 7 วันที่ 28 เมษายนนี้ทันที แบบชนิดที่ว่า แม้จะฟอร์มเล็กกว่า ดาราเบอร์เล็กกว่า แต่ก็แอบหวังว่า จะพอช่วงชิงเรตติ้งมาได้บ้าง

ช่วงวันหยุดนี้ แรงหนุนจาก “เวียร์” น่าจะทำให้ช่อง 7 นำไปอย่างสบายๆ

ผลตอบรับของทั้ง 3 ชุดละครล็อตใหม่ของทั้งสองช่อง จะเป็นอย่างไร รีโมตในมือผู้ชมคือคำตอบ เพราะบางครั้งละครที่คาดหวังสูงก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด ส่วนละครที่ไม่หวังอะไรเลย กลับกลายมาดัง ก็เคยเกิดขึ้นมาตลอดอยู่แล้ว.

]]>
1167675
กลยุทธ์ “ละครมาราธอน” ลงผังสงกรานต์ ดันเรตติ้งช่องวันพุ่ง https://positioningmag.com/1166205 Wed, 18 Apr 2018 03:44:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1166205 แม้ว่าอันดับเรตติ้งของช่องวัน จะอยู่ในอันดับ 6 ของตารางเรตติ้ง 25 ช่องทีวีดิจิทัล แต่สำหรับรายการประเภทละครไทยแล้ว ละครช่องวัน คือคู่แข่งของทั้ง 2 ช่องใหญ่ ช่อง 7 และช่อง 3 ที่กำลังมาแรงน่าจับตามอง

เปิดมาปีนี้ ละครเรื่องแรกที่สร้างกระแสการกล่าวถึงมากที่สุดของช่องวันเรื่องแรก คือ “ล่า” ละครดราม่า แรง แฝงไปด้วยความแค้น การเอาคืน ออกอากาศข้ามปีจากปีที่แล้ว มาจบในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ด้วยเรตติ้งเฉลี่ยทั้งเรื่อง 2.417 โดยมีเรตติ้งสูงสุดอยู่ที่ 3.823 ตามติดมาด้วยละคร “เรือนเบญจพิษ” ที่ได้เรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 2.86 และมีเรตติ้งสูงสุดในตอนจบที่ 3.86

เมื่อจังหวะมา มีแรงส่งจากละครทั้ง 2 เรื่องตั้งแต่ต้นปี ช่องวันจึงจัดละครเพลงหมอลำ เพลงลูกทุ่ง “ดาวจรัสฟ้า” โดยตั้งความหวังสุดๆ ว่า จะมาเปรี้ยงปัง ไม่แพ้ละครแนวเดียวกันแบบ “ราชินีหมอลำ” ที่ออกอากาศไป และเป็นละครที่มีเรตติ้งสูงสุดของช่องวัน โดยมีเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 3.662 สำหรับการรีรันรอบที่ 2 สูงกว่าช่วงออนแอร์ครั้งแรก ที่ได้ไป 3.298

แต่โชคไม่ดี เมื่อต้องไปชนกับ “บุพเพสันนิวาส” ของช่อง 3 ที่ออกอากาศทุกวันพุธ พฤหัส ในขณะที่ “ดาวจรัสฟ้า” ออกอากาศจันทร์-พฤหัส เรตติ้งจึงสวิงไปมา จะลดลงมาอยู่ในระดับ 2 กว่า เมื่อเป็นวันพุธ พฤหัส และจะเริ่มสูงขึ้นในระดับ 3 จนแตะเรตติ้งระดับ 4 เมื่อถึงวันจันทร์-อังคาร

งัดกลยุทธ์เก่า “ละครมาราธอน” ลงช่วงสงกรานต์

ในช่วงสงกรานต์ ปีใหม่ไทย เป็นช่วงที่คนดูทีวีน้อยลง เอเจนซี่ไม่ค่อยลงโฆษณา ช่องวันจึงงัดกลยุทธ์ “ละครมาราธอน” ที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วในปลายปีที่แล้ว มาใช้อีกครั้ง ต่างกันที่ ครั้งนี้เป็นการรีรันมาราธอนในละครที่กำลังออกอากาศ เลือกมา 3 เรื่องคือ เมืองมายา ไลฟ์, กาหลมหรทึก และดาวจรัสฟ้า ออกอากาศตั้งแต่วันที่ 12 -16 เม.ย.

 

โดยจัด “ดาวจรัสฟ้า” ที่เป็นไฮไลต์ ให้ลงช่วงมาราธอนตั้งแต่ช่วงไพรม์ไทม์ของวันที่ 14 เม.ย. เปิดทีวียาว ดูย้อนหลังต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นกลุ่มที่เป็นแฟนละครช่องอื่นๆ รวมถึง “บุพเพสันนิวาส” ช่อง 3 มาก่อน จากคนที่ไม่เคยดู ไม่รู้จัก ตรึงคนดูอยู่ยาวช่วงวันหยุด จนมาจบในวันที่ 16 เม.ย. ในช่วงค่ำ เพื่อต่อเข้าสู่ตอนใหม่ทันที

เป็นไปตามคาด เมื่อ “ดาวจรัสฟ้า” ได้เรตติ้งสูงที่สุดในช่วงมาราธอนเมื่อเทียบกับอีก 2 เรื่อง ที่ได้เรตติ้งระดับ 1 กว่าจนถึงเกือบ 2 และส่งต่อไปตอนออนแอร์สด ในวันที่ 16 เมษายน ทำให้เรตติ้งขึ้นสูงมาอยู่ที่ 4.254 เข้าใกล้ละคร “คมแฝก” ช่อง 3 ที่ออกตัวแรงตั้งแต่ตอนแรกในระดับ 5 กว่า เรตติ้งลดลงมาอยู่ที่ 4.356

แรงส่งนี้คาดว่าจะหนุนต่อเนื่องในอีก 4 ตอนที่เหลือของ “ดาวจรัสฟ้า” ที่จะจบในวันที่ 23 เมษายน ทำให้เรตติ้งพุ่งสูงขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ในช่วงวันพุธ-พฤหัส ที่ 18 –19 เมษายน ยังต้องเจอกระแสของออเจ้า ใน “บุพเพฯ ตอนพิเศษ” ที่น่าลุ้นว่าเรตติ้งจะสามารถขยับสูงขึ้นได้หรือไม่

แซงหน้าช่อง 8 ขึ้นเป็นอันดับ 5 ในเรตติ้งประจำสัปดาห์

ผลของช่วงละครมาราธอน ทั้ง 3 เรื่อง ยังทำให้เรตติ้งเฉลี่ยของช่องประจำสัปดาห์ วันที่ 9-15 เมษายนของช่องวัน ขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 5 ของตาราง ที่ 0.544  สูงขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้วที่อยู่ในอันดับ 6 เรตติ้ง 0.533

ในช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ผลจากช่วงละครมาราธอน ก็เคยทำให้เรตติ้งเฉลี่ยของช่องวัน แซงชนะช่องใหญ่ๆ ขึ้นมา อยู่ในอันดับ 3 ประจำเดือนตุลาคมมาแล้ว

โดยที่เดือนกันยายน 2560 ช่องวันยังอยู่ในอันดับ 6 ของเรตติ้งประจำเดือน พอเดือนตุลาคม เรตติ้งก็ขยับพรวดมาเป็นอันดับ 3 แซงหน้าทั้งเวิร์คพอยท์, โมโน และช่อง 8 แต่พอหมดเทศกาลละครมาราธอน เรตติ้งช่องวันในเดือนพฤศจิกายน ก็กลับเป็นปกติ คืออยู่ในอันดับ 6

ช่องน้อง GMM25 เอาด้วย ละครมาราธอน 4 เรื่อง

GMM25 ช่องน้องเล็กของกลุ่มจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ที่กำลังอยู่ระหว่างการจัดทัพผู้บริหารใหม่ โดยผู้บริหารจากบริษัทแม่ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ก็ได้เริ่มทดลองกลยุทธ์ “ละครมาราธอน” ในช่วงสงกรานต์เช่นเดียวกับช่องวันเช่นกัน โดยจัดละครไฮไลต์ที่เคยได้รับความนิยมของช่องมาลงผังถึง 4 เรื่องด้วยกัน คือ รักนะเป็ดโง่, Project S Side by Side: พี่น้องลูกขนไก่, Project S shoot I love you ปิ้ว ยิงปิ๊งเธอ และ Love Song Love Stories: ไม่แข่งยิ่งแพ้

แต่เรตติ้งที่ได้กลับยังไม่สูงมาก โดยเรื่องที่ได้เรตติ้งสูงสุดคือ “รักนะเป็ดโง่” ได้เรตติ้งเฉลี่ยไปที่ 0.450 ที่เหลือก็อยู่ในระดับประคองตัว เช่น เรื่อง “พี่น้องลูกขนไก่” ได้เรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 0.138 เท่านั้น

สำหรับช่อง GMM25 ถือว่าเป็นช่วงทดลองของใหม่ จากการจัดละครแนววัยรุ่น มาในช่วงมาราธอนช่วงสงกรานต์ทั้งหมด อาจจะยังไม่ตรงใจกับกลุ่มผู้ชมทีวีที่เป็นผู้มีอายุ มากกว่ากลุ่มวัยรุ่นที่ยกให้ช่วงวันสงกรานต์ คือช่วงเวลาที่ได้ไปสนุกสนานร่าเริงกับการเล่นน้ำสงกรานต์มากกว่า

อย่างไรก็ตาม การขยับทดลองอะไรใหม่ๆ ใน GMM25 ก็เริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่า ในปีนี้ GMM25 กำลังต้องการการเปลี่ยนแปลงจริงๆ.

]]>
1166205
บุพเพฯ อาละวาด สะเทือนบังลังก์ช่อง 7 เรตติ้งละครหลังข่าว แพ้ช่อง 3 ตลอด 7 วันรวดเป็นครั้งแรก https://positioningmag.com/1164387 Tue, 03 Apr 2018 00:08:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1164387 ชั่วโมงนี้ ต้องเรียกว่าเป็น บุพเพฯ อาละวาดกันแล้ว เพราะละครเรื่องนี้ไม่เพียงแต่ดึงเรตติ้งในช่วงวันออกอากาศ แต่ลามไปถึงทุกวันช่วงเวลาหลังข่าวที่เป็นเวลาทองของบรรดาทีวีดิจิทัลแล้ว คราวนี้กระทบกับช่อง 7 แชมป์เรตติ้งตลอดกาลเข้าแล้ว

เมื่อเรตติ้งของสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 26 มี..- 1 เม.. 61 วัดจากฐานผู้ชมทั่วประเทศ อายุ 4 + พบว่า ช่องเป็นแชมป์เรตติ้งได้เป็นสัปดาห์ที่ 2 แล้ว เริ่มทิ้งห่างช่อง 7 ไปเรื่อยๆ โดยได้เรตติ้งสูงถึง 2.044 ในขณะที่ช่อง 7 อยู่ที่ 1.745 

เรตติ้งประจำสัปดาห์สะท้อนให้เห็นความแรงของชุดละครช่อง 3 ทั้งแผง ที่สามารถเอาชนะช่อง 7 ได้เบ็ดเสร็จโดยเรตติ้งละครช่วงหลังข่าวของช่อง 7 ทั้ง 3 เรื่อง แพ้ละครช่อง 3 ทั้ง 7 วันติดกันทั้งสัปดาห์ ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตั้งแต่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดเมื่อครั้งก่อนมีทีวีดิจิทัลด้วยเช่นกัน

กระแสความแรงของออเจ้า ส่งผลให้ผู้ชมเข้ามารับชมรายการช่อง 3 มากขึ้น ช่วงแรกของกระแสบุพเพฯ สันนิวาส ก็มีเพียงแค่วันที่บุพเพฯ ออกอากาศ ในวันพุธ พฤหัส เท่านั้น แต่ในสัปดาห์ที่แล้ว กลับกลายเป็นว่าละครช่อง 3 แรงทุกวัน ตั้งแต่ละครใหม่ออกอากาศตอนแรก คมแฝกในวันจันทร์อังคาร ชนกับละครดราม่าเสน่หามายาช่อง 7 และละครที่กำลังจะจบเด็ดปีกนางฟ้า” ช่อง 3 เจอกับละครโรเมนติกพ่อแง่แม่งอน พีเรียดสกาวเดือนช่อง 7 ในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์

หากดูรายการที่มีเรตติ้งสูงสุดของทั้งสัปดาห์ 5 อันดับแรกของทุกช่อง ช่อง 3 กวาดหมดทั้ง 5 อันดับเช่นกัน ตั้งแต่ บุพเพสันนิวาส, รายการข่าวบันเทิงสีสันบันเทิง, ละครเย็นคุณแม่สวมรอย, คมแฝก และ เด็ดปีกนางฟ้า ไม่เหลือที่ว่างให้ช่อง 7 และช่องอื่นๆ เลยทีเดียว

ไม่เพียงเท่านั้น ละครเย็นก่อนข่าวคุณแม่สวมรอยช่อง 3 ที่จบลงไปแล้ว ก็ทำเรตติ้งชนะเขยผู้ใหญ่ สะใภ้กำนันช่อง 7 ในช่วง 1 สัปดาห์สุดท้ายก่อนจบ เป็นอีกช่วงเวลาละครที่ทั้ง 2 ช่องต้องสู้กันอย่างหนักเช่นกัน

ช่วงละครเย็น ช่อง 3 เปิดละครใหม่ก่อน ด้วยละครแนวแฟนตาซี “Mr Merman แฟนฉันเป็นเงือกในขณะที่ช่อง 7 เตรียมส่งละครโรแมนติกคอมเมดี้ถิ่นผู้ดีลงจอ

ช่อง 7 สถานการณ์ลำบาก

ก่อนหน้ามีทีวีดิจิทัล ในปี 2557 บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์ และวิทยุจำกัด หรือ ช่อง 7 มีรายได้สูงถึง 10,428 ล้านบาท กำไร 5,510 พันล้านบาท และค่อยๆ ลดลงหลังจากมีทีวีดิจิทัล โดยในปี 2558 มีรายได้ 7,189 ล้านบาท กำไรลดลงเหลือ 2,723 ล้านบาท และปี 2559 มีรายได้ 5,825 ล้านบาท กำไรลดลงอีกอยู่ที่ 1,567ล้านบาท

เมื่อมีผู้เล่นในตลาดทีวีดิจิทัลมากขึ้น สภาพตลาดจึงมีการแข่งขันสูง รายได้ของช่องหลักดั้งเดิมจึงค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ช่องใหม่ๆ เข้ามาช่วงชิงมาร์เก็ตแชร์ได้มากขึ้น

สถานการณ์ของช่อง 7 ยามนี้ คล้ายๆ กับสถานการณ์ของช่อง 3 เมื่อครึ่งแรกของปีที่แล้ว ที่กำลังโดนเวิร์คพอยท์ชิงเรตติ้ง

ด้วยกระแสความร้อนแรงของละครเรื่องนี้ ถึงแม้จะผ่านมาเกินครึ่งทางแล้ว แต่กระแสก็ยังไม่ตก ช่อง 7 จึงกลายเป็นช่องหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากคู่แข่งตลอดกาลอย่างช่อง 3 ที่ยังไม่เคยทำเรตติ้งทั่วประเทศเอาชนะช่อง 7 ได้มาก่อน แต่วันนี้เอาชนะแบบขาดลอย

อย่าวาแต่ช่อง 7 ที่ไม่ทันตั้งตัว ช่อง 3 เองก็ไม่คาดคิดมาก่อน กระแสของบุพเพฯ จะดังสะท้านเมืองขนาดนี้

เปิดทางหาผู้ผลิตเพิ่ม

ช่อง 7 เพิ่งเปลี่ยนหัวเรือใหญ่ จาก พลากร สมสุวรรณ มาเป็น สมเกียรติ เจริญภิญโญยิ่ง ที่เติบโตมาจากสายงานข่าวตลอดชีวิต ถึงแม้จะไม่ถนัดแนวการทำละคร แต่ก็มีคณะกรรมการพิจารณาละครของช่องทำหน้าที่ในส่วนนี้อยู่แล้ว

ละครคือเส้นเลือดใหญ่ที่สร้างรายได้ให้ช่องมาอย่างยาวนาน เช่นเดียวกับช่อง 3 แตกต่างกันเพียงฐานผู้ชม ที่ช่องมีฐานคนดูระดับแมสทั่วประเทศ ในขณะที่ช่อง 3 คือกลุ่มคนเมืองที่มีกำลังซื้อสูง

แนวละครของช่อง 7 จึงเป็นละครที่ชาวบ้านร้านตลาดทั่วทุกหัวระแหงรับชมได้ มีกลิ่นอายความเป็นชาวบ้าน ลูกทุ่ง ชนบท ไม่จำเป็นต้องไปเน้นเรื่องราวของภาพสวย โปรดักชั่นเลิศ เหมือนช่องอื่นๆ โดยมีละครบู๊เป็นหนึ่งในแนวละครซิกเนเจอร์ของช่อง 7

ช่อง 7 มีผู้ผลิตละครให้มากกว่า 30 รายที่รับงานช่องสม่ำเสมอ แต่ละรายจะได้ผลิตละครมากกว่า 1 เรื่องต่อปี มีค่ายใหญ่ๆ เช่น ดาราวิดีโอ, พอดีคำ, กันตนา ที่รับงานผลิตให้ช่องมาอย่างยาวนาน

มีรายงานข่าวว่า ช่อง 7 ต้องเปิดรับผู้ผลิตละครหน้าใหม่ๆ เข้ามาเสริมทีม เพื่อมองหารูปแบบความแปลกใหม่เข้ามาในการผลิตละครให้ช่องมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยละครที่เตรียมไว้ในแผนที่วางไว้ ช่อง 7 ก็ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับได้ทันทีที่กระแสบุพเพฯ จบลง

สมรภูมิชิงผู้ชม ครั้งนี้สนุกแน่.

]]>
1164387
บัลลังก์แชมป์ช่อง 7 สะเทือน เรตติ้งทั่วประเทศช่อง 3 แซงหน้าแล้ว https://positioningmag.com/1162693 Wed, 21 Mar 2018 23:15:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1162693 หลังจากอิทธิฤทธิ์ของออเจ้า สร้างพลังให้เรตติ้งประจำวันของช่อง 3 ชนะแชมป์ตลอดกาลอย่างช่อง 7 มาแล้วในช่วงวันพุธ และพฤหัส ที่ละคร ”บุพเพสันนิวาส” ออกอากาศ แต่คราวนี้ลามมาถึงชุดเรตติ้งเฉลี่ยทั่วประเทศในวันจันทร์ที่ 19 มี.ค. และ อังคารที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา ช่อง 3 ก็ชนะช่อง 7 สองวันรวดเช่นกัน   

เรตติ้งเฉลี่ยทั้งวันของฐานผู้ชม 4+ เวลา 24 ชั่วโมง ในวันจันทร์ที่ 19 มี.ค. ช่อง 3 นำมาอันดับหนึ่ง อยู่ที่ 1.620 ส่วนช่อง 7 อยู่ที่ 1.551 โดยมีฐานสนับสนุนมาจากชุดละครทั้งวันของช่อง 3 ที่ชนะช่อง 7 แบบเบ็ดเสร็จ ตั้งแต่ละครหลังข่าว ”เงินปากผี” ได้เรตติ้ง 5.972 ส่วน ”เสน่หามายา” ช่อง 7 ที่ออกอากาศตอนแรก ได้ 4.428

ส่วนละครเย็น “คุณแม่สวมรอย” ช่อง 3 ได้ 4.875 ในขณะที่ “เขยผู้ใหญ่ สะใภ้กำนัน” ช่อง 7 มีเรตติ้งอยู่ที่ 4.645

ด้านละครรีรันช่วงบ่าย “คลื่นชีวิต” ช่อง 3 ได้ 1.925 ชนะ”เพลิงพระนาง” ของช่อง 7 เรตติ้ง 1.381

ส่วนเรตติ้งประจำวันอังคารที่ 20 มี.ค.ช่อง 3 เป็นอันดับ 1 เช่นกันอยู่ที่ 1.807 อันดับ 2 เป็นช่อง 7 เรตติ้ง1.720 โดยได้แรงส่งจากละคร “เงินปากผี” ของช่อง 3 ในตอนจบ ได้เรตติ้งพุ่งไปที่ 7.174 เป็นรายการที่ได้เรตติ้งสูงสุดของทุกช่องประจำวันที่ 20 มี.ค.ในขณะที่ “เสน่หามายา” ช่อง 7 ได้เรตติ้ง 4.451

ละครเย็นช่อง 7 “เขยผู้ใหญ่ สะใภ้กำนัน” ได้เรตติ้ง 4.900 พลิกกลับมาชนะ “คุณแม่สวมรอย” ช่อง 3 ที่อยู่ที่ 4.769

ละครรีรันบ่าย “คลื่นชีวิต” ช่อง 3 เรตติ้ง 1.792 ลดลงเล็กน้อย แต่ยังชนะ ”เพลิงพระนาง” ของช่อง 7 เรตติ้ง 1.576

แถมช่อง 3 ยังมีซีรีส์อินเดีย “นาคิน” ได้เรตติ้ง 2.545 เฉือนชนะรายการวาไรตี้ “ตกสิบหยิบล้าน” ช่อง 7 ที่ออกอากาศในช่วงเวลาเดียวกัน 18.20 น.ไปอย่างสูสี โดยช่อง 7 ได้ไป 2.533

นับเป็นครั้งแรกที่ตำแหน่งแชมป์เรตติ้งอันดับ 1 ของช่อง 7 กำลังสั่นสะเทือนอย่างหนัก ไม่ใช่เฉพาะความแรงของ “บุพเพสันนิวาส” ในช่วงวันพุธ พฤหัสเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปถึงเรตติ้งของวันอื่น ๆ จนคาดว่า ช่อง 3 น่าจะมีสิทธิ์ขึ้นครองแชมป์เรตติ้งประจำสัปดาห์อย่างแน่นอน เพราะพุธและพฤหัสยังคงเป็นเวลาของ “ออเจ้า” ที่แรงจนหยุดไม่อยู่จนทำให้บรรดานักแสดงออกโชว์ตัวงานอีเวนต์ห้างแตกมาแล้ว โดยเฉพาะ “ พี่หมื่น-โป๊ป ธนวรรธน์” ได้ฉายาใหม่ “พี่หมื่นห้างแตก” ไปเป็นที่เรียบร้อย

ต้องมาลุ้นวันศุกร์-เสาร์–อาทิตย์ที่จะถึงนี้ว่า ช่อง 7 จะตีตื้นสร้างเรตติ้งกลับมาได้มากน้อยแค่ไหน และผลเรตติ้งประจำสัปดาห์นี้ จะออกมาเป็นเช่นไร

ศึกชิงแชมป์ของช่องมากสี และช่องน้อยสี ครั้งนี้ น่าลุ้น น่าติดตามอย่างยิ่ง.

]]>
1162693