เรื่องเล่าเช้านี้ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 06 May 2021 05:14:39 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “สรยุทธคัมแบ็ก” ฟีดแบ็กกระฉูดโลกทีวี-โซเชียล ดันเรตติ้งเพิ่มขึ้น 15%-30% https://positioningmag.com/1330682 Thu, 06 May 2021 04:41:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1330682 จับกระแสผลตอบรับของกระแส “สรยุทธคัมแบ็ก” ที่กลับมาจัดรายการที่ช่อง 3 อย่างเต็มตัว กลายเป็นความหวังในการกระตุ้นเรตติ้ง เม็ดเงินโฆษณาอีกครั้ง หลังอยู่ในภาวะซบเซา พบว่าสามารถดันเรตติ้งรายการได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15-30% ทั้งทางทีวี และโลกโซเชียลต่างต้อนรับอย่างอบอุ่น

มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ หรือ MI ได้จับกระแสหลังการกลับมาจัดรายการข่าวของกรรมกรข่าว “สรยุทธ สุทัศนจินดา” ใน 2 รายการหลัก “เรื่องเล่าเช้านี้ และ เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์” อีกยังพ่วงบทบาทเป็นที่ปรึกษารายการข่าวของช่อง

กระตุ้นรายการข่าวทุกรายการ

รายการข่าวภายใต้การดูแลของสรยุทธทั้ง 4 รายการ มีการเปลี่ยนแปลงด้านเรตติ้งไปในทางที่ดีขึ้น โดย “เรื่องเล่าเช้านี้” หลังจากคุณสรยุทธกลับมาดำเนินรายการ จำนวนผู้ชมทางโทรทัศน์เพิ่มขึ้น 31% รายการ “เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์” ผู้ชมเพิ่มขึ้นประมาณ 10%

โดยรายการ “เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์” ที่ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 1-2 พฤษภาคม ทำเรตติ้งเฉลี่ยได้ 2.8% สูงกว่าในเดือนก่อนหน้านี้โดยเฉลี่ย มากกว่า 15% (2.4%)

รายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ที่ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 3-4 พฤษภาคม ทำเรตติ้งเฉลี่ยได้ 1.3% สูงกว่าในเดือนก่อนหน้านี้โดยเฉลี่ยมากกว่า 30% (1.0%)

เช่นเดียวกับ “เที่ยงวันทันเหตุการณ์” ที่ถึงแม้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่จำนวนผู้ชมเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน ราว 20%

ส่วน “เรื่องเด่นเย็นนี้” ที่เปลี่ยนทีมผู้ดำเนินรายการเป็น ไก่ ภาษิต คู่กับ ตูน ปรินดา และเปลี่ยนเวลาออกอากาศ ทำเรตติ้งเฉลี่ยได้ 1.6% สูงกว่าในเดือนก่อนหน้านี้โดยเฉลี่ยมากกว่า 20% (1.3%)

เรตติ้งแซงข่าวช่อง 7

การกลับมาของสรยุทธ ยังทำให้เรตติ้งของรายการเรื่องเล่าเช้านี้กลับมาครองแชมป์ได้ ในกลุ่มผู้ชมในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง แซงหน้า “สนามข่าว 7 สี” ทันทีที่สรยุทธกลับมาจัดรายการในวันที่ 3 – 4 พ.ค.

ส่วนรายการข่าวเช้าของช่องอื่นๆ ก็ล้วนแต่ถูกดึงผู้ชมไปจนทำให้เรตติ้งลดลงเกือบทุกรายการ ซึ่งกลุ่มผู้ชมในเมืองจะเห็นได้ชัดกว่ากลุ่มผู้ชมทั่วประเทศ

เรตติ้งเรื่องเล่าเช้านี้

ในปัจจุบันตัวเลขเรตติ้งทีวีลดลงจากเมื่อ 5 ปีที่แล้วมาก ลดลงเกือบ 50% ตามสภาพพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเรตติ้งเฉลี่ยในช่วงที่สรยุทธจัดรายการเรื่องเล่าเช้านี้ เมื่อปี 2559 อยู่ที่ 2.4 ในกลุ่มผู้ชมทั่วประเทศ และ 4.2 ในกลุ่มผู้ชมในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ ขณะที่ปัจจุบันเรตติ้งอยู่ที่ 1.3 กับ 2.6 ตามลำดับ

ชมทางออนไลน์พุ่ง 100%

ในยุกที่การเสพสื่อของผู้บริโภคเปลี่ยนไป หลายคนดูทีวีน้อยลง แต่ชมผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้การวัดความนิยมของตัวสรยุทธในปัจจุบันต้องดูยอดรับชม และฟีดแบ็กในช่องทางออนไลน์ด้วยเช่นกัน เนื่องจากพฤติกรรมของผู้ชมเปลี่ยนไป

โดยรายการ “เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์” ใน Facebook วันเสาร์ที่ 1 พ.ค. 64 ยอดรับชมสูงถึง 3.3 แสนครั้ง ซึ่งสูงกว่าในเดือนก่อนหน้านี้โดยเฉลี่ยมากกว่า 100% หรือเท่าตัว (1.6 แสนครั้ง) และมียอด Engagement มากกว่าสัปดาห์ก่อนกว่า 3 เท่าตัว และยอดชมผ่าน YouTube 1.9 ล้านครั้ง

เรื่องเล่าเช้านี้

“เรื่องเล่าเช้านี้” วันอังคารที่ 4 พ.ค. 64 มียอด view 2.8 แสน สูงกว่าเดิมเกือบเท่าตัว ทั้งๆ ที่เป็นวันหยุด (วันจันทร์ที่ 3 พ.ค. ไม่มีวีดีโอบันทึกใน Facebook) ส่วนในวันที่ 5 พ.ค. ซึ่งเป็นวันเปิดทำงานวันแรก ยอดวิวสูงถึง 3.6 แสนครั้ง มากกว่าวันศุกร์ที่ 30 เม.ย. กว่าเท่าตัว

ติดเทรนด์ทวิตเตอร์

นอกจากนี้กระแสในโลกโซเชียล อาทิ ศิลปิน ดารา และอินฟลูเอนเซอร์ใน Social Platforms ต่างๆ พร้อมใจกันพูดถึงการกลับมาจัดรายการของสรยุทธ ทำให้เกิดกระแสพูดถึงของการหวนรำลึกบรรยกาศเก่าๆ

ฟีดแบ็กในโลก Twitter นอกจากการคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ แล้ว ก็มีเสียงชื่นชมการทำหน้าที่คนทำข่าวที่เสนอข่าวรอบด้าน เป็นกลางตรงไปตรงมา และไม่เน้นข่าวหวย คนถูกหวย หรือข่าวอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ และในวันที่ 1 พ.ค. ยังมีช่วงที่ #เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ติด Trend Twitter ประเทศไทยอันดับ 1 อีกด้วย

เรื่องเล่าเช้านี้

MI ได้สะท้อนในมุมของเม็ดเงินโฆษณาในรายการข่าวดังกล่าว โดยมีความเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญใน 2 รายการ คือ เรื่องเล่าเช้านี้ และเรื่องเล่าเสาร์ – อาทิตย์ ที่มีเม็ดเงินโฆษณาเข้ามาเพิ่มขึ้นกว่า 50% ทั้งๆ ที่เป็นช่วง COVID-19 ระลอก 3 ที่เม็ดเงินโฆษณาในตลาดหดตัวก็ตาม

การเพิ่มขึ้นของเม็ดเงินโฆษณาทั้ง 2 รายการส่วนใหญ่มาจากการโยกเม็ดเงินโฆษณาจากรายการประเภทอื่นๆ เช่น วาไรตี้ เป็นต้น

MI คาดการณ์ความเปลี่ยนแปลงในภาพใหญ่กว่านี้คือ การกลับมาของสรยุทธจะส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ชมให้หันกลับมาสนใจรายการข่าวช่วงเช้ามากขึ้น พูดง่ายๆ คือ ข่าวช่วงเช้าจะกลับมาเป็นอีกหนึ่ง Prime Time ของรายการประเภทข่าว

]]>
1330682
วิเคราะห์กระแส ‘สรยุทธคัมแบ็ก’ ดึงเรตติ้งให้ ‘ช่อง 3’ ได้แค่ไหน ในวันที่คนไทยดูทีวีน้อยลง https://positioningmag.com/1328873 Thu, 22 Apr 2021 13:37:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1328873 เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา’ ที่ได้ห่างหายไปจากรายการ ‘เล่าข่าว’ เป็นเวลาถึง 5 ปีเนื่องจากคดี ‘ไร้ส้ม’ แต่ในเดือนพฤษภาคม 2564 ที่จะถึงนี้สรยุทธจะคัมแบ็กสู่วงการอีกครั้ง โดยจะยังทำงานกับ ‘ช่อง 3’ ตามเดิม และหนึ่งในคำถามที่หลายคนคงสงสัยก็คือ สรยุทธจะกลับมา ‘กอบกู้เรตติ้ง’ ให้กับช่อง 3 ได้เหมือนก่อนหน้านี้ไหม และตลาดจากนี้ที่มีรายการเล่าข่าวเต็มไปหมดจะเป็นอย่างไร

รู้จัก สรยุทธ สุทัศนะจินดา

‘สรยุทธ’ เริ่มทำงานเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น เมื่อปี 2531 อยู่สายข่าวรัฐสภา 2 ปี และทำข่าวสายทำเนียบรัฐบาลอีก 2 ปี และในปี 2539 สรยุทธทำงานให้เครือเนชั่นกรุ๊ป เป็นนักวิเคราะห์ข่าวการเมืองที่ไอทีวี และเนชั่นแชนแนล จนกระทั่งปี 2545 เนชั่นร่วมกับโมเดิร์นไนน์ทีวีทำรายการวิเคราะห์ข่าวและเล่าข่าว อย่าง ถึงลูกถึงคน และ คุยคุ้ยข่าว ซึ่งทั้ง 2 รายการก็ได้รับความนิยมอย่างมาก

จนในปี 2546 สรยุทธได้ร่วมบริหารและผลิตรายการกับช่อง 3 ซึ่งทุกรายการก็โด่งดังอย่างสุดจนกลายเป็นต้นแบบรายการ ‘เล่าข่าว’ จนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องเล่าเช้านี้ , เรื่องเด่นเย็นนี้ และ เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ นอกจากนี้ยังจัดรายการ ‘จับเข่าคุย’ ทางช่อง 9 อสมท อีกด้วย

ทั้งนี้ รายการ ‘เรื่องเล่าเช้านี้’ ช่วยสร้างเรตติ้งข่าวเช้าให้ช่อง 3 อย่างมากจนต้องขยายเวลาเพิ่มจากวันละ 2 ชั่วโมง เป็น 3 ชั่วโมง และ 3.30 ชั่วโมง ขณะที่ค่าโฆษณาก็พุ่งสูงถึง 2.2 แสนบาทต่อนาทีจากก่อนหน้าที่ราคาหลักหมื่นเท่านั้น

ภาพจาก Facebook เรื่องเล่าเช้านี้

คดี ‘ไร้ส้ม’ จุดเปลี่ยนสำคัญ

ในปี 2548 อสมท ได้ทำสัญญาร่วมผลิตรายการ ‘คุยคุ้ยข่าว’ กับบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ซึ่ง สรยุทธเป็นเจ้าของบริษัทและผู้ดำเนินรายการ โดยฝ่าย อสมท ลงทุนเวลาออกอากาศ (เจ้าของช่องทีวี) ส่วนไร่ส้ม ลงทุนผลิตรายการ โดยแบ่งเวลาโฆษณา (Time Sharing) ไปขาย โดย อสมท กำหนดว่าหากขายโฆษณาเกินเวลา ไร่ส้มต้องจ่ายค่าโฆษณาเกินเวลาให้ตามราคาโฆษณาที่กำหนด (นาทีละ 2 แสนบาท) โดย อสมท ให้ส่วนลด 30%

จนมาปี 2549 อสมทเริ่มสังเกตว่ารายการข่าวเที่ยงคืน ออกอากาศช้ากว่าเวลาที่กำหนด จึงตรวจสอบสาเหตุ และพบว่ามาจากไร่ส้ม ‘ขายโฆษณาเกินเวลา’ โดยมีพนักงานของ อสมท คือนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น ชนาภา บุญโต) ซึ่งมีหน้าที่ลงใบคิวเวลาโฆษณาไม่ได้แจ้งการขายโฆษณาเกินเวลาของไร่ส้ม

สุดท้าย คดีดังกล่าวจบลงที่ศาลฎีกาได้พิพากษาสั่งจำคุก สรยุทธเป็นเวลา 6 ปี 24 เดือน ไม่รอลงอาญา โดยสรยุทธเข้าสู่เรือนจำเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2563 ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยโทษ 2 รอบในปี 2563 คงเหลือโทษจำคุก 3 ปี 6 เดือน จึงทำให้เหลือโทษอีก 2 ปี 4 เดือนซึ่งเข้าหลักเกณฑ์พักโทษ จึงได้ออกจากเรือนจำเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2564 โดยต้องติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM) และรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุกเดือนจนกว่าจะพ้นกำหนดโทษ

คืนจอ ‘ช่อง 3’

หลังจากที่มีข่าวว่า สรยุทธได้รับการพักโทษและการปล่อยตัวทำให้ราคาหุ้นของช่อง 3 ขยับจากราคา 8.05 บาทในสิ้นปี 2563 มาอยู่ที่ 10.70 บาท (15 มีนาคม) เนื่องจากหลายคนคาดว่า สรยุทธจะทำให้เรตติ้ง หรือจำนวนคนดูช่อง 3 มากขึ้น ซึ่งหมายถึงรายได้จากโฆษณาที่จะตามมา

ซึ่งสรยุทธก็ได้ยืนยันว่าจะกลับมาทำงานที่ช่อง 3 หลังจากหายไป 5 ปี โดยจะมาทำหน้าที่พิธีกรข่าว 2 รายการ คือ เรื่องเล่าเช้านี้ และ เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม โดยช่อง 3 ก็ได้ขยายเวลาเรื่องเล่าเช้านี้เพิ่มจากเดิม 6.00-7.55 น. เป็น 6.00-8.20 น. หรือวันละ 2.20 ชั่วโมงอีกด้วย

นอกจากนี้ยังโหมทำตลาดรายการข่าวโดยปล่อยโฆษณา 5 พิธีกรดัง ‘ครอบครัวข่าว 3’ ได้แก่ กิตติ สิงหาปัด รายการข่าวสามมิติ, ไก่ ภาษิต เรื่องเด่นเย็นนี้, หนุ่ม กรรชัย เที่ยงวันทันเหตุการณ์-โหนกระแส และ เอ ดนยกฤต ขันข่าวเช้าตรู่

เรตติ้งจะเป็นอย่างไร?

ปกติรายการ ‘ข่าวเช้า’ ในปัจจุบันมีเรตติ้งสูงสุดประมาณ 2-3% ซึ่งช่อง 7 เป็นผู้นำ ส่วน ‘ข่าวเที่ยง’ จะอยู่ที่ 1-2% เช่นเดียวกับ ‘ข่าวเย็น’ มีเรตติ้งเฉลี่ย 1-2% แต่ในช่วงที่สรยุทธยังคงจัดรายการเรื่องเล่าเช้านี้ เรตติ้งเฉลี่ยนับตั้งแต่จัดมาอยู่ที่ 4-5% นับว่าสูงที่สุด แต่หลังจากที่ไม่มีสรยุทธเป็นผู้ดำเนินรายการเรื่องเล่าเช้านี้เรตติ้งก็ตกลงมากกว่า 60% ส่วนรายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ตกลงมากกว่า 30%

แน่นอนว่าการกลับมาของสรยุทธจะส่งผลดีต่อเรตติ้งแน่นอน แต่จะคาดการณ์ถึงเรตติ้งว่าจะกลับมาได้มากน้อยแค่ไหนอาจจะยาก โดยทาง ภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการ บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จํากัด หรือ MI มองว่าไม่ใช่แค่การกลับมาของสรยุทธ แต่ยังมีปัจจัยอย่างพฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้ที่ดูทีวีลดลงด้วย ซึ่งนับจากปี 2557 จนถึงปัจจุบัน กลุ่มผู้ชมหลักของสื่อทีวีหายไปมากถึง 25% นอกจากนี้ยังมีคู่แข่งที่มากขึ้น ทั้ง ไทยรัฐทีวี และ อมรินทร์ทีวี ที่เน้นข่าว

“ปัจจุบัน รายได้ของทีวี 30% มาจากละคร ส่วนรายการข่าวและรายการวาไรตี้อยู่ที่อย่างละ 20-25% ซึ่งแม้จะมีสรยุทธเรตติ้งก็คงจะแซงละครไม่ได้ เพราะสล็อตเวลาของละครออกแบบมาให้ดึงเรตติ้งมากที่สุด”

สงครามราคาอาจกลับมา

แม้ว่าจะหมดยุคที่สรยุทธจัดรายการเรื่องเล่าเช้านี้ แต่ทางช่อง 3 ยังคงเรตการ์ดไว้ที่นาทีละ 2 แสนบาท และไม่เคยลดราคาลงมาเลยในช่วง 5 ปีมานี้ แต่แน่นอนว่าเมื่อไม่มีสรยุทธที่เป็น ‘แม่เหล็ก’ ทำให้สล็อตเวลาจึงเหลือ และแม้ว่าจะไม่ปรับราคาเรตการ์ดลง แต่หลังบ้านน่าจะมีการลดแลกแจกแถม

อย่างไรก็ตาม ภวัตมองว่าการที่สรยุทธกลับมา ทางช่อง 3 อาจจะ ไม่ขึ้นราคา แต่โปรโมชันหลังบ้านที่เคยมีอาจหายไป เพราะมีอำนาจในการต่อรองกลับมาเหมือนอดีต แต่สำหรับรายการข่าว คู่แข่ง อาจจะต้องมีการ ปรับลดราคา เพื่อดึงความสนใจ ทำให้แบรนด์และเอเยนซี่รู้สึกถึงความคุ้มค่ามากขึ้น เป็นต้น

ตัวชี้วัดเก่าใช้ไม่ได้

หากวิเคราะห์กันจริง ๆ แล้ว สรยุทธไม่ใช่แค่ ผู้ประกาศข่าว แต่เป็น Influencer ที่สามารถปลุกกระแสข่าวและสร้างอิมแพคให้กับสังคมได้มาโดยตลอด ดังนั้น การจะใช้เรตติ้งมาชี้วัดอย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป ซึ่งเชื่อว่าสรยุทธจะสามารถดึงดูดความสนใจในกลุ่มที่อยู่บนโลกออนไลน์ได้ ดังนั้น การชี้วัดจากนี้โลก ‘ออนไลน์’ ก็เป็นอีกส่วนสำคัญ โดยอาจต้องรอดูฟีดแบ็กในโซเชียลมีเดีย

และเพราะความเป็น Influencer ที่สามารถสร้างกระแสสังคมได้ ทำให้เหล่าเอเยนซี่และแบรนด์ยังคงมองสรยุทธ เป็นบวก เพราะเชื่อว่าจะเข้าถึงฐานผู้ชมในวงกว้างได้ ซึ่งที่ผ่านมาฐานแฟนคลับของสรยุทธจะเป็นกลุ่ม Baby Boomer, GenX และ GenY ตอนต้น แต่หากสามารถเข้าไปในโลกออนไลน์ได้ก็มีโอกาสที่จะเพิ่มฐานแฟนใหม่ ๆ ได้

แม้การกลับมาของสรยุทธในครั้งนี้จะทำให้หุ้นของช่อง 3 เป็นบวก มุมมองของแบรนด์และเอเยนซี่จะเป็นบวก แต่สุดท้ายจะดึงคนดูกลับมาได้แค่ไหน เรตติ้งช่อง 3 จะพุ่งหรือไม่ คงต้องรอดูอีกทีตั้งแต่ 1 พฤษภาคม เป็นต้นไป

]]>
1328873
ช่อง 3 ทนเรตติ้งข่าวเช้าร่วงไม่ไหว ผ่าเวลา เรื่องเล่าเช้านี้ เป็น 2 ช่วง https://positioningmag.com/1181700 Fri, 03 Aug 2018 05:33:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1181700 ช่วงเวลาข่าวเช้า เคยเป็นรายการที่ทำรายได้สูงสุดของช่อง 3 ตีคู่มากับละคร กลายเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ผู้บริหารช่อง 3 ต้องงัดกลยุทธ์ต่างๆ หาทางฟื้นความนิยม เพิ่มเรตติ้ง และที่สำคัญทำรายได้กลับคืนมา นับตั้งแต่การลาจอไปของ พิธีกรนักเล่าข่าว “สรยุทธ สุทัศนจินดา” ตั้งแต่ปี 2559

ช่วงเวลาข่าวเช้านี้เป็นช่วงเวลาของ บีอีซี เทโร และบริษัทชัดถ้อยชัดคำ ของสรยุทธ์ ที่ได้เวลาออกอากาศมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2546 เมื่อสรยุทธ์ต้องอำลาจอไป จึงมีการปรับเปลี่ยนพิธีกรข่าวมาแล้วหลายราย จนมาลงตัวที่ ไก่ ภาษิต และ ไบรท์ พิชญทัฬห์ เป็น 2 พิธีกรหลัก แต่เรตติ้งรายการก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าไรนัก

ทำให้ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จึงมีการขยับเวลาออกอากาศให้เช้าขึ้นครึ่งชั่วโมง จากเดิมเริ่มออกอากาศเวลา 06.00น.-08.30 น. เปลี่ยนมาออกอากาศ 05.30–08.00 น. โดยยังออกอากาศ 2.30 ชั่วโมงต่อวันเหมือนเดิม เพื่อเปิดทาง “ละครเช้า” มาออกอากาศ ตั้งแต่เวลา 08.00-09.30 น. เพื่อดึงเรตติ้งให้กับช่อง โดยเฉพาะคนดูที่เป็นกลุ่มแม่บ้าน ซึ่งอยู่ในช่วง “ละครดังข้ามเวลา” โดยนำละครดังในอดีตเคยทำเรตติ้งสูงสุดมาออกอากาศ ปรากฏว่าได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่สำหรับ “ข่าวเช้า” เอง กลับได้รับผลกระทบ ทำให้เรตติ้งกลับยิ่งแย่ลง จนไปแพ้รายการข่าวเช้าช่อง 8 มาได้สักพัก

เนื่องจากข่าวเช้านั้น ช่อง 3 ต้องเจอศึกจากช่องคู่แข่ง ทั้งช่อง 7, ช่อง 8 , เวิร์คพอยท์ , ช่องวัน และยังมาเจอกับ ช่อง 3SD ช่อง 28 ในเครือเดียวกัน จาก “รายการตีข่าวเช้า” ที่ผลิตโดยกลุ่มบริษัท เซิร์ช เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กำลังสร้างความนิยม เป็นที่รู้จัก ได้รับความนิยมขึ้นมาเรื่อยๆ

ช่อง 7, ช่อง 8 , เวิร์คพอยท์ และช่องวัน ล้วนแยกรายการข่าวช่วงเวลา 05.00-06.00 น. ออกมาจากช่วงเวลา 06.00-08.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีผู้ชมติดตามสูงสุด สร้างรายได้สูงสุดของช่วงเวลาข่าวเช้า

ช่อง 7 แยกออกมาถึง 2 รายการคือ เช้านี้ที่หมอชิต ผลิตโดยมีเดีย สตูดิโอ บริษัทลูกของช่อง 7 และรายการ สนามข่าว 7 สี ที่ผลิตโดยฝ่ายข่าวช่อง 7 เอง

ในขณะที่ช่อง 8 แยกเป็น 2 รายการคือ คุยข่าวเช้าช่อง 8 รับอรุณ และคุยข่าวเช้าช่อง 8 , ส่วนเวิร์คพอยท์ ก็แยกเป็น ตลาดข่าว และข่าวเวิร์คพอยท์ 06.00 น. แม้กระทั่งช่องวัน ยังมี 2 รายการคือ ข่าวเช้าตรู่ช่องวัน และข่าวเช้าช่องวัน

ช่องที่แยกรายการข่าวเช้าออกมานั้น ทำให้รายการข่าวหลักในช่วงเวลา 06.00 น.เป็นต้นไปได้เรตติ้งดีขึ้นทุกรายการ

ทำเอาอดีตเจ้าของพื้นที่ในช่วงเวลาข่าวอย่างช่อง 3 ต้องประกาศ แยกช่วงเวลาข่าวเช้า รายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ออกเป็น 2 ช่วงเวลา เวลา 05.30-06.00 น.เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง เป็นการสรุปข่าวเด่นในหน้าหนังสือพิมพ์ และเวลา 06.00-08.00 น. เรื่องเล่าเช้านี้ เป็นการคุยเล่าข่าวตามสไตล์ถนัด หวังกระชากเรตติ้งช่วงเวลาข่าวเช้าของช่อง 3 ให้กลับฟื้นคืนมาอีกครั้ง เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 30 ก.ค. เป็นต้นมา

ผลของการออกอากาศไป 2 วันจากการแยกช่วงเวลานั้น ปรากฏว่า วันแรก 30 กรกฎาคม เรตติ้ง เรื่องเล่าเช้านี้ ลดลงจาก วันที่ 27 กรกฎาคม เป็นเป็นวันสุดท้ายก่อนแยกช่วงเวลา จาก 0.707 มาอยู่ที่ 0.811 ในขณะที่ช่วงเวลาที่แยกออกไป “เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง” เรตติ้งอยู่ที่ 0.283 โดยที่ทั้ง 2 ช่วงเวลายังตามหลังรายการข่าวของช่อง 7 และช่อง 8 ชัดเจน

แต่ในวันที่ 31 กรกฎาคม ที่เป็นวันที่ 2 ของการแยกผัง ทั้งเรื่องเล่าหน้าหนึ่ง และเรื่องเล่าเช้านี้ เรตติ้งกระเตื้องขึ้นมาทันที เรื่องเล่าเช้านี้ เรตติ้งอยู่ที่ 0.944 ขึ้นนำข่าวเช้าช่อง 8 ที่ได้เรตติ้ง 0.799 แต่รายการช่วงแรกก่อน 6 โมงเช้า เรตติ้งเพิ่มขึ้นมา แต่ยังตามหลังช่อง 8 อยู่ แต่ทั้งหมดนี้เรตติ้งยังเป็นรองรายการข่าวเช้าของช่อง 7 ช่วงหลัง 6 โมงเช้า ทั้ง 2 รายการ คือ เช้านี้ที่หมอชิต และสนามข่าว 7 สี

ส่วนวันที 1 สิงหาคม เรตติ้งเรื่องเล่าเช้านี้ ขยับลง 0.939 แซงช่อง 8 ทำเรตติ้ง 0.721 แต่ยังแพ้ช่อง 7 ทั้ง 2 รายการ

อย่างไรก็ตาม ผลจากการเปลี่ยนแปลงแค่ 3 วันแรก ก็ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่า ในระยะยาวจะเปรี้ยง หรือแป้ก เนื่องจากการแข่งขันข่าวเช้ามีสูงมาก ในบรรดา 10 ช่องอันดับแรกของทีวีดิจิทัล ล้วนให้ความสำคัญกับช่วงนี้เช่นกัน โดยเฉพาะช่อง 3 SD ช่อง 28 ในกลุ่มช่อง 3 เอง ที่รายการข่าวเช้าเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน. 

]]> 1181700 ผ่าสงครามข่าวทีวีดิจิทัล เช้า เที่ยง เย็น ค่ำ สู้กันไม่ถอย https://positioningmag.com/1152144 Fri, 29 Dec 2017 08:58:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1152144 รายการข่าวของแต่ละช่องทีวีดิจิทัลโดยส่วนใหญ่ จะอยู่ในผังออนแอร์ช่วงเช้ากลางวันเย็นค่ำ แต่บางช่องจะเพิ่มช่วงดึก และเที่ยงคืน และก่อนเช้าด้วย จากข้อมูลเรตติ้งที่สำรวจ 4 ช่วงหลัก นั้น ช่วงเช้า กลางวัน และค่ำ ถือว่าเป็นพื้นที่ของช่อง 7 และ 3

**ช่วงข่าวเช้าช่อง 7 แชมป์ ช่อง 3 ยังต้องลุ้น

อย่างช่วงเช้าที่เป็นที่รู้กันว่ามีการแข่งขันกันรุนแรง แชมป์ตลอดกาลยังคงเป็นช่อง 7 ที่ปูพรมได้เรตติ้งไปตั้งแต่ 05.00-10.00 .ด้วยการแบ่งรายการเป็น 3 ช่วง ตั้งแต่เช้าข่าว 7 สี เช้านี้ที่หมอชิต และสนามข่าว 7 สี โดยเฉพาะสองรายการที่เรตติ้งเช้าทะลุ 1.5 ได้บ่อยครั้ง 

ส่วนอันดับ 2 เรื่องเล่าเช้านี้ โฉมใหม่ ที่มี ไก่ ภาษิต มาเป็นหลัก และมีช่วง ชูวิทย์มีเรื่องเล่าเสริม และช่วงสอนภาษาอังกฤษสั้น อีก  แต่ช่อง 3 ก็ต้องลุ้นทุกวันว่าจะทะลุ 1 มาได้หรือไม่ โดยมีช่อง 8 เบียดมาติด ตามที่เคยสำรวจก่อนหน้านี้เรตติ้งวันที่ 1-19 ..2560 (ยกเว้นเสาร์ อาทิตย์

รายการข่าวที่ต้องจับตามอง คือตีข่าวเช้า หลังปรับโฉมของช่อง 3SD  ที่มีทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ เป็นพิธีกรชูโรงตั้งแต่ 20 ..ที่ผ่านมา และรายการข่าวของจีเอ็มเอ็ม 25 ที่เรตติ้งหลุดต่ำกว่าอันดับที่ 20 มานาน ก็ถึงเวลารุก โดยรับ ต๊ะ พิภู” จากช่อง 3 มาอ่านในช่วงต้นปีหน้า

**ช่วงข่าวเที่ยงหืดเรตติ้งไม่เกิน 1 

สมรภูมิข่าวเที่ยง หรือข่าวช่วงกลางวัน เลือกสำรวจช่วงเวลา 10.00 -14.00 .พบว่ามีหลากหลายรายการทั้งรายการอ่านข่าวทั่วไป คุยข่าว ฮาร์ดทอล์คทั้งแบบสด และรีรัน รูปแบบไม่ต่างกันมากนัก รวมถึงมีการนำเสนอข่าวเชิงเศรษฐกิจธุรกิจมาก่อนรายการข่าวหลัก  ที่ส่วนใหญ่ไม่ได้หวังเรตติ้ง แต่ทำเงินได้ในลักษณะการผสมผสานการโฆษณาระหว่างรายการข่าว 

เวลารายการข่าวเที่ยง หลายช่องเลือกขยับเวลาออนแอร์ก่อนเที่ยง เพื่อชิงคนดู บางช่องเริ่มเลยตั้งแต่ 10 โมง อย่างไทยพีบีเอส แต่ส่วนใหญ่เริ่มตั้งแต่ 11.00-11.30 . เช่น ห้องข่าวภาคเที่ยงช่อง 7 แชมป์อันดับ 1 เริ่มตั้งแต่ประมาณ 11.20 พอๆ กับช่อง 3 เที่ยงวันทันเหตุการณ์ท่ีเริ่มก่อนหน้านั้นประมาณ 5 นาที หรือแม้แต่ พีพีทีวี ก็เริ่มก่อนช่อง 3 ประมาณ 5 นาที ยังมีช่องเนชั่น สปริงนิวส์ ที่เลือกเริ่มในช่วงก่อน 11.30 

รูปแบบ มาเร็ว มาก่อน อัพเดท มาไวไปไว กระชับได้ใจความ พิธีกรข่าว หรือผู้ประกาศดูมีพลัง กระตือรือร้น ยิ่งทำให้หลายช่องได้เรตติ้ง แต่สำหรับช่วงเที่ยงที่คนดูมีภารกิจหลากหลาย แม้แต่แชมป์อย่างช่อง 7 ก็ยังดันเรตติ้งได้ไม่ถึง 1 หรือแม้แต่ช่อง 3 เที่ยงวันทันเหตุการณ์ที่ปรับทั้งเวลาเร็วขึ้น ให้เวลาออนแอร์สั้นลงเหลือประมาณ 1 ชั่วโมง จากเดิมยิงยาวเกือบ 2 ชั่วโมง เรตติ้งก็ยิ่งแผ่ว ก็ยิ่งต้องจบเร็วขึ้น

***เรื่องเด่นเย็นนี้ พาช่อง 3 สัมผัสที่ 1

ช่วงเรตติ้งข่าวเย็น ยังคงเป็นการสู้กันของช่องใหญ่ เวลานี้ ในช่วง 1-21 ..ที่ผ่านมา ถือว่าช่อง 3 ได้สัมผัสอันดับ 1 จากเรื่องเด่นเย็นนี้ แต่เหนือเจาะประเด็นข่าวของช่อง 7 ไม่มาก 

ตามมาด้วยรายการข่าวของเวิร์คพอยท์ และช่อง 8 แต่ที่เด่นขึ้นมาคือ เรื่องพลบค่ำ” ของคู่ซี้กำภูรัชนีย์ จากช่อง 9 ที่มีฐานแฟนคลับเหนียวแน่น ทั้งจากรายการวิทยุและรายการข่าวหลัก เรตติ้งพุ่งมาติดอยู่ในอันดับ 5 เหนือช่องวัน และไทยรัฐทีวี 

ใน 12 อันดับแรกคือสนามของการแข่งขันระหว่างช่องทีวีดิจิทัลประเภทวาไรตี้และเอชดีทั้งหมด

รวมถึง รายการ คนชนข่าว ของ โมนัย เย็นบุตร อดีตคนเนชั่นทีวี ที่ย้ายมาอยู่ค่ายทรูโฟร์ยู ก็สามารถสร้างเรตติ้งได้พอสมควรอยู่ในอันดับ 12 

ส่วนกลุ่ม 13-22 เป็นผลงานของช่องทีวีดิจิทัลประเภทข่าวแทบทั้งหมด ตั้งแต่รายการ ข่าวชนข่าว จากช่องนิวทีวี ที่มี เจ๊ปอง-อัญชะลี ไพรีรัก เป็นตัวชูโรง มีเรตติ้งเหนือกลุ่มช่องประเภทข่าวทั้งหมดโดยอยู่ในอันดับ 13  ตามจี้มาด้วย เก็บตกจากเนชั่น ของเนชั่นทีวี และรายการข่าว GMM นิวส์ เย็นนี้ ของ GMM25 ที่เป็นช่องวาไรตี้ช่องเดียว ที่มาติดอยู่ในอันดับที่ 15

สูตรสำเร็จของข่าวช่วงเย็น หลายช่องเน้นให้มีการเล่าข่าวแบบขยายความให้ข้อมูลเกี่ยวกับข่าวใหญ่ มากขึ้น 

***ข่าวค่ำช่องใหญ่ขอบันเทิง เปิดเวทีข่าวช่องเบอร์รอง 

ช่วงรายการข่าวค่ำที่ไม่ใช่แค่เล่าข่าว เพราะหลายเรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เช้า เหตุการณ์จบแล้วตั้งแต่บ่าย เย็น ตอนเย็นถ้าไม่ใช่เพราะลีลา การเล่าเร้าใจ ก็ต้องมีรูปแบบนำเสนอที่สร้างสรรค์ เพื่อขยายความข่าวที่เกิดขึ้นโอกาสทำเรตติ้งก็ไม่ยาก

และยิ่งช่วงเวลาหลัง 18.00 .ที่ช่องใหญ่เจาะกลุ่มแมส เรื่องเสนอข่าวบันเทิง ละคร วาไรตี้แล้ว ทำให้เป็นโอกาสของช่องรอง ลงไปใน 10 อันดับแรก จึงเป็นพื้นที่ของช่องวัน ไทยรัฐ อมรินทร์ พีพีทีวี นิวทีวี

การขยายความข่าวด้วยการทอล์คช่วงหลัง 6โมงเย็น จึงเข้มข้นมากันเต็ม อย่างรายการ ถามตรงตรง ของจอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ อดีตลูกหม้อเนชั่น ช่องไทยรัฐ ได้เรตติ้งอยู่ในอันดับ 4 ชนะ ”ต่างคนต่างคิด” ดำเนินรายการโดยพุทธ อภิวรรณ ช่องอมรินทร์ ที่ได้อันดับ 6 

ใน 10 อันดับนี้ ยังมีอีกสองรายการของไทยรัฐ คือรายการไทยรัฐนิวส์โชว์  อยู่อันดับ 3 และ  ข่าวใส่ไข่  อันดับ 8 ที่ได้ดาราอย่าง มดดำ,กรรชัยม้า อรนภาเหมี่ยว ปวันรันต์ และ รถเมล์ คะนึงนิจ มาเล่าข่าวสไตล์ก็อสซิปข่าวบันเทิง

รายการข่าวอีกรายการ ที่อยู่ในท็อปเทน คือ เข้มข่าวค่ำ ของพีพีทีวี ทีมีตัวหลักอย่าง ”เสถียร วิริยะพรรณพงศา อดีตลูกหม้อเนชั่นอีกคน ได้เรตติ้งอันดับ 9 และ 12 ที่เสถียรจัดรายการฮาร์ดทอล์ค เป็นเรื่องเป็นข่าว” 

ขณะที่ เจ๊ปอง อัญชรีย์ ไพรีรักษ์ ก็ดันให้รายการนิวหมายข่าวของช่องนิวทีวี มาอยู่ในอันดับ 10 ได้ 

สำหรับวอยซ์ทีวีที่เป็นสถานีทีวีดิจิทัลรายล่าสุดที่ประกาศลดพนักงานลง 127 คน มีรายการข่าวที่เรตติ้งสูงสุดในช่วงค่ำคือ รายการ โอเวอร์วิว ที่จัดรายการโดยพิธีกรสายฮาร์ดคอร์ ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ อยู่ในอันดับ 18 ในขณะที่รายการ ใบตองแห้ง ออนแอร์ ของ อธึกกิต แสวงสุข หรือใบตองแห้ง อยู่ในอันดับ 20.

]]>
1152144
ไม่ไหวแล้ว! ช่อง 3 หั่นเวลา “เรื่องเล่าเช้านี้” 45 นาที เหตุเรตติ้ง-รายได้ตก 30% ดึงผู้หญิงถึงผู้หญิงเสียบแทน https://positioningmag.com/1104528 Fri, 30 Sep 2016 12:19:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=1104528 สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ประกาศปรับผังรายการ ไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 โดยไฮไลท์สำคัญ คือ ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคมเป็นต้นไป ช่อง 3 จะลดเวลาออกอากาศ รายการข่าวเรื่องเช่าเช้านี้ลง 45 นาที จากเดิมที่เคยออกอากาศ จันทร์ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 06.00-09.30   เหลือเวลาออกอากาศ ตั้งแต่ 06.00-8.45 .

เวลาที่ถูกตัดไปนั้นตั้งแต่เวลา 8.45- 9.30  จะถูกแทนที่ด้วยรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง  ที่โยกจากที่เคยออกอากาศในช่อง 13 Family มาออกอากาศใน ช่อง 3 ออริจินัล และช่อง 33 HD  พร้อมกับปรับเปลี่ยนพิธีกรยกชุด โดยนำพิธีกรเดิม กาละแมร์พัชรศรี เบญจมาศ, และพิธีกรใหม่ แพทณปา ตันตระกูล, ลูกแก้วกรกมล ชิตพงศ์,บูมสุภาพร วงษ์ถ้วยทอง,อาลิซาเบธ แซ๊ดเลอร์ และพิธีกรภาคสนาม ลิลลี่ แม็คกร๊าธ  มาเป็นผู้ดำเนินรายการ

1_rong

สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการ ปฏิบัติการแทนรักษาการกรรมการผู้จัดการ สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ระบุว่า สาเหตุที่ต้องลดเวลารายการข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ เนื่องจากในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่ขาดผู้ประกาศข่าวหลัก (สรยุทธ สุทัศนะจินดา) ส่งผลต่อเรทติ้งของรายการหายไปถึง 25% จากเดิมเคยได้ 2 กว่า เรทติ้งเวลานี้เหลือ 1.5-1.7 กระทบไปถึงรายได้จากค่าโฆษณาลดลงถึง 30% ประกอบเม็ดเงินโฆษณาโดยรวมก็ลดลง และคู่แข่งก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น จึงทำให้ช่อง 3 ต้องตัดสินใจปรับเปลี่ยนใหม่

การเลือกนำรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงมาออกอากาศเพราะถือเป็นต้นแบบของรายการวาไรตี้ผู้หญิงเป็นแบรนด์เก่าแก่อายุเกิน 10 ปี ซึ่งคนส่วนใหญ่จะรู้จักทันที ถือว่าเป็นแต้มต่อสำคัญที่ทีมงานช่อง 3 มั่นใจว่า จะมาช่วยดึงเรทติ้ง และแข่งขันกับช่องดิจิทัล ที่ล้วนแล้วแต่ก็มีรายการผู้หญิงเกือบทุกช่อง  ในขณะที่ช่อง 3 เอง ขาดรายการวาไรตี้ผู้หญิงอยู่ในผังมาได้พักใหญ่แล้ว 

นอกจากนี้ช่อง 3 ยังได้ย้ายเดิม รายการแจ๋ว  ที่ออกอากาศ ในช่อง 13 Family มาออกอากาศในช่อง 3 ออริจินัล และช่อง 3 HD ฬฯช่วงบ่าย 14.45-15.30 น จันทร์ถึงศุกร์  เพื่อเติมผังรายการผู้หญิง  และเป็นอีกทางเลือกของเจ้าของสินค้าที่จะมาลงโฆษณา  โดยจะมีการปรับรายการใหม่ ด้วยการมี ผู้สื่อข่าว ออกไปทำข่าวผู้หญิงนอกสถานที่ และรายงานสดมาที่สถานี

3 ไตรมาส รายได้ติดลบ 9-10%

ขณะเดียวกันภาพรวมรายได้ของช่อง 3 ในช่วง 3 ไตรมาส (มกราคมกันยายน 2559 ) ที่ผ่านมา ยังคงติดลบ 9-10% เนื่องจาก รายได้จากรายการข่าว เรื่องเล่าเช้านี้ลดลงแล้ว ยังเป็นผลมาจากรายการในช่วงดึก หรือ เลทไนท์ ตั้งแต่ 23.00 . หายไป 30-40%  เพราะคนดูมีทางเลือกไปในรับชมอื่นๆ จากนิวมีเดีย แท็บเล็ท และสมาร์ทโฟน

ส่วนผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 (กรกฎาคมกันยายน 2559)  รายได้ยังคงติดลบ แต่ไม่มากนัก ซึ่งตอนแรกคาดว่าจะดีกว่านี้ เพราะมีทั้งการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2016 ถ่ายทอดสดโอลิมปิก  ละคร  แต่เนื่องจาก รายได้จากโอลิมปิกไม่เป็นไปตามขาด ทุกรายที่ร่วมกันถ่ายทดสดต้องประสบกับการขาดทุน  ประกอบกับ เจ้าของสินค้ารายใหญ่ (หนึ่งในนั้น คือ ยูนิลีเวอร์) ลดการใช้เงินโฆษณาในสื่อทีวีลง และหันไปทดลองลงโฆษณาในนิวมีเดีย  จึงเป็นดับเบิล อิมแพคส่งผลกระทบต่อรายได้และกำไรของช่องลดลง

]]>
1104528
“เรื่องเล่าเช้านี้” วุ่นอีก ข้าวนึ่ง อำลาพิธีกร https://positioningmag.com/62984 Thu, 07 Apr 2016 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=62984

หลังจากที่มีกระแสข่าวต่อเนื่องถึง “เรตติ้ง” ความนิยมของคนดูรายการเรื่องเล่าเช้านี้ได้ลดต่ำลง หลังจากที่ “สรยุทธ สุทัศนจินดา” ได้ยุติการทำหน้าที่พิธีกรไป ปรากฏว่าล่าสุด ข้าวนึ่ง-วิสารท เดชกุล พิธีกรร่วมในรายการ ได้โพสต์ข้อความใน Instagram ส่วนตัว ในวันนี้ (7 เมษายน 2559)

“เช้านี้ไม่ได้พบกันที่หน้าจอเหมือนปกติแล้วนะครับ ขอขอบคุณผู้ชม แฟนข่าว และทีมข้าวนึ่งทุกคน ที่สนับสนุน มอบกำลังใจให้ผมมาโดยตลอด 15 พ.ค. 57 – 1เม.ย. 59 ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ จะเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิตผมตลอดไป”

ข้าวนึ่ง เข้ามาร่วมงานกับช่อง 3 ตั้งแต่ปี 2556 เป็นทั้งพิธีกรและผู้ดำเนินรายการที่สามารถทำงานได้หลากหลายรูปแบบและสถานการณ์ เป็นทั้งผู้ประกาศข่าวทั้งในห้องส่งและผู้ประกาศข่าวภาคสนาม ในช่วงแฟลชนิวส์ ก่อนเข้ามาร่วมกับครอบครัวรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ถือว่าเป็นพิธีกรที่มีความโดดเด่นอีกคนหนึ่งของรายการนี้ 

]]>
62984