เอเชียเสริมกิจ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 26 Aug 2005 00:00:00 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 25 สิงหาคม หุ้น ASK เข้าซื้อขายหมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ https://positioningmag.com/24564 Fri, 26 Aug 2005 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=24564

นายเจมส์ โล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (ASK) ผู้ดำเนินธุรกิจสินเชื่อครบวงจร ทั้งสินเชื่อเช่าซื้อ ลีสซิ่ง และ แฟคตอริ่ง เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้รับ บริษัทฯเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนและอนุมัติให้ทำการซื้อขายในวันพฤหัสบดี ที่ 25 สิงหาคม ศกนี้ ในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ โดยมีชื่อหลักทรัพย์ที่ใช้ในการซื้อขายว่า “ASK” ซึ่งภายหลังการเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทอยู่ที่ 575 ล้านบาท จากเดิมที่มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 460 ล้านบาท

“บริษัทฯประสบความสำเร็จในการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป จำนวน 23 ล้านหุ้น รวมทั้งจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Green Shoe) จำนวน 3.45 ล้านหุ้น รวมทั้งสิ้น 26.45 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 8.90 บาท ราคาพาร์ 5 บาท เมื่อวันที่ 16-18 สิงหาคม 2548 ที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทฯได้รับเงินจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 204.70 ล้านบาท เงินที่ได้รับจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ จะจัดสรรเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อจำนวน 154.70 ล้านบาท และพัฒนาระบบสารสนเทศจำนวน 50 ล้านบาท “นายเจมส์ โล กล่าว

ภายหลังการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป กลุ่มคู จะเหลือสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 63.72 จากเดิมที่มีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 79.65 กลุ่มธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เหลือสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 10.06 จากเดิมที่สัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 12.58 อื่นๆ ร้อยละ 1.12 จากเดิมที่เคยถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 1.40 และ ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน เหลือสัดส่วนถือหุ้นร้อยละ 5.10 โดยบริษัทฯมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 และไม่เกินร้อยละ 70 ของกำไรสุทธิ

นายเจมส์ โล กล่าวถึงผลการดำเนินงานของบริษัทว่า ผลจากการที่บริษัทฯกำหนดตำแหน่งที่ชัดเจนในตลาดเช่าซื้อรถยนต์ โดยมุ่งไปที่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ร้อยละ 80 และความโดดเด่นของธุรกิจแฟคตอริ่ง ในบริษัท กรุงเทพแกรนด์แปซิฟิคลีส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย รวมถึงบริการสินเชื่ออื่นที่สนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน ส่งให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2548 มีรายได้รวม 350.17 ล้านบาท กำไรสุทธิ 70.46 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 6,945.72 ล้านบาท โดยมีโครงสร้างรายได้มาจากสินเชื่อเช่าซื้อร้อยละ 67.90 สินเชื่อลีสซิ่งร้อยละ 10.52 สินเชื่อแฟคตอริ่งร้อยละ 3.49 รายได้อื่นๆ ร้อยละ 18.09

อนึ่ง บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัดในปี 2527 และได้ แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2546 ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 575 ล้านบาท เป็นทุนชำระแล้ว 460 ล้านบาท กลุ่มบริษัทประกอบด้วย บริษัทและบริษัทย่อย 1 แห่ง ได้แก่ บริษัทกรุงเทพแกรนด์แปซิฟิคลีส จำกัด (มหาชน) บริษัทและบริษัทย่อยดำเนินธุรกิจหลัก 4 ประเภท ได้แก่

1)ธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และเครื่องจักร ดำเนินงานโดยบริษัทและบริษัทย่อย โดยบริษัทจะเน้นการให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เพื่อการพาณิชย์และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่เป็นรถยนต์ใหม่และรถยนต์ใช้แล้วแก่บุคคลธรรมดาเป็นหลักและบริษัทย่อยจะเน้นการให้สินเชื่อเครื่องจักรแก่นิติบุคคลเป็นหลัก

2) ธุรกิจสินเชื่อลีสซิ่งประเภทเครื่องจักรและยานพาหนะ ดำเนินงานโดยบริษัทย่อย ซึ่งจะเน้นการให้สินเชื่อลีสซิ่งเครื่องจักรที่เป็นเครื่องจักรใหม่และเครื่องจักรใช้แล้วประเภทสัญญาเช่าการเงินเป็นหลัก 3) ธุรกิจแฟคตอริ่งทั้งที่เป็นแฟคตอริ่งภายในประเทศและแฟคตอริ่งระหว่างประเทศ ดำเนินงานโดยบริษัทย่อย และ 4)บริการอื่นๆ ได้แก่ การให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อแก่ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ นอกจากนี้ บริษัทและบริษัทย่อยยังให้บริการอื่นๆ เช่น บริการรับจดทะเบียนรถยนต์ การต่อภาษี และบริการเกี่ยวกับการประกันภัย เป็นต้น

]]>
24564
โบรกเกอร์ให้ราคาเหมาะสมหุ้น ASK เฉลี่ยที่ 11.30 บาท https://positioningmag.com/24507 Tue, 23 Aug 2005 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=24507

ภายหลังจาก บริษัท เอเชียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไประหว่างวันที่ 16-18 สิงหาคม 2548 จำนวน 23 ล้านหุ้น รวมกรีนชู 3.5 ล้านหุ้น รวมทั้งหมด 26.5 ล้านหุ้น ราคาจองซื้อ 8.90 บาท พาร์ 5 บาท รวมมูลค่าระดมทุน 204.70 ล้านบาท ส่งผลให้ทุนจดทะเบียนชำระแล้วเพิ่มเป็น 575 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนชำระแล้วเดิมที่ 460 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์จำนวน 5 แห่ง ทำการประเมินราคาพื้นฐานของ ASK ให้ราคาสูงสุด 14.5 บาทจากราคาจองซื้อที่ 8.90 บาท โดยบริษัทหลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง ผู้ร่วมจัดจำหน่ายให้ราคาที่เหมาะสมหุ้น ASK ระหว่าง 11.50-14.50 บาท โดยคิดเทียบจากอัตราราคาต่อกำไรต่อหุ้น(พีอี) ในปีนี้ที่ 8-10 เท่า และมีอัตราราคาต่อกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 1.44 บาทต่อหุ้น จากประสบการณ์ในธุรกิจกว่า 20 ปี และทีมผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญ กลุ่มเอเซียเสริมกิจลีสซิ่งถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ แฟคตอริ่ง ลีสซิ่ง ทั้งรถยนต์และเครื่องจักรในอุตสาหกรรม

โดยบริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) ผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นประเมินมูลค่าพื้นฐานของหุ้น ASK อยู่ในช่วง 12.1-13.4 บาท อิงค่าพีอีที่ 9-10 เท่า โดยมองว่าการประกอบธุรกิจที่หลากหลายของ ASK ซึ่งมีทั้งบริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ เครื่องจักร สินเชื่อลีสซิ่ง และสินเชื่อแฟคตอริ่ง ทำให้บริษัทสามารถกระจายความสี่ยงและลดความผันผวนของธุรกิจได้ระดับหนึ่ง และคาดการณ์ว่าพอร์ตสินเชื่อรวมของ ASK เติบโตเฉลี่ยปีละ 16% ต่อปี ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากยอดขายรถยนต์ในประเทศ โดยเฉพาะตลาดรถกระบะ และภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่คาดว่าจะยังมีการขยายตัวอยู่นั่นเอง

บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้นได้ให้ราคาเหมาะสมที่ 11.70 บาท ค่าพีอีปีนี้ที่ 8.5 เท่า ซึ่งถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยเชื่อว่า ASK มีความสามารถในระยะยาวในการรักษาระดับอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 15.6% และเมื่อเทียบราคาต่อมูลค่าทางบัญชีปันี้ที่ 1.45 เท่า ราคาตามมูลค่าบัญชีที่ 8.10 บาท

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ ASK กล่าวว่า นอกจาก ASK จะมีธุรกิจที่หลากหลาย การที่ ASK มีกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 รายคือ กลุ่มคู และกลุ่มธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านเงินทุน และเครือข่ายฐานลูกค้ากับ ASK มีความได้เปรียบเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่น

นอกจากนั้น ในการประกอบธุรกิจ ASK สามารถรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ไว้ได้มากกว่า 6% มาตลอด และสูงสุดที่สุดในจำนวนผู้ประกอบการที่ให้สินเชื่อรถยนต์ใหม่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2547 ถึงแม้อัตราดอกเบี้ยจะลดลงมาอย่างต่อเนื่อง และอยู่ในระดับต่ำมาเป็นเวลานานช่วงก่อนหน้านี้ก็ตาม โดยมูลค่าพื้นฐานของ ASK ในปี 2548 พีอีควรอยู่ที่ระดับ 8.0-8.5 เท่า และราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (PBV) ควรอยู่ที่ระดับ 1.30-1.35 เท่า

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ฟินันซ่า จำกัด ผู้ร่วมจัดจำหน่าย ให้ราคาที่เหมาะสมของ ASK ระหว่าง 8.10-10.50 บาท โดยมองว่า ASK เป็นบริษัทที่มีโครงสร้างด้านเงินทุนที่แข็งแกร่ง ภายหลังการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ดีอี) ลดลงจาก 8.6 เท่า เหลือ 6.2 เท่า ในสิ้นปีนี้

]]>
24507