แอร์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 13 Jan 2023 09:10:43 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘ซัมซุง’ ขอ 3 ปีขึ้นเบอร์ 1 เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกกลุ่ม ชู ‘ดีไซน์-นวัตกรรม’ จับกลุ่มพรีเมียม https://positioningmag.com/1415452 Fri, 13 Jan 2023 07:44:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1415452 แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2022 ที่ผ่านมาจะมีวิกฤตหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะ เงินเฟ้อ แต่ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ามูลค่า 5.3 หมื่นล้านบาทก็ยังเติบโตได้ 5-6% ซึ่งก็ได้กลุ่ม พรีเมียม เป็นตัวขับเคลื่อนตลาด โดย ซัมซุง (Samsung) แบรนด์สัญชาติเกาหลีใต้ก็เห็นโอกาสในส่วนนี้ และขอสู้เพื่อขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในทุกกลุ่มสินค้าภายใน 3 ปี

ตลาดพรีเมียมโตสวนทางแมส

เจนนิเฟอร์ ซอง ประธานบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2022 ที่ผ่านมาไม่ใช่ปีที่ดีนักสำหรับตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะมีทั้งปัจจัยเรื่องค่าเงิน และเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดและตัวซัมซุงเองยังคงเติบโตได้ 5-6% โดยมีสินค้าใน กลุ่มพรีเมียม เป็นตัวขับเคลื่อนตลาด เนื่องจากช่องว่างระหว่างครัวเรือนที่มีรายได้สูงและครัวเรือนที่มีรายได้น้อยกว้างขึ้น

“สินค้ากลุ่มพรีเมียมของเราเติบโต 2 เท่าในทุกกลุ่มสินค้า เพราะตั้งแต่ COVID-19 ระบาด คนอยู่บ้านมากขึ้น เขามองว่าบ้านเป็นพื้นที่ส่วนตัวและเริ่มอยากตกแต่งบ้านใหม่ ๆ มากขึ้น แต่แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ซัมซุงที่เห็นโอกาสนี้ ดังนั้น เชื่อว่าการแข่งขันในกลุ่มสินค้าพรีเมียมจากนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย”

อัดสินค้าใหม่กว่า 100 รุ่น ชูความ Personalize

เจนนิเฟอร์ กล่าวต่อว่า พฤติกรรมผู้บริโภคในกลุ่มพรีเมียมจะให้ความสำคัญกับความเป็นตัวตน ต้องการสินค้าที่ สะท้อนความเป็นตัวตน มากกว่าราคา นอกจากนี้ ต้องมีนวัตกรรมที่ทำให้เขาใช้ชีวิต ง่ายขึ้น ดังนั้น สินค้าของซัมซุงในกลุ่มพรีเมียมจะเน้น ดีไซน์สินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ นวัตกรรมทันสมัย และ การเชื่อมต่ออัจฉริยะ นอกจากนี้ ต้องตอบโจทย์ ความยั่งยืน ด้วย

“ผู้บริโภค 70% มองว่า ถ้าสินค้าเข้าใจในตัวตนเขาจริง ๆ เขาก็จะเลือกอยู่กับแบรนด์นั้น ๆ โดยเฉพาะ Gen Z ที่ 55% ระบุว่า เขาจะซื้อของที่สะท้อนความเป็นตัวเอง นอกจากนี้ คนไทยถึง 72% มีความต้องการติดตั้งสมาร์ทโฮม”

ในปีนี้ ซัมซุงมีแผนจะเพิ่มโปรดักส์ใหม่กว่า 100 รุ่น โดยจะเน้นไปที่กลุ่มพรีเมียม และการทำตลาดช่วง Q1-Q3 จากนี้จะเน้นที่เรื่อง ไลฟ์สไตล์ โดยสินค้าในกลุ่ม Bespoke จะขยายไปกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่น ๆ นอกเหนือจาก ตู้เย็น  อาทิ ไมโครเวฟ, เครื่องดูดฝุ่น เป็นต้น และเปลี่ยนการสื่อสารเป็น Bespoke Home เพื่อสื่อสารถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งบ้าน ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมา กลุ่มเครื่องซักผ้าและตู้เย็นเติบโต 5% กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก (เตาอบไมโครเวฟ เครื่องดูดฝุ่นและเครื่องฟอกอากาศ) เติบโต 10%

ในส่วนของ ทีวี จะเน้น Lifestyle TV และกลุ่ม QLED, OLED เพราะในปีที่ผ่านมาจะเห็นเทรนด์อย่างชัดเจนว่าทีวีขนาด 65 นิ้วขึ้นไป เติบโตขึ้นมากแบบเห็นได้ชัดถึง 1.5 เท่า ทีวีพรีเมียมยังคงเติบโตสูง อาทิ Neo QLED เติบโตขึ้นถึง 3 เท่า เฉพาะ Neo QLED 8K เติบโตถึง 4 เท่า

ด้าน เครื่องปรับอากาศ ที่ใช้เทคโนโลยี WindFree ซึ่งเป็นกลุ่มพรีเมียมเติบโตถึง 30% โดยปีนี้ซัมซุงเตรียมเปิดตัวไลน์อัพเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ในกลุ่ม WindFree คาดว่าจะคิดเป็น 90% ของไลน์สินค้า ครอบคลุมกลุ่มกลาง-บน พร้อมขยายระยะเวลารับประกันสูงสุดถึง 10 ปี

เดินหน้าลุยตลาด B2B

อีกตลาดที่จะช่วยให้ซัมซุงเติบโตก็คือ B2B ที่ปีนี้บริษัทจะเน้นมากขึ้น อาทิ โครงการบ้านและคอนโด โดยจะชูจุดเด่นเรื่อง โทเทิ่ลโซลูชั่น ที่สินค้าทั้งหมดของซัมซุงสามารถเชื่อมต่อกันได้ และสินค้าที่จะใช้เป็นตัวนำในการบุกก็คือ เครื่องปรับอากาศ เนื่องจากในปีที่ผ่านมายอดขายเครื่องปรับอากาศในกลุ่ม B2B เติบโตถึง 40% ก่อนจะตามด้วยสินค้าอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นทีวี, ตู้เย็น, เครื่องซักผ้า

“เราเพิ่งเริ่มทำตลาด B2B แต่เรามองว่านี่คือ โอกาสสำคัญ เพราะจุดแข็งเราคือ ไลน์สินค้าที่ครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการได้ต่างจากคู่แข่ง โดยเฉพาะการตอบโจทย์เรื่องโทเทิ่ลโซลูชั่น”

ขึ้นเบอร์ 1 ทุกกลุ่มสินค้าใน 3 ปี

สำหรับเป้าหมายของซัมซุงในปี 2023 ต้องเติบโต 2 หลัก ขึ้นไป โดยมองว่าปีนี้มีปัจจัยบวกจากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากภาค การท่องเที่ยว ทั้งจากตัวนักท่องเที่ยว เม็ดเงินที่เข้ามาช่วยให้ผู้บริโภคจับจ่ายได้ดีขึ้น รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้า คาเฟ่ และโรงแรมต่าง ๆ ลงทุนเปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ ต้นทุนต่าง ๆ น่าจะลดลง สินค้าก็จะมีราคาดีขึ้น ทำให้ผู้บริโภคจับต้องสินค้าได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าคือ ไม่ใช่สินค้าหลักที่ผู้บริโภคจะใช้เงิน เพราะเนื่องจากการระบาดของ COVID-19 ทำให้ผู้บริโภคอยากใช้จ่ายไปกับการท่องเที่ยว ดังนั้น เชื่อว่ากว่าที่กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าจะกลับมาเป็นสินค้าหลักที่ผู้บริโภคเลือกใช้จ่ายคงต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปี

“ตอนนี้คนไปเที่ยวกันเยอะเพราะเขาอั้นมานาน ดังนั้น เครื่องใช้ไฟฟ้าจากที่เคยเป็นอันดับ 1-2 สิ่งที่ผู้บริโภคเลือกใช้เงินก่อน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่”

สำหรับเป้าหมายใน 3 ปีจากนี้ ซัมซุงต้องการขึ้นเป็นอันดับ 1 ในทุกกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า จากปัจจุบันสินค้ากลุ่มทีวี, ตู้เย็น เป็นอันดับ 1 ที่แข็งแรง และกลุ่มต่อไปที่ซัมซุงมองว่ามีโอกาสขึ้นเป็นอันดับ 1 คือ เครื่องซักผ้า ที่ปัจจุบันเป็น Top 2 ของตลาด ตามมาด้วย เครื่องปรับอากาศ ที่ปัจจุบันเป็น Top 5 ของตลาด

]]>
1415452
‘พานาโซนิค’ เลิกจ้างพนักงานกว่า 1.7 พันตำแหน่ง เหตุรายได้หายกำไรหด https://positioningmag.com/1354638 Mon, 04 Oct 2021 05:15:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1354638 พานาโซนิค (Panasonic) บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ได้ตัดสินใจ เลิกจ้างงาน กว่าพันตำแหน่งทั้งในประเทศญี่ปุ่น และต่างประเทศ โดยการเลิกจ้างดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ เนื่องจากผลประกอบที่ไม่ค่อยสดใส

บริษัทระบุว่า จะยุติการผลิตคอมเพรสเซอร์แอร์ทำความเย็นในสิงคโปร์ภายในสิ้นเดือนกันยายน 2565 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคนงาน 700 คนหรือประมาณหนึ่งในสามของจำนวนพนักงานในเมือง โดยกำลังการผลิตจะถูกย้ายไปยังโรงงานที่มีอยู่ในมะละกาของมาเลเซียและอู่ซีของจีน

นอกจากนี้ บริษัทยังออกโครงการเกษียณอายุโดยสมัครใจให้กับพนักงานกว่า 1,000 คนในประเทศญี่ปุ่น โดยโครงการนี้มุ่งเป้าไปที่พนักงานที่ทำงานในบริษัทมาเป็นเวลา 10 ปีขึ้นไป ผู้สมัครจะได้รับโบนัสชดเชยเทียบเท่ากับค่าจ้างพื้นฐานสูงสุด 50 เดือน โดยพนักงานที่ถูกเลิกจ้างคิดเป็นมากกว่า 1% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในญี่ปุ่น

ที่ผ่านมา ผลการเติบโตของกลุ่มสินค้าโทรทัศน์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคอื่น ๆ หยุดชะงักลงในปีงบประมาณที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2021 ที่ผ่านมา โดยยอดขายรวมลดลงต่ำกว่า 7 ล้านล้านเยน (63.2 พันล้านดอลลาร์) เป็นครั้งแรกในรอบศตวรรษ อัตรากำไรจากการดำเนินงานของพานาโซนิคในปีนั้นน้อยกว่า 4% ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Sony Group แตะเกือบ 11%

จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้พานาโซนิคต้องปรับตัว โดยพูดถึง “แนวโน้มธุรกิจระดับโลกที่ท้าทาย” และกล่าวว่าการตัดสินใจของสิงคโปร์เป็นไปตาม “การทบทวนกลยุทธ์ทางธุรกิจระยะยาวของพอร์ตธุรกิจคอมเพรสเซอร์เครื่องทำความเย็น”

พานาโซนิคผลิตคอมเพรสเซอร์แอร์ในสิงคโปร์ตั้งแต่ปี 2515 โดยสำนักงานใหญ่สำหรับส่วนประกอบถูกย้ายจากญี่ปุ่นไปยังสิงคโปร์ในปี 2560 “เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเพิ่มเติม” แต่ภายใน 4 ปี กลุ่มธุรกิจนี้ก็ถูกบังคับให้เปลี่ยนกลยุทธ์ โดยสิ่งนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในภาคการผลิตของสิงคโปร์ โดยเฉพาะปัจจัยเรื่องค่าแรงที่สูงขึ้น ทำให้เงื่อนไขในการผลิตส่วนประกอบและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปยากขึ้น ขณะที่รัฐบาลเองก็พยายามผลักดันการใช้ออโตเมชั่นเข้ามาใช้งาน

อย่างไรก็ตาม แม้จะปิดสายงานการผลิตไป แต่สิงคโปร์จะยังคงทำหน้าที่ด้านการวิจัยและพัฒนาสำหรับพานาโซนิคต่อไป โดยจะยังคงเป็นสำนักงานใหญ่ระดับโลกของธุรกิจคอมเพรสเซอร์แอร์ และยังคงเป็นสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของพานาโซนิค

Source

]]>
1354638
นักวิจัยสร้าง “สีขาวที่สุดในโลก” ช่วยสะท้อนรังสีดวงอาทิตย์ 98% ช่วยให้ห้องเย็นไม่ง้อแอร์! https://positioningmag.com/1353145 Thu, 23 Sep 2021 04:42:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1353145 ปัญหาอากาศร้อนของไทยน่าจะเป็นหนึ่งในปัญหาที่หลายคนต้องทำใจ หากไม่เปิดแอร์ก็ต้องไปฝังตัวตามห้างสรรพสินค้าเพื่อแก้ร้อน แต่ปัญหาดังกล่าวอาจจะถูกแก้ได้ด้วย ‘สีขาวที่สุดในโลก’ ที่มหาวิทยาลัย Purdue University ในสหรัฐอเมริกาใช้เวลาวิจัยและพัฒนานาน 7 ปี โดยจะช่วยให้บ้านเย็นลงจนไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศ

นักวิทยาศาสตร์ในหมาวิทยาลัย Purdue University ในสหรัฐอเมริกา ได้สร้าง ‘สีที่ขาวที่สุดในโลก’ โดยมันเป็นสีที่ขาวมากจนสามารถลดหรือขจัดความจำเป็นในการใช้เครื่องปรับอากาศเลยทีเดียว โดยสีขาวดังกล่าวได้ถูก Guinness World Records ว่าขาวที่สุดเท่าที่เคยมีมา

“เมื่อเราเริ่มโครงการนี้เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว เรามีเป้าหมายในการประหยัดพลังงานและต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” Xiulin Ruan ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมเครื่องกลของ Purdue กล่าว

สาเหตุที่ทำให้ได้สีที่ขาวที่สุดในโลกสามารถช่วยลดการใช้เครื่องปรับอากาศก็เพราะแสงอาทิตย์ที่สาดลงมากระทบพื้นผิวที่ทาสีขาวนี้ สีขาวดังกล่าวสามารถสะท้อนรังสีดวงอาทิตย์ได้ถึง 98.1% และสามารถปล่อยความร้อนอินฟราเรดไปได้ในขณะเดียวกัน ทำให้บ้านเย็นจนไม่ต้องใช้แอร์

“แนวคิดคือการทำสีที่จะสะท้อนแสงอาทิตย์ออกจากอาคาร โดยมันดูดซับความร้อนจากแสงแดดได้น้อยกว่าที่ดวงอาทิตย์ปล่อยออกมา พื้นผิวที่เคลือบด้วยสีขาวนี้จึงถูกทำให้เย็นลงต่ำกว่าอุณหภูมิโดยรอบโดยไม่ต้องใช้พลังงานอะไร”

โดยทั่วไปแล้ว สีขาวที่ใช้ทาพื้นผิวซึ่งมีขายอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน มันเพียงแค่ช่วยทำให้ข้างในห้องอุ่นขึ้น ไม่ได้ทำให้เย็นขึ้น สามารถสะท้อนแสงที่เป็นความร้อนจากดวงอาทิตย์ได้ 80 – 90% แต่ไม่สามารถทำให้พื้นผิวที่เคลือบสีนี้เย็นกว่าสภาพแวดล้อมได้ โดยหากใช้สีใหม่นี้ครอบคลุมพื้นที่หลังคาประมาณ 1,000 ตารางฟุต อาจส่งผลให้มีพลังงานความเย็น 10 กิโลวัตต์ ซึ่งมากกว่าเครื่องปรับอากาศที่ใช้ในบ้าน

Xiulin Ruan ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัย Purdue

สำหรับสิ่งที่ทำให้สีขาวที่สุดในโลก และสามารถสะท้อนความร้อนได้ดีเป็นเพราะสารเคมีที่เรียกว่า Barium Sulfate (แบเรียมซัลเฟต) ซึ่งเป็นสารเคมีที่ใช้สำหรับการผลิตการดาษภาพถ่าย และใช้ในเครื่องสำอางที่ต้องการสีขาว โดยสารตัวนี้สามารถสะท้อนแสงได้จริง ซึ่งหมายความว่าสีต้องขาวมากจริง ๆ โดยอนุภาคในแบเรียมซัลเฟตที่มีความเข้มข้นสูง ทำให้สีกระจายแสงได้กว้างมาก เพราะมีส่วนทำให้เกิดการสะท้อนแสงสูงสุด

การทดลองสาธิตสีขาวที่สุดในโลกนี้ในพื้นที่กลางแจ้งพบว่า มันสามารถรักษาพื้นผิวให้เย็นกว่าสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ โดยตอนกลางคืนอยู่ที่ 19 องศาฟาเรนไฮต์ และตอนกลางวันช่วงแดดจ้าอยู่ที่ 8 องศาฟาเรนไฮต์ โดยการทดสอบประสิทธิภาพของสีขาวนี้ในช่วงฤดูหนาว ในขณะที่อุณหภูมิในสภาพแวดล้อม 43 องศาฟาเรนไฮต์ สีสามารถลดอุณหภูมิได้ 18 องศาฟาเรนไฮต์

มีการจดสิทธิบัตรการค้นพบครั้งนี้ภายใต้ชื่อ Purdue Research Foundation Office of Technology Commercialization โดยทางนักวิจัยจาก Purdue ได้ร่วมมือกับบริษัทแห่งหนึ่งเพื่อนำสีขาวพิเศษนี้ออกสู่ตลาดในอนาคต

Source

]]>
1353145
เจาะกลยุทธ์ ‘ไฮเออร์’ ผู้เขย่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยแคมเปญ ‘แอร์เติมเงิน’ กับเป้าหมายขึ้นเบอร์ 1 ใน 3 ปี https://positioningmag.com/1289165 Thu, 23 Jul 2020 11:02:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1289165 ครึ่งปีแรกก็สามารถเติบโตถึง 31% เรียกได้ว่าสวนกระแสวิกฤติ Covid-19 ดังนั้น ‘ไฮเออร์’ (Haier) จึงมั่นใจในแผนดำเนินงานในครึ่งปีแรก โดยพร้อมจะสานต่อแผนในครึ่งปีหลังทันที โดยเฉพาะโครงการ “เย็นดีแค่ 4 บาท” ที่ให้ทุกคนสามารถติดแอร์ที่บ้านได้ โดยคิดค่าใช้จ่ายที่ 4 บาท/ต่อชั่วโมง เมื่อใช้ครบ 5,200 ชั่วโมง ภายในระยะเวลาสัญญา 3 ปี รับเครื่องปรับอากาศฟรี ที่ถือเป็นแคมเปญที่ประสบความสำเร็จและเรียกเสียงฮือฮาในตลาดอย่างมาก

มั่นใจรายได้ทะลุ 6,000 ล้านบาท โต 38%

ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่า 6.9 หมื่นล้านบาท ติดลบประมาณ 5-10% ถือว่าไม่ได้โดนกระทบจาก Covid-19 มากเท่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและภาคบริการ ขณะที่ปัจจุบันไฮเออร์มีส่วนแบ่งตลาด 12% ครองเบอร์ 3 และในช่วงครึ่งปีแรกไฮเออร์สามารถเติบโตถึง 31% ทำรายได้ 3,500 ล้านบาท และคาดว่าครึ่งปีหลังจะเติบโตไม่น้อยกว่า 34% เป็น 2,630 ล้านบาท ดังนั้นจึงมั่นใจว่ารายได้ทั้งปีจะทะลุ 6,212 ล้านบาท เติบโตรวม 38% ตามที่ตั้งเป้าไว้

โดยในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ตลาดแอร์มีมูลค่า 27,000 ล้าบาท เติบโต 6% โดยไฮเออร์เติบโต 23% มีสัดส่วน 12% เป็นเบอร์ 3, ตลาดตู้เย็นมี 13,000 ล้านบาท ติดลบ 3% แต่ไฮเออร์เติบโต 50% มีสัดส่วน 9.5% เป็นเบอร์ 6, ตลาดเครื่องซักผ้า 13,000 ล้านบาท ติดลบ 4% ไฮเออร์เติบโต 75% มีสัดส่วน 10% ขึ้นเป็นเบอร์ 3 และ ตลาดตู้แช่ 4,700 ล้านบาท โต 3% ไฮเออร์โต 43% มีสัดส่วน 12%

“ปัจจัยที่ทำให้เราเติบโตได้ในครึ่งปีแรกมองว่ามาจากเรามีการเตรียมตัวก่อนเกิด Covid-19 ในแง่ผลิตภัณฑ์ มีการวางแผนซับพลายสินค้าไม่ให้ขาด เพราะเรามองว่าเป็นโอกาส ขณะที่แบรนด์อื่นเบรกจะซับพลายสินค้า” จาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

จาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

สานต่อแผนเดิม พร้อมดันตลาดกลาง-บน

เนื่องจากแผนงานช่วงต้นปีสำเร็จตามเป้า ดังนั้นมองว่าสามารถนำมาปรับต่อได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยจะเริ่มจากการสานต่อโครงการ “เย็นดีแค่ 4 บาท” โดยที่ผ่านมามีผู้ที่สนใจเกือบ 1 หมื่นคน และในเดือนกรกฎาคมคาดว่าจะติดตั้ง 1,000 เครื่อง และในปีหน้าจะขยายไปที่ BTU อื่น ๆ รวมถึงโปรดักส์อื่น ๆ รวมถึงผลักดันตลาดอีคอมเมิร์ซ โดยในช่วง Covid-19 ที่ผ่านมาเติบโตจากปกติเกือบ 400% ปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วน 12% ของยอดขายทั้งหมด

ในปีนี้ ไฮเออร์ได้วางงบการตลาดไว้ 170 ล้านบาท อีกทั้งจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ โดยจะเน้นที่สินค้ากลุ่ม IoT เพราะหลายแบรนด์พูดถึง แต่ยังไม่มีผู้เล่นรายไหนทำตลาดจริงจัง และจากนี้จะเน้นสินค้ากลุ่มกลาง-บน โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนจากกลุ่มนี้ที่ 30% เป็น 50% และจะเพิ่มทีมเซลล์จาก 100 คนเป็น 120 คน ส่วนตัวแทนจำหน่ายจาก 700 รายเป็น 850 ราย

“เราต้องการขายสินค้าที่มีแวร์ลู่มากขึ้น เพราะความต้องการของผู้บริโภคไม่ได้เติบโตตาม แต่เขาพร้อมจะจ่าย หากสินค้ามีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการ ส่งผลให้ตลาดพรีเมียมเติบโตประมาณ 15% ดังนั้น แผนครึ่งปีแรกกับครึ่งปีหลังคงไม่ต่างมาก ไม่ว่าจะรุกอีคอมเมิร์ซ พยายามโปรโมทสินค้ากลุ่ม IoT โดยพยายามทำให้ตัวแทนจำหน่ายและผู้บริโภคทำความเข้าใจในสินค้ามากขึ้น มีการวางดิสเพลย์สินค้าเหล่านี้มากขึ้น” 

ตั้งเป้า 3 ปี ขึ้นเบอร์ 1 ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า

ไฮเออร์วางเป้าหมายระยะยาวในไทยภายใน 3 ปี จากนี้จะต้องขึ้นเป็นผู้นำตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยให้ได้ด้วยยอดขายรวมกว่า 10,000 ล้านบาท โดยอีกจุดแข็งที่ทำให้เชื่อมั่นว่าจะสร้างการเติบโตได้คือ การมีโรงงานผลิตในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นส่วน R&D ที่ทำให้บริษัทเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคไทย โดยปัจจุบัน โรงงานดังกล่าวได้ซับพอร์ตทั้งจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย ดังนั้น บริษัทจะสามารถนำสินค้าอื่น ๆ มาเสริมทัพได้ในอนาคต

]]>
1289165
Daikin ทำได้! โตแรงเจ้าเดียวในวันที่นักวิชาการเตือน “แอร์” เสี่ยง COVID-19 https://positioningmag.com/1285544 Sun, 28 Jun 2020 14:33:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1285544 แม้นักวิชาการญี่ปุ่นจะออกโรงเตือนผู้ใช้เครื่องปรับอากาศ ว่ามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ COVID-19 แต่แอร์ไดกิ้น หรือ Daikin Industries Ltd. เป็นยักษ์ใหญ่เครื่องปรับอากาศเจ้าเดียวในแดนอาทิตย์อุทัยที่ยอดขายโตกระฉูดในยุคที่โลกยังไม่มีวัคซีนกันโควิด 

ภาวะโลกร้อนที่กำลังเล่นงานญี่ปุ่นจนร้อนอบอ้าว ยังช่วยเสริมความพีคให้ Daikin ทำสถิติ 8 ปีโตต่อเนื่อง 700% ด้วย ขึ้นแท่นผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศรายใหญ่ที่สุดในโลกด้วยมูลค่าตลาด 5 ล้านล้านเยน หรือราว 1.4 ล้านล้านบาท โดยหุ้น Daikin ขยายตัวขึ้นอีก 15% ในปีนี้ 

ภาพรวมธุรกิจที่สวยงามทำให้ Daikin เป็นกรณีศึกษาระดับโลกที่น่าสนใจ เพราะเมื่อมีคำเตือนจากู้เชี่ยวชาญ ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยจึงสนใจอยากรู้ว่าเครื่องปรับอากาศทำงานอย่างไร และต้องเลือกใช้รุ่นใดจึงสามารถช่วยป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสได้ ขณะเดียวกัน การที่ญี่ปุ่นเข้าสู่ฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงพีคที่มีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศใหม่มากที่สุด ทั้ง 2 ภาวะรวมพลังจนทำให้ Daikin กวาดยอดขายถล่มทลาย เพราะการโชว์ฟีเจอร์ไม่เหมือนใครของเครื่องปรับอากาศ Daikin ที่สามารถนำอากาศภายนอกเข้ามาหมุนเวียนภายในได้

กรณีของ Daikin ยังชัดเจนว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 มีผลให้ความต้องการในตลาดเครื่องปรับอากาศเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเมื่อผู้บริโภคจำนวนมากพยายามศึกษาหลักการทำงานของเครื่องปรับอากาศที่จะลดความเสี่ยงของโควิด ทำให้ผู้คนเมินเครื่องส่วนใหญ่ที่หมุนเวียนอากาศภายในอาคารเท่านั้น แล้วหันไปสนใจ Daikin ที่มีสินค้ารุ่นใหม่ตระกูล Urusara X เครื่องปรับอากาศรุ่นเดียวในตลาดที่ช่วยฟอกอากาศภายในอาคารโดยหมุนเวียนอากาศจนความเสี่ยงลดลง

โกยส่วนแบ่งตลาดอื้อ

แม้ Daikin จะย้ำว่าเครื่องปรับอากาศตระกูล Urusara ไม่ได้กำจัดอากาศภายในอาคารออกไปภายนอก และแนะนำให้ใช้ร่วมกับการเปิดหน้าต่างเป็นระยะ แต่ในฐานะที่ Urusara X เป็นรุ่นเดียวที่มีความสามารถนี้ Daikin จึงสามารถคว้าส่วนแบ่งตลาดเครื่องปรับอากาศในที่พักอาศัยได้มากกว่า 18% และเห็นความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นชัดเจน 

หากพิจารณาในเว็บไซต์เปรียบเทียบราคารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น พบว่าเครื่องปรับอากาศรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือรุ่นที่ติดตั้งเทคโนโลยีฟอกอากาศฆ่าเชื้อของ Daikin ซึ่งมีราคาขายปลีกสูงถึง 180,000 เยน (ราว 52,000 บาท)

มาซายูกิ คูโบตะ นักยุทธศาสตร์หัวหน้าสถาบันวิจัยเศรษฐกิจหลักทรัพย์ Rakuten Securities Economic Research Institute วิเคราะห์ว่าความสำเร็จของ Daikin เป็นการตอกย้ำความเด่นของอุตสาหกรรมญี่ปุ่นในตลาด “white goods” ระดับโลก หรือกลุ่มสินค้าซักฟอกให้ขาวสะอาด ทั้งเครื่องซักผ้าและล่าสุดคือเครื่องปรับอากาศ ที่บริษัทญี่ปุ่นครองตลาดโลกได้แข็งแกร่งที่สุด

ปัจจุบัน Daikin ดำเนินธุรกิจและขายสินค้าในกว่า 150 ประเทศ ท่ามกลางโรงงานผลิตมากกว่า 100 แห่งทั่วโลก จำนวนโรงงานนี้เป็นข้อได้เปรียบให้ Daikin ในวันที่กระบวนการโลจิสติกส์ทั่วโลกถูกดิสรัปต์เพราะการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ 

Daikin ปรับตัวเร็ว

ทีมผู้บริหารของ Daikin ที่นำโดยท่านประธาน มาซาโนริ โทงาวะ ยังได้รับการยกย่องเรื่องการตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อการระบาดของ COVID-19 ซึ่ง Daikin ประกาศชัดในงานประกาศผลประกอบการณ์บริษัทครั้งล่าสุด ถึงรายละเอียดแผนการใช้ประโยชน์จากตลาดที่เปลี่ยนแปลง และการเร่งทำกลยุทธ์การตลาดเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้นช่วงหลังโควิด-19 อย่างเป็นขั้นเป็นตอนจนได้รับการยกย่องจากนักวิเคราะห์ทั่วโลก

แม้สถานะการแข่งขันของ Daikin จะมีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้นในโลกหลัง COVID-19 แต่การคาดการณ์ของ Daikin ในปีนี้กลับอยู่ในระดับต่ำกว่าแผนที่ประเมินไว้ในปี 2561 คาดว่าผลกำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ 150 ล้านล้านเยน จากรายได้รวม 2.33 ล้านล้านเยน

ปรบมือเสียงดังให้ Daikin จ้า.



ที่มา : 

]]>
1285544
ส่อง 5 Item ที่ (ไม่) จำเป็น แต่ดันขายดีช่วง COVID-19 https://positioningmag.com/1279653 Wed, 20 May 2020 12:19:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1279653 ในช่วงวิกฤติ COVID-19 อย่างนี้ ถ้าสินค้าอุปโภคบริโภคหรือแมสกับเจลแอลกอฮอล์ที่ขายดีจนขาดตลาดคงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่จริงไหม? แต่กลับมีสินค้าบางอย่างที่ไม่ได้เกี่ยวกับการป้องกันหรือเอาชีวิตรอดใด ๆ แต่กลับขายดีสุด ๆ ซึ่งก็น่าจะเป็นผลมาจากการที่ ว่าง เกินไป ไม่ว่าจะกระแสการเล่น ‘TikTok’ หรือแม้แต่การปลุกสัญชาตญาณการเป็น ‘เชฟ’ ในช่วงกักตัวนี้ จนถึงขั้นมีวลีที่ว่า “เพื่อนในโซเชียลไม่เป็นแดนซ์เซอร์ก็เป็นเชฟ”

ดังนั้นไปส่องกัน ว่ามีอะไรที่ไม่ได้จำเป็น ใน COVID-19 แต่กลับ ฮิต จนของขาดตลาดกันบ้าง

Game

ปฎิเสธไม่ได้ว่า ‘Game’ เป็นหนึ่งในไอเทมที่ใช้แก้เหงา แก้เบื่อได้อย่างดี เพราะเล่นแต่ละครั้งอย่างต่ำก็ใช้เวลาหลักชั่วโมง ดังนั้นไม่น่าแปลกใจเลยที่จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในช่วง COVID-19 นี้ อย่าง ‘Nintendo Switch’ จากราคาหมื่นต้น ๆ ยังสามารถพุ่งทะลุ 2 หมื่นเลยทีเดียว และไม่ใช่แค่เกม แต่อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ก็ขายดี อย่าง Ring Fit ที่เคยขายประมาณ 2,000 กว่าบาท ราคากลับพุ่งแตะ 6,000 บาทเลยทีเดียว โดยข้อมูลจาก ‘Prizcea’ ได้ระบุว่ายอดคลิกสินค้าประเภทอุปกรณ์เสริมเกมเติบโตถึง 299% เลยทีเดียว ส่วนเครื่องเกมเติบโต 39%

เครื่องครัว

จริง ๆ ไม่ใช่แค่ม้อทอดไร้น้ำมันอย่างเดียวที่ขายดี แต่เพราะสัญชาติญาณความเป็น ‘เชฟ’ ที่ถูกปลุกขึ้นในช่วงกักตัว เพราะออกไปทานข้างข้างนอกก็ไม่ได้ จะใช้บริการเดลิเวอรี่ก็สั่งจนจะครบทุกร้าน ประกอบกับเวลาว่างที่มีเพียบ จึงส่งผลให้ ‘เครื่องครัว’ หลายอย่างขายดีอย่างมาก ทั้งอุปกรณ์ทำอาหารและอุปกรณ์เตรียมอาหาร รวมไปถึงจานชามต่าง ๆ โดย ‘Ikea’ ระบุว่าสินค้าหมวดเครื่องครัวเติบโตถึง 500% เลยทีเดียว และจากตัวเลขของ Prizcea ระบุว่า หม้อและกระทะไฟฟ้ามีการเข้าชมเพิ่มขึ้น 197% ไมโครเวฟและเตาอบเพิ่มขึ้น 50% อุปกรณ์เตรียมอาหารเพิ่มขึ้น 35% นอกจากนี้ ตู้เย็น ก็มีการคลิกเพิ่มขึ้นถึง 133% เลยทีเดียว

อุปกรณ์ไลฟ์สตรีมมิ่ง

ทั้งกระแส TikTok เอย การ ไลฟ์สดขายของ เอย หรือกระเเสการดู Netflix เอย ทำให้อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับไลฟ์สตรีมและดูคอนเทนต์เติบโตไปตาม ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นกล้อง, หูฟัง, ไฟวงแหวน หรือ Ring Light ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ขนาดที่ พีท ทสร บุณยเนตร Executive Creative Director จาก Wunderman Thompson Thailand บ่นอุบว่า “ทีมผมหาซื้ออุปกรณ์ไลฟ์สตรีมไม่ได้” โดยข้อมูลจาก Prizcea เองก็ระบุว่า จำนวนการคลิกชม ‘หูฟัง’ เพิ่มขึ้น 48%

ต้นไม้

ด้วยมาตรการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ รวมถึง Work from Home ทำให้คนไทยอยู่บ้าน ใช้ชีวิตแบบหยุดนิ่งมากขึ้น ไม่มีการเคลื่อนที่เท่าไหร่นัก ดังนั้น การจะมองแต่มุมเดิม ๆ ซ้ำ ๆ คงเบื่อเป็นธรรมดา ดังนั้นจึงต้องหา ‘ไอเทม’ ใหม่ ๆ มาเสริมให้บ้านน่าอยู่สักหน่อย แม้ของแต่งบ้านจะมีเยอะ แต่ที่สามารถหาง่าย ๆ คงหนีไม่พ้น ‘ต้นไม้’ โดยเฉพาะที่เป็นต้นเล็ก ๆ ดูแลง่าย  ๆ โดย Hot ขนาดที่ต้นไม้ติด Top 5 สินค้าขายดีของ Ikea เลยทีเดียว หรือแม้แต่พ่อค้า-แม่ค้าที่ ตลาดจตุจักร ที่หลังจากเปิดตลาดมาก็ยืนยันว่าขายดีขึ้น 3-4 เท่าเลยทีเดียว

แอร์และเครื่องกรองอากาศ

ไม่ได้เกี่ยวกับ COVID-19 ไม่ใช่ของแต่งบ้าน หรือใช้แก้เบื่อแต่อย่างใด แต่ใช้เอาตัวรอดจากสภาพอากาศประเทศไทยล้วน ๆ เพราะตอนนี้ทะลุ 38 องศาเลยทีเดียว และยิ่งต้องอยู่แต่บ้าน ห้างฯ ก็เดินไม่ได้ ออฟฟิศก็ไม่ได้เข้า ดังนั้นจะมีเหตุผลอะไรอีกที่ทำให้ไม่ซื้อแอร์ล่ะจิงไหม (ไม่รวมเงินในกระเป๋าที่ไม่พอนะ) โดยเครื่องฟอกอากาศ Priceza ระบุว่ามีการคลิกชมสินค้าเพิ่มขึ้น 157% ส่วนแอร์เพิ่มขึ้น 5%

มีไอเทมไหนบ้าง ที่เสียเงินในช่วงกักตัวกันบ้าง ลองมาแชร์กันได้เลย

]]>
1279653
พริบตา วงศ์อนวัช กับบันไดสำเร็จ 5 ขั้น ดัน N-SAVE ลบคำสาปประหยัดไฟแอร์ไม่เย็น https://positioningmag.com/1168626 Sun, 06 May 2018 07:20:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1168626 บ้านใครติดแอร์เกิน 1 เครื่อง แล้วเบื่อเวลาเห็นบิลค่าไฟ ต้องรู้จักผู้หญิงคนนี้ไว้ พริบตา วงศ์อนวัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นอาร์จีเอ็ม จำกัด ผู้ผลิตและเจ้าของนวัตกรรม N-SAVE อุปกรณ์เพิ่มประสิทธิภาพที่ทำให้แอร์เย็นจัดแต่ประหยัดไฟ แถมรักษ์สิ่งแวดล้อม เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคทุกสมัยที่ใช้แอร์

ก่อนหน้านี้ถ้าใครค้นหาชื่อของเธอในกูเกิล ข้อมูลที่พบจะเห็นเป็นบทสัมภาษณ์ในฐานะนักเรียนคอร์สภาษาญี่ปุ่นของอาจารย์แบงก์ ที่สัมภาษณ์ถึงประสิทธิภาพการเรียนการสอนในชั้นเรียน แต่ตอนนี้บทบาทเธอเติบโตอย่างรวดเร็วสมยุคสตาร์ทอัพ (Start Up) เพราะในช่วง 2 ปีกับเงินลงทุน 1 ล้าน ทำให้เธอกลายเป็นสตาร์ทอัพเล็ก ๆ รายหนึ่งที่น่าจับตา

วันนี้นอกจากรายได้สุทธิในกระเป๋าของบริษัทน้องใหม่รายนี้ที่มีเงินสะสมถึง 22.4 ล้านบาทภายในเวลาเพียง 2 ปี กับนวัตกรรม N-SAVE ที่เปิดให้บริการโดนใจคนใช้แอร์ไม่อยากเปลืองไฟ เธอยังแบ่งปันประสบการณ์ 5 ขั้น ที่ต้องผ่านไปให้ได้ก่อนจะประสบความสำเร็จในวันนี้ ให้ทุกคนได้เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน

เคล็ดลับขั้นที่ 1 อุปสรรคคือบททดสอบ แต่ถ้าไม่อยากติดค้างความฝันในใจ ต้องไม่ล้มเลิกก่อนสำเร็จ

สิ่งที่พริบตาเจอคือการเป็นสตาร์ทอัพ ไม่ว่าหน้าไหนก็ต้องเจอบทอุปสรรคและผ่านความรู้สึกท้อแท้เหมือนกัน วันหนึ่งเมื่อเธอมีโอกาสได้พูดคุยกับ นาวิน แสงสระศรี ผู้คิดค้นและวิจัยนวัตกรรม N-SAVE ของบริษัท วันแรกที่เจอกันคือวันที่นาวินกำลังรู้สึกหมดไฟและกำลังคิดจะเลิกทำธุรกิจ

“นก (ชื่อเล่นของพริบตา) บอกเขาว่า คนที่ล้มเลิกในวันที่ล้มเหลวมีมาก แต่ถ้าวันนี้เราต่อสู้จนสำเร็จในจุดที่สูงสุด แล้วค่อยวางมือจากไป นอกจากจะไม่ติดค้างใคร ก็ยังไม่ต้องติดค้างความฝันในใจของตัวเองด้วย”

ข้อดีของสตาร์ทอัพคือเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินจำนวนน้อย แต่ต้องอาศัยความเพียรมาก กำลังใจที่เธอให้กับนาวินในวันนั้น คือดึงจิตวิญญาณของความเป็นครูของนาวินให้ฮึดขึ้นมา โดยบอกว่า ถ้าเขาสามารถคิดค้นนวัตกรรมขึ้นมาเองก็จะเป็นแบบอย่างของเด็กรุ่นหลัง แล้วความสำเร็จที่ได้รับก็ทำให้คุณนาวินประสบความสำเร็จ และกลายเป็นแบบอย่างที่จับต้องได้ในวันนี้

อีกเทคนิคที่พริบตาใช้คู่กัน คือ วลีเด็ดที่ว่า “BEGIN WITH THE END IN MIND” จากหนังสือ 7 HABBITS ซึ่งหมายถึง “การวาดภาพความสำเร็จไว้ในใจแล้วไปให้ถึง” เพื่อให้รู้ว่าจะลากเส้นความสำเร็จจากจุดเริ่มต้นไปถึงปลายทางได้อย่างไร

“ทุกครั้งที่ท้อ วลีนี้จะทำให้จินตนาการถึงภาพที่เราเคยฝันเอาไว้ มีกำลังใจว่าอีกนิดเราก็จะถึงแล้ว และทำให้วันนี้บริษัทยังอยู่ต่อและประสบความสำเร็จได้”

เคล็ดลับข้อที่ 2 สินค้าคือหัวใจธุรกิจ ต้องสมบูรณ์และมีจุดอ่อนน้อยที่สุด

ไม่ว่าจะขายสินค้าหรือบริการ สินค้า (บริการ) คือหัวใจหลักที่จะสร้างรายได้และการเติบโตให้กับบริษัท เพราะฉะนั้นจะต้องทำให้สมบูรณ์ที่สุดและปิดจุดอ่อนให้เหลือน้อยที่สุด หรือตอบโจทย์ลูกค้าให้มากที่สุด และต้องไม่หยุดการพัฒนา

“N-SAVE เป็นนวัตกรรมที่หลายคนต่อต้านในช่วงแรก เพราะมองว่านวัตกรรมด้านการประหยัดพลังงานมีมากมาย ฟังกันจนเบื่อแล้วก็ไม่เชื่อว่าประหยัดได้จริงไหม หลอกกันหรือเปล่า ใช้กับแอร์บางคนก็ว่าประหยัดได้จริงแต่แอร์ไม่เย็น”

เมื่อ Pain Point ของลูกค้าเป็นแบบนี้ N-SAVE จึงต้องเลือกที่จะทำให้ประหยัดไฟและทำให้แอร์เย็นสวนทางกับเพอร์เซ็ปต์ชั่นที่มีอยู่ แถมเพิ่มเติมหมัดแย็บด้วยการใส่ใจให้แอร์สามารถยืดอายุการใช้ได้นานขึ้นถ้าติด N-SAVE

หลักการทำงานของ N-SAVE คือการใช้ “น้ำทิ้ง” ซึ่งปกติจะไหลทิ้งสมชื่อให้กลับเข้ามาหมุนเวียนในกล่อง N-SAVE จินตนาการตามง่าย ๆ ให้นึกถึงตอนฝนตกแอร์จะเย็นจนหนาวเพราะฝนตก N-SAVE ก็เอาเจ้ากล่องรับน้ำทิ้งไปติดตั้งที่คอยล์ร้อนของแอร์เมื่อน้ำทิ้งเข้ามาในกล่องก็ทำให้คอยล์ร้อนเย็นขึ้น และทำให้แอร์ด้านในเย็นเร็ว เย็นจัด ตัดไฟไว้ขึ้น เพียงเท่านี้ก็ช่วยประหยัดค่าไฟได้ 30-40% เรียกว่าเป็นระบบติดแอร์ให้กับแอร์อีกที

“ฉะนั้นสำหรับนก N-SAVE เปรียบเสมือนเครื่องปั๊มเงิน ในทุกๆ ครั้งที่เราเปิดแอร์ น้ำที่เราเคยปล่อยทิ้ง เมื่อมันถูกกลับเข้ามาหมุนเวียนในกล่อง N-SAVE จะสามารถช่วยประหยัดไฟ ที่สำคัญ ทำให้เรานำเงินตรงนั้นไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้มากขึ้น”

ส่วนน้ำที่ไหลทิ้งเข้ามาในกล่องจะไม่ทำให้แอร์ผุ เพราะเป็นน้ำกลั่นบริสุทธิ์ที่ปลอดภัย

เคล็ดลับข้อที่ 3 สินค้าดีต้องขายให้เป็น ขายให้ดีต้องให้ถึงใจลูกค้า

สินค้าของบริษัทเป็นเรื่องของวิศวกรรม ฮาร์ดแวร์ เข้าไม่ถึงผู้หญิง แต่ผู้หญิงมีอำนาจตัดสินใจ ถ้าไม่เข้าใจก็มีสิทธิ์ไม่อนุมัติการซื้อ เพราะฉะนั้นต้องหาเทคนิคให้คนมีอำนาจตัดสินใจเข้าใจง่าย

“นกใช้วิธีพลิกโฉม รูปแบบการนำเสนอสินค้า ให้เป็นรูปแบบของออนไลน์ทั้งหมด แล้วทำให้ลูกค้าเข้าใจมากขึ้น แล้วสร้าง ดร.เอ็น ขึ้นมาเป็นผู้ช่วยในการขาย แล้วเน้นพูดในสิ่งที่ลูกค้าอยากฟัง

ดร.เอ็น เป็นคนหนึ่งคน ตัวเล็กๆ น่ารัก มุ้งมิ้ง ที่สามารถนำเสนอเทคโนโลยี N-SAVE ให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากที่สุด ซึ่งลูกค้ากว่า 80% ของบริษัทตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นรายเล็กรายใหญ่ ตอนนี้มาจากออนไลน์ ดร.เอ็น จึงเป็นตัวแทนขายที่ให้ผลเข้ากับยุคดิจิทัล และตอบโจทย์ของเทคสตาร์ทอัพไปพร้อมกัน

เคล็ดลับข้อที่ 4 สินค้าต้องเป็นยูนิเวอร์แซลและกระจายให้ทั่วถึง

“เราออกแบบ N-SAVE ให้เหมือนเคสมือถือ หมายความว่า N-SAVE จะต้องไปติดตั้งได้กับแอร์ทุกยี่ห้อ ทุกแบรนด์ และจะต้องติดตั้งง่าย และ maintenance ง่าย”

ที่สำคัญดูแลง่าย และตอนนี้ก็ได้รับความพอใจตอบรับจากผู้ใช้ประเภทองค์กรดังหลายบริษัท เช่น ปตท. เอสซีจี ซึ่งเป็นบริษัทฯ ที่พริบตาเคยทำงานด้วยมาก่อน

“นอกจากติดตั้งให้ลูกค้าใช้งาน เราก็เข้าไปหาองค์กรเหล่านี้เพื่อทำการวิจัยร่วมกันและได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ที่ SCG เราประหยัดไปกว่า 56% สำหรับการใช้งานของเก็บเซิร์ฟเวอร์ แต่การใช้งานในห้องทำงานที่มีคนทำงานปกติ อัตราการประหยัดไฟส่วนใหญ่จะอยู่เฉลี่ยที่ 30-40%”

ยอดขายตอนนี้ของ N-SAVE จาก 10 เครื่องในปีแรก เข้าสู่ปีที่ 3 รวมแล้วช่วยประเทศไทยประหยัดค่าไฟลงได้ 42 ล้านบาท (รวม 3 ปี)

“ฉะนั้นถ้าคนไทยติด N-SAVE ล้านเครื่องก็จะช่วยลดการใช้ไฟได้ถึง 500 เมกะวัตต์ หรือเท่ากับกำลังการผลิตไฟจากโรงไฟฟ้าเล็ก ๆ 1 โรงเลยทีเดียว”

เคล็ดลับข้อที่ 5 ข้อสุดท้าย สินค้าต้องได้มาตรฐาน ถูกต้องตามกฎหมาย

ในอดีตหรือแม้แต่ในปัจจุบัน ตลาดไทยเคยมีทั้งการประหยัดไฟด้วยวิธีการโกงค่าไฟสารพัดวิธี การบอกว่าอยู่ ๆ จะช่วยประหยัดไฟได้ขนาดนี้ N-SAVE ก็ถูกมองประเด็นนี้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นอีกสิ่งที่สำคัญมากในการสร้างธุรกิจข้อสุดท้ายจากคำแนะนำของพริบตา เธอแนะนำว่า

ต้องคล่องกฎหมาย ถึงจะขยายธุรกิจได้อย่างปลอดภัย

เพราะโดยทั่วไปคนที่มุ่งแต่ขยายธุรกิจ อาจจะลืมตระหนักไปว่า จะขยายให้ปลอดภัย ไอเดียที่ใช้ในการสร้างธุรกิจ ต้องคิดถึงการจดสิทธิบัตรไว้ด้วย อย่ามองว่าเป็นเรื่องไกลตัวหรือยุ่งยากว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรมากมาย

“เรื่องความถูกต้องทางกฎหมายเป็นสิ่งที่ต้องทำเร่งด่วน และเป็น First priority ที่ต้องคิดถึง เวลามีไอเดียในการทำธุรกิจ ควรต้องไปจดสิทธิบัตร ไว้ก่อน”

พริบตาแชร์ประสบการณ์ตรงว่า ทุกครั้งที่ไปจดสิทธิบัตร มักจะพบคนที่มีปัญหาถูกขโมยผลงานอยู่เสมอ เพราะคนคิดไม่ได้จด แต่คนจดไม่ได้คิด จึงอยากให้ตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก โดยให้คิดเสมอว่า “ทรัพย์สินทางปัญญา ถือเป็นทรัพย์สินชนิดหนึ่งของเรา”

ฟัง 5 ขั้นตอน ที่ดูเหมือนไม่ยาก แต่ก็ไม่มีธุรกิจอะไรที่ประสบความสำเร็จผ่านแต่ละขั้นไปได้ง่าย ๆ วันนี้ถ้าคุณผ่านข้อไหนไปแล้วสักข้อ ก็จงให้กำลังใจตัวเองเถิดว่า อย่างน้อยคุณก็ประสบความสำเร็จไปแล้วอย่างน้อย 20% หรือ 1 ใน 5 เลยทีเดียว.

]]>
1168626