สำหรับตลาดกระทะในประเทศไทยมีมูลค่าอยู่ราว 4,000-5,000 ล้านบาท โดยที่กระทะเคลือบยังเป็นสัดส่วนน้อย แต่มีอัตราการเติบโตสูง เพราะด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เทรนด์เรื่องการดูแลสุขภาพ การกินคลีน ทำให้กระทะเคลือบเป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะไม่ต้องใช้น้ำมัน อีกทั้งยังทำความสะอาดง่าย

เพราะฉะนั้นโอกาสในการทำตลาดในประเทศไทยยังมีอีกมาก ทำให้มีผู้เล่นเข้ามาอีกหนึ่งรายด้วยแบรนด์ “โคโคเบนเน่” กระทะเคลือบจากประเทศเกาหลีเช่นกัน โดยบริษัท เอเชีย แปซิฟิค เทรด จำกัด เป็นผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายโคโคเบนเน่ในประเทศไทย แต่เดิมเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าครัวเรือน หรือสินค้าตกแต่งบ้านมาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว แต่มองเห็นโอกาสในตลาดกระทะเคลือบ จึงลงมาเล่นอีกราย

แม้จะมาทีหลังแต่โคโคเบนเน่ได้ชูดจุดเด่นที่กระทะที่มีความกว้าง และความลึกของก้นกระทะกว่าคู่แข่ง โดยมีความกว้างที่ 30-32 เซนติเมตร และก้นกระทะลึก 8.5-11 เซนติเมตร พร้อมกับมีฝาปิด ทำให้สามารถทำอาหารได้หลากหลายทั้งทอด ต้ม ผัด ไม่ได้จำกัดแค่ทอดหรือผัดอย่างเดียว

ชีเชียง หลี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย แปซิฟิค เทรด จำกัด กล่าวว่า

ได้ศึกษาตลาดในประเทศไทยพบว่ายังมีการเติบโตของเทรนด์การดูแลสุขภาพ และนิยมกินคลีนกันมากขึ้น คนรุ่นใหม่ก็หันมาทำอาหารมากขึ้น ทำให้ยังมองเห็นโอกาสในการทำตลาดในไทยอยู่

ถ้ามองในตลาดรวมทั้งหมด ในไทยตอนนี้มีแบรนด์กระทะเคลือบอยู่ทั้งหมด 5 แบรนด์ แต่มีแบรนด์ใหญ่อยู่ 2 แบรนด์ก็คือ กระทะวู้ดดี้ และกระทะแพนเค้ก “สุรชัย ก้อนแก้ว” ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเชีย แปซิฟิค จำกัด ได้เสริมว่า ถึงแม้จะเข้ามาช้ากว่าแบรนด์อื่น แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีพฤติกรรมที่จะซื้อซ้ำ แม้ว่าจะมีของแบรนด์อื่นอยู่แล้ว เพราะบางคนมองเห็นแค่ในออนไลน์อาจจะไม่กล้าซื้อ หรือซื้อมาแล้วอาจจะไม่ถูกใจ

โคโคเบนเน่จึงมีช่องทางขายผ่านโมเดิร์นเทรดเข้ามาเสริมเพื่อให้ผู้บริโภคได้ทดลอง ปัจจุบันมีจำหน่ายผ่านเดอะมอลล์ และบิ๊กซี รวมทั้งช่องทางเว็บไซต์ชอปปิ้งออนไลน์ แคตตาล็อกฟรายเดย์, ทีวีไดเร็ค, 24Shop และลาซาด้า ที่เป็นคู่ค้ากันมาอยู่นานแล้ว 

เบื้องต้นได้ใช้งบการตลาด 20 ล้านบาท เน้นออกบูท สื่อออนไลน์ และโปรโมชั่น ในปีนี้ได้ตั้งเป้ายอดขาย 100 ล้านบาท และมีการเติบโต 100% พร้อมกับตั้งเป้ามีส่วนแบ่งการตลาด 50% ของตลาดกระทะเคลือบ

เตรียมทาบ “ชาคริต” เป็นพรีเซ็นเตอร์

อย่างที่ทราบกันดีว่าในตลาดกระทะเคลือบเกาหลี ผู้เล่นในตลาดล้วนแต่มีพรีเซ็นเตอร์ทั้งสิ้น เพื่อเป็นการสร้างการจดจำได้อย่างรวดเร็ว โคโคเบนเน่ได้เตรียมทาบ “ชาคริต แย้มนาม” ขึ้นแท่นเป็นพรีเซ็นเตอร์เช่นกัน โดยที่ในงานเปิดตัวกระทะได้เชิญชาคริตมาร่วมงาน พร้อมกับแสดงทำอาหารบนเวที

เพียงแต่ชาคริตขอใช้เวลาในการตัดสินใจในการเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่ก็มีแนวโน้มเป็นไปได้สูง ในอนาคตอาจจะได้เรียกว่า “กระทะชาคริต” อีกแบรนด์หนึ่งก็เป็นได้

นอกจากกลยุทธ์การใช้พรีเซ็นเตอร์แล้ว โคโคเบนเน่ยังเตรียมเจาะกลุ่มร้านอาหารเล็กๆ เพิ่มเติมอาจจะเป็นร้านชาบู ในตอนนี้กำลังเริ่มฟอร์มทีมในการหาตัวแทนจำหน่ายในการเข้าร้านอาหารต่างๆ เป็นการขยายกลุ่มลูกค้าเพิ่มเติมด้วย