กลุ่มธุรกิจโบนันซ่า เขาใหญ่ ต่อยอดความสำเร็จโครงการโมเมนโต้ เขาใหญ่ เฟสแรกที่มียอดขายไปแล้ว 70% มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท เดินหน้าเปิดโครงการใหม่ เดอะ เซอเรโน่ บาย โบนันซ่า ทาวน์โฮมหรู 3 ชั้นและ 3 ชั้นครึ่งพร้อมที่จอดรถ จำนวน 79 ยูนิต ราคาเริ่มต้นเพียง 5.4 ล้านบาท บนทำเลทองแจ้งวัฒนะที่มีศักยภาพสูง มีแนวโน้มเป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ และมีโอกาสเติบโต ชูจุดขายจำนวนยูนิตไม่มาก ไม่แออัด กว้างขวางด้วยพื้นที่มากกว่า 7 ไร่ ไม่พลุกพล่าน เดินทางสะดวกสบาย ใกล้ทางด่วน ใกล้สถานที่สำคัญ แหล่งบันเทิง และศูนย์การค้า
นายสงกรานต์ เตชะณรงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจโบนันซ่า เขาใหญ่ เปิดเผยว่า จากความสำเร็จของโครงการโมเมนโต้ เขาใหญ่ เฟสแรกที่มีผลตอบรับดีมาก มียอดขายแล้ว 70% มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท และตอนนี้ก็เตรียมเปิดเฟสสองเรียบร้อยแล้ว ความสำเร็จดังกล่าวได้สร้างความมั่นใจให้กับเราและทีมงานที่มุ่งมั่นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวคนรุ่นใหม่ ล่าสุด เราได้พัฒนาโครงการทาวน์โฮม เดอะ เซอเรโน่ บาย โบนันซ่า บนทำเลแจ้งวัฒนะ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนกรุงเทพฯ ที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่ให้ความสบายกาย สบายใจ ไม่แออัด มีความเป็นส่วนตัวสูง สงบ ร่มรื่น เดินทางสะดวก ใกล้ที่ทำงาน ศูนย์การค้า แหล่งบันเทิง มีความปลอดภัย
“จากความพร้อมและศักยภาพที่เรามี ทำให้เราตัดสินใจขยายการลงทุนเข้ามาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หลังจากที่ประสบความสำเร็จในพื้นที่เขาใหญ่มาแล้ว ซึ่งข้อได้เปรียบหนึ่งของเราคือมีที่ดินบนทำเลนี้อยู่แล้ว ทำให้สามารถพัฒนาโครงการได้ทันที ที่สำคัญเรามีทีมงานคุณภาพ ทั้งวิศวกร สถาปนิก มัณฑนากร ทีมการตลาดและการขายมืออาชีพ มีประสบการณ์สูง และผ่านงานโครงการใหญ่มาแล้วทั้งสิ้น ทำให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการ ทั้งในแง่การตลาดและเติมเต็มความต้องการของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์” นายสงกรานต์ กล่าว
ทั้งนี้ นายสงกรานต์ มองว่าแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครยังมีโอกาสเติบโตได้อีก ซึ่งผู้ประกอบการสามารถที่จะพัฒนาโครงการที่สร้างความโดดเด่น เพื่อสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้น เป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับผู้บริโภค และความพิเศษของกลุ่มธุรกิจโบนันซ่า นอกจากจะตอบสนองความต้องการด้านการพักอาศัยแล้ว ทำเลที่ตั้งและสังคมในชุมชนภายในโครงการก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน นอกจากนี้ยังมีความพร้อมในทุกด้านสำหรับการลงทุน ทั้งงบประมาณและบุคลากรคุณภาพที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการที่ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย
“สำหรับโครงการเดอะ เซอเรโน่ บาย โบนันซ่า มีจุดขายอยู่ที่จำนวนยูนิตไม่มาก คือ มีเพียง 79 ยูนิตเท่านั้น จึงทำให้ไม่แออัด ไม่พลุกพล่าน ด้วยความกว้างขวางของพื้นที่มากกว่า 7 ไร่ พื้นที่ใช้สอยของโครงการมีมากกว่าที่อื่นในโครงการขนาดเดียวกัน ทำเลที่ตั้งก็ถือว่าอยู่ในทำเลที่ดีสำหรับโครงการบ้านลักษณะนี้ ซึ่งปัจจุบันนั้นหาได้ยากการเดินทางก็สะดวกสบาย ใกล้ทางด่วน ใกล้ทั้งสถานที่สำคัญ แหล่งบันเทิง ศูนย์การค้า อาทิ ศูนย์ราชการ เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ บิ๊กซี โรงภาพยนตร์เมเจอร์ และอีกมากมาย นอกจากนี้ในอนาคตย่านแจ้งวัฒนะตอนต้นนี้จะกลายเป็นย่านเศรษฐกิจอีกย่านหนึ่งที่จะเจริญเติบโต และในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูผ่านในระยะทางใกล้กับโครงการ ทำให้เพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น” นายสงกรานต์ กล่าวเพิ่มเติม
รายละเอียดทั่วไปของโครงการเดอะ เซอเรโน่ บาย โบนันซ่า มูลค่าโครงการราว 500 ล้านบาท เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้นและ 3 ชั้นครึ่ง พร้อมที่จอดรถ จำนวน 79 ยูนิต (แบบ 3 ชั้นครึ่งมีชั้นลอยเป็น high ceiling แบบ loft unit) ราคาเริ่มต้น 5.4 ล้านบาท พื้นที่ใช้สอย 152 ตารางเมตร และ 166 ตารางเมตร มีระบบสาธารณูปโภคครบครัน อาทิ Club House สระว่ายน้ำ ฟิตเนส พื้นที่ส่วนกลางมีต้นไม้ให้ความร่มรื่น มีทางสำหรับจักรยาน ทางสำหรับเดินเท้า ดีไซน์เป็นธรรมชาติแนว modern tropical วัสดุที่ใช้ทั้งทันสมัยและเหมาะสมกับสภาพอากาศเมืองไทย ถือเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และเป็นแหล่งชาร์จพลังงานให้กับวิถีชีวิตคนเมือง
โปรโมชั่นพิเศษสำหรับการเปิด Pre Sales โครงการ แถมฟรีรถจักรยาน สำหรับผู้ซื้อทุกยูนิต ตอบรับกระแสการปั่นจักรยานเพื่อออกกำลังกายหรือนันทนาการที่กำลังเป็นที่นิยม นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับพื้นที่และสังคมในโครงการฯ ที่เอื้อต่อกิจกรรมดังกล่าว
นายสงกรานต์ กล่าวอีกว่า “ระยะเวลาในการ Pre Sales คือ 15 สิงหาคม เป็นต้นไป จนกว่าบ้านตัวอย่างจะเสร็จเรียบร้อย คาดว่าประมาณเดือนมกราคม 2557 สำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะเป็นกลุ่มลูกค้าระดับ B+ ขึ้นไป โดยมองไปที่กลุ่มครอบครัว ทั้งครอบครัวเก่าและครอบครัวใหม่ คือ ครอบครัวใหญ่ที่ขยายครอบครัว ลูกหลานมีครอบครัวเพิ่ม และครอบครัวสมัยใหม่ที่ออกมาอยู่เอง โดยนอกจากเป็นที่อยู่อาศัยแล้ว อาจทำเป็นสำนักงานก็ได้ ซึ่งในแง่ลูกค้าที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านและคอนโด จะเห็นว่าอย่างไรก็ตาม การเลือกโครงการที่เป็นบ้านย่อมคุ้มค่ากว่าแน่นอน”
“สำหรับโครงการอื่น ๆ ในอนาคต เรายังไม่ขอเปิดเผยในตอนนี้ แต่จะมีสิ่งที่น่าสนใจรอให้ติดตามอีกครั้งในช่วงปลายปี ทั้งนี้ อยากขอย้ำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าทุกโครงการโบนันซ่า เรามุ่งเน้นในเรื่องคุณภาพ โครงสร้างแข็งแรง คุ้มค่ากับการลงทุน ทั้งด้านทำเลที่ตั้ง วัสดุและการออกแบบ และสำหรับโครงการ เดอะ เซอเรโน่ บาย โบนันซ่า เป็นโครงการแรกในพื้นที่กรุงเทพฯ เราจึงมีความตั้งใจในทุกขั้นตอนของการทำงาน เพื่อที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า เพื่อชีวิตที่ดีมีคุณภาพของทุกคนในครอบครัว” นายสงกรานต์ กล่าวทิ้งท้าย
เป็นระยะเวลากว่า 3 ปีแล้ว ที่สงกรานต์ เตชะณรงค์ เข้ามาบริหาร “โบนันซ่า” รีสอร์ตพื้นที่กว่า 5,000 ไร่ บริเวณก่อนถึงอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในเขตอำเภอปากช่อง ต่อจากไพวงษ์ เตชะณรงค์ ผู้เป็นพ่อ ซึ่งบุกเบิกที่ดินผืนนี้ไว้ตั้งแต่สมัยเขายังเด็ก
ในยุคเปลี่ยนผ่านจากคลื่นลูกเก่าสู่เจนเนอเรชั่นใหม่ สงกรานต์กำลังปลุกปั้นให้อาณาจักรของตระกูลเป็น One-stop destinations ในเขาใหญ่ ที่มีกิจกรรมตอบความต้องการได้ในทุกกลุ่ม
ใครไม่เคยได้มาเยือนโบนันซ่าคงยากหากต้องนึกภาพของ “สงกรานต์ เตชะณรงค์” ในมาดสบายๆ ไม่ใช่หนุ่มสังคมไฮโซ เซเลบฯ มาดเนี๊ยบ พรีเซ็นเตอร์หน้าขาวใส และแฟนคนปัจจุบันของดาราสาวแอ๊ฟ ทักษอร
ที่โบนันซ่า หากไม่มีงานที่ต้องพบผู้ใหญ่ หรือเป็นทางการ เขามักแต่งตัวสบายๆ ในชุดกางเกงขาสั้น เสื้อยืด และรองเท้าผ้าใบ โดยมีเจ้าร็อคกี้ สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ตามติดอยู่ข้างกาย
ทุกวันนี้ สงกรานต์ใช้ชีวิตประจำวันส่วนใหญ่อยู่ที่นี่ โดยเวลาในแต่ละวันหมดไปกับสิ่งที่เขาเรียกว่า การลองผิด ลองถูก พลิกฟื้นผืนดิน และพัฒนาโบนันซ่า ให้สอดรับกับเทรนด์การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ที่ไม่ใช่แค่กรุ๊ปสัมมนา หรือแบ่งพื้นที่ขายเหมือนอย่างในสมัยก่อนอีกต่อไป
“โบนันซ่า ถือเป็นโรงเรียนทางธุรกิจสำหรับผม” สงกรานต์กล่าวระหว่างการพาทัวร์พื้นที่ต่างๆ ภายในโบนันซ่า สถานที่ที่เขาคุ้นเคยแต่เด็กหลังจากได้ติดตามผู้เป็นพ่อมายังผืนดินที่เคยเป็นไร่มันสำปะหลังมาก่อน ซึ่งปัจจุบันประกอบด้วย โรงแรมจำนวน 300 ห้อง สนามกอล์ฟ พื้นที่สำหรับบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียมขนาด 3 ชั้น Adventure Zone และบริเวณใหม่ที่กำลังปรับเตรียมพื้นที่สำหรับการสร้างสนามแข่งรถทางเรียบ
เหตุที่เรียกโบนันซ่าว่า “โรงเรียน” เพราะการดูแลโบนันซ่าในฐานะกรรมการผู้จัดการของสงกรานต์ ไม่ได้มีที่ปรึกษามากมายเหมือนอย่างบริษัทใหญ่ๆ แต่ทุกอย่างเกิดจากการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
ที่นี่ได้ช่วยล่อหลอมจากนักศึกษาปริญญาตรีจบใหม่ในสาขาการเงินจากนิวซีแลนด์ ให้เริ่มเรียนรู้การบริหารธุรกิจ และแนวคิดในการพัฒนาขุมทรัพย์ที่พ่อได้สร้างไว้ให้ จนกลายเป็นหนึ่งในนักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่ใครต่างก็จับตามอง
“ผมไม่เคยมีที่ปรึกษาในการดำเนินธุรกิจ ทุกอย่างผมกับน้องๆ อีกสองคน ลองผิด ลองถูก เรียนรู้กันด้วยตัวเอง และค่อยๆ ปรับให้ลงตัว”
ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ และพี่คนโตของตระกูล สงกรานต์มีหน้าที่ดูแลภาพรวมของธุรกิจทั้งหมด ซึ่งเพียงเท่านี้ก็ทำให้เขายุ่งมากพอจนไม่มีเวลาว่างเหลือทำกิจกรรมอื่นๆ มากนัก ส่วนน้องอีกสองคน หนึ่งในนั้น คือ พัทธมน เตชะณรงค์ เข้ามาช่วยดูทางด้านออกแบบ และดีไซน์พื้นที่ใช้สอยต่างๆ รวมทั้งเรื่องการสื่อสารการตลาด และการประชาสัมพันธ์
แต่กลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ใดของโบันซ่าที่คิดออกมา ก็ไม่แรงเท่ากับการปรากฏตัวของสงกรานต์ตามอีเวนต์ต่างๆ ในกรุงเทพฯ ซึ่งเมื่อใดที่มีข่าวของสงกรานต์ปรากฏมักพ่วงด้วย “เจ้าของโบนันซ่า” ตามมาเสมอ
จนทุกวันนี้แบรนด์ “โบนันซ่า” กับ “สงกรานต์” ไม่มีทางแยกออกจากกันได้
ในแวดวงบันเทิง สงกรานต์ไม่ใช่บุคคลโนเนมมาจากไหน ก่อนที่จะไปเรียนต่อที่อังกฤษ และนิวซีแลนด์ ในช่วงอายุ 15 – 16 ปี เขาคือดาราวัยรุ่นที่ฮอตที่สุดคนหนึ่งในวงการ ซึ่งการกลับมาอีกครั้งของเขา แม้จะไม่ใช่เส้นทางในวงการบันเทิง แต่หน้าตาที่คมคายก็เพียงพอสำหรับการเรียกความสนใจได้
และสงกรานต์เองก็รู้ในจุดนี้ เขาจึงเจียดเวลาการทำงานบางส่วน ด้วยการเป็นเซเลบฯ รับเชิญตามงานอีเวนต์ พรีเซ็นเตอร์สินค้า และนักแสดง
“งานส่วนใหญ่ที่ผมรับมักเป็นงานของคนรู้จัก พี่ๆ เพื่อนๆ ที่สนิทกัน แต่ก็ยอมรับว่า การเป็นข่าวของผมช่วยโปรโมตโบนันซ่าได้ และอาจช่วยดึงนักท่องเที่ยวให้มาพักผ่อนที่นี่”
“แต่ผมมองว่า หากต้องการให้นักท่องเที่ยวที่อาจเลือกมาพักผ่อนที่นี่เพราะข่าวของผม กลับมาอีกครั้ง เราต้องเตรียมรีสอร์ตให้พร้อม ถึงจะช่วยดึงพวกเขากลับมาได้อีก”
การเตรียมโบนันซ่าให้พร้อมรับกับนักท่องเที่ยว ได้เริ่มขึ้นเมื่อสี่ปีที่แล้ว ด้วยการทยอยรีโนเวทในส่วนของบริเวณโรงแรมใหม่เกือบทั้งหมด แต่ยังคงสไตล์ American Country ไว้ ขณะเดียวกัน ได้เพิ่มในส่วนของกิจกรรมต่างๆ ที่ถูกใจกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น อย่างเช่น สนามยิงปืนเพนต์บอล ขับรถเอทีวี ขี่ม้า ขี่จักรยานเสือภูเขา ยิงธนู ปีนเขาจำลองและโรยตัว เป็นต้น
สงกรานต์เล่าว่า กิจกรรมต่างๆ ใน Adventure Zone ที่เขาได้สร้างสรรค์ขึ้น แรงบันดาลใจและไอเดียเกือบทั้งหมดได้มาจากนิวซีแลนด์ ประเทศที่เขาเคยใช้ชีวิตในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
นอกจากนี้ เขายังพัฒนาพื้นที่บางส่วนที่ติดกับสนามกอล์ฟ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมขนาด 3 ชั้น เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการตีกอล์ฟในช่วงสุดสัปดาห์
ยังไม่นับรวมกับการดึงอีเวนต์ต่างๆ ให้มาจัดที่โบนันซ่า โดยเฉพาะกิจกรรมคอนเสิร์ตกลางแจ้งในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้จะกลายเป็นหนึ่งในกิจกรรมประจำปีของทางโบนันซ่า ที่ในแต่ละครั้งสามารถดึงคนมาได้นับหมื่น และล่าสุดพื้นที่ที่ใช้สำหรับการจัดคอนเสิร์ตกำลังถูกพัฒนาให้เป็นสนามแข่งรถทางเรียบ ซึ่งสงกรานต์เปิดเผยว่า น่าจะนำอีเวนต์มายังโบนันซ่าได้อีกอย่างน้อย 5 ครั้งต่อปี
“เรากำลังพัฒนาสนามแข่งรถทางเรียบความยาว 3 กิโลเมตร เพื่อให้พื้นที่ที่ใช้จัดคอนเสิร์ตในช่วงหน้าหนาว ใช้งานได้มากขึ้นในช่วงฤดูอื่นๆ เฉพาะในช่วง Low Season ที่คนมาเที่ยวน้อยกว่าช่วง High ถึงครึ่งหนึ่ง โดยหลังจากสร้างเสร็จในช่วงสิ้นปี อาจมีการดึงอีเวนต์เปิดตัวยางมาจัดที่นี่ ก่อนดึงการแข่งขันรถมาจัดที่นี่ ซึ่งอีเวนต์ต่างๆ เหล่านี้จะช่วยดึงคนหลากหลายกลุ่มให้มาโบนันซ่า”
สิ่งที่สงกรานต์ได้สร้างสรรค์ขึ้นช่วยให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างคนสองยุคในการบริหารงานโบนันซ่า แต่ทั้งหมดที่ทำสงกรานต์ไม่ได้ตั้งใจล้างภาพโบนันซ่าในยุคของผู้เป็นพ่อแต่อย่างใด แต่เขาบอกว่า นี่เป็นการเพิ่มศักยภาพของโบนันซ่าให้รอบด้านมากขึ้น
เพราะคอนเนกชั่นที่มีอยู่เดิมของไพวงษ์ยังคงมีประโยชน์อยู่มากกับการเจาะตลาดองค์กร และรัฐบาล โดยเฉพาะกลุ่มสัมมนา ที่เป็นเป้าหมายของโบนันซ่าในช่วง Low Season
ภายใต้ Master Plan ของโบนันซ่า การพัฒนาพื้นที่ที่ผ่านมาสี่ปีเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ปัจจุบันโบนันซ่ายังมีพื้นที่ที่ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์มากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งสงกรานต์เผยว่า ยังต้องใช้เวลาอีกนานกับการพัฒนาบ้านหลังนี้ของเขาให้เสร็จสมบูรณ์
Profile
ชื่อ : สงกรานต์ เตชะณรงค์
ตำแหน่ง : กรรมการผู้จัดการ โบนันซ่า เขาใหญ่
อายุ : 27 ปี
ประวัติครอบครัว :
ลูกชายคนโตในจำนวนพี่น้อง 4 คน ของไพวงษ์ และภัสสรา เตชะณรงค์
สงกรานต์ เตชะณรงค์
ไพพรรณี เตชะณรงค์
พัทธมน เตชะณรงค์
ภูผา เตชะณรงค์
Education : ปริญญาตรี การเงิน จากประเทศนิวซีแลนด์
Lifestyle : ออกกำลังกาย ฟุตบอล ชกมวย
เขาใหญ่ ที่ไม่ใช่แค่คาวบอย
ภาพ American Country ของโบนันซ่า Western Cowboy สุดขั้วอย่างฟาร์มโชคชัย หรือความเก่าแก่ของจุลดิศ ในฐานะรีสอร์ตแรกๆ ที่เข้ามาบุกเบิก อาจไม่ใช่ภาพลักษณ์ปัจจุบันของรีสอร์ต และแหล่งท่องเที่ยวในเขาใหญ่อีกต่อไป
จากการเข้ามาพัฒนาของกลุ่มคนรุ่นใหม่ อย่างเช่น สงกรานต์ เตชะณรงค์ และโชค บูลกุล รวมทั้งการปรับตัวของกลุ่มจุลดิศ จากแรงส่งของกลุ่ม Primo Posto ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยวบริเวณรอบพื้นที่เขาใหญ่ในปัจจุบัน กลับมีสีสัน น่าตื่นตาตื่นใจ ความแปลกใหม่ และสร้างแรงดึงดูดกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้
Bonanza
Positioning สถานที่พักผ่อนตากอากาศครบวงจรเสมือนยกอาณาจักร American West มาไว้ที่ผืนนี้
ผู้บริหาร สงกรานต์ เตชะณรงค์ เข้ามารับช่วงต่อจากไพวงษ์ เตชะณรงค์ ผู้เป็นพ่อ
PB Valley
Positioning ไร่องุ่นครบวงจร ที่ประกอบด้วย ธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ผลิตภัณฑ์ไวน์ ร้านอาหาร รวมถึงมีที่พักไว้ให้บริการ
ผู้บริหาร ปิยะ ภิรมย์ภักดี อดีตประธานกรรมการบริหาร บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด โดยเข้ามาบุกเบิกการทำไร่องุ่นตั้งแต่ปี 2532
Palio
Positioning New walking street shopping center ในสไตล์อิตาลีตอนใต้ ซึ่งเป็นโครงการต่อยอดจากร้านอาหาร
Primo Posto
ผู้บริหาร กลุ่มจุลดิศ และ Primo Posto โดยมี 5 ผู้ร่วมหุ้น ได้แก่ อำนาจ คีตพรรณนา สถาปนิกและนักจัดสวนมือทองของประเทศ พิษณุ นิลกลัด กูรูกอล์ฟชื่อดัง วิชับ วราศิริกุล อัครราชทูต กรมเอเชียตะวันออก กระทรวงต่างประเทศ วินัย ธาดาสีห์ เจ้าของ Primo Posto และธีรพจน์ จรูญศรี ประธานกรรมการบริหาร จุลดิศ ดีเวลลอป ซึ่งพิษณุ วินัย และวิชัย เป็นกลุ่มเพื่อนรัฐศาสตร์ จุฬา)
ฟาร์มโชคชัย
Positioning ดินแดนแห่งตำนานคาวบอย ที่นำเสนอในรูปแบบของการท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยปัจจุบันได้แตกออกมาสู่ธุรกิจอาหาร ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากนมภายใต้ชื่อแบรนด์ อืมม
ผู้บริหาร โชค บูลกุล
Khao-Yai Numeric
จำนวนนักท่องเที่ยว 1 ล้านคนต่อปี
ห้องพัก 2,000 ห้อง
บ้านพักตากอากาศ 2,000 หลัง
สนามกอล์ฟ 6 แห่ง
“เคทีซี” ตอกย้ำแบรนด์และความเป็น Membership Company ส่งท้ายปลายปี จับมือ “เลิฟอิส” และ “เฟรช แอร์” ตอบแทนสมาชิกทั่วประเทศที่ให้ความไว้วางใจในแบรนด์เคทีซีมาตลอด 10 ปี พร้อมเอาใจ ผู้ที่หลงใหลเสียงดนตรีและมีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยว ชวนร่วมกิจกรรมการเปิดตัวครั้งแรกในไทยสำหรับเทศกาลดนตรีแห่งฤดูหนาว “KTC LOVEiS Acoustic Winter Festival” ซึ่งจะเป็นคอนเสิร์ตเพลงรักสุดโรแมนติก ในสไตล์แคมป์ปิ้งและบาร์บีคิวปาร์ตี้ โดย บอย โกสิยพงษ์ และศิลปินค่าย LOVEiS กว่า 60 ชีวิต ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติใต้แสงจันทร์ที่โอบล้อมด้วยขุนเขา คอนเสิร์ตส่งความสุขท้ายปีครั้งนี้จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2549 ตั้งแต่ห้าโมงเย็นถึงเที่ยงคืน ณ โบนันซ่า เขาใหญ่ เริ่มเปิดจำหน่ายบัตรแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
นายสถาพร สิริสิงห รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส ฝ่ายการตลาดเพื่อการสันทนาการ “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคครบวงจรของไทย กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่เคทีซีได้เปิดดำเนินการ เรามุ่งเน้นการนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการชั้นเยี่ยม โดยคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก เพื่อพัฒนาไปสู่การเป็น Membership Company ที่สมบูรณ์แบบและครองความเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจของผู้บริโภค เราจึงให้ความสำคัญกับลูกค้าเคทีซีทุกคนเสมือน “สมาชิก” ซึ่งมีสิทธิ์จะได้รับสิทธิประโยชน์จากบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง และเพื่อยืนยันเจตนารมณ์ดังกล่าว ในครั้งนี้เราจึงได้จัดเทศกาลดนตรีแห่งฤดูหนาว “KTC LOVEiS Acoustic Winter Festival” ขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย ซึ่งถือเป็นกิจกรรมครั้งยิ่งใหญ่ส่งท้ายปลายปี เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แสดงความขอบคุณสมาชิก อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ และสนับสนุนการใช้ชีวิตร่วมกันกับครอบครัว กับกลุ่มเพื่อนหรือคนรัก ซึ่งเป็นพื้นฐานที่จะทำให้ชีวิตมีความสุข รวมทั้งเพื่อร่วมกันฉลองความสำเร็จของเคทีซีในโอกาสดำเนินธุรกิจครบ 10 ปีอีกด้วย”
“เหตุผลที่เคทีซีจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตอย่างยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ เพราะเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มทั่วประเทศได้ง่ายและสมาชิกเคทีซีที่มีไลฟ์สไตล์ทางด้านบันเทิงยังมีฐานสมาชิกขนาดใหญ่ จากจำนวนสมาชิกทั้งหมดกว่า 1.3 ล้านคน โดย เคทีซีวางแผนที่จะจัดงาน เทศกาลดนตรีแห่งฤดูหนาว “KTC LOVEiS Acoustic Winter Festival” ขึ้นต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยในครั้งนี้ได้จับมือกับพันธมิตรธุรกิจบันเทิง “เลิฟอิส” (LOVEiS) ซึ่งเป็นค่ายเพลงคุณภาพระดับประเทศ และ บริษัท เฟรช แอร์ จำกัด ผู้จัดคอนเสิร์ต Boyd Alumni ซึ่งมีประสบการณ์และคร่ำหวอดในวงการดนตรี จึงทำให้เรามั่นใจว่าสมาชิกเคทีซีจะได้รับประโยชน์และความสุขจากกิจกรรมในครั้งนี้อย่างเต็มที่”
นายบอย โกสิยพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เลิฟอิส จำกัด กล่าวว่า “สำหรับเทศกาลดนตรีแห่งฤดูหนาวในครั้งนี้ อยากจะให้เป็นงานประจำปีสำหรับครอบครัว ที่ในหนึ่งปีมีสักครั้งที่ทั้งครอบครัวได้มีโอกาสอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน และร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อให้เป็นวันดีๆ ที่ทุกคนในครอบครัวจะคิดถึงว่าในหน้าหนาวของปีนี้ครอบครัวเราได้ทำอะไรที่มีความสุขด้วยกัน”
“และแน่นอนว่า สำหรับความพิเศษในครั้งนี้ นอกจากเราจะมีแขกรับเชิญพิเศษที่ทุกคนคาดไม่ถึงให้สมแรงคิดถึงแล้ว เพลงทุกเพลงทั้งเพลงเก่าและเพลงใหม่ ยังถูกนำมาเรียบเรียงให้เป็นเวอร์ชั่นอคูสติคเข้ากับบรรยากาศลมหนาวใต้แสงจันทร์เป็นอย่างมากด้วย ซึ่งในงานนี้ทุกคนที่ได้ไปชมจะได้เห็นศิลปินที่แต่ละคนชื่นชอบร้องเพลงหลายๆ เพลงที่แฟนๆ คาดหวัง และจะมีอีกหลายๆ เซอร์ไพรส์ ที่คนดูคาดไม่ถึง แต่จะได้ชม”
“ตอนนี้สำหรับทีมงานศิลปินทุกคนได้มีการเตรียมความพร้อมกันอย่างเต็มที่ และโดยส่วนตัวยิ่งคิดก็ยิ่งสนุกกับงานนี้มาก อยากให้ถึงวันงานเร็วๆ และเชื่อเหลือเกินว่างานวันนั้นจะมีแต่มิตรภาพและรอยยิ้ม คาดว่าคน 3,000 กว่าชีวิตที่อยู่ที่นั่น จะสามารถเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดไป”
นายวินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรช แอร์ จำกัด กล่าวว่า “สำหรับเฟรชแอร์ เราเป็นบริษัทฯ ที่คิดและสร้างกิจกรรมบันเทิงแนวทางใหม่ และจากการที่เคยทำเวที 360 องศาในคอนเสิร์ตบอย อย่างที่ไม่เคยมีใครเคยทำมาก่อนในครั้งที่ผ่านมาแล้ว มาครั้งนี้ได้คิดกันว่าอยากจะเนรมิตเวทีกลางขุนเขา ให้คนฟังได้สัมผัสกับบรรยากาศหนาวๆ ใต้แสงจันทร์ เคล้าคลอไปกับการฟังเพลงรักหวานๆ ซึ้งๆ จากศิลปินค่าย LOVEiS ในความสุขแบบแคมป์ปิ้งที่โรแมนติคที่สุด ซึ่งรูปแบบงานในครั้งนี้ นับว่าเป็นเทศกาลดนตรีในฤดูหนาวเป็นครั้งแรกในเมืองไทยและเป็นครั้งแรกสำหรับวงการดนตรีที่จะเกิดคอนเสิร์ตที่มีความผสมผสานกลมกลืนกันอย่างลงตัว กับธรรมชาติที่แวดล้อม ณ โบนันซ่า เขาใหญ่ ”
“ทั้งนี้ ด้านโปรดักชั่น ไม่ว่าจะเป็นการวางรูปแบบของเวที แสง สี เสียงนั้น จะถูกออกแบบมาเพื่อเสริมเสน่ห์ของธรรมชาติให้ดูดียิ่งขึ้น อย่างแสงที่ดีไซน์ออกมา ก็จะเป็นสีที่เมื่อเปิดไฟ ก็จะยิ่งทำให้ต้นไม้ ท้องฟ้า ดูงดงามยิ่งขึ้นไปอีก และที่สำคัญคือ เราจะไม่มีการทำลายธรรมชาติเลย”
“คาดว่านับจากนี้ต่อไป เทศกาลดนตรีแห่งฤดูหนาว จะจัดขึ้นกันเป็นประเพณีทุกปี และคงจะเป็นเรื่องที่ทุกคนรอคอยกันในแต่ละปี นับจากนี้ต่อๆ ไป เพราะถ้าจะให้ฟังเพลงลมหนาวและซาบซึ้งโรแมนติคที่สุด ก็คงจะไม่มีเพลงของใครสุขหัวใจเท่ากับเพลงของราชาเพลงรักอย่างบอย โกสิยพงษ์แน่นอน”
นายวรวุฒิ นิสภกุลธร ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายพาร์ทเนอร์ชิพ มาร์เก็ตติ้ง “เคทีซี” กล่าวเพิ่มเติมว่า “การจัดเทศกาลดนตรีแห่งฤดูหนาว “KTC LOVEiS Acoustic Winter Festival” เคทีซีได้เชิญชวนพันธมิตรธุรกิจอาหาร สุขภาพ และศูนย์บริการท่องเที่ยวทั้งพันธมิตรปัจจุบันและพันธมิตรใหม่ อาทิ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นฟูจิ ผลิตภัณฑ์นีเวีย เครื่องดื่มไวตามิลค์วี-ซอย ไฮแคลเซียม และเวิลด์ เอ็กซ์โพรเร่อร์ เข้าร่วมสนับสนุนการจัดคอนเสิร์ตในครั้งนี้ รวมทั้งจัดกิจกรรมโปรโมชั่นการตลาดเพื่อแลกเปลี่ยนสิทธิประโยชน์ระหว่างกัน สำหรับรูปแบบการจัดงาน จะเป็นการแสดงคอนเสิร์ตอคูสติกฟังสบาย ท่ามกลางธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยลมหนาวในหุบเขาที่สวยที่สุด โดยศิลปินคุณภาพหลายรุ่น หลากสไตล์กว่า 60 ชีวิตจากค่าย LOVEiS อาทิ นภ พรชำนิ ปั่น-ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว ภูสมิง หน่อสวรรค์ เบน-ชลาทิศ รัดเกล้า อำมระดิษฐ์ ธีร์ ไชยเดช โมเดิร์นด็อก บอยตรัย เค้ก วงฟลัวร์ ลิปตา โบ-ทีเค กั้ง สโนว่า วงโลลิต้า วง Shinning Star วง 7th Scene วงพีรชล (อดีตสมาชิกวงดิ อินโนเซนซ์) แชมป์ และ R&B 11th ในวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2549 ตั้งแต่เวลา 17.00 น. ถึงเที่ยงคืน ภายใต้บรรยากาศสไตล์แคมป์ปิ้งและบาร์บีคิวปาร์ตี้ ซึ่งเป็นการจัดคอนเสิร์ตรูปแบบใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน และจัดขึ้นเพื่อมอบสิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกเคทีซีทุกประเภทเท่านั้น”
“สำหรับบัตรเข้าชมคอนเสิร์ตเปิด เทศกาลดนตรีแห่งฤดูหนาว “KTC LOVEiS Acoustic Winter Festival” มีจำหน่ายแล้วในราคา 1,500 บาท โดยสมาชิกเคทีซีสามารถชำระค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี หรือชำระเป็นเงินสดพร้อมโชว์บัตรสมาชิกสำหรับลูกค้าสินเชื่อประเภทต่างๆ อาทิ “เคทีซี แคช” (KTC CASH) “เคทีซี มิลเลี่ยน” (KTC Million) หรือบัตรสิทธิพิเศษ “เคทีซี 24” (ทเวนตี้โฟร์) หรือใช้คะแนนสะสม KTC Forever Rewards 15,000 คะแนน แลกซื้อบัตรชมคอนเสิร์ตได้ 1 ใบ หรือใช้คะแนนสะสม 3,000 คะแนน พร้อมชำระ
เพิ่มเติมด้วยเงินสดหรือบัตรเครดิตอีก 1,200 บาท ทั้งนี้ ผู้สนใจที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเคทีซี สามารถซื้อบัตรชมคอนเสิร์ตได้เช่นกัน เพียงให้เพื่อนหรือคนรู้จักที่เป็นสมาชิกเคทีซี ชำระค่าบัตรคอนเสิร์ตผ่านบัตรเครดิตหรือชำระเป็นเงินสดพร้อมโชว์บัตรสมาชิก ก็มีสิทธิ์เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานได้ทันที นอกจากนั้นภายในงานยังมีบริการเต๊นท์ขนาด 2-4 ท่านพร้อมถุงนอนไว้จำหน่ายให้ผู้ที่ต้องการตั้งแคมป์พักแรมร่วมกับเคทีซีอีกด้วย”
นอกจากนี้ เคทีซียังได้ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจด้านอาหารและสุขภาพจัดโปรโมชั่นพิเศษสุดสำหรับสมาชิกเคทีซี และลูกค้าพันธมิตรที่ร่วมรายการ เพื่อรับบัตรคอนเสิร์ตมูลค่า 3,000 2,000 และ 1,500 บาท ซึ่งรวมค่าบัตรเข้าชมพร้อมเบาะรองนั่ง และคูปองอาหารจากโชคชัย สเต๊กเฮ้าส์ ฟูจิ และร้านอาหารชื่อดัง ดังนี้
1) เมื่อซื้อวี-ซอย ไฮแคลเซียมครบ 350 บาท ด้วยบัตรเครดิตเคทีซี รับฟรีตั๋วชมคอนเสิร์ต 1 ใบ มูลค่า 1,500 บาท เฉพาะวันที่ 17 – 19 พฤศจิกายน 2549 ตั้งแต่ 10.30 น. – 20.00 น. ที่ Gourmet Paragon หรือ Home Fresh Mart เดอะมอลล์บางกะปิ หรือตัดสติ๊กเกอร์บนกล่องวี-ซอย ไฮแคลเซียม ที่ซื้อจาก Home Fresh Mart เฉพาะสาขาในกรุงเทพฯ เพื่อรับส่วนลด 10% ในการซื้อบัตรคอนเสิร์ต
2) สำหรับสมาชิกฟูจิสมาร์ทการ์ด 100 ท่านที่สะสม The Point ครบ 35 คะแนน ภายใน 1 – 30 พฤศจิกายน 2549 รับฟรีบัตรคอนเสิร์ต 4 ใบ (มูลค่า 3,000, 2,000 หรือ 1,500 บาท สะสมครบก่อนมีสิทธิ์เลือกรับก่อน) พิเศษ 50 ท่านแรก รับเต็นท์ 1 เต็นท์ พร้อมถุงนอน 4 ชุด
3) ลูกค้าที่ใช้บริการที่โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ โดยการซื้อชุดตรวจสุขภาพหัวใจ หรือซื้อแพ็คเกจพิเศษหัวใจ ตั้งแต่ 6,000 บาท ขึ้นไป รับฟรีบัตรคอนเสิร์ตมูลค่า 1,500 บาท เฉพาะ 50 ท่านแรกเท่านั้น จำกัด 2 ใบ ต่อ 1 ใบเสร็จ เฉพาะวันที่ 18 – 26 พฤศจิกายน 2549 ในงาน Dad…we love you
4) ลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ นีเวีย ครบ 1,200 บาท รับฟรีบัตรคอนเสิร์ตมูลค่า 3,000 บาท หรือเมื่อซื้อครบ 900 บาท รับฟรีบัตรคอนเสิร์ตมูลค่า 2,000 บาท หรือเมื่อซื้อครบ 600 บาท รับฟรีบัตรคอนเสิร์ตมูลค่า 1,500 บาท และพิเศษสุด 50 ท่านแรก รับฟรีทันที เต็นท์ที่พักมูลค่า 5,000 บาท
นายสงกรานต์ เตชะณรงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โบนันซ่า เขาใหญ่ ได้กล่าวถึงความพร้อมว่า “ทางด้านโบนันซ่า เขาใหญ่นั้น ได้เตรียมความพร้อมที่จะต้อนรับสมาชิกจากทุกครอบครัว ให้ไปร่วมสร้างสรรค์ความสุขด้วยกันอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ด้วยอากาศที่เย็นสบาย ประกอบกับธรรมชาติของสถานที่แห่งนี้ และกิจกรรมที่แต่ละครอบครัวสามารถไปทำร่วมกันได้ในที่พัก ก็จะเป็นการเพิ่มทั้งความสุข และความทรงจำให้กับทุกๆ ท่านที่ได้มีโอกาสร่วมกับกิจกรรมดีๆ ในครั้งนี้อย่างแน่นอน”
นายสถาพรกล่าวเพิ่มเติมโดยสรุปว่า “ที่ผ่านมาเคทีซีสร้างแบรนด์โดยใช้กลยุทธ์การตลาดแนวใหม่ในเชิงรุกมาโดยตลอด ทำให้ผลิตภัณฑ์และบริการของเคทีซีมีเอกลักษณ์แตกต่างจากคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด เราจึงมั่นใจว่าการขยายธุรกิจไปจับมือกับพันธมิตรในธุรกิจบันเทิงและการตลาดที่มีความเป็นมืออาชีพ มีประสบการณ์สูงและเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค ในการจัดกิจกรรมดีๆ ตอบแทนผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง จะยิ่งเสริมให้แบรนด์เคทีซีมีความแข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ซึ่งจะช่วยขยายฐานสมาชิกใหม่ให้เติบโตเพิ่มขึ้นได้อีกทางหนึ่ง รวมทั้งสมาชิกที่มีอยู่เดิมจะเกิดความคุ้นเคยและไม่ลังเลที่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของเคทีซีเป็นอันดับแรกๆ อีกด้วย”
ผู้สนใจสามารถติดต่อซื้อบัตรเข้าชมคอนเสิร์ต เทศกาลดนตรีแห่งฤดูหนาว “KTC LOVEiS Acoustic Winter Festival” ได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จำหน่ายบัตรและสำรองที่นั่งได้ที่ศูนย์บริการเดินทางท่องเที่ยว เคทีซี โทรศัพท์ 0-2631-3444 หรือ KTC Touch สาขาที่ร่วมรายการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC Phone โทรศัพท์ 02-665-5000 หรือ www.ktc.co.th
ฝ่ายสื่อสารองค์กรและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
โทรศัพท์ 0-2665-5732, 0-2665-5048, 0-2665-5057 โทรสาร 0-2665-5046
อีเมล์ [email protected]