สำนักข่าว Reuters รายงานว่า Hyundai Motor บริษัทรถยนต์จากเกาหลีใต้ได้ลงนามในสัญญาเบื้องต้นเพื่อสร้างโรงงานรถยนต์แห่งใหม่ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะเป็นโรงงานแห่งแรกของบริษัทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นการบุกตลาดที่มีรถแบรนด์ญี่ปุ่นเป็นผู้เล่นหลัก

ดีลการลงทุนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากทั้ง Hyundai และ Kia (แบรนด์ในเครือ) ต่างมียอดขายตกต่ำลงที่ประเทศจีน จนโรงงานสองแห่งของบริษัทต้องหยุดการผลิตชั่วคราว

สำหรับโรงงานใหม่ในอินโดนีเซีย บริษัทเปิดเผยว่าจะมีการลงทุนประมาณ 1.55 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 4.65 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าการลงทุนรวมตั้งแต่ปัจจุบันไปจนถึงปี 2030 รวมทั้งงบการพัฒนาผลิตภัณฑ์และค่าดำเนินการด้วย

โรงงานของ Hyundai จะปักหลักในเมือง Bekasi ทางตะวันออกของกรุง Jakarta และน่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ช่วงปลายปี 2021 มีกำลังผลิตแรกเริ่ม 150,000 คันต่อปี ซึ่งบริษัทวางแผนเพิ่มกำลังผลิตขึ้นไปถึง 250,000 คันต่อปี โดยจะเน้นรถยนต์ประเภท SUVs และ MPVs ส่วนรถยนต์ไฟฟ้า (EVs) ที่จะดัดแปลงให้เข้ากับตลาดอาเซียนนั้นยังอยู่ระหว่างพิจารณา

Hyundai ตัดสินใจลงทุนในอาเซียนครั้งนี้เป็นผลมาจากนโยบายกำแพงภาษีในเขตอาเซียนที่จะพุ่งขึ้นจาก 5% เป็น 80% รวมถึงต้องการสร้างการเติบโตในอนาคต ต่อสู้กับดีมานด์ที่เติบโตลดลงในระดับโลก

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน Hyundai ยังตามหลังคู่แข่งรถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นในภูมิภาคนี้อยู่มาก ด้วยสถิติยอดขายของบริษัทช่วงเดือนมกราคม-กันยายนปีนี้ทำได้เพียง 122,883 คัน ห่างไกลผู้นำตลาดอย่าง Toyota ที่ทำยอดขายได้ 854,032 คัน อ้างอิงข้อมูลจากบริษัทวิจัย LMC Automotive

นอกจากนี้ LMC ยังคาดการณ์ด้วยว่าช่วงไตรมาส 4 ปี 2019 ยอดขายรถยนต์ในเขตอาเซียนน่าจะลดลง 4% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน จากสภาพเศรษฐกิจของตลาดอินโดนีเซียและไทยที่ซบเซาลงและยังไม่มีทีท่าดีขึ้น อย่างไรก็ตาม Hyundai มองระยะยาวว่าตลาดหลักในอาเซียนอย่างอินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย เวียดนาม และสิงคโปร์น่าจะสร้างยอดขายรถยนต์รวมกันได้ถึง 4.49 ล้านคันในปี 2026 เทียบกับปี 2017 ที่มียอดขายรวม 3.16 ล้านคัน หรือเติบโตเฉลี่ย 4.7% ต่อปี

ทั้งนี้ สัญญาการลงทุนในอินโดนีเซียดังกล่าวเป็นการลงนามร่วมกันระหว่าง Joko Widodo ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย และ Euisun Chung รองประธานกรรมการบริษัท Hyundai Motor

อีเวนต์ดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างที่ประธานาธิบดี Widodo เข้าร่วม การประชุมสุดยอดอาเซียน-เกาหลีใต้ (ASEAN-ROK) ซึ่งประธานาธิบดี Moon Jae-in แห่งเกาหลีใต้ยินดีเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของผู้นำอาเซียน เนื่องจากเกาหลีใต้เองต้องการผลักดัน “นโยบายมุ่งใต้ใหม่” ของประเทศ จุดประสงค์เพื่อกระชับสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับแดนโสมขาว ทำให้เกาหลีใต้พึ่งพิงพันธมิตรดั้งเดิมอย่างจีนและสหรัฐอเมริกาน้อยลง

Source

ข้อมูลจากค่ายรถเบอร์สองของสหรัฐฯ ระบุว่า การเลิกจ้างดังกล่าวจะเริ่มมีผลในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนตุลาคม

“ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบชั่วคราวเหล่านี้ จะได้รับเงิน 75 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ หากพวกเขามีอายุงานมากกว่า 1 ปี” ฝ่ายสื่อสารแรงงานและการผลิตของฟอร์ด ระบุ

ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบเหล่านี้จะยังได้กลับมาทำงานตามเดิมด้วย เมื่อผ่านช่วงเลิกจ้างชั่วคราวไป ทั้งที่โรงงานประกอบรถยนต์ในมิชิแกนและที่อื่นๆ

ก่อนหน้านี้ฟอร์ดเคยเปิดเผยมาแล้วถึงแผนจะปรับเครื่องมือในโรงงานไว้ทำรถยนต์เอสยูวี Bronco แต่ไม่เคยระบุถึงกำหนดการณ์ที่ชัดเจน

Ford Bronco รุ่นใหม่จะดำเนินการผลิตที่โรงงานเหล่านั้นในปี 2020 ส่วนรถปิคอัพรุ่น Ranger นั้นคาดว่าจะเข้าสู่กระบวนการผลิตที่โรงงานเหล่านั้นในช่วงปลายปีนี้

การประกาศข่าวนี้มีขึ้นในช่วงที่รถเล็กซึ่งสร้างขึ้นในโรงงานเดียวกันอย่างรุ่น Focus มียอดขายที่แผ่วลง.

ที่มา : mgronline.com/around/detail/9610000022318