ท่ามกลางคลินิกความงามที่แบรนด์และจำนวนสาขาเริ่มเข้ายึดพื้นที่ชุมชนสำคัญๆ รวมทั้งครองพื้นที่เกือบหนึ่งชั้นในห้างสรรพสินค้า

ยังมีช่องว่างทางการตลาดเหลือพอให้กับการรักษาผิวหนังและดูแลความงามของโรงพยาบาล โดยเฉพาะสถานรักษาพยาบาลที่มีขนาดกลางขึ้นไป ซึ่งตอนนี้ต่างยกระดับจากแค่แผนกหนึ่ง ตั้งศูนย์ความงามเพิ่มเติมขึ้นมา ที่ดูแลคนไข้ทั้งการรักษาโรค และทรีตเมนต์ความงาม

พญ.ศิเรมอร ทองสิมา หรือ คุณหมอกระตา แพทย์ประจำศูนย์ Aesthetics by Nakornthon ซึ่งเป็นศูนย์รวมศาสตร์แห่งความงามเพื่อสุขภาพผิวของโรงพยาบาลนครธน ที่เพิ่งรีโนเวตใหม่ในช่วงต้นปี 2553 บอกว่า การปรับตัวของโรงพยาบาล เนื่องจากปัจจุบันมีคนไข้ที่กังวลเกี่ยวกับเรื่องผิวพรรณและความงามมากขึ้นเรื่อยๆ และมีคนไข้ที่มาพบแพทย์ผิวหนังเพื่อเรื่องความงามอย่างเดียวสัดส่วนเพิ่มขึ้น 70% ขณะที่ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคผิวหนังและต้องการพบแพทย์มีสัดส่วนน้อยลงเหลือเพียง 30% เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม คนไข้เหล่านี้ไม่รู้สึกสะดวกใจในการเดินเข้าไปยังคลินิกความงามที่เปิดตามห้างสรรพสินค้า เพราะพวกเขากังวลในเรื่องของมาตรฐานการรักษาพยาบาล รวมทั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ พวกเขายอมจ่ายในราคาที่สูงกว่าเพื่อแลกกับการรักษาจากมืออาชีพ ทั้งแพทย์ พยาบาลวิชาชีพ และเภสัชกร

โรงพยาบาลจึงเป็นทางเลือกที่ตอบความต้องการสำหรับกลุ่มเป้าหมายนี้ได้ดีกว่าคลินิกความงาม

มุมมองของคนไข้ที่มีต่อศูนย์เฉพาะทางเกี่ยวกับผิวหนังและความงามในโรงพยาบาลสอดคล้องกับตำแหน่งของศูนย์ฯ และมาตรฐานการรักษาพยาบาลที่ได้วางไว้ ซึ่งทางนครธนตั้งใจให้ศูนย์ Aesthetics พัฒนาไปในคอนเซ็ปต์ของ Non-invasion โดยลดการใช้อุปกรณ์ภายนอกบุกรุกเข้าไปยังภายในร่างกายของคนไข้ ยกเว้นการใช้เข็มฉีดยาเท่านั้น

คุณหมอกระตา บอกว่า ด้วยโรงพยาบาลส่วนใหญ่ได้รับการรับรองมาตรฐาน HA จากกระทรวงสาธารณสุข ดังนั้นการดำเนินงานต่างๆ ทั้งการรักษา บุคลากร เครื่องมือที่นำมาใช้ ล้วนจึงต้องเป็นไปตามมาตรฐานนี้ไม่ต่างจากการรักษาคนไข้ในแผนกอื่น

การรักษา ถือเป็นหัวใจหลักที่ศูนย์เฉพาะทางเกี่ยวกับผิวหนังและความงามให้ความสำคัญสูงสุด และเป็นจุดขายหลัก อย่างเช่น ศูนย์ Aesthetics ของนครธน มีแพทย์ประจำอยู่ทั้งหมด 6 คน แต่ละคนจะผลัดเปลี่ยนกันมาวันละ 2 – 3 คน โดยครั้งแรกที่มาพบแพทย์ คนไข้จะใช้เวลากับหมอไม่ต่ำกว่า 15 นาทีต่อคน

ที่นี่ ไม่มีผู้ช่วยแพทย์ แต่ใช้พยาบาลวิชาชีพในการทำหน้าที่ที่ผู้ช่วยแพทย์ต้องทำทั้งหมด ส่วนผู้ที่ทำหน้าที่จ่ายยา ก็จะใช้เภสัชกร มาเป็นผู้ดูแล ไม่ได้ให้พนักงานทั่วไปจัดการ

เพราะนอกจากเป็นไปตามมาตรฐาน HA แล้ว จากการคลุกคลีอยู่กับคนไข้มาระยะหนึ่ง คุณหมอกระตาค้นพบว่า คนไข้ที่มารักษาเรื่องผิวหน้า มีความใส่ใจในรายละเอียดของยาและการใช้ยาสูงสุด เวลาจ่ายยา เภสัชกรต้องลงลึกถึงขั้นว่า ต้องทายาตัวไหนก่อนหลัง และมักจะมีคนไข้โทรมาสอบถามเกี่ยวกับยาอย่างสม่ำเสมอในทุกวัน

สำหรับเครื่องมือและนวัตกรรมต่างๆ ที่ทางนครธนเลือกนำมาใช้ เน้นถึงประสิทธิภาพสูงสุดของการรักษาเป็นหลัก โดยจะเลือกเฉพาะเครื่องมือที่ผลิตโดยบริษัทที่คิดค้นเท่านั้น ถึงแม้ว่าราคาจะสูงกว่าเครื่องที่ผลิตตามมาทีหลังโดยเฉพาะจากแห่งผลิตในประเทศจีน โดยราคาสูงสุดของเครื่องมือที่เคยซื้อมาอยู่ที่ 5 ล้านบาท

ที่ต้องลงทุนมากถึงขนาดนั้น เพราะโรงพยาบาลต้องคำนึงถึงชื่อเสียงเป็นหลัก และคนไข้ที่มาใช้บริการในโรงพยาบาลเอกชนมีกำลังซื้อสูงอยู่ในระดับ A-B ที่ราคาเริ่มต้นต่อการรักษาหนึ่งครั้งอยู่ที่ 550 บาท ซึ่งแพงกว่าคลินิกความงามทั่วไป และคนไข้กลุ่มนี้ก็คาดหวังถึงผลลัพธ์ที่จะได้รับจากการรักษาสูง โดยส่วนใหญ่มากันเป็นครอบครัว พ่อ-แม่-ลูก โดยคุณพ่อมักชอบมาทำทรีทเมนต์หน้า คุณแม่ปรึกษาเรื่องริ้วรอย ส่วนลูกปรึกษาเรื่องสิว

โดยทางโรงพยาบาลจะปฏิเสธการรักษาให้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี โดยที่ไม่มีผู้ปกครองพามา โดยเฉพาะกรณีที่ต้องการฉีด filler เพื่อปรับแต่งรูปหน้าตามเทรนด์เกาหลี ที่กำลังฮิตมากในกลุ่มวัยรุ่นและอยากจะสวยแบบเกาหลีมากแค่ไหน แต่ศัลยกรรมพลาสติกยังไม่เป็นที่นิยมในประเทศไทยมากนัก เพราะจากการสอบถามกับคนไข้ส่วนใหญ่ต้องการดูดี แต่ไม่ต้องการโดดเด่น ซึ่งศัลยกรรมพลาสติกจะทำให้พวกเธอโดดเด่นจนเกินไป

ถึงแม้จะมีกฎเหล็กที่โรงพยาบาลต้องทำตาม และจำกัดความหวือหวาในการทำตลาดเมื่อเทียบกับคลิกนิกความงามทั้งหลาย แต่นี่เป็นข้อดีที่สร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคที่กังวลถึงมาตรฐานการรักษาเป็นสำคัญ เพราะโรงพยาบาลจะไม่นำเครื่องมือ หรือทรีตเมนต์ที่ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ยืนยันชัดเจนถึงผลลัพธ์ที่ได้มาใช้อย่างเด็ดขาด ตัวอย่างเช่น ทองคำ ที่หลายคลินิกกำลังโฆษณากันอยู่ตอนนี้ ซึ่งทางคุณหมอกระตาบอกว่า ทองคำไม่ได้มีหลักฐานยืนยันทางการแพทย์ถึงผลที่ได้รับ ซึ่งถึงแม้จะมีความต้องการจากคนไข้มากแค่ไหน แต่ทางโรงพยาบาลก็จะไม่นำมาเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาอย่างเด็ดขาด

อย่างไรก็ตาม การคืนทุนของศูนย์เฉพาะทางผิวหนังและความงามคงไม่รวดเร็วเท่ากับบรรดาคลินิกความงามทั้งหลาย เนื่องจากการลงทุนที่สูงกว่าคลินิก เป็นตัวเลขหลายสิบล้านบาทแล้ว และต้องลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพราะมีนวัตกรรมใหม่ออกมาเรื่อยๆ และธุรกิจศูนย์เฉพาะทางเกี่ยวกับผิวหนังและความงามในโรงพยาบาลไม่ได้ Mass Marketing แบบคลินิกที่ขยายสาขาไปทั่วประเทศ แต่เป็น Niche Marketing ที่มีขึ้นเพื่อตอบความต้องการของคนไข้ที่มาใช้บริการในโรงพยาบาลเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับที่ตั้งของโรงพยาบาล

รศ.ญาณเดช ทองสิมา (ที่สองจากขวา) ประธานกรรมการบริหาร พร้อมคณะผู้บริหารโรงพยาบาลนครธน วิศาล สายเพ็ชร์ (ที่สองจากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร นายแพทย์วิโรจน์ ตระการวิจิตร (ซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ และเบญจวรรณ สุขจรมากุล (ขวา) รองผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี เข้ารับประกาศนียบัตรรับรองกระบวนการพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล (HA) และรับรองการเป็นโรงพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพ (HPH) ในพิธีเปิดการประชุม HA National Forum ครั้งที่ 11 ณ ศูนย์การประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆ นี้

โจนาธาน ชวิมเมอร์ (กลาง) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอส.ที.ธรรมพร จำกัด และ เพ็ญศิริ ทองสิมา (ที่ 5 จากซ้าย) รองผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและพัฒนาธุรกิจ โรงพยาบาลนครธน ร่วมถ่ายภาพกับตัวแทนจากธนาคารกรุงไทย ในโอกาสที่ธนาคารให้การสนับสนุนวงเงินกู้กับโครงการ “นครธน พลาซ่า” ศูนย์กลางการดำเนินชีวิตแห่งใหม่ของทุกครอบครัว บนพื้นที่ 4 ไร่ ติดกับโรงพยาบาลนครธน ด้วยศูนย์ฟิตเนส สปา ซุปเปอร์มาร์เก็ตขายสินค้าและอาหารเพื่อสุขภาพ โซนกวดวิชา ร้านค้าและร้านอาหารเพื่อสุขภาพ รวมถึงเซอร์วิส อพาร์ทเม้นต์ ห้องจัดเลี้ยง และห้องประชุม เพื่อตอบสนองความต้องการในการดูแลสุขภาพและพัฒนาความเป็นอยู่ของผู้คนให้ดี ยิ่งๆ ขึ้น ซึ่งโครงการดังกล่าวมีมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นปี 2554 ณ โรงพยาบาลนครธน เมื่อเร็วๆนี้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.nakorthonplaza.com

โรงพยาบาลนครธน ร่วมกับ ธนาคารไทยพาณิชย์ จัดงานแถลงข่าวโครงการ “ตรวจร่างกาย ได้ผลบุญ (ปีที่ 6)” โดยมี ธวัชชัย ทองสิมา (แถวหลัง ขวาสุด) ผู้อำนวยการองค์กรสัมพันธ์และกิจกรรมสังคม โรงพยาบาลนครธน เข้าร่วมเป็นเกียรติในงาน พร้อมเชิญชวนให้บุคคลทั่วไปร่วมตรวจร่างกายประจำปีกับโรงพยาบาลนครธนในราคาพิเศษ เพื่อนำรายได้สนับสนุนกิจการภายในโรงพยาบาลปัตตานี โดยมี นุสบา ปุณณกันต์ เป็นพรีเซนเตอร์โครงการ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โรงพยาบาลนครธน 0-2450-9999 และธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขา

ปิยเดช ทองสิมา (ซ้ายสุด) ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโรงพยาบาลนครธน มอบบัตรกำนัลบริการสปาทองคำ – ตำรับหน้าทอง ซึ่งเป็นการบำรุงผิวพรรณให้อ่อนเยาว์โดยใช้ทองคำบริสุทธิ์ 99.99% ให้แก่ตัวแทนคู่รัก โดยคู่รักที่มาจดทะเบียนสมรส ณ สำนักงานเขตบางรัก ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ เป็นคู่แรก และคู่ที่ 12 จะได้รับบัตรกำนัลสปาทองคำดังกล่าวจากโรงพยาบาลนครธน โดยมีมูลค่ารวม 18,000 บาท

โรงพยาบาลนครธน จัดงานฉลองครบรอบ 10 ปี เนื่องในโอกาสนี้จึงได้จัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์มากมาย พร้อมเปิดศูนย์กระดูกและข้อครบวงจร ชูจุดเด่นการเป็นตะติยภูมิด้านกระดูกและข้อ และการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมชนิดแผลเล็ก หรือวิธีเนื้อเยื่อบาดเจ็บน้อย (Minimally Invasive Surgery: MIS) หลังจากที่ได้เปิดตัวไทยเมดิคอลสปาในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ล่าสุดเร่งเตรียมพร้อมขยายบริการทางการแพทย์เฉพาะทางสาขาอื่นๆ อาทิ ศูนย์ภูมิแพ้ ศูนย์สตรี ฯลฯ

รศ.ญาณเดช ทองสิมา ประธานกรรมการบริหาร โรงพยาบาลนครธน กล่าวถึงการจัดกิจกรรมในโอกาสครบรอบ 10 ปีว่า “ที่ผ่านมาโรงพยาบาลนครธนได้มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องในด้านมาตรฐานการรักษาพยาบาล รวมถึงการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมเพื่อชุมชน และในโอกาสฉลองครบรอบ 10 ปีนี้ ทางโรงพยาบาลฯ ได้จัดงานภายใต้ชื่อ 1 ทศวรรษโรงพยาบาลนครธน มาตรฐานการแพทย์ที่คุณวางใจ โดยวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้เพื่อมุ่งเน้นการส่งเสริมให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารทางการแพทย์จากการบรรยายและเสวนาเพื่อการป้องกันตนเองอย่างถูกวิธี อาทิ เรื่องการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม อายุวัฒนาความสมดุลของกายและจิต ทำอย่างไรเมื่อลูกติดเกมส์ เป็นต้น โดยการจัดบรรยายจะจัดขึ้นที่ห้องทองสิมา โรงพยาบาลนครธน ระหว่างวันที่ 23 – 26 พฤศจิกายน 2549 นอกจากการบรรยายทางวิชาการแล้วโรงพยาบาลฯได้จัดพื้นที่แสดงสินค้าด้านสุขภาพ สินค้าOTOPในพื้นที่ และสินค้าต่างๆ จำนวนมาก รวมถึงการแสดงบนเวที อาทิ การแสดงจากโรงเรียนสยามกลการ การตรวจสุขภาพฟรี และในโอกาสเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 60 ปี คณะผู้บริหารได้น้อมถวายเงินแก่มูลนิธิชัยพัฒนา มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ และน้อมถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถเป็นจำนวนเงินรวม 200,000 บาท การประกวดวาดภาพระบายสีระดับประถมศึกษา ในหัวข้อ ในหลวงกับการสาธารณสุขไทย ซึ่งมีนักเรียนแสดงความจำนงเข้าร่วมประมาณ 200 คน โดยวาดภาพสดและตัดสินภายในวันเดียวกัน ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2549 ชิงรางวัลทุนการศึกษามูลค่ารวมทั้งสิ้น 19,000 บาท ดังนั้น จึงขอเรียนเชิญทุกท่านเข้าร่วมกิจกรรมกับโรงพยาบาลนครธนในโอกาสนี้ด้วย”

นายแพทย์วิโรจน์ ตระการวิจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ เปิดเผยถึงการดำเนินงานของโรงพยาบาลในช่วงปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยเฉพาะผู้รับบริการรายใหม่ที่ให้ความไว้วางใจกับโรงพยาบาลนครธนมากขึ้น ซึ่งอัตราการเติบโตของผู้รับบริการรายใหม่อยู่ที่ 30 – 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่วนผู้รับบริการรายเดิมนั้นโรงพยาบาลฯได้จัดกิจกรรมการดูแลอย่างต่อเนื่องรวมถึงการติดตามผู้รับบริการโดยได้มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้รับบริการ (Customer Experience Management) โรงพยาบาลนครธนได้มุ่งเน้นที่การดูแลรักษาพยาบาลอย่างมีมาตรฐาน และคุณธรรมมาโดยตลอด ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้รับบริการเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ โรงพยาบาลฯได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ของการเปิดศูนย์และคลินิกทางการแพทย์เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการ และสถานการณ์ของความเจ็บป่วยของประชากร จึงได้จัดตั้งศูนย์เฉพาะทางต่างๆ อาทิ ศูนย์ผิวหนัง ความงามและเลเซอร์ ศูนย์แม่และเด็ก และที่ได้เปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมาคือ ไทยเมดิคอลสปา ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้รับบริการจำนวนมาก ปัจจุบันมีสมาชิกใช้บริการอย่างต่อเนื่องมากกว่า 2,000 ราย และทางโรงพยาบาลฯกำลังอยู่ระหว่างการเตรียมจัดตั้งศูนย์เฉพาะทางอื่นๆ ได้แก่ ศูนย์ภูมิแพ้ ศูนย์สตรี และในโอกาสนี้ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2549 จะเปิดศูนย์กระดูกและข้ออย่างเป็นทางการ

นายแพทย์ภรชัย อังสุโวทัย รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดศูนย์กระดูกและข้อว่า “ปัจจุบันโรงพยาบาลฯมีผู้ป่วยที่เข้ามารับบริการที่ศูนย์กระดูกและข้อประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ป่วยทั้งหมด หรือราว 340 -360 คน ศูนย์กระดูกและข้อโรงพยาบาลนครธน เป็นศูนย์รักษาครบทุกสาขาในระดับตะติยะภูมิ โดยมีคลินิกหลัก ได้แก่ คลินิกการผ่าตัดข้อเทียม (ARTHROPLASTY) คลินิกการผ่าตัดกระดูกสันหลัง (SPINAL SURGERY) คลินิกการผ่าตัดกระดูกและข้อทางกล้องจุลทรรศน์ (ARTHROSCOPIC SURGERY) คลินิกการตัดต่อนิ้ว ต่อเส้นเลือด เส้นประสาทผ่านกล้องจุลทรรศน์ (MICROSURGERY) และคลินิกการรักษาโรคกระดูกบาง (OSTEOPOROSIS)”

ในปัจจุบัน ผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมในประเทศไทยมีจำนวนมากขึ้นกว่าหมื่นรายต่อปี เนื่องมาจากการเสื่อมสภาพของร่างกายตามวัย น้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น การออกกำลังกายที่ผิดวิธีไม่เหมาะสมกับรูปร่างของตนเองทำให้ข้อแบกรับน้ำหนักมากเกินไป เช่น การกระโดดหรือเต้นเพื่อออกกำลังกายอย่างหนัก ผู้ป่วยบางรายที่มีโครงสร้างกระดูกที่โก่งงอแต่กำเนิดเมื่อใช้งานนานๆจึงเป็นสาเหตุให้ข้อเสื่อมในวัยกลางคนถึงวัยชรา ดังนั้นการให้ความรู้แก่ประชาชนในการป้องกันโรคข้อเสื่อม และการออกกำลังกายอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ส่วนการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมวิธีเนื้อเยื่อบาดเจ็บน้อย (Minimally Invasive Surgery for Total Knee Arthroplasty – MIS TKA) ของโรงพยาบาลนครธนนั้นได้เริ่มดำเนินการการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมมาประมาณ 4-5 ปี และได้เริ่มการผ่าตัดโดยใช้ข้อเข่าเทียมที่เอื้อต่อการงอเข่าที่มากเป็นพิเศษ ( High Flexion TKA) ในปลายปี พ.ศ. 2548 และปัจจุบันมีผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดด้วยวิธีนี้ในโรงพยาบาลประมาณ 10 รายต่อเดือน นับว่าเป็นเทคนิคที่ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากจุดเด่นอยู่ที่ การผ่าตัดที่มีบาดแผลขนาดเล็ก เสียเลือดน้อย ร่างกายฟื้นตัวเร็ว และที่สำคัญค่าใช้จ่ายเฉลี่ยการผ่าตัดทั่วไปประมาณ 250,000 บาท แต่ด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมวิธีเนื้อเยื่อบาดเจ็บน้อย (MIS TKA) โรงพยาบานครธนทำการผ่าตัดในราคาประมาณ 150,000 บาท สำหรับท่านที่คิดว่ามีความเสี่ยงสามารถติดต่อขอคำปรึกษาได้ที่โรงพยาบาลนครธน

จุฑามาศ ศิริวรรณ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีเปิดนครธนไทยเมดิคอลสปาอย่างเป็นทางการ โดยมี รศ.นพ.วิโรจน์ กวินวงศ์โกวิท รองประธานกรรมการบริหาร เยาวเรศ ทองสิมา รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร และนายแพทย์วิโรจน์ ตระการวิจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ บริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด ให้การต้อนรับ ณ โรงพยาบาลนครธน เมื่อเร็วๆ นี้