นายแพทย์ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย กรรมการผู้จัดการ และจิตแพทย์โรงพยาบาลมนารมย์ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการและสร้างสุข อบรมการสร้างทักษะการเข้าสังคม และกิจกรรมเสริมสร้างจินตนาการ การคิดเชิงบวก การแก้ไขปัญหาติดเกมส์ พร้อมกับการบรรยายพิเศษหัวข้อ “เทคนิคสร้างสุขในครอบครัว” โดยนายแพทย์ กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล และการแนะนำเทคนิคให้ผู้ปกครองช่วยลูกไม่ให้ติดเกมส์ ในหัวข้อ “ห้ามหนูเล่นเกมส์ แก้ปัญหาได้จริงหรือ” โดยนายแพทย์จอม ชุมช่วย ในวันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2551 เวลา 8.00-12.00 น. ที่ห้องประชุม ชั้น 2 โรงพยาบาล มนารมย์ ขอเชิญผู้สนใจนำบุตรหลานเข้ากิจกรรม พร้อมรับการตรวจ EQ และรับคำปรึกษาด้านการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กจากทีมนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญ ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ติดต่อสำรองที่นั่งได้ที่ โทร 0-2725 -9595
โรงพยาบาลมนารมย์ โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทาง ด้านสุขภาพจิตแห่งแรกในประเทศไทย ที่ให้บริการและดูแลด้านสุขภาพจิตแนวใหม่สำหรับทุกเพศทุกวัย โดยทีมจิตแพทย์ พยาบาล และนักจิตวิทยา ที่เชี่ยวชาญ ในการดูแลผู้สูงอายุ จัดโครงการ “Together we care ฝากผู้สูงอายุที่คุณรักไว้กับเรา” โครงการดีๆ สำหรับครอบครัวที่มีความจำเป็นต้องเดินทางไกล แต่ไม่สามารถพาผู้สูงอายุร่วมเดินทางไปด้วย และไม่อาจนิ่งนอนใจ ปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่กับพี่เลี้ยง หรือนำไปฝากใครได้ ทำให้เกิดความกังวล และเครียด โรงพยาบาลมนารมย์ได้เล็งเห็นความสำคัญของปัญหา และเห็นความจำเป็นในการปฏิบัติและดูแลที่ดีต่อผู้สูงอายุ จึงได้เปิดบริการรับดูแลผู้สูงอายุในช่วงวันหยุด ตั้งแต่เดือนมีนาคม ไปจนถึงเดือนมิถุนายนนี้
น.พ.สุรชัย เกื้อศิริกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลมนารมย์ เปิดเผยว่า เนื่องจากในเดือนเมษายน นอกจากจะเป็นวันสงกรานต์แล้ว ยังเป็นวันผู้สูงอายุอีกด้วย ในหลายครอบครัวที่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ต่างประเทศ จำเป็นต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่บ้านเพียงลำพังนานๆ ซึ่งอาจทำให้ผู้สูงอายุเกิดความเหงา ซึมเศร้า และ ว้าเหว่ได้ และแม้ว่าในบางครอบครัวที่ไปจ้างผู้ดูแลมาอยู่ดูและอยู่เป็นเพื่อน แต่คุณภาพและทักษะของพี่เลี้ยงที่ไม่เข้าใจอารมณ์ และจิตใจของผู้สูงอายุ และบางคนอยู่ในช่วงวัยรุ่น ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ กลายเป็นความไม่สบายใจ เครียด ซึ่งโครงการ Together we care ฝากผู้สูงอายุที่คุณรักไว้กับเรา นี้ถือเป็นบริการใหม่ของโรงพยาบาล ที่จะเป็นทางเลือกใหม่ในการช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ ของหลายๆ ครอบครัว อีกทั้งยังจะเป็นการช่วยกระตุ้นให้ทุกฝ่ายเห็นความสำคัญของการดูแลผู้สูงอายุ ให้มีสุขภาพจิตที่ดี ไม่ให้เกิดความเสื่อมต่างๆ ที่มักจะมาพร้อมกับอาการเหงา ว้าเหว่ ต่างๆ
โครงการนี้ ถือเป็นโครงการนำร่องที่ทางโรงพยาบาลมนารมย์ริเริ่มขึ้นในปีนี้ และคาดว่าจะขยายการบริการให้มากขึ้นในปีหน้า หลังจากการตกแต่งอาคารส่วนที่ 2 เสร็จสมบูรณ์ โดยมีโปรแกรม รับดูแลแบบเต็มวัน ไปเช้าเย็นกลับ (Day Program) โปรแกรมสุดสัปดาห์ (Weekend Program) และถ้าหากบางกรณีครอบครัวไหนต้องเดินทางไกลไปเป็นระยะเวลานานมากกว่าหนึ่งสัปดาห์ ก็มีโปรแกรมระยะยาว (Long Stay) โดยแต่ละโปรแกรม จะเป็นลักษณะเฉพาะตัว คือ ออกแบบพิเศษ ให้เข้ากับผู้สูงอายุแต่ละคน ทั้งนี้ญาติ ที่เป็นลูกหลาน ก็จะต้องทำงานร่วมกันกับหมอ ให้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับผู้สูงอายุที่นำมาฝากไว้ให้มากที่สุด
“ก่อนเริ่มโปรแกรม แพทย์จะทดสอบและตรวจสภาพร่างกายของผู้สูงอายุก่อนว่ามีปัญหาอะไรบ้างหรือไม่ เช่นด้านจิตใจ หรือ ด้านกายภาพ เสร็จแล้วทีมแพทย์ก็จะประเมินและสรุปผล และสร้างรูปแบบของกิจกรรมขึ้นมาเพื่อรองรับให้สอดคล้องกับความพร้อมของผู้สูงอายุในแต่ละคน โดยโปรแกรมที่จะจัดขึ้น อาทิ โปรแกรม Fresh up ที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหว ให้กระฉับกระเฉง ไม่เฉื่อย โปรแกรม Health and Happiness and Recreation Therapy กิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพจิตที่ดี ให้เกิดความเพลิดเพลิน ไม่ให้เกิดความว้าเหว่ รวมถึง Daily Living skills program เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพการดำรงชีวิตประจำวันให้ผู้สูงอายุ นอกจากนั้นยังมีโปรแกรมเกี่ยวกับการตรวจเช็คสุขภาพให้กับผู้สูงอายุ การจัดนักโภชนาการดูแลด้านอาหาร ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่ทางโรงพยาบาลต้องการคือให้ผู้สูงอายุที่เข้าโครงการมีความสุข เพลิดเพลิน ไม่เหงา มากที่สุด” นายแพทย์สุรชัย กล่าว
หากครอบครัวไหนต้องการฝากผู้สูงอายุที่คุณรักให้ทางโรงพยาบาลมนารมย์ดูแล ก็สามารถโทรเข้ามาสอบถามและปรึกษาได้ ที่ 02-725-9595 โดยทางโรงพยาบาลเปิดรับผู้สูงอายุเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม เป็นต้นไป
100% ของผู้ที่เป็นพ่อแม่ ต้องการมีลูกว่านอนสอนง่าย และหากลูกมีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของพ่อแม่ได้ ก็มักจะถูกตัดสินว่าดื้อ และมีการลงโทษด้วยวิธีต่างๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นการแก้ไขปัญหาปลายเหตุทั้งสิ้น ดังนั้นเพื่อให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง มีความเข้าใจพฤติกรรมของลูก โดยสามารถหาวิธีที่จัดการได้อย่างเหมาะสม และสามารถแปลงความดื้อของลูกให้เป็นจุดแข็งที่ดี โรงพยาบาลมนารมย์ จึงได้จัดการบรรยายพิเศษ พร้อมการสาธิต หัวข้อ “ยุทธการปราบเด็กดื้อ” โดยนายแพทย์จอม ชุมช่วย จิตแพทย์ประจำคลินิกเด็ก วัยรุ่น และครอบครัว ในวันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2551 เวลา 8.30 น. – 12.00 น. ณ ห้องประชุม โรงพยาบาลมนารมย์ ผู้สนใจสมัครเข้าร่วมฟังได้ที่ 02-725-9595 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
การซื้อของขวัญที่ผู้คนทั่วไปมักนึกถึงคือของทางวัตถุซึ่งของขวัญทางวัตถุนั้นเลือกหาได้ง่ายอาจจะเลือกโดยให้สิ่งที่เด็กมีความสนใจอยู่แล้วเพื่อเป็นการส่งเสริมให้สนใจอะไรจริงจัง ลึกซึ้ง เช่นลูกชอบสัตว์ก็หาซื้อหนังสือ VCD ด้านเกี่ยวกับสัตว์ ของเล่นเป็นต้น ส่วนเด็กที่ไม่สนใจอะไรเป็นพิเศษก็ดูตามพัฒนาการของแต่ละวัยว่าเหมาะที่จะส่งเสริมพัฒนาการด้านไหน ซึ่งมีคำแนะนำจาก แพทย์หญิงเพียงทิพย์ พรหมพันธุ์ จิตแพทย์ ประจำโรงพยาบาลมนารมย์ ในเรื่องนี้
วัย 0-3 ปี ด้วย พัฒนาการในวัยนี้เรื่องเด่นป็นเรื่องกล้ามเนื้อ จึงควรจะให้พวกลูกบอล อ่างเล่นน้ำ รถจักรยาน เป็นต้น
วัยเรียน ควรเลือกของเล่นพวกพัฒนาความคิด สมาธิ การทำกฎกติกา การเข้าสังคม การคิดแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น เกมส์ที่เริ่มมีกติกาได้ผลัดวันเล่นเช่น เกมส์เศรษฐี โดมิโน บิงโก
วัยรุ่น ควรเลือกของเล่นที่เสริมสัมพันธ์ภาพกับผู้ใหญ่ในบ้าน เช่น Crossword ใบ้คำศัพท์
แพทย์หญิงเพียงทิพย์กล่าวว่า วัยเรียนและวัยรุ่นผู้ใหญ่สามารถสอนให้ เก็บออมได้โดยให้วงเงินเป็นจำนวนที่เหมาะสมกับฐานะครอบครัวแล้วพาไปเลือกดูของที่อยากได้แล้วฝากเงินส่วนที่เหลือจากการซื้อของให้เด็กเก็บสะสมในบัญชีเงินออมของเด็กเองไม่ควรซื้อเกมส์ที่คนเดียวนานๆ เช่นเกมส์คอมพิวเตอร์ เกมส์บอย เพราะจะทำให้เด็กขาดความเคลื่อนไหว ขาดการเข้าสังคมและติดเกมส์ได้
อย่างไรก็ตามแพทย์หญิงเพียงทิพย์ ได้ชี้แนะกับพ่อแม่เพิ่มเติมว่า ของขวัญที่ประทับใจกว่าวัตถุสิ่งของคือกิจกรรมที่ผู้ปกครองทำกับเด็กในวันเด็กซึ่งจะไม่ทำให้เด็กติดคุณค่าของวัตถุด้วยและประทับใจในความทรงจำเช่นช่วยกันตกแต่งห้องนอน มุมของเล่นของเด็กให้สวยงาม ไปปิคนิคในสวนสาธารณะหรือสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับเด็ก พาไปดูนิทรรศการที่เด็กสนใจเลือกเองโดยเราหาข้อมูลที่เหมาะสมเตรียมไว้ก่อนมาให้
และของขวัญอย่างสุดท้ายที่สำคัญที่สุดซึ่งพ่อแม่ควรหาทางให้ลูก แต่ไม่จำเป็นต้องบอกกับเด็กก็ได้คือ ของขวัญทางใจซึ่งในวันเด็กนี้อยากให้พ่อแม่นึกดูว่าลูกเปลี่ยนแปลงไปทุกปีนั้นปีนี้มีอะไรที่เราควรปรับเปลี่ยนการดูแลลูกให้แตกต่างไปจากเดิม เพื่อผลที่ดีขึ้นบ้าง เช่นเดิมในกิจวัตรประจำวันเราทำทุกอย่างให้ลูกทำให้ลูกไม่มีโอกาสช่วยเหลือตนเองไม่ได้หัดรับผิดชอบ พ่อแม่ก็ควรให้ของขวัญลูกเป็นการให้มีโอกาสทำอะไรต่างๆเองในสิ่งที่ทำได้แล้ว ลูกก็จะภูมิใจในความสามารถของตนเองด้วย ในเด็กวัยรุ่นที่เดิมให้เงินเป็นรายวันและอยากซื้ออะไรก็ขอเพิ่มได้เสมอก็หัดให้ใช้เงินเป็นของตัวเองโดยเปลี่ยนเป็นรายสัปดาห์เป็นต้น ซึ่งลูกก็จะรู้สึกว่ามีอิสรภาพและได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นด้วย พ่อแม่ต้องพูดให้เด็กรู้สึกดีที่ได้รับสิ่งเหล่านี้ อย่าใช้คำสั่งสอนแบบที่ทำให้เด็กรู้สึกว่าเป็นภาระเพื่อถูกตัดสิทธิ์ ตัวอย่างคำพูดที่แนะนำเช่น ตอนนี้ลูกรับผิดชอบอะไรได้ดีขึ้น หลายอย่างแล้วพ่อแม่จึงไว้ใจที่จะให้หนูรับค่าขนมเป็นรายสัปดาห์แทนที่จะต้องขอทุกวัน
“สำหรับเด็กแล้วของขวัญจะไม่มีคุณค่าถ้าพ่อแม่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคุณค่าของตัวเขา และถ้าเด็กรู้สึกว่าพ่อแม่เห็นคุณค่าในตัวเขา เขาก็จะไม่เห็นว่าการที่จะได้ของขวัญหรือไม่เป็นสิ่งสำคัญเลย วันเด็กปีนี้อย่าเผลอหลงกระแสวัตถุนิยมไปเครียดกับการซื้อหาของขวัญราคาแพงเลยค่ะ เพียงแต่มองเข้าไปในตัวลูกชื่นชมกับทุกอย่างในตัวเขาด้วยใจที่ยอมรับและเข้าใจลูกลูกก็จะเป็นเด็กที่มีความสุขที่สุดในโลก” แพทย์หญิงเพียงทิพย์กล่าว
ผู้บริหารโรงพยาบาลมนารมย์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทาง แห่งแรกในประเทศไทย ที่เน้นการดูแลสุขภาพจิตแนวใหม่ ประกาศเพิ่มทุน เพื่อลงทุนขยายพื้นที่บริการของโรงพยาบาล รองรับสถานการณ์สุขภาพจิตของคนไทยที่ยังมีแนวโน้มแย่ลง เผย 5 ปัจจัยหลักส่งผลกระทบสุขภาพจิตคนไทย ปี พ.ศ. 2551 ชี้ทางแก้ต้องเร่งสร้างสุขภาพจิตครอบครัวให้เข้มแข็ง เตรียมเปิดคลีนิกจิตเวชเด็ก วัยรุ่น และครอบครัว รองรับ พร้อมเพิ่มจำนวนจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และบุคลากรคำปรึกษา
แพทย์หญิง จันทิมา องคโฆษิตไกรฤกษ์ ประธานกรรมการบริษัทพีซีเอซี (สยาม) จำกัด และประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลมนารมย์ เปิดเผยแนวโน้มสถานการณ์สุขภาพจิตของคนไทยในปีหน้า ว่ายังอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วง โดย 5 ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบทำให้ระดับความเครียดของคนไทยสะสมต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 และมีแนวโน้มสูงขึ้น คือ 1. สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง 2. สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เนื่องจากภาวะการส่งออก ค่าเงินบาทแข็ง น้ำมันแพง ข้าวของราคาแพงสูงขึ้น หลายบริษัท กิจการล้มเลิก คนงานถูกเลิกจ้าง 3. ปัญหาความปลอดภัย และความมั่นคงของชีวิตและทรัพย์สินที่มีน้อยลง จากคดีลักทรัพย์ ปล้นจี้ที่อยู่บ่อยๆ 4. ปัญหายาเสพติดที่กำลังเริ่มกลับมาคุกคามสังคมไทย และ 5. ยังไม่มีสัญญาณบวกใดๆที่จะบอกได้ว่าปีหน้าจะดีขึ้น ทั้งห้าปัจจัยหลักนี้ นี้เป็นแรงกดดัน ทำให้คนไทยมีความไม่มั่นใจ มีความวิตกกังวล กลายเป็นความเครียดสะสม ซึ่งในปีหน้านี้ ก็ยิ่งทำให้ปัญหาสุขภาพจิตของคนไทยในปีหน้ามีแนวโน้มสูงขึ้น
แพทย์หญิงจันทิมา เปิดเผยว่า จากสถิติผู้มาใช้บริการ ของโรงพยาบาลมนารมย์ ซึ่ง เน้นการดูแลสุขภาพจิตแนวใหม่ คือมีการรักษา ฟื้นฟู และ ป้องกัน ภายใต้ทีมจิตแพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา และนักกิจกรรมบำบัด ที่ครบวงจร ในช่วงปีที่ผ่านมานั้น มีจำนวนมาเข้ารับบริการสูงขึ้นทุกเดือน โดยจากเฉลี่ยเดือนละ 700 ราย ในช่วง 6 เดือนหลังมีจำนวนผู้ป่วย เพิ่ม เป็นเฉลี่ยเดือนละ 1200 ราย ทั้งนี้จากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น และสถานการณ์ด้านสุขภาพจิตที่ยังคงมีแนวโน้มแย่ลงนั้น ในปี พ.ศ. 2551 ทางโรงพยาบาล จึงเห็นสมควรที่จะได้มีการลงทุนเพิ่มเพื่อขยายพื้นที่การให้บริการทั้งในส่วนของแผนกคนไข้นอกและแผนกคนไข้ใน ซึ่งคาดว่า จากขยายการลงทุนเพิ่ม โดยการเพิ่มทุนจดทะเบียน อีก 50 ล้านบาท จะทำให้สามารถให้บริการคนไข้นอกได้เพิ่มเป็นเดือนละไม่ต่ำกว่า 1500 ราย ส่วนคนไข้ใน IPD ที่ปัจจุบันรองรับได้ประมาณ 32 เตียง ในปีหน้าก็จะเพิ่มเป็น 59 เตียง
สำหรับแผนการขยายการบริการด้านสุขภาพจิตของโรงพยาบาล แพทย์หญิงจันทิมา กล่าวว่า ในด้านบุคลากร นั้น จะได้มีการเพิ่มจำนวน ทีมจิตแพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา อีก 20 อัตรา โดยเฉพาะจิตแพทย์เฉพาะทางด้าน เด็ก วัยรุ่น และครอบครัว ในปีหน้านี้ ทางโรงพยาบาลจะได้ขยาย ตั้งคลีนิกจิตเวชเด็ก วัยรุ่นและครอบครัว เพื่อดูแลให้คำปรึกษา ปัญหาของเด็ก วัยรุ่น และครอบครัวโดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญ ถ้าหากกลุ่มนี้มีสุขภาพจิตไม่แข็งแรง ก็จะเป็นปัญหาวนเวียนในอนาคต ทั้งนี้จากการศึกษาสาเหตุของปัญหาสุขภาพจิตต่างๆนั้น จะพบว่า ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เกิดปัญหาก็คือเรื่องครอบครัว ซึ่งคนที่อยู่ในครอบครัวที่มีสุขภาพจิตแข็งแรง นั้นจะสามารถก้าวผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สังคม ความเป็นอยู่ต่างๆ
แพทย์หญิงจันทิมา กล่าวถึงผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลในปีที่ผ่านมาว่า ในภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ซึ่งจากความมุ่งมั่นที่จะให้บริการสุขภาพจิตแนวใหม่ให้กับสังคม โดยดำเนินกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพจิตให้ความรู้ สร้างความเข้าใจ และสร้างทัศนคติที่ดีให้กับประชาชนถึงการมาใช้บริการรับคำปรึกษาด้านสุขภาพจิตกับจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้มีจำนวนผู้มาใช้บริการของโรงพยาบาลสูงขึ้น แสดงให้เห็นว่า ประชาชนเริ่มมีความเข้าใจงานด้านนี้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามจากแนวโน้มสุขภาพจิตที่แย่ลงของคนไทยนั้น แพทย์หญิงจันทิมา กล่าวถึงทางแก้ไขว่า จะต้องเร่งสร้างพื้นฐานจิตใจที่เข้มแข้งให้กับครอบครัว โดยเฉพาะเด็ก และวัยรุ่น ซึ่งพ่อ แม่ผู้ปกครองจะต้องได้รับความรู้ ความเข้าใจ ถึงการเลี้ยงลูกที่ถูกต้อง เพื่อให้ลูกและสมาชิกในครอบครัวมีสุขภาพจิตที่แข็งแรง มีทักษะทางอารมณ์ที่เหมาะสม โดยควรยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง และลดกระแสการบริโภคนิยม อันเป็นตัวการนำไปสู่เรื่องมอมเมาต่างๆ อาทิ ติดแซ๊ต ติดอินเตอร์เน็ต ติดเกมส์ พนันบอล ขายบริการทางเพศ
“สิ่งที่ทุกคนควรฝึกปฏิบัติเป็นประจำทุกวันก็คือฝึกเตือนตนให้มีสติตลอดเวลา เพื่อลดโอกาสการหลุดไปใต้อารมณ์รุนแรงต่างๆ โดยการทำให้สมองผ่อนคลาย หยุดพักสมองจากเรื่องเดิมๆ หรือเรื่องยุ่งๆ ที่ทำอยู่ก่อน เช่นหยุดพักไปอ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมอื่นๆ จะทำให้เกิดมุมมองความคิดอะไรใหม่ๆ และเป็นการเตือนสติตัวเอง”
โรงพยาบาลมนารมย์ เริ่มเปิดบริการในเดือนตุลาคม พศ. 2549 ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 7 ไร่ ถนนสุขุมวิท ใกล้สี่แยกบางนา ให้บริการครอบคลุมทุกด้านของสุขภาพจิตและจิตเวชแนวใหม่ครบวงจร สำหรับทุกเพศ และวัย มุ่งเน้น งานส่งเสริม ป้องกัน และฟื้นฟู โดยลักษณะการบริการมีทั้งแผนกผู้ป่วยนอก แผนกผู้ป่วยใน และโปรแกรมกลางวัน (มาเช้าเย็นกลับ)
โรงพยาบาลมนารมย์ ประกาศขยายเวลาและเพิ่มช่องทาง “อีเมลล์” ในการส่งภาพถ่ายโดนใจ หัวข้อ คนไทยพลังใจดี ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ชิงเงินรางวัลรวม 70,000 บาท เพื่อส่งเสริมคนไทยให้มีพลังใจดี และร่วมกันทำกิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อการดูแลสุขภาพจิตของตนและครอบครัวให้มากยิ่งขึ้น กำหนดปิดรีบภาพถ่ายทางไปรษณีย์และอีเมลล์ภายในวันที่ 30 พ.ย.นี้เท่านั้น
เมื่อประเทศไทยขาดรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ทำอย่างไรจะเรียกสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ควบคู่กับคำว่า “คนไทย” หรือ ยิ้มสยาม นี้คืนมาได้ โรงพยาบาลมนารมย์ จึงจัดการประกวดภาพถ่ายโดนใจง่ายๆ เพียงส่งภาพถ่ายขนาด 4 x 6 หรือ 5 x 7 นิ้ว ที่สื่อให้เห็นถึง “พลังใจ” หรือ “กำลังใจ” ของบุคคลในภาพ โดยไม่ปิดกั้นทางด้านความคิด และให้อิสระในการบรรยายภาพที่มาของความประทับใจ ลงบนกระดาษขนาด A4 ความยาว 5-6 บรรทัด พร้อมตั้งชื่อภาพส่งมาได้ที่ โรงพยาบาลมนารมย์ เลขที่ 9 ถนนสุขุมวิท 70/3 บางนา กรุงเทพฯ 10260 ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน ศกนี้ หรือ ส่งเป็นไฟล์ภาพ JPEG พร้อมชื่อภาพและคำบรรยาย มาที่ [email protected] รางวัลสำหรับผู้ถ่ายภาพโดนใจที่สุด (รางวัลที่ 1) คือ เงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ รางวัลที่ 2 ที่ 3 และรางวัลชมเชยอีก 2 รางวัล จะได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท 10,000 บาท และ 5,000 บาท ตามลำดับ พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ
ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 02-725-9595 หรือ 02-864-3910 และคลิ๊กดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง www.manarom.com
เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์ โรคยอดฮิตของผู้สูงวัย โรงพยาบาลมนารมย์ โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิงรวิวรรณ นิวาตพันธุ์ จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาผู้ป่วยอัลไซเมอร์จะเป็นผู้ให้ความรู้และเสริมสร้างพลังใจที่ดีให้กับคนในครอบครัว ผู้เข้าฟังจะได้ทราบถึงวิธีการดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่ถูกต้อง และเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วยและผู้ดูแล ในการบรรยายพิเศษ เรื่อง “มิติใหม่ของคุณภาพชีวิตผู้ดูแลและผู้ป่วยสมองเสื่อม” ในวันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม 2550 นี้ เวลา 08.30-12.00 น. ณ ห้องมนารมย์ โรงพยาบาลมนารมย์
ขอเชิญผู้สนใจทั่วไปเข้าร่วมฟังการบรรยาย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ติดต่อสำรองที่นั่งได้ที่ โทร. 02-725-9595
เมื่อเร็วๆ นี้ นายแพทย์ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย กรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาลมนารมย์ โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางด้านสุขภาพจิตที่ได้มาตรฐาน จัดแถลงข่าวเปิดตัวและนำสื่อมวลชนเยี่ยมชมโรงพยาบาล ที่มีคณะจิตแพทย์กว่า 80 ร่วมก่อตั้ง ใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 250 ล้านบาท มีความพร้อมในทุกด้านในการให้บริการสุขภาพจิตที่ดีแนวใหม่ให้กับคนไทยมุ่งเน้นให้การรักษา การฟื้นฟู และส่งเสริมให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการป้องกัน การดูแลรักษาทางจิตเวชที่ถูกต้อง ณ ห้องมนารมย์ โรงพยาบาลมนารมย์ บางนา
ผู้สนใจต้องการหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพจิต สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซท์ www.manarom.com