การพ่ายแพ้การเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อปี 2543 หลังลงสมัครเป็นครั้งแรกของ ดร.สาวทายาทคนโตของตระกูล “ทิวไผ่งาม” เป็นเสมือนบทเรียนทางการเมืองที่สำคัญ แต่กระนั้นห้วงเวลาที่ผ่านมา ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม ก็ได้ใช้เวลาเรียนรู้และทำงานช่วยเหลือรัฐบาลในหลายกระทรวง อาทิ กระทรวงสาธารณสุข พาณิชย์ และศึกษาธิการ เป็นต้น
วันนี้ฝันและความมุ่งหวังของเธอเป็นจริงแล้ว เมื่อการเลือกตั้ง ส.ส. ในต้นปีที่ผ่านมา เธอชนะการเลือกตั้งและเป็น ส.ส. กรุงเทพมหานครเขต 10 สมใจ กระนั้นธุรกิจครอบครัว “โรงเรียนทิวไผ่งาม” ที่บิดามารดาก่อร่างสร้างชื่อมาก็เป็นสิ่งที่เธอต้องบริหารจัดการในฐานะทายาทและผู้อำนวยการโรงเรียน โดยเฉพาะโครงการทิวไผ่งาม English Program โครงการ Electronic Thewphaingam School ที่มุ่งหวังสร้างระบบคอมพิวเตอร์เชื่อมโยงข้อมูลการเรียนการสอน ผลการเรียนและข่าวสารระหว่างครู นักเรียน และผู้ปกครอง เพื่อนำข้อมูลไปปรับปรุงและกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาโรงเรียนต่อไป รวมถึงความมุ่งหวังที่จะจัดตั้ง “มหาวิทยาลัยทิวไผ่งาม” ในอนาคต
เส้นทางชีวิตของเธอถูกหล่อหลอมเพื่อให้เป็นนักการศึกษาโดยแท้จริง ทั้งพื้นฐานการศึกษาที่เริ่มต้นที่ทิวไผ่งามเองตลอดจนเรียนรู้ที่จะเป็นครูที่ครุศาสตร์ จุฬาฯ จวบจนจบการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านบริหารการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งสืบทอดการบริหารงานโรงเรียนที่เป็นเสมือนแก้วตาดวงใจของผู้เป็นบิดามารดา
ทุกวันนี้ ดร.อ้อ-ณหทัย ทิวไผ่งาม ในวัย 35 ปี ยังคงสถานภาพโสด เป็นสาวสวยร่างเล็ก และรักที่จะทำทั้งงานการเมืองและธุรกิจการศึกษาควบคู่กันไป โดยเฉพาะบทบาทของการเป็นนักบริหารการศึกษา ทำให้เมื่อปีที่แล้ว AsiaInc เรียกขานเธอว่าเป็น Educational Reformer
Profile
Name : ณหทัย ทิวไผ่งาม
Born : 24 มิถุนายน 2513
Education :
2531 มัธยมศึกษา โรงเรียนทิวไผ่งาม
2534 ปริญญาตรี ครุศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2534-2541 ปริญญาโท บริหารการศึกษา, ปริญญาเอก บริหารการจัดการอุดมศึกษานานาชาติ University of Wisconsin Madison, USA
Career Highlights :
ปัจจุบัน ผู้อำนวยการโรงเรียนทิวไผ่งาม ส.ส. กทม. เขต 10
2545-2547 ผู้ช่วยเลขาธิการ รมว. ศึกษาธิการ ผู้ช่วยเลขาธิการ รมช. สาธารณสุข โฆษกประจำกระทรวงพาณิชย์
2544-2545 รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
2543 ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กทม. เขต 10 (ห้วยขวาง และวัฒนา) และรองโฆษกพรรคไทยรักไทย
2542-2543 ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาโท สาขาบริหารงานวัฒนธรรม วิทยาลัยนวัตกรรมอุดมศึกษา มธ.
2541-2542 รองประธานอนุกรรมการประชาสัมพันธ์กีฬาเอเชียนเกมส์และเฟสปิกเกมส์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
Family :
ลูกสาวคนโตของอาจารย์ณรงค์ และอาจารย์อุษา ผู้ก่อตั้งโรงเรียนทิวไผ่งาม มีน้องชายคือ ดร.ณัฐกฤษฎ์ ซึ่งร่วมกันเปิดบริษัท ณัฐหทัย จำกัด เจ้าของโครงการ “ทิวทาวเวอร์” คอนโดมิเนียม 30 ชั้นริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นที่ดินผืนติดกับโรงเรียนทิวไผ่งาม และ
ดร.ณัฐกฤษณ์เป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนเสริมศึกษา Thew Brain School
แม้จะร่ำเรียนด้านกฎหมายมาตั้งแต่ระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก จนมีคำนำหน้าอย่างภาคภูมิว่า ดร. แล้วก็ตาม แต่ ดร.เอก หรือ ดร.ณัฐกฤษณ์ ทิวไผ่งาม กลับเลือกเส้นทางชีวิตที่แตกต่างออกไปจากวิชาชีพที่จบมา
แต่หากมองในรายละเอียดแล้วเขาบอกว่า ไม่แปลกที่จะเลือกเป็นนักบริหารการศึกษา “คำว่าการศึกษาไม่ใช่คนที่เรียนด้านนี้เพื่อไปเป็นครูอย่างเดียว แต่คนที่มีโอกาสได้เรียนรู้ในสาขาวิชาต่างๆ อย่างลึกซึ้ง สามารถเป็นนักการศึกษาได้ทุกคน และสำหรับผมยังได้คลุกคลีอยู่กับโรงเรียนทิวไผ่งามมาตั้งแต่เล็กจนโต ทั้งในฐานะนักเรียน ลูกเจ้าของซึ่งเป็นผู้บริหารและเป็นอาจารย์ด้วย รวมถึงเคยเป็นผู้อำนวยการที่โรงเรียนนี้หลังจบปริญญาเอกกลับมาด้วย ทำให้มีมุมมองค่อนข้างรอบด้าน”
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการขยายธุรกิจจากความเชี่ยวชาญเดิมของครอบครัวที่มีอยู่ ไปสู่ธุรกิจศูนย์เสริมศึกษาเด็กก่อนวัยเรียน
“เริ่มแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะเป็นศูนย์แบบนี้ ผมแค่มองว่าทุกวันนี้เด็กเรียนหนักเกินไป ทำอย่างไรเด็กไม่ต้องเรียนหนัก แต่ฉลาดได้ คิดเป็นไม่ใช่เก่งแค่ท่องจำ เด็กไทยไม่มีการศึกษาภาคบังคับรองรับ ทั้งๆ ที่เด็กช่วงอายุ 2-3 ขวบ เป็นวัยที่สมองเจริญเติบโต มีการแบ่งเซลล์มากที่สุด การเรียนรู้เรื่องภาษาในวัยนี้จะทำได้ดีและเป็นทักษะติดตัวไปจนโต โดยเฉพาะสำเนียงการออกเสียง แต่ก็มีผู้ปกครองจำนวนมากมองว่า การศึกษาสำหรับเด็กวัยนี้ไม่จำเป็น”
ด้วยความสนใจเป็นพิเศษ เขาจึงเริ่มค้นหา “โปรแกรม” ที่ว่าดีทั่วโลก เพื่อเอามาใช้ในโรงเรียนทิวไผ่งาม เป็นหลักสูตรเสริมศึกษาสำหรับเด็กอายุ 2-5 ขวบ และพบว่าที่ Brain School ของประเทศเกาหลีเหมาะสมที่จะนำมาใช้ในเมืองไทย
ปัจจุบันเขามุ่งมั่นปั้นแบรนด์ “Thew” ให้เด่นดังในวงการศึกษา ด้วยภาพลักษณ์ความเป็นอินเตอร์ บวกกับการเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์สถาบันพัฒนาทักษะเด็กก่อนวัยเรียนจาก Hansol Company ประเทศเกาหลี ซึ่งเป็นบริษัทที่ค้นคว้าวิจัยทำโปรแกรม Brain School ที่เน้นให้เด็กเกิดความคิดสร้างสรรค์แบบองค์รวม ไม่แยกส่วนเฉพาะด้าน
สาขาแรก “Thew” เริ่มต้นที่เซ็นทรัล พระราม 3 ในนาม “Thew Brain School” ในปีนี้และเตรียมขยายสาขา ทั้งในรูปแบบของการลงทุนเองและขายแฟรนไชส์ในพื้นที่สี่มุมเมือง เช่น ปิ่นเกล้า รังสิตและศรีนครินทร์ เป็นต้น
“แนวทางการทำตลาดตอนนี้คือ educate ผู้ปกครองให้เข้าใจถึงความจำเป็นในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กก่อนวัยเรียน เนื่องจากธุรกิจนี้มีศักยภาพสูง กลุ่มเป้าหมายมีจำนวนมาก 1 ปีมีเด็กเกิดเฉลี่ย 1 ล้านคน ทั่วประเทศ และเป็นเด็กกรุงเทพฯ ถึง 300,000 คน 30% ของแต่ละช่วงอายุของเด็กทั่วประเทศ คือ 2, 3, 4 และ 5 ขวบ จะมีจำนวนรวมกันประมาณ 1.2 ล้านคน เหล่านี้ล้วนเป็นกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจเสริมศึกษา แต่ปัจจุบันธุรกิจนี้ที่เปิดบริการรองรับได้แค่หลักหมื่นเท่านั้น”
อนาคตเขามองว่า Thew Brain School จะกลายเป็นส่วนหนึ่งในหลักสูตรของโรงเรียนทิวไผ่งาม ซึ่งจะเป็นการ synergy brand ให้เกิดประโยชน์เกื้อหนุนกันได้เป็นอย่างดี
“ผมภูมิใจที่ทำธุรกิจการศึกษา เพราะหนึ่งเป็นธุรกิจทำกำไรได้ และสองรับผิดชอบต่อสังคม เพราะทำให้เยาวชนรุ่นใหม่ฉลาดและได้รับการพัฒนาศักยภาพเต็มที่ตั้งแต่วัยเยาว์ ให้ผมไปทำธุรกิจฟุ่มเฟือย ไม่เอานะ (หัวเราะ)”
นอกจากการเป็นที่ปรึกษาโรงเรียนทิวไผ่งาม และ Thew Brain School ที่เขาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลัก รวมถึงธุรกิจวางระบบเน็ตเวิร์ค ที่มีบริษัทเกาหลีเป็นพาร์ตเนอร์ เพื่อรับงาน IT Solution ในเมืองไทย โดยเฉพาะจากบริษัทเกาหลี เช่น ซัมซุง เป็นต้น แล้ว ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะนำรายได้มาสู่ตระกูลนี้ โดย อ.ณรงค์ ผู้พ่อเป็นต้นคิดและบุกเบิก โดยมีเขาเป็นแขนขาในเรื่องของการตลาด
ที่ดินผืนงามกว่า 100 ไร่ ริมโค้งแม่น้ำนครชัยศรี จ.นครปฐม เป็นสถานที่ก่อสร้าง Resort & Museum หรูที่ อ.ณรงค์ บิดาของเขาหมายมั่นปั้นมือให้เป็นสถานตากอากาศระดับไฮเอนด์ สร้างด้วยไม้เกือบ 100% และมีกระเบื้องกับหินสีเป็นวัสดุประกอบ ชูจุดขายวิถีชนบทริมน้ำ
พร้อมจับกลุ่มสัมมนาด้วยศูนย์สัมมนาใหญ่สุดในนครปฐม “นักท่องเที่ยวต่างชาติคือกลุ่มเป้าหมายหลักที่เราอยากให้มาสัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำที่ยังมีอยู่ในเมืองไทย ส่วนของพิพิธภัณฑ์จะเป็นการแสดงงานไม้แกะสลักทั้งใหม่และเก่า ซึ่งบางส่วนเป็นของสะสมของคุณพ่อ โดยจะมีงานไม้แปลกๆ ไม่เฉพาะของไทย แต่จะรวบรวมทั้งของพม่าและอินโดนีเซียไว้ที่นี่ด้วย คาดว่าจะเปิดบริการได้ในต้นปี 2549 โดยผมดูแลในเรื่องของการตลาด แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตั้งชื่อเลย” ไม่แน่ว่ารีสอร์ตแห่งนี้จะอยู่อันเดอร์แบรนด์ “Thew” อีกก็เป็นได้
ทุกวันนี้เขาอาศัยที่บ้านหลังใหญ่ริมน้ำเจ้าพระยาติดกับพื้นที่โรงเรียนทิวไผ่งาม พร้อมหน้าพร้อมตากับบิดามารดาและพี่สาว คือ ดร.ณหทัย เหมือนเมื่อครั้งเยาว์วัย “อยู่กันครบ 4 คน อบอุ่นมาก” และด้วยความรับผิดชอบที่มีทำให้เขายังไม่คิดถึงชีวิตคู่ในเวลานี้
“ชิวิตผมเหมือนนกที่ยังสร้างรังไม่เสร็จ เลยยังมีคู่ไม่ได้ (หัวเราะ) คือตอนนี้รอ แต่รอคอนโดมิเนียม Thew River Place สร้างเสร็จและขายหมดก่อน ตอนนี้ขายไปได้เกินครึ่งแล้ว คาดว่าอีก 2 ปีรังคงเสร็จ และคงถึงเวลาเสียที (หัวเราะ)” ดอกเตอร์หนุ่มบอกอย่างอารมณ์ดี
แม้ทิวไผ่งามจะเลื่องชื่อในฐานะโรงเรียนผลิตนักกีฬาบาสเกตบอลระดับแนวหน้าของประเทศ แต่ครั้งหนึ่งเมื่อเป็นเด็กชายณัฐกฤษณ์ เขากลับไม่ถนัดกับกีฬาประเภทนี้เท่าใดนัก ดร.เอกบอกว่า เขาชื่นชอบกีฬา outdoor มากกว่า ออกแนวผจญภัยใกล้ชิดธรรมชาติ เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน ปีนเขา เล่นสกี เป็นต้น และน้อยคนนักจะรู้ว่าเขาเป็นนักแข่งจักรยานตัวยง “ชอบปั่นจักรยานมาก ถ้ามีเวลาจะไปซ้อมที่พุทธมณฑล ปั่นวนรอบละ 11 กิโลเมตร ต้องฟิตให้มากก่อนลงแข่งสะสมคะแนนชิงแชมป์ประเทศไทย…ตอนอยู่เมืองนอกลงแข่งตลอด แต่ที่เมืองไทยต้องเจียดเวลา”
“ผมชอบปั่นจักรยาน เล่นสกี ชอบกีฬาที่ใช้ความเร็ว ได้ออกกำลังกายแบบไม่พึ่งเครื่องยนต์ ไม่พึ่งน้ำมัน และได้สัมผัสกับธรรมชาติ เหมือนเป็นการเที่ยวอย่างหนึ่ง เพราะปกติจะชอบเที่ยวต่างจังหวัดอยู่แล้ว แบบลุยๆ ตั้งแค้มป์นอนป่า เพราะผมเป็นคนติดดิน”
นอกจากนี้ เขายังคงโปรดปรานการสะสมปืนลม ปืนจำลอง รถเหล็ก เครื่องบินเหล็ก อาวุธสงคราม แม้จะไม่ค่อยมีเวลาเสาะหาชิ้นใหม่ๆ มาประดับตู้โชว์เท่าใดนัก
“ผมชอบอาวุธแต่ไม่สะสมของจริง ดูอันตรายเกินไปและผิดกฎหมาย แต่ของที่สะสมจะจำลองมาและเหมือนจริงมาก…ตอนนี้เริ่มหันมาสะสมเงินแทน (หัวเราะ)”
การเดินตามรอยพี่สาว เข้าสู่เส้นทางการเมือง เพื่อสานต่ออุดมการณ์ทางการศึกษาให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยรวม เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขาตั้งใจไว้ “อยากช่วยเหลือด้านการศึกษาในวงกว้าง ไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. ก็ได้ แต่ขอให้สิ่งที่เราคิดได้ถูกปฏิบัติเป็นรูปธรรม”
Profile
Name : ณัฐกฤษฎ์ ทิวไผ่งาม
Born : 34 ปี
Education :
ปริญญาโท-เอก University of Wisconsin Madison, Master of Legal Institution (M.L.I), Master of Law (L.L.M), Doctor of Jurisprudence (S.J.D)
ปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ประถมศึกษาและมัธยมศึกษา โรงเรียนทิวไผ่งาม
Career Highlights:
2546-ปัจจุบัน กรรมการผู้จัดการบริษัท NexTech Info Sys จำกัด (วางเครือข่าย Computer และเสนอ Solutions ต่างๆ และเป็นผู้นำเข้า Brain School โรงเรียนสำหรับเด็กก่อนวัยเรียน)
2545-ปัจจุบัน กรรมการผู้จัดการ บริษัทณัฐหทัย จำกัด (พัฒนาที่ดิน ปัจจุบันเป็นเจ้าของโครงการ Thew River Place คอนโดมิเนียม 30 ชั้นริมแม่นำเจ้าพระยา)
กรรมการผู้จัดการบริษัท ทริปเปิ้ลเอ็น จำกัด (กำลังทำโครงการ Resort-Spa และ Wood Museum ที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม) มีคุณพ่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนา
2545 ผู้อำนวยการโรงเรียนทิวไผ่งาม
Family :
บิดา อาจารย์ณรงค์ มารดา อุษา ทิวไผ่งาม และพี่สาว ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม ส.ส. เขตห้วยขวาง- วัฒนา
“จริงๆ แล้วอยากเป็นนักกฎหมายไม่อยากทำงานโรงเรียน แต่พอเข้ามาแล้วชอบ เพราะรู้สึกว่าได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ การสร้างคนเป็นสิ่งสนุกของผม” คือคำพูดเปิดอกของ ณัฐกฤษฎ์ ทิวไผ่งาม ทายาทรุ่นสองของโรงเรียนทิวไผ่งาม กับบทบาทล่าสุดคือการเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์สถาบันพัฒนาทักษะเด็กก่อนวัยเรียนจากประเทศเกาหลี ในนาม Thew Brain School
ด้วยใจรักทางด้านกฎหมาย ณัฐกฤษฎ์ เลือกเรียนปริญญาตรี-โท-เอก สาขากฎหมาย แบบรวดเดียวจบ แล้วกลับมาเมืองไทยเมื่อปี 2544 แต่เพราะเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ เมื่อ ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม พี่สาวคนเดียว ต้องไปเดินบนถนนสายการเมือง เขาจึงต้องเข้ามารับบทบาทผู้อำนวยการโรงเรียนและรับผิดชอบงานอย่างเต็มตัว
“พอเข้ามาก็คิดว่าทำอย่างไรให้เด็กไม่ต้องเรียนหนัก ให้เด็กเรียนน้อยลง แต่ได้ความรู้มากขึ้น ฉลาดขึ้น โดยมีวิธีการสอนที่ทันสมัย ไม่ต้องนั่งอัดกันเยอะ คำถามคือ ทำอย่างไรให้เด็กจำเก่ง คิดเก่ง คำตอบอยู่ที่ว่า การทำให้เด็กคิดเก่งจำเก่ง ต้องเริ่มตั้งแต่วัยเยาว์ วัยที่ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการพัฒนาสมองของมนุษย์ระบุไว้ คือ 2-5 ขวบ เป็นช่วงที่สมองพัฒนามากที่สุด ขณะเดียวกันความฉลาดมาจากการเชื่อมใยสมองแต่ละเซลล์ ให้ทำหน้าที่คิด วิเคราะห์ จำ ให้เหตุผล การเชื่อมการทำงานของสมองทุกส่วนเข้าด้วยกันสำคัญที่สุดที่จะทำให้มนุษย์ฉลาดได้ ตรงนี้ต้องสอนจึงจะเกิด”
จึงเป็นจุดเริ่มต้นการค้นคว้าอย่างเอาจริงเอาจัง และพบว่าในเมืองไทยมีบางแห่งที่ใช้หลักการ Brain-based learning อยู่แล้ว เช่น Gymboree ที่เน้นการพัฒนาด้านกายภาพ และความคิดสร้างสรรค์ผ่านศิลปะ, Baby Genius, Tumble Tott, และ Kumon ที่เน้นหนักด้านเลขและภาษา แต่วิธีการของสถาบันเหล่านี้ยังไม่ตรงใจของณัฐกฤษฎ์นัก เพราะเขาเห็นว่า คนเราจะคิดเก่งได้โดยรวม สมองต้องถูกพัฒนาให้ทั่ว ไม่ใช่เน้นแค่ด้านใดด้านหนึ่ง
ด้วยความที่เขาสวมหมวกอีกใบเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท NexTech Info Sys จำกัด รับวางเครือข่ายคอมพิวเตอร์และเสนอ Solutions ต่างๆ โดยมีลูกค้าอย่างสำนักงานซัมซุงบนตึกเอมไพร์ จึงทำให้มีเพื่อนฝูงเป็นคนเกาหลีอยู่บ้าง และมีส่วนทำให้ได้รู้จักกับชื่อ Hansol Company ซึ่งเป็นบริษัทที่ค้นคว้าวิจัยทำโปรแกรม Brain School นี้
“เมื่อเทียบกับอีกหลายที่ พบว่าเขามีไม่เหมือนใคร เขามีกิจกรรม 2,000 กิจกรรมแยกกัน แต่เชื่อมโยงกัน แล้วเจาะจงว่าเล่นอย่างนี้จะได้ผลอย่างนี้ มีการบันทึกความก้าวหน้าของเด็ก กิจกรรมมีต่อเนื่องสำหรับเด็กตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นมา แล้วค่อยซับซ้อนไปเรื่อยๆ ยากง่ายเหมาะสมกับวัย โดยที่เขาอิงจากทฤษฎีของนักจิตวิทยาอเมริกันชื่อ Blooms กับ Torrence ต้นกำเนิดทฤษฎีพัฒนาการทางสมองในวัยเด็ก ซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่ Hansol เป็นที่แรกที่แปลงทฤษฎีมาสู่สิ่งที่จับต้องได้ เป็นกิจกรรมที่ปฏิบัติได้จริงและเห็นผล”
ล่วงมาจนกระทั่งปลายปี 2546 จึงเริ่มเดินทางไปดูของจริงที่ Hansol Company ทำให้ยิ่งประทับใจและมั่นใจมากขึ้น โดยตึกสำนักงาน 15 ชั้นของบริษัท แบ่งเพียงครึ่งชั้นเป็นฝ่ายบริหาร แล้วที่เหลือเป็นแผนกวิจัยและพัฒนาทั้งหมด มีนักวิจัยระดับด็อกเตอร์ทำงานอยู่กับ Hansol ประมาณ 70 คน ทั้งแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเด็ก นักจิตวิทยา รวมทั้งด้านการออกแบบ และมีแผนกทดลองก่อนนำออกใช้จริงด้วย
การทำธุรกิจย่อมต้องการสิ่งที่จับต้องได้ ณัฐกฤษฎ์พบว่า ส่วนแบ่งของ Brain School ในตลาดการศึกษาเกาหลีนั้น ครองส่วนแบ่งถึงครึ่งหนึ่งของตลาดทั้งหมด ทั้งที่ไม่ต้องอาศัยการโฆษณาเลย แต่เป็นการบอกปากต่อปากของผู้ปกครอง กับใช้วิธีการขายโดยตรงด้วยการไปเปิดบูธตามที่ต่างๆ ให้เด็กลองมานั่งเล่น ทั้งมีสถิติเด็กเข้ามาแล้วอยู่ต่อเนื่องตลอด 3 ปี ไม่ย้ายไปเรียนที่อื่น จะมีออกก็แต่เฉพาะกรณีย้ายถิ่นฐานเท่านั้น ในที่สุดจึงมีการเซ็นสัญญาซื้อแฟรนไชส์เข้ามาในปี 2547 ด้วยค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 20 ล้านบาท หลังจากนั้นใช้เวลาเทรนคนถึง 8 เดือนเต็มก่อนเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลพระราม 3 เมื่อต้นปี 2548 ที่ผ่านมา
“ประเทศไทยเป็นแฟรนไชส์ Brain School นอกเกาหลีแห่งแรก ก่อนเซ็นสัญญาเขาก็เดินทางมาดูโรงเรียนทิวไผ่งามเห็นประสบการณ์ของเราเขาก็มั่นใจเซ็นสัญญากับเรา แต่ก็ยอมรับว่าจุดประสงค์หลักเขาอยากให้เราขยายแฟรนไชส์ให้ได้มากที่สุด ซึ่งตอนนี้ก็มีคนติดต่อเข้ามาหลายรายแล้ว ก็จะคิดค่าแฟรนไชส์ประมาณรายละ 5 ล้านบาท รวมค่าวัสดุอุปกรณ์และช่วยตกแต่งให้ สำคัญที่ทำเลต้องเป็นศูนย์การค้าและเราแอพพรูฟ”
ส่วนทำเลในกรุงเทพฯ ที่เล็งเอาไว้แล้วว่าจะขยายสาขาไปในเร็วๆ นี้ คือ ที่เซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า แยกราชประสงค์ และที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า โดยเป็นการลงทุนเองของบริษัทฯ รวมทั้งจะไปเปิดเป็นศูนย์เด็กเล็กในบริเวณโรงเรียนทิวไผ่งามด้วย ซึ่งเขาวางหมากให้เป็นการเสริมจุดแข็งของทิวไผ่งามให้แตกต่างจากโรงเรียนอื่น
ขณะเดียวกันวิธีการและแนวคิดการทำกิจกรรมของ Brain School ก็จะถูกดัดแปลงมาใช้กับการเรียนการสอนโดยรวมของโรงเรียนทิวไผ่งาม เป็นการ Synergize ศักยภาพ ทรัพยากร และลูกค้าของ 2 สถาบันอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็สร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ อันเป็นหนทางที่จะทำให้สามารถแข่งขันในตลาดการศึกษาได้ในระยะยาว
แม้จะเริ่มต้นด้วยความไม่ชอบงานโรงเรียน แต่ความสนุกกับการทำงานด้านการศึกษาดูจะอยู่ในสายเลือด “ทิวไผ่งาม” อย่างแท้จริง ขณะที่คนพี่เข้าไปมีส่วนกับ Brain-based learning ในนโยบายการศึกษาระดับประเทศ คนน้องก็กระจายหมาก Brain School ในระดับรากหญ้า ที่แม้ปัจจุบันอาจจะยังเข้าถึงได้เพียงคนกลุ่มน้อยที่มีกำลังซื้อสูงเท่านั้น แต่ก็เป็นคลื่นลูกแรกที่จะกระจายวงขยายระลอกกว้างออกไปได้เรื่อยๆ
Profile
Name: ณัฐกฤษฎ์ ทิวไผ่งาม
Born: 15 กรกฎาคม 2514
Education:
– มัธยม 6: โรงเรียนทิวไผ่งาม
– ปริญญาตรี: คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
– ปริญญาโท-เอก: University of Wisconsin Madison Master of Legal Institution (M.L.I),
– Master of Law (L.L.M), Doctor of Jurisdiction (S.J.D)
Career Highlight:
2545 ผู้อำนวยการโรงเรียนทิวไผ่งาม
2545-ปัจจุบัน
– กรรมการผู้จัดการ บริษัทณัฐหทัย จำกัด (พัฒนาที่ดิน ปัจจุบันเป็นเจ้าของโครงการ Thew River Place คอนโดมิเนียม 30 ชั้นริมแม่นำเจ้าพระยา)
– กรรมการผู้จัดการบริษัท ทริปเปิ้ลเอ็น จำกัด (กำลังทำโครงการ Resort-Spa และ Wood Museum ที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม) มีคุณพ่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนา
2546-ปัจจุบัน
– กรรมการผู้จัดการบริษัท NexTech Info Sys จำกัด (วางเครือข่าย Computer และเสนอ Solutions ต่างๆ และเป็นผู้นำเข้า Brain School โรงเรียนสำหรับเด็กก่อนวัยเรียน)
Family: เป็นลูกของ อาจารย์ณรงค์-อุษา ทิวไผ่งาม และเป็นน้อง ดร. ณหทัย ทิวไผ่งาม ส.ส. เขตห้วยขวาง-วัฒนา
ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่โดดเด่นในเวทีการเมือง แม้จะแพ้การเลือกตั้งในการลงสมัครครั้งแรกเมื่อปี 2543 แต่ก็ถูกวางตัวให้รับงานสำคัญมาตลอดไม่ว่าจะเป็นสำนักนายกฯ กระทรวงศึกษาธิการ สาธารณสุข และพาณิชย์ นอกเหนือไปจากความรู้ความสามารถที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ภาพลักษณ์ความเป็นผู้หญิงทำงานที่ประสบความสำเร็จซึ่งยืนยันได้จากผลโหวตหลายสำนัก (ล่าสุดนิตยสาร AsiaInc กล่าวถึงเธอในฐานะ Educational Reformer) ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้อนาคตบนเส้นทางการเมืองของเธอยังทอดยาวต่อไปถึงการลงสนามเลือกตั้งอีกครั้งในปีหน้า
ณ วันนี้เธอจึงต้องรับผิดชอบหน้าที่ 3 อย่างในเวลาเดียวกัน คือการเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนทิวไผ่งาม ควบคู่ไปกับการเป็นผู้ช่วยเลขาธิการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และการลงพื้นที่ในฐานะผู้สมัครเขตห้วยขวางและวัฒนา ซึ่งเธอเทเวลาให้ทุกเย็นจันทร์-ศุกร์ หลังเลิกงานที่โรงเรียนและที่กระทรวงฯ แล้ว และเต็มวันทั้งเสาร์และอาทิตย์ โดยยอมสละงานอดิเรกที่ชอบคือ การเล่นสกีน้ำ ไปโดยปริยาย
“พรรคมีการทำโพล ดูกระแสของตัวผู้สมัครและพรรคอยู่ตลอดเวลา ก็พบว่าเรายังได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอยู่ ก็คิดว่าน่าจะสู้อีกครั้งหนึ่ง เพื่อตอบแทนคนในเขตห้วยขวางและวัฒนาที่ยังสนับสนุนเรา และเพื่อพรรคด้วยที่ให้โอกาสกับชีวิตเรา” เป็นคำบอกเล่าจากณหทัย ที่ย้ำหนักแน่นว่าบุญคุณต้องตอบแทน เพราะพรรคให้โอกาสเธอได้เรียนรู้แบบ Life-long Learning ขนาดที่เรียกว่าได้ปริญญามากกว่าปริญญาเอกเสียอีก
พร้อมกับฟันธงว่า “การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นตัวตัดสินว่าเราจะทำงานการเมืองต่อไปหรือไม่ ถ้าผลเป็นยังไงก็จะขอกลับมาทำโรงเรียน 100% เลย”
ด้วยคุณวุฒิด้านการบริหารการศึกษา ที่ผ่านมาเธอจึงได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการวางนโยบายหาเสียงของพรรคไทยรักไทย ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา และในหลายนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ หนึ่งในนั้นคือการเป็นประธานคณะกรรมการดำเนินงานการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงฯ เป็นภาษาอังกฤษ หรือที่รู้จักกันในฐานะโรงเรียนสองภาษา (Bilingual School) ที่กำลังอินเทรนด์อยู่ในบ้านเราเวลานี้
ซึ่งก็เป็นนโยบายที่เดินควบคู่ไปกับแผนการบริหารโรงเรียนทิวไผ่งามในยุคใหม่ด้วยเช่นกัน ด้วยเพราะปีหน้าจะเป็นวาระครบรอบ 30 ปีของการก่อตั้ง ณหทัยคาดหวังว่าโรงเรียนทิวไผ่งามภายใต้การบริหารของเธอ จะก้าวสู่ยุคเทคโนโลยีและความเป็นสากลอย่างเต็มตัว
3 แผนงานหลักที่เธอวางไว้ นอกเหนือจากโครงการทิวไผ่งาม English Program ซึ่งเน้นการจัดหลักสูตรที่เน้นความสามารถเรื่องภาษา โดยใช้ระบบให้เด็กที่เข้ามาในชั้น ป.1-ป.3 เรียนภาษาอังกฤษรวมกันไปก่อน จากนั้นจะสอบแบ่งระดับ แล้วแยกเด็กเข้าชั้นเรียนตามความสามารถทางภาษาอังกฤษ เพื่อส่งเสริมให้เด็กดึงศักยภาพทางภาษาออกมาให้มากที่สุด และโปรแกรม EFF (English For Future) ที่จะจัด 1 ชั่วโมงในแต่ละวันให้เด็กได้เรียนกับครูต่างชาติ เพื่อทักษะการฟัง อ่าน เขียนภาษาอังกฤษ
ยังมีโครงการระบบดูแลเด็กแบบแมทริกซ์ ที่จะมีครูประจำชั้น ครูฝ่ายปกครอง ครูแนะแนว ครูโครงการ Friendly Trill และเพื่อนจากระบบบัดดี้ ทำให้เด็กทุกคนจะมีคนถึง 5 คนคอยช่วยดูแลเป็นระบบตรวจสอบแบบไขว้
และโครงการ Electronic Thewphaingarm School (ETS) ซึ่งจะลอนช์ระบบเต็มที่ภายในปี 2548 โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์เชื่อมข้อมูลระหว่างครู นักเรียน และผู้ปกครอง นับตั้งแต่การเช็กการเข้าเรียน การแจ้ง SMS ถึงผู้ปกครอง การตั้งคีออสให้ผู้ปกครองตรวจสอบผลการเรียนของบุตรหลานได้ การแจ้งข่าวสารและผลสอบถึงผู้ปกครองทางอีเมล ตลอดจนการเช็กสถิติการเข้ามาใช้บริการห้องสมุด เพื่อนำข้อมูลไปปรับปรุงการให้บริการ สร้างยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงการต่างๆ ในโรงเรียน
และด้วยสไตล์การทำงานแบบผู้บริหารรุ่นใหม่ โรงเรียนทิวไผ่งามวันนี้จึงมีทีมยุทธศาสตร์ ทำหน้าที่หลักคือ วิเคราะห์ SWOT ของทิวไผ่งาม ก่อนจะอิมพลีเมนต์นโยบายหรือแนวคิดใหม่ที่เธอเป็นผู้นำเข้ามาทดลองใช้ในโรงเรียน เช่นขณะนี้กำลังศึกษาเรื่องเบรนเบสเลิร์นนิ่ง หรือการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับพัฒนาการของสมอง
ซึ่งการตั้งทีมนี้ขึ้นมา นอกจากช่วยเรื่องความคล่องตัวในการทำงานแล้ว ส่วนหนึ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงที่จะช่วยสร้างการยอมรับและปรับพฤติกรรมครูเก่าในโรงเรียน ซึ่งบางคนก็เป็นครูของเธอเอง เมื่อเกิดการไม่เห็นด้วยหรือไม่เชื่อมั่นกับแนวคิดใหม่ ที่ทำให้ท้อในบางครั้ง
“แต่เราต้องทำให้เขาเห็นว่าเราเอาจริง เรารู้จริง โชคดีที่ทีมยุทธศาสตร์เป็นเด็กรุ่นใหม่ ไฟแรง คิดอะไรตามเราได้ทัน พอสรุปแนวทางการปฏิบัติได้ ก็เอาลงไปอิมพลีเมนต์ และอีกทีมทำ SWOT แล้ววิจัยรวบรวม ผลออกมาก็เอาไปปรับยุทธศาสตร์ ทีมนี้มีประมาณ 6-7 คน ถ้าโรงเรียนมีงานด่วนก็กระจายส่งคนจากทีมนี้ไปช่วยแก้ปัญหา เรียบร้อยแล้วก็ถอนคนกลับมา เพราะฉะนั้นคนในทีมยุทธศาสตร์จะรู้ความเป็นไปของโรงเรียนทั้งหมด”
เมื่อต้องทำงานกับคนหลากวัย ณหทัยจึงจำเป็นต้องสวมบทบาทผู้บริหารที่เด็ดขาดเข้มงวด “เวลาประชุมหรือติดตามงาน ถ้าบอกว่าเวลานี้จะเสร็จ ก็ต้องได้ และต้องทำให้ดี พูดเรื่องงานก็คืองาน แต่ถ้าเวลาไม่ใช่งานก็สนุกสนาน ในสมัยคุณพ่อจะใช้ระบบแบบครอบครัว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าครูดูว่าเราเป็นยังไง แต่ก็คิดว่าเราทำเพื่อส่วนรวม ก็พยายามปลูกฝังความคิดว่าสิ่งที่เขาทำให้เด็กเป็นการทำเพื่อประเทศชาติ ไม่อยากให้เขาคิดว่าเป็นผลประโยชน์ของตระกูลทิวไผ่งาม และคอยกระตุ้นไม่ให้เขานอนใจกับความสำเร็จเก่าๆ ประชุมทีไร ก็จะดึงจุดบกพร่องขึ้นมา ส่วนดีอาจจะพูดน้อย มันเหมือนจุดอิ่มตัวว่าใครก็พูดถึงทิวไผ่งาม แต่วันนี้ต้องมาดูจุดอ่อนของเรา เน้น Weakness กับ Threaten ใน SWOT”
สิ่งที่หล่อหลอมให้ณหทัยเป็นผู้บริหารในแบบที่เป็น เธอบอกว่ามาจากต้นแบบนับร้อยนับพัน ด้วยการสังเกตจดจำแล้วนำมาเป็นทฤษฎีหนึ่งเก็บไว้ในสมอง เมื่อมาถึงการตัดสินใจของตัวเองกับปัญหาที่พบ ก็เปิดลิ้นชัก ดึงเอาวิธีของแต่ละคนออกมาปรับใช้โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นตัวของตัวเอง และที่สำคัญคือการขวนขวายหาความรู้ตลอดเวลา
Profile
Name : ณหทัย ทิวไผ่งาม
Born : 24 มิถุนายน 2513
Education :
2531 มัธยมศึกษา โรงเรียนทิวไผ่งาม
2534 ปริญญาตรี ครุศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2534-2541 ปริญญาโท บริหารการศึกษา, ปริญญาเอก บริหารการจัดการอุดมศึกษานานาชาติ University of Wisconsin Madison, USA
Career Highlights :
2541-2542 รองประธานอนุกรรมการประชาสัมพันธ์กีฬาเอเชียนเกมส์และเฟสปิกเกมส์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
2542-2543 ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาโท สาขาบริหารงานวัฒนธรรม วิทยาลัยนวัตกรรมอุดมศึกษา มธ.
2543 ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกทม. เขต 10 (ห้วยขวาง และวัฒนา) และรองโฆษกพรรคไทยรักไทย
2544-2545 รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
2545-2547 ผู้ช่วยเลขาธิการ รมว.ศึกษาธิการ, ผู้ช่วยเลขาธิการ รมช.สาธารณสุข, โฆษกประจำกระทรวงพาณิชย์
ปัจจุบัน ผู้อำนวยการโรงเรียนทิวไผ่งาม, ผู้ช่วยเลขาธิการ รมช.ศึกษาธิการ, ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 10 พรรคไทยรักไทย
Family :
เป็นลูกคนโตของอาจารย์ณรงค์ และอาจารย์อุษา ผู้ก่อตั้งโรงเรียนทิวไผ่งาม มีน้องชายคือ ดร.ณัฐกฤษฎ์ ซึ่งร่วมกันเปิดบริษัท ณัฐหทัย จำกัด เจ้าของโครงการ “ทิวทาวเวอร์” คอนโดมิเนียม 30 ชั้นริมแม่น้ำเจ้าพระยา
Email :
[email protected]