โฮจิมินห์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sun, 17 Apr 2022 01:01:05 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “เวียดนาม” จ่อจำกัดการใช้รถจักรยานยนต์ ลดแออัด-มลพิษใน 5 เมืองใหญ่ https://positioningmag.com/1381645 Sat, 16 Apr 2022 15:00:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381645 รัฐบาลเวียดนามมีมติให้กรุงฮานอย นครโฮจิมินห์ นครหายฝ่อง นครดานัง และนครเกิ่นเทอ ดำเนินการตามแผนจำกัดการใช้รถจักรยานยนต์ตั้งแต่ปี 2573

มติของรัฐบาลเกี่ยวกับการรับรองความปลอดภัยการจราจร และป้องกันการจราจรติดขัดในช่วงปี 2565-2568 ได้กำหนดให้ทั้ง 5 เมืองใหญ่ของประเทศต้องสั่งห้าม หรือจำกัดการใช้รถจักรยานยนต์ในบางเขตหลังปี 2573 ตลอดจนศึกษา และพัฒนาโครงการเก็บค่าธรรมเนียมยานยนต์ในบางพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการจราจรแออัดและมลพิษสิ่งแวดล้อม

คณะกรรมการประชาชนของแต่ละเมืองยังได้รับคำสั่งให้ทำงานร่วมกับสภาประชาชนของตนเกี่ยวกับการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ โดยมีเป้าหมายให้มีสัดส่วนราว 30-35% ของของการจราจรทั้งหมดภายในปี 2568 และนำเทคโนโลยีมาใช้จัดการการจราจรเพื่อลดความแออัดและมลพิษ และเพื่อไม่ให้มีรถติดนานกว่า 30 นาที

สำหรับพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการจราจรติดขัด มติเสนอให้มีการพิจารณาเก็บค่าผ่านทางในเป้าหมายเพื่อจำกัดจำนวนยานพาหนะเข้าสู่พื้นที่เหล่านั้น ส่วนใบอนุญาตการก่อสร้างอาคารอพาร์ตเมนต์ ตึกระฟ้า และห้างสรรพสินค้า จะออกให้ต่อเมื่ออาคารเหล่านั้นมีความเหมาะสมกับแผนของเมือง ขณะเดียวกัน ยังต้องเป็นไปตามข้อกำหนดเกี่ยวกับที่จอดรถ โครงสร้างพื้นฐานด้านการจราจร และเชื่อมต่อกับเส้นทางหลักในเขตเมือง

Photo : Getty Images

อีกเป้าหมายหนึ่งที่ระบุในมติของรัฐบาลคือการลดจำนวนอุบัติเหตุลง 5-10% ทุกปี และภายในปี 2573 อัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการจราจรบนท้องถนนต้องลดลงอย่างน้อย 50% เมื่อเทียบกับปี 2563

นครโฮจิมินห์ และกรุงฮานอยที่เป็น 2 เมืองใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มีรถจักรยานยนต์อยู่ราว 7.5 ล้านคัน และ 5.7 ล้านคันตามลำดับในปี 2564 โดยเมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ทางการกรุงฮานอยได้ออกแผนห้ามรถจักรยานยนต์สัญจรในบริเวณย่านหลักของเมืองหลังจากปี 2568 ซึ่งความเคลื่อนไหวของกรุงฮานอยนั้นเกิดขึ้นหลังจากนครโฮจิมินห์ได้ระบุไว้ในปี 2562 ว่าจะจำกัดและค่อยๆ ห้ามรถจักรยานยนต์ในบริเวณย่านใจกลางเมืองเช่นกัน

Source

]]>
1381645
Intel อัดงบลงทุนใน “เวียดนาม” อีกกว่า 14,000 ล้านบาท เพิ่มการผลิต 5G และโปรเซสเซอร์ https://positioningmag.com/1316809 Thu, 28 Jan 2021 04:14:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1316809 บริษัทอินเทล (Intel Corp) ได้เพิ่มการลงทุนในโรงงานของบริษัทที่นครโฮจิมินห์ของเวียดนามอีก 475 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 14,264 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงเทคโนโลยีและเพิ่มการผลิตผลิตภัณฑ์ 5G และโปรเซสเซอร์ของบริษัท

คำแถลงของบริษัทผู้ผลิตชิปสัญชาติสหรัฐฯ ระบุว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ทำให้มูลค่าการลงทุนรวมทั้งหมดของอินเทลในเวียดนามอยู่ที่ประมาณ 1,500 ล้านดอลลาร์

“ณ สิ้นปี 2563 บริษัทอินเทลโปรดักส์เวียดนาม (IPV) ได้นำส่งสินค้ามากกว่า 2,000 ล้านชิ้นให้แก่ลูกค้าทั่วโลก เรารู้สึกภูมิใจกับความสำเร็จนี้ ที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของอินเทลโปรดักส์เวียดนาม ที่มีส่วนช่วยให้อินเทลสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าบริษัททั่วทั้งโลก และเป็นเหตุผลที่เรายังลงทุนในโรงงานและทีมของเราในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง บริษัทอินเทลโปรดักส์เวียดนามเป็นส่วนสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของอินเทล” ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทอินเทลโปรดักส์เวียดนาม กล่าว

การลงทุนนี้จะมุ่งเน้นที่การผลิตผลิตภัณฑ์ 5G และ Intel Core เจเนอเรชัน 10

เวียดนามกลายเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีระดับโลกมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อหลายบริษัท เช่น แอปเปิล และซัมซุง กำลังพยายามกระจายการผลิตของพวกเขาเพื่อลดผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และหลังจากที่เวียดนามสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้จนถึงขณะนี้

Source

]]>
1316809
“เวียดนาม” ตั้งข้อหาแอร์โฮสเตส หลังฝ่าฝืนมาตรการกักตัว อาจมีโทษจำคุกสูงสุด 12 ปี https://positioningmag.com/1309029 Thu, 03 Dec 2020 14:41:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1309029 ตำรวจนครโฮจิมินห์เริ่มดำเนินการสอบสวนเหตุการณ์พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินเวียดนาม (Vietnam Airlines) ที่ฝ่าฝืนขั้นตอนการกักตัวป้องกัน COVID-19 และทำให้ผู้อื่นติดเชื้ออย่างน้อย 3 คน

พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินอายุ 28 ปี อาจถูกตั้งข้อหา “แพร่กระจายโรคติดต่อร้ายแรงในคน” โดยข้อหาดังกล่าวมีโทษจำคุกสูงสุด 12 ปี

นับเป็นครั้งแรกที่การละเมิดกฎระเบียบการป้องกัน COVID-19 ถูกปฏิบัติในฐานะอาชญากรรม หลังจากที่ผ่านมา ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบจะถูกลงโทษเพียงแค่ปรับเงินเท่านั้น

พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินรายนี้ เดินทางกลับจากญี่ปุ่นมาถึงเวียดนามในวันที่ 14 พ.ย. และถูกกักตัวเป็นเวลา 4 วัน ยังสถานที่ที่สายการบินจัดเตรียมไว้ในนครโฮจิมินห์

หลังผลตรวจเชื้อไวรัสเป็นลบถึง 2 ครั้ง พนักงานรายนี้ได้รับอนุญาตให้กลับไปกักตัวต่อที่บ้านพัก แต่เขากลับสัมผัสติดต่อกับแม่ และเพื่อนอีก 2 คน รวมถึงครูสอนภาษาอังกฤษ ที่พักอยู่ด้วยกันเป็นเวลา 2-3 วัน

ในวันที่ 29 พ.ย. (15 วันหลังเดินทางกลับจากญี่ปุ่น) พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินรายนี้มีผลตรวจเชื้อ COVID-19 เป็นบวก และในวันถัดมา ครูสอนภาษาอังกฤษก็มีผลตรวจเชื้อเป็นบวกเช่นกัน ซึ่งในระหว่างนั้นก็ได้แพร่เชื้อไวรัสไปยังหลานชาย และนักเรียนของเขาด้วย

เธอได้บอกกับเจ้าหน้าที่ว่าเขาออกจากบ้านในวันที่ 21 พ.ย. ไปทานอาหารที่ร้านอาหารซึ่งตั้งอยู่อีกเขตหนึ่งของนครโฮจิมินห์ และเดินทางไปมหาวิทยาลัย Hutech ในวันที่ 22 พ.ย.

ผลการตรวจเชื้อไวรัสของครูสอนภาษาอังกฤษในวันจันทร์ที่ 30 พ.ย. ทำให้สถิติการไม่มีเชื้อแพร่ระบาดในท้องถิ่นติดต่อกันเกือบ 3 เดือนต้องยุติลง

ภายใต้มาตรการป้องกัน COVID-19 ลูกเรือของเที่ยวบินต้องกักตัวเมื่อเดินทางถึงเวียดนาม แต่พนักงานต้อนรับรายนี้ได้รับเชื้อไวรัสจากลูกเรืออีกคนที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากโรมาเนีย และกำลังกักตัวอยู่ในสถานที่กักตัวของสายการบิน

สถานที่กักตัวของสายการบินเวียดนาม 2 แห่งในนครโฮจิมินห์ถูกปิดนับจากนั้น ทำให้พนักงาน 61 คนของสายการบินต้องย้ายไปกักตัวในโรงแรม 2 แห่ง

สายการบินได้ออกหนังสือขอโทษสาธารณชนถึงเหตุการณ์พนักงานต้อนรับของสายการบินละเมิดกฎระเบียบการกักตัวระหว่างการกักตัวที่บ้าน จนเป็นผลให้เกิดการระบาดระลอก 3 ในประเทศ

คำแถลงของสายการบิน ระบุว่า พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินละเมิดกฎระเบียบการกักตัวของรัฐบาลและของบริษัทอย่างร้ายแรง หลังเสร็จสิ้นกระบวนการการรักษาและกักตัว พนักงานคนดังกล่าวจะถูกลงโทษ

และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทางกระทรวงคมนาคม ระบุว่า สายการบินที่มีลูกเรือฝ่าฝืนกฎระเบียบการกักตัว COVID-19 และแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการบินระหว่างประเทศ

ทางการกรุงฮานอย และนครโฮจิมินห์ได้เสนอยกเลิกกฎการกักกันพิเศษสำหรับพนักงานการบิน ซึ่งหมายความว่าสมาชิกลูกเรือของเที่ยวบินที่เดินทางกลับจากต่างประเทศควรถูกส่งไปที่สถานกักตัวของรัฐเพื่อกักตัวเป็นเวลา 14 วันตามปกติ จากปัจจุบันที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินได้รับอนุญาตให้กักตัวระยะสั้นเพื่อให้แน่ใจว่ามีเจ้าหน้าที่พร้อมสำหรับเที่ยวบิน

เวียดนามมีผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 สะสม 1,358 คน และมีผู้เสียชีวิต 35 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาวาน หรือไตวาย

Source

]]>
1309029
สุดจะทน! “โฮจิมินห์” เตรียมเก็บเงินค่าขับรถเข้าเมืองปี 64 หวังแก้ปัญหารถติด https://positioningmag.com/1287765 Tue, 14 Jul 2020 16:04:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1287765 ทางการนครโฮจิมินห์จะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมกับผู้ที่ขับรถเข้ามาในเขตใจกลางเมืองตั้งแต่ปี 2564 หลังสมาชิกสภาประชาชนนครโฮจิมินห์มีมติที่จะส่งเสริมระบบขนส่งสาธารณะ และควบคุมจำนวนรถยนต์ส่วนบุคคลในเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศ

รายงานระบุว่าคนขับรถจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเมื่อพวกเขาเข้ามาในเขตใจกลางเมืองตั้งแต่ปี 2564-2568 นอกจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะคอยสำรวจตรวจสอบการปล่อยไอเสียรถยนต์ และเก็บค่าธรรมเนียมมลพิษสิ่งแวดล้อมระหว่างปี 2564-2573 ด้วย

สภาประชาชนนครโฮจิมินห์ระบุว่า แผนของทางการนครโฮจิมินห์ในครั้งนี้มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของเมือง รวมถึงความเป็นอยู่ของชาวเมือง พร้อมย้ำว่าการปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะและการจำกัดจำนวนรถส่วนบุคคลต้องดำเนินการไปพร้อมกัน โดยรัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและจัดการระบบขนส่งสาธารณะของเมือง

Photo : Shutterstock

ก่อนหน้านี้ หน่วยงานด้านคมนาคมของนครโฮจิมินห์ได้เสนอมาตรการหลากหลายที่จะกระตุ้นการใช้งานระบบขนส่งสาธารณะ โดยเสนอสร้างเครือข่ายรถโดยสารสาธารณะที่มีประสิทธิภาพภายในปี 2573 จัดช่องทางเฉพาะสำหรับรถโดยสาร เร่งเครื่องโครงการรถไฟฟ้าและรถโดยสารด่วนพิเศษ รวมถึงการให้บริการรถจักรยานยนต์สาธารณะและจักรยานไฟฟ้าให้เช่า

กระทรวงคมนาคมระบุว่า ระหว่างปี 2564-2568 นครโฮจิมินห์ควรมุ่งเน้นที่การปรับปรุงบริการรถโดยสารและการจัดการกับจำนวนรถส่วนบุคคลในย่านใจกลางเมือง และระหว่างปี 2569-2573 มุ่งเน้นที่การพัฒนาระบบขนส่วนมวลชน และลดจำนวนรถส่วนบุคคลอย่างต่อเนื่อง

แผนทั้งหมดของนครโฮจิมินห์ในครั้งนี้ต้องใช้งบประมาณราว 16.9 ล้านดอลลาร์ โดยภาครัฐจะสนับสนุนงบประมาณ 2 ล้านดอลลาร์ ส่วนที่เหลือมาจากภาคเอกชนและความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ

Source

]]>
1287765
Index Living Mall บุกเวียดนาม ชิงเค้กตลาดเฟอร์นิเจอร์ 5.5 พันล้านเหรียญ https://positioningmag.com/1251802 Fri, 01 Nov 2019 04:00:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1251802 อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เดินเกมขยายตลาดต่างประเทศ ปักธงแฟรนไชส์ประเทศเวียดนามรับเศรษฐกิจบูม ขอชิงเค้กตลาดเฟอร์นิเจอร์มูลค่า 5,500 ล้านเหรียญสหรัฐ

ประเดิมสาขาแรกที่โฮจิมินห์

โดยการบุกตลาดเวียดนามครั้งนี้ เป็นโมเดลให้สิทธิ์แฟรนไชส์แก่ VI Furniture Joint Stock Company บริษัทย่อยของ Vietnam Investment Group (VI Group) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจค้าปลีก อาหาร เครื่องดื่ม แฟชั่น เครื่องใช้ไฟฟ้า และได้ทีมงานที่มีประสบการณ์ในธุรกิจค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์เข้ามาบริหารธุรกิจ

ประเดิมเปิดสาขาแรกในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เป็นศูนย์จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ มีพื้นที่ 990 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนถนน Nguyen Thi Minh Khai ในเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ ซึ่งเป็นถนนสายเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักมากที่สุด

ส่วนในเดือนธันวาคมมีแผนเปิดให้บริการสาขาที่ 2 อย่างต่อเนื่อง มีพื้นที่ประมาณ 800 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในเมืองโฮจิมินห์ซิตี้เช่นเดียวกัน โดยคาดว่าภายในปี 2563 จะมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 6 สาขา เน้นทำเลที่มีศักยภาพในแหล่งช้อปปิ้งและย่านการค้า มีพื้นที่สาขาละ 600 – 1,000 ตารางเมตร

กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า

บริษัทได้วางนโยบายขยายธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ในต่างประเทศภายใต้โมเดลให้สิทธิ์แฟรนไชส์แก่พาร์ตเนอร์ในท้องถิ่น ซึ่งเป็นความร่วมมือกับผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญการทำตลาดในประเทศนั้นๆ โดยที่บริษัทไม่ต้องใช้เงินลงทุนเอง หลังจากที่ขยายการลงทุนในประเทศมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระจายการลงทุนในประเทศอื่นๆ ที่มีศักยภาพและแนวโน้มการเติบโตที่ดี ซึ่งทำให้แบรนด์อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น เติบโตเป็นโกลบอลแบรนด์

จับตลาดเฟอร์นิเจอร์อสังหาฯ ในเวียดนาม

เหตุผลที่เข้าลงทุนในเวียดนามนั้น เพราะเวียดนามเป็นประเทศที่มีศักยภาพการขยายตัวอย่างก้าวกระโดด โดยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาอยู่ในระดับ 6 – 7% มาตลอด มีจำนวนประชากรกว่า 96 ล้านคน หรือเกือบ 27 ล้านครัวเรือน มีสัดส่วนประชากรวัยหนุ่มสาวเป็นจำนวนมาก มีรายได้เฉลี่ยประชากรในปัจจุบันอยู่ที่ 2,551 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการเติบโตของเศรษฐกิจ

ภาพรวมตลาดเฟอร์นิเจอร์ในเวียดนามปัจจุบัน มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้รับปัจจัยบวกจากภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยปีละ 10.7% โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับกลางและพรีเมียมที่ขยายตัวได้ดี

ส่วนแนวโน้มในอีก 5 ปีข้างหน้าคาดว่าภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอาจชะลอความร้อนแรงลงบ้าง แต่ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดความต้องการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์เพื่อการตกแต่งและปรับปรุงที่อยู่อาศัยตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

พฤติกรรมของชาวเวียดนามเปิดรับเฟอร์นิเจอร์หลากหลายสไตล์ เช่น สแกนดิเนเวียนคอนเทมโพรารี่ (ร่วมสมัย) ฯลฯ ทำให้อัพสเกลในการเติบโตได้

ปัจจุบันอินเด็กซ์ฯ ได้ขยายแฟรนไชส์แล้วใน 7 ประเทศ รวม 16 สาขา ได้แก่ อินโดนีเซีย เนปาล มัลดีฟส์ สปป.ลาว กัมพูชา ปากีสถาน และเมียนมา.

]]>
1251802