กองทัพสหรัฐ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 02 Apr 2021 07:46:30 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 กองทัพสหรัฐฯ ทุ่มเงิน 6.8 แสนล้านบาทให้ ‘ไมโครซอฟท์’ ผลิตแว่น AR เพื่อใช้ฝึกทหาร https://positioningmag.com/1326310 Fri, 02 Apr 2021 07:38:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1326310 ‘ไมโครซอฟท์’ (Microsoft) บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลกเพิ่งปิดดีลทำสัญญากับ ‘กองทัพสหรัฐฯ’ ในการผลิต ‘แว่น AR’ (Augmented Reality) เพื่อใช้ทางการทหารในการฝึกซ้อมต่อสู้

กองทัพสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันพุธว่าได้เซ็นสัญญากับ ไมโครซอฟท์ ในการผลิตแว่น AR โดยใช้เทคโนโลยี ‘HoloLens’ ภายใต้โครงการ ‘Integrated Visual Augmented Systems (IVAS)’ โดยอุปกรณ์นี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยทหารได้ “ซ้อมรบ และต่อสู้”

ย้อนไปปี 2018 กองทัพสหรัฐฯ ได้ทำสัญญามูลค่า 479 ล้านดอลลาร์กับไมโครซอฟท์เพื่อให้ทำตัวต้นแบบและทดลองใช้เทคโนโลยี HoloLens ก่อนที่ปัจจุบันจะตกลงทำสัญญาการผลิตอุปกรณ์มากกว่า 120,000 เครื่อง โดยสัญญาดังกล่าวมีระยะเวลา 10 ปี มีมูลค่าสูงถึง 2.19 หมื่นล้านดอลลาร์ (6.8 แสนล้านบาท)

ไมโครซอฟท์ ระบุว่า บริษัทได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับกองทัพเพื่อสร้างอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ เพื่อออกแบบมาเพื่อให้ทหารในหน่วยรบระยะใกล้สามารถ “รับรู้สถานการณ์ที่ดีขึ้น, การมีส่วนร่วม และการตัดสินใจจากข้อมูลที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุการจัดการกับศัตรูในปัจจุบันและอนาคต” อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สัญญาทางทหารขนาดใหญ่ที่สุดเพียงครั้งเดียวของไมโครซอฟท์ แต่ในปี 2019 ไมโครซอฟท์ได้รับสัญญามูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ในการจัดหาบริการคลาวด์ให้กับกระทรวงกลาโหม

ภาพจาก roadtovr.com

อย่างไรก็ตาม พนักงานไมโครซอฟท์จำนวนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงการ HoloLens ไม่พอใจเนื่องจากไม่ต้องการให้นำ HoloLens ไปใช้เพื่อปฏิบัติการทางทหาร พร้อมกับยื่นเรื่องขอให้บริษัทยกเลิกสัญญากับกองทัพสหรัฐฯ แต่ทางด้าน สัตยา นาเดลลา ซีอีโอไมโครซอฟท์ ยืนยันว่าจะไม่มีการยกเลิกสัญญาอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ Dan Ives นักวิเคราะห์ของ Wedbush มองว่าข้อตกลงดังกล่าวได้แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่ไมโครซอฟท์จะสร้างรายได้จากเทคโนโลยี AR และ HoloLens และหลังจากมีการเปิดเผยถึงสัญญาดังกล่าวทำให้หุ้นของไมโครซอฟท์พุ่งสูงขึ้น 1.5%

“ในที่สุด ไมโครซอฟท์ก็สามารถขยายการใช้งานจาก R&D และกลุ่มการดูแลสุขภาพ และเชื่อว่าในปีหน้าราคาน่าจะลดลงจนสามารถเข้าถึงผู้บริโภคทั่วไป” Ives กล่าว

Source

]]>
1326310