การท่องเที่ยวมาเก๊า – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 22 Dec 2025 03:04:00 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เจาะลึก “การท่องเที่ยวมาเก๊า” เกาะเล็กๆ ที่รายได้หลักมาจาก Entertainment Complex https://positioningmag.com/1552684 Mon, 22 Dec 2025 03:03:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1552684 มาเก๊าขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่โดดเด่นด้านการท่องเที่ยวอย่างมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งในเรื่องของวัฒนธรรม การช้อปปิ้งที่ปลอดภาษี อาหารการกิน ไปจนถึง Entertainment Complex อาณาจักรความบันเทิงที่ปัจจุบันเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้ประเทศ

มาเก๊ามีชื่อทางการว่า เขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เกาะเล็กๆ ที่อยู่ทางชายฝั่งทางใต้ของประเทศจีน มีพื้นที่รวมราวๆ 115.3 ตารางกิโลเมตร มีพรมแดนส่วนที่ติดกับแผ่นดินใหญ่ เรียกว่าคาบสมุทรมาเก๊า และส่วนที่เป็นเกาะ ได้แก่ ไทปา, โกไต และโกโลอานี

ไตรมาสที่ 2 ของปี .. 2568 มาเก๊ามีประชากรประมาณ 685,900 คน โดยแบ่งเป็นเพศชายประมาณ 316,500 คน และเพศหญิงประมาณ 369,400 คน (สัดส่วนเพศหญิงยังคงมีจำนวนมากกว่าเพศชายอย่างต่อเนื่อง)

ในจำนวนดังกล่าว มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ในมาเก๊า 182,583 คน โดยส่วนใหญ่เป็น ชาวเอเชียจำนวน 181,526 คน ขณะที่มีชาวยุโรป 507 คน ชาวอเมริกา 336 คน ชาวโอเชียเนีย 115 คน และชาวแอฟริกา 99 คน สะท้อนถึงความเป็นสังคมพหุวัฒนธรรมและลักษณะของเมืองนานาชาติที่เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย

ข้อมูลเศรษกิจ กลุ่มธุรกิจ

มาเก๊ามีนโยบายเศรษฐกิจแบบเปิดเสรีและมีระบบภาษีต่ำที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียแปซิฟิก ไม่มีการควบคุมการ แลกเปลี่ยนเงินตราและได้รับการจัดอันดับจาก WTO ให้เป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่เปิดมากที่สุดในโลก ทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็วหลังการก่อตั้งเขตบริหารพิเศษโดยอาศัยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสันทนาการเป็นหลัก

โดยในปี 2024 GDP ของมาเก๊าอยู่ที่ 403.3 พันล้านปาตากา เพิ่มขึ้น 8.8% เมื่อเทียบปีต่อปี และ GDP ต่อหัวอยู่ที่ 588,000 ปาตากา ส่วนครึ่งแรกของปี 2025 เติบโตต่อเนื่องอีก 1.8% โดยฟื้นตัวถึง 87% ของระดับก่อนโควิดในปี 2019

ทุนสำรองทางการเงินสิ้นปี 2024 อยู่ที่ 616.21 พันล้านปาตากา และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศประมาณ 233 พันล้านปาตากา

Entertainment Complex สร้างรายได้หลัก

มาเก๊าเปิดเสรีธุรกิจศูนย์รวมความบันเทิง ตั้งแต่ปี 2002 ทำให้เกิดการลงทุนรูปแบบใหม่และสร้างงานจำนวนมาก ปัจจุบันมีผู้รับสัมปทานศูนย์รวมความบันเทิง 6 ราย

ปี 2024 รายได้รวมจากศูนย์รวมความบันเทิง อยู่ที่ 226.8 พันล้านปาตากา เพิ่มขึ้น 23.9% โดยรายได้จากกลุ่มตลาดมวลชนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ คิดเป็น 75.85% ของรายได้รวม ทั้งนี้ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2025 รายได้รวมอยู่ที่ 163 พันล้านปาตากา เพิ่มขึ้น 7.2%

รายได้หลักของมาเก๊ามาจาก “อุตสาหกรรมศูนย์รวมความบันเทิง และการท่องเที่ยว ส่วนภาคอื่นอย่างการเงิน สุขภาพ และเทคโนโลยี กำลังพัฒนาเพื่อ “กระจายเศรษฐกิจ” ลดการพึ่งพาศูนย์รวมความบันเทิงในอนาคต

กลุ่ม 6IRs คือใคร

Integrated Resort: IR หรือ รีสอร์ตแบบครบวงจร คือ ศูนย์การท่องเที่ยวและพักผ่อนขนาดใหญ่ที่รวบรวมสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลายไว้ในพื้นที่เดียวกัน ทั้งโรงแรม ศูนย์ประชุมและนิทรรศการ ร้านอาหาร ศูนย์การค้า และศูนย์รวมความบันเทิง รีสอร์ตครบวงจรถูกออกแบบให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแบบครบวงจร เพื่อมอบประสบการณ์ที่ครอบคลุมทั้งการพักผ่อน ช้อปปิง บันเทิง และกิจกรรมทางธุรกิจ ในมาเก๊า รีสอร์ตครบวงจรมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลมาเก๊าในการพัฒนาเมืองให้เป็น “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการพักผ่อนระดับโลก” (World Centre of Tourism and Leisure) และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของเมืองให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ซึ่งในมาเก๊า มีทั้งหมด 6 เจ้าได้แก่ 

Sands China Ltd. รีสอร์ตโรงแรมในเครือ อาทิ

  • The Venetian Macao
  • The Parisian Macao
  • The Londoner Macao
  • Sands Macao

Galaxy Macau™ รีสอร์ตโรงแรมในเครือ อาทิ

  • Galaxy Macau
  • Broadway Macau
  • Star World Macau
  • Banyan Tree Macau
  • Hotel Okura Macau

Melco Resorts & Entertainment รีสอร์ตโรงแรมในเครือ อาทิ

  • City of Dreams
  • Studio City
  • Altira Macau
  • Morpheus

MGM รีสอร์ตโรงแรมในเครือ

  • MGM Macau
  • MGM Cotai

Wynn Resorts Macau รีสอร์ตโรงแรมในเครือ

  • Wynn Macau
  • Wynn Palace 

SJM Resorts, S.A. รีสอร์ตโรงแรมในเครือ

  • Grand Lisboa
  • Grand Lisboa Palace Resort Macau
  • Hotel Lisboa

ความร่วมมือระดับภูมิภาคและแพลตฟอร์มจีนประเทศที่ใช้ภาษาโปรตุเกส

มาเก๊ามีบทบาทสำคัญในความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเฉพาะในเขต กวางตุ้งฮ่องกงมาเก๊า (Greater Bay Area) และ เขตความร่วมมือเชิงลึกเมืองเหิงฉิน (Hengqin) ซึ่งคือเกาะและเขตบริหารพิเศษของเมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน โดยมีสะพานโลตัสเชื่อมต่อกัน เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในจูไห่ มีธรรมชาติที่สวยงาม และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่สำคัญ โดยได้เริ่มดำเนินการรูปแบบบริหารสองระดับและระบบศุลกากรปิดตั้งแต่มีนาคม 2024

ครึ่งแรกของปี 2025 GDP ของเขตเหิงฉินอยู่ที่ 26.3 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 5% โดยมีบริษัทร่วมทุนจากมาเก๊ากว่า 7,400 แห่ง และมีชาวมาเก๊าอาศัย และทำงานอยู่กว่า 28,000 คน

นอกจากนี้ มาเก๊ายังเป็นศูนย์กลางความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีนกับประเทศที่ใช้ภาษาโปรตุเกส (เช่น บราซิล โปรตุเกส โมซัมบิก ฯลฯ) ผ่าน “Forum Macao” ซึ่งตั้งแต่ปี 2003 การค้าระหว่างจีนกับประเทศเหล่านี้เพิ่มจาก 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 225 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2024) 

อุตสาหกรรมการประชุมและนิทรรศการ (MICE)

มาเก๊าได้รับรางวัล “Best Conventions Destination (Asia)” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 (2023–2025) ปี 2024 มีการจัดงาน MICE ทั้งหมด 1,524 งาน สร้างรายได้ราว 5.48 พันล้านปาตากา อย่างไรก็ตาม ครึ่งแรกของปี 2025 รายได้ลดลง 26.5% เหลือ 1.65 พันล้านปาตากา เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก

แพทย์แผนจีนและสุขภาพ (Traditional Chinese Medicine)

โครงการ อุทยานอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแพทย์แผนจีน กวางตุ้งมาเก๊า (GMTCM Park) ในเหิงฉิน ยังคงเติบโต โดยมีบริษัทจดทะเบียนแล้ว 233 แห่ง (จากมาเก๊า 98 แห่ง

โรงพยาบาลมาเก๊ายูเนียนเปิดดำเนินการในกันยายน 2024 เสริมศักยภาพด้านบริการสุขภาพและดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

บริการทางการเงินสมัยใหม่

รัฐบาลเร่งพัฒนา ตลาดพันธบัตร, กองทุน, และ e-MOP (เงินปาตากาดิจิทัล) ซึ่งเข้าสู่ขั้นตอนทดสอบในไตรมาสที่ 4 ของปี 2025 สินทรัพย์รวมของภาคการเงินสิ้นมิถุนายน 2024 อยู่ที่ 2.72 ล้านล้านปาตากา สูงกว่าก่อนโควิด 25% มูลค่าพันธบัตรที่ออกและจดทะเบียนในมาเก๊ารวมเกิน 1 ล้านล้านปาตากา

เทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรม

รัฐบาลส่งเสริมแนวคิด “R&D ในมาเก๊าผลิตในเหิงฉินโดยมี 19 โครงการพัฒนาในสาขาชิปดีไซน์ ชีววัสดุ และพลังงาน กันยายน 2025 มีบริษัทเทคโนโลยีได้รับการรับรองแล้ว 51 แห่ง และห้องปฏิบัติการระดับประเทศของจีนในมาเก๊า 4 แห่ง ได้รับการจัดตั้งอย่างเป็นทางการ

แรงงานและการจ้างงาน

ปี 2024 อัตราว่างงานอยู่ที่ 1.8% (ชาวท้องถิ่น 2.4%) ค่าจ้างเฉลี่ยต่อเดือน 18,000 ปาตากา (ชาวท้องถิ่น 20,500) กลางปี 2025 มีการจ้างแรงงานต่างชาติกว่า 182,000 คน และอัตราว่างงานยังคงที่

เศรษฐกิจมาเก๊าในปี 2024–2025 อยู่ในช่วงฟื้นตัวอย่างมั่นคง ภาคศูนย์รวมความบันเทิงกลับมาแข็งแรง ขณะที่รัฐบาลเร่งขับเคลื่อนการกระจายเศรษฐกิจสู่ภาคสุขภาพ เทคโนโลยี การเงินสมัยใหม่ และ MICE เพื่อสร้างศูนย์กลางการท่องเที่ยวและสันทนาการระดับโลกอย่างยั่งยืน

บทบาทการท่องเที่ยวมาเก๊า

สำนักงานการท่องเที่ยวรัฐบาลมาเก๊า (MGTO) เป็นหน่วยงานหลักของรัฐบาลเขตบริหารพิเศษมาเก๊า ที่รับผิดชอบด้านการกำหนดและดำเนินนโยบายการท่องเที่ยว เพื่อผลักดันมาเก๊าให้เป็น “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการพักผ่อนของโลก โดยมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมผลิตภัณฑ์และบริการท่องเที่ยวของมาเก๊าในตลาดต่างประเทศ รวมถึงพัฒนาความร่วมมือกับองค์กรด้านการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค ภายในประเทศและนานาชาติ MGTO ยังส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยว การจัดงานอีเวนต์ และการยกระดับมาตรฐานบริการผ่านการอบรมบุคลากรในสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น 

โรงแรม ภัตตาคาร และธุรกิจไมซ์ (MICE) อีกทั้งยังมีหน้าที่กำกับดูแลสถานประกอบการท่องเที่ยวให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และจัดทำแผนบริหารจัดการภาวะวิกฤตเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและประชาชนมาเก๊า

นโยบายภาครัฐที่ผลักดันการท่องเที่ยวในมาเก๊า

รัฐบาลมาเก๊ามุ่งผลักดันนโยบายด้านการท่องเที่ยวภายใต้ยุทธศาสตร์ “1 + 4” เพื่อกระจายเศรษฐกิจ โดยให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสันทนาการแบบบูรณาการเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมอื่น เช่น การประชุมและนิทรรศการ (MICE) เศรษฐกิจดิจิทัล การแพทย์แผนจีน และการเงินสมัยใหม่ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมความร่วมมือกับเขต Guangdong–Hong Kong–Macao Greater Bay Area และเขตความร่วมมือเหิงฉิน (Hengqin) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และเส้นทางท่องเที่ยวร่วม รวมถึงเสริมบทบาทของมาเก๊าในฐานะสะพานเชื่อมระหว่างจีนกับประเทศที่ใช้ภาษาโปรตุเกส

รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการขยายตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับนานาชาติ เช่น Macao International Fireworks Display Contest, International Cities of Gastronomy Fest และ Light Up Macao ควบคู่กับการจัดโรดโชว์ “Macao Week” ในเมืองสำคัญทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ “Macao” และกระตุ้นให้ผู้เดินทางเพิ่มระยะเวลาการพำนัก ทั้งยังมีมาตรการจูงใจ เช่น โปรโมชั่นเที่ยวบิน โรงแรม และแพ็กเกจท่องเที่ยวแบบครบวงจร

ในด้านคุณภาพอุตสาหกรรม รัฐบาลส่งเสริมมาตรฐานบริการผ่านโครงการ Quality Tourism Services Accreditation Scheme และรางวัล Integrity Business Award เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค พร้อมเตรียมบังคับใช้กฎหมายใหม่เกี่ยวกับบริษัทนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ในปี 2026 เพื่อควบคุมคุณภาพการบริการให้ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน การจัดกิจกรรมวัฒนธรรมในย่านเมืองเก่า และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อพัฒนาสู่ “Smart Tourism” อย่างยั่งยืน เสริมภาพลักษณ์ของมาเก๊าในฐานะ “World Centre of Tourism and Leisure” ให้โดดเด่นบนเวทีโลก

จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด

จำนวนผู้มาเยือนสะสมตั้งแต่เดือนมกราคมถึงสิงหาคม 2568 อยู่ที่ 26.895 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้น 15.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็นประมาณ 98% ของระดับในช่วงเดียวกันของปี 2019 ในส่วนของตลาดนานาชาติ มาเก๊าต้อนรับผู้มาเยือนต่างชาติจำนวนราว 1.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นเกือบ 14% เมื่อเทียบกับปีก่อน

แนวโน้มนักท่องเที่ยวไทยในมาเก๊าช่วงเดือนมกราคมถึงสิงหาคม 2568 อยู่ในทิศทางที่ เติบโตอย่างต่อเนื่องและเกือบฟื้นตัวเต็มระดับก่อนโควิด โดยมีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางเข้ามาเก๊าเกือบ 110,000 คน เพิ่มขึ้น 19.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น ประมาณ 97.15% ของระดับปี 2562 แสดงให้เห็นว่าตลาดไทยกลับมามีศักยภาพสูงและใกล้ฟื้นเต็มรูปแบบแล้ว อีกทั้งนักท่องเที่ยวไทยยังมีแนวโน้มใช้เวลาในมาเก๊านานขึ้น โดยเฉลี่ย 2.3 คืนต่อทริป สะท้อนถึงความสนใจในการพักผ่อนและใช้จ่ายภายในเมืองมากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของมาเก๊าในภาพรวม

ยอดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวไทยในมาเก๊า (ไม่รวมศูนย์รวมความบันเทิง)

ช่วงเวลา ยอดการใช้จ่ายทั้งหมด (โดยประมาณ) ยอดการใช้จ่ายต่อคน (โดยประมาณ)
ไตรมาสที่ 1 ปี 2568 75,000,000 MOP 2,135 MOP ต่อคน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567 101,000,000 MOP 2,554 MOP ต่อคน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567 61,000,000 MOP 2,956 MOP ต่อคน
ไตรมาสที่ 2 ปี 2567 96,000,000 MOP 2,693 MOP ต่อคน
ไตรมาสที่ 1 ปี 2567 91,000,000 MOP 2,365 MOP ต่อคน

 

ข้อมูลชี้ให้เห็นว่า ปี 2567 เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวใช้จ่ายมากที่สุดทั้งในยอดรวมและต่อหัว โดยเฉพาะในไตรมาส 3–4 ที่เป็นช่วงพีคของการท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม ต้นปี 2568 มีการชะลอตัวของการใช้จ่ายลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาจสะท้อนถึงปัจจัยตามฤดูกาลหรือการลดลงของนักท่องเที่ยวในช่วงหลังเทศกาล

]]>
1552684