FUZE POST (ฟิ้วซ์ โพสต์) ก่อตั้งโดย 3 ผู้ลงทุนใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด บริษัทขนส่งสัญชาติไทย ที่ทำตลาดมายาวนาน 138 ปี, บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD บริการโลจิสติกส์ และซัพพลายเชนแบบครบวงจร และบริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด บริษัทขนส่งเอกชนรายแรกที่เป็นยูนิคอร์น
ทั้ง 3 บริษัทได้ใช้โมเดลร่วมทุน หรือ Joint Venture สัดส่วนการลงทุนคาดว่าจะใกล้เคียงกัน แต่ยังไม่เปิดเผยงบลงทุน หรือทุนจดทะเบียน กำลังอยู่ในช่วงพิจารณาอยู่
ปัจจุบันตลาด Cold Chain Logistics หรือขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ มีมูลค่าตลาดราว 34,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตราว 8-10% คิดเป็นสัดส่วน 5% ของตลาดโลจิสติกส์ทั้งหมด ในระยะเวลาอีก 3-5 ปี มีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่ม
ยิ่งในช่วงล็อกดาวน์จากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้ร้านอาหาร ตลาด ร้านขนมต่างๆ ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ จึงมีการขายออนไลน์มากขึ้น ทำให้มีการใช้บริการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิมากขึ้นเช่นกัน เพื่อรักษาคุณภาพสินค้าให้สดใหม่จนถึงปลายทาง
รวมทั้งการขนส่งยา และเวชภัณฑ์ ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะกลายเป็นเทรนด์ใหญ่ในอนาคตด้วย
ตลาดขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ จะเป็นการส่งของแบบแช่เย็น ส่วนใหญ่จะแบ่งเป็นแบบแช่แข็งสำหรับอาหารสด และแช่เย็นสำหรับอาหาร หรือขนมทั่วไป ตลาดนี้มีผู้เล่นไม่เยอะมาก หลักๆ มีอยู่ 5 ราย ได้แก่ SCG Express, FedEx, Inter Express, Sicha group และ JWD group รวมไปถึงขนส่งแบบออนดีมานด์อย่าง Deliveree ก็มีรถห้องเย็น
แต่ตลาดนี้ยังไม่มีเจ้าตลาดอย่างชัดเจน เพราะยังเป็นตลาดที่เล็ก แต่เชื่อว่าในตลาดโตจะมีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากดีมานด์ความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น
โลโก้ของ FUZE POST คือ การรวมตัวกันของแบรนด์ด้านการขนส่ง โดยมีตัว Z ที่ผสมสี 3 สีเข้าด้วยกัน
การผนึกกันของ 3 แบรนด์ แต่การทำงานของ FUZE POST จะแยกสัดส่วนกันอย่างชัดเจนตามความถนัดของแต่ละองค์กร
FUZE POST เริ่มให้บริการในวันที่ 1 กันยายน 2564 ในระยะแรกจะเน้นให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และ 6 จังหวัด คือ หนองคาย, เชียงใหม่, สุราษฎร์ธานี, ภูเก็ต, ตราด และบางละมุง เป็นหลักก่อน เริ่มจับกลุ่มลูกค้ารูปแบบ B2B B2C และ C2C ที่เป็นกลุ่มลูกค้าเดิมของ JWD และไปรษณีย์ไทย
สำหรับลูกค้าใหม่จะเน้นการให้บริการแบบ Direct Pick-up เป็นหลัก โดยเรียกใช้บริการผ่าน www.fuzepost.co.th และมีแผนจะเปิดให้บริการจุดรับฝาก (Drop off) ขยายเส้นทางขนส่งระหว่างภูมิภาคในเดือนมกราคม 2565
ถ้าดูกันตามตรงแล้ว ไปรษณีย์ไทย และ Flash Express เป็นคู่แข็งกันโดยตรง เพราะเป็นผู้จัดส่วนพัสดุเช่นเดียวกัน เพียงแต่ต่างกันที่รูปแบบขององค์กร จริงๆ แล้วทั้งคู่ก็มีแผนที่จะเปิดบริการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิเช่นกัน เพราะตลาดมีการเติบโตสูง
การจับมือกันครั้งนี้จึงอาจจะเป็นข้อดีกว่าการที่ลงทุนสร้างบริการใหม่ขึ้นมาเอง เพราะต้องใช้เงินลงทุนอีกสูง และประสบการณ์ในการขนส่ง การจับมือร่วมกันกับคนที่มีประสบการณ์ อาจจะ Win-Win กันทุกฝ่ายก็ได้
จากแผนของ KERRY Express (เคอรี่ เอ็กซ์เพรส) ที่ประกาศล่าสุด ในไตรมาส 4 เตรียมเปิดบริการ KERRY Wallet และขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ เรียกว่ารายใหญ่เตรียมร่วมวงกันอย่างเต็มที่
การประกาศเซ็น MOU ของ 3 เจ้านี้ อาจจะเป็นการปาดหน้าเค้ก KERRY เข้าอย่างจังก็เป็นได้ เพราะขอให้ได้เปิดตัวก่อน เปิดให้บริการก่อน แล้วค่อยจัดตั้งบริษัทจดทะเบียนทีหลัง สร้างชื่อก่อน สร้างแบรนด์ก่อน ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง
เพราะทางผู้บริหารได้เปิดเผยเลยว่า “ตอนนี้เซ็น MOU ก่อน แล้วคอ่ยไปก่อตั้งบริษัท เพราะการร่วมทุนใช้เวลาพอสมควร อีกทั้งไปรษณีย์ไทยก็เป็นรัฐวิสาหกิจ JWD เป็นมหาชน มีกระบวนการของแต่ละคนต่างกัน ตอนนี้พ่อค้าแม่ค้าได้รับผลกระทบ ขายของออฟไลน์ไม่ได้ ถ้ารอให้พร้อมจะสนับสนุนผู้ประกอบการได้ไม่เพียงพอ”
]]>เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (KERRY Express) ปิดงบไตรมาส 2/2564 กำไรพุ่ง 336 ล้านบาท ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเติบโตกว่า 7.3% อานิสงส์จากล็อกดาวน์ และ WFH ดันยอดขนส่งพัสดุ “นิวไฮ” ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทะลุ 167 ล้านชิ้นในครึ่งปีแรก เติบโตกว่า 10.8%
อเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 มีรายได้ 4,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 412 ล้านบาท หรือ 9.8% จากไตรมาสก่อนหน้า และกำไรสุทธิ 336 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33 ล้านบาท หรือ 10.8% จากไตรมาสก่อนหน้า ที่อัตรากำไรสุทธิ 7.3%
โดยในครึ่งปีแรกของปี 2564 เคอรี่ เอ็กซ์เพรส มีปริมาณการจัดส่งพัสดุที่เติบโตอย่างโดดเด่น โดยมียอดการจัดส่งพัสดุทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (New High Record) กว่า 167 ล้านชิ้นในครึ่งปีแรกของปีนี้ หรือเพิ่มขึ้นถึง 10.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ประกอบกับในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมาตรการล็อคดาวน์หลายพื้นที่ ซึ่งทำให้มีการทำงานที่บ้านหรือ WFH มากขึ้น กระตุ้นให้มีการใช้จ่ายผ่านออนไลน์เพิ่มขึ้น
KERRY ได้บริหารจัดการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีมาตรการเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด และการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งต่อพนักงานและลูกค้า ประกาศแคมเปญ KerryPrompt เพื่อกระตุ้น และตอบแทนพนักงานทุกคนให้เข้ารับวัคซีนอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ศูนย์คัดแยก และกระจายสินค้าเกิดการหยุดชะงัก และไม่ให้เกิดปัญหาการขนส่งพัสดุกับลูกค้าปลายทาง
เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับพัสดุในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมเปิดให้บริการใหม่ร่วมกับพันธมิตรหลากหลาย ได้แก่ ธุรกิจเกี่ยวกับ Cold Chain หรือระบบคลังสินค้า และขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ รวมถึงการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่มากกว่า 30 กิโลกรัมขึ้นไป
ล่าสุดได้ต่อยอดสู่ “เคอรี่ วอลเล็ท” พัฒนาระบบวอลเล็ทเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โซเชียลคอมเมิร์ซ ที่เติบโตต่อเนื่อง และตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ซื้อขายสินค้าออนไลน์มากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ซึ่งจะเข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าขาประจำใช้จ่ายเงิน และร่วมกิจกรรมผ่านวอลเล็ทอย่างต่อเนื่องทั้งระบบ
คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลที่ 0.743 บาทต่อหุ้น แจ้งวันกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้น (Record Date) ที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 25 สิงหาคม 2564 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 10 กันยายน 2564 ตามลำดับ
]]>