ข่าวร้อน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 14 May 2015 09:33:59 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Hot update1 The French Like Electric Cars https://positioningmag.com/118 Tue, 27 Aug 2013 00:38:41 +0000 http://www.gallyapp.com/tf_themes/pim_wp/?p=118 at-the-beach-hd-wallpaper-1920x1200-960x430

 

Lorem ipsum dosectetur adipisicing elit, sed do.Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur Nulla fringilla purus at leo dignissim congue. Aenean sagittis diam vel enim tempus sit amet cursus nisl aliquam. Aliquam et elit eu nunc rhoncus viverra quis at felis amet cursus nisl aliquam.

Lorem ipsum dosectetur adipisicing elit, sed do.Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur. Aenean sagittis diam vel enim tempus. Aliquam et elit eu nunc rhoncus viverra. Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit. Cras mauris est, feugiat quis eleifend non, adipiscing nec lectus. In et ipsum sit amet quam mattis faucibus id ac mi. Curabitur rhoncus non arcu ut imperdiet.
Lorem ipsum dosectetur adipisicing elit, sed do.Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur Nulla fringilla purus at leo dignissim congue. Mauris elementum accumsan leo vel tempor. Aenean sagittis diam vel enim tempus. Aliquam et elit eu nunc rhoncus viverra. Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit. Cras mauris est, feugiat quis eleifend non, adipiscing nec lectus. In et ipsum sit amet quam mattis faucibus id ac mi. Curabitur rhoncus non arcu ut imperdiet. Quisque magna nisl, fringilla at magna et, posuere gravida ligula.

]]>
118
Sexy Brand…สร้างโอกาสกับลูกค้าเกย์ https://positioningmag.com/7354 Mon, 16 May 2005 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=7354

POSITIONING มีเรื่องราวของแบรนด์ชุดชั้นในชายและเสื้อผ้า 2 แบรนด์ที่เกย์ชื่นชอบ แม้ทั้ง 2 แบรนด์จะไม่ได้ป่าวประกาศว่า เป็น brand for gay แต่ก็ยอมรับว่ากลุ่มเกย์คือลูกค้าคนสำคัญทิ่ปฏิเสธไม่ได้…มาดูกันว่าทั้ง Calvin Klein Underwear และ HOM เขาทำการตลาดกันอย่างไร

Calvin Klein Underwear (หรือ CKU) เปิดตัวในไทยเมื่อปีที่แล้วโดยการนำเข้าและทำการตลาดของ Central Marketing Group (CMG) แบ่งเป็นชุดชั้นในชายและหญิง POSITIONING ขอโฟกัสเฉพาะ CK MEN ซึ่งจับกลุ่มเป้าหมายที่มีรายได้ Upper middle ถึง Upper อายุ 25-35 ปี และกลุ่มเป้าหมายรองจะอายุ 36-50 ปี ชุดชั้นในชาย ส่วนบน (เสื้อกล้ามและเสื้อยืด) ราคาตั้งแต่ 1,195 – 2,095 บาท และชุดชั้นในชายส่วนล่าง (กางเกงในรูปแบบต่างๆ และบ๊อกเซอร์) ราคาตั้งแต่ 795-1,895 บาท โดยมีดีไซน์แบบธรรมดา 80% และแฟชั่น 20% และออกเป็น 2 ซีซั่นส์ต่อปี คือ Spring และ Fall โดยจำหน่ายผ่านทางห้างเซ็นทรัล ZEN และ ISETAN ในรูปแบบเคาน์เตอร์

“CKU จะนำเข้า 100% จากฮ่องกง และเป็น category ที่สร้างยอดขายมากที่สุดให้กับ Calvin Klein ทั่วโลก แม้ชุดชั้นในเมืองไทยจะมีผู้ทำตลาดอยู่มากราย แต่ในระดับบนยังมีช่องว่างทางการตลาด และ CK Underwear มี Brand Image ที่ดีเป็นระดับอินเตอร์ และผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพดี” ธนพร อัศวานุวัตร Brand Manager – Calvin Klien Underwear บอก

การครีเอท event เก๋ๆ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ใน fashion brand ซึ่ง Calvin Klein Underwear ก็เช่นเดียวกัน ปีนี้จึงเตรียม event รวมผลคนชอบสะสมชุดชั้นในเป็นงาน Be underwear lover “เพราะเราเชื่อว่ามีกลุ่มคนที่มีความสุขที่ได้ใส่ชุดชั้นในสวยๆ”

จาก Print Ad ที่ตีพิมพ์ในนิตยสารผู้ชายและเกย์ (ที่เมืองนอก) Calvin Klien Underwear มีนัยส่งมิตรภาพไปยังกลุ่มเกย์หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ ไม่ปฏิเสธและพร้อมที่จะเชื้อเชิญให้เกย์มาเป็นลูกค้าคนสำคัญ และแน่นอนต้องเป็นเกย์ผู้มีรายได้สูง “เรา treat ลูกค้าเท่าๆ กันทุกกลุ่ม พรีเซ็นเตอร์ที่เมืองนอกเลือก ปีนี้คือ Fredrik Ljungberg นักเตะ Arsenal ภาพลักษณ์ของนักฟุตบอล ก็ดูแมนๆ แต่ถึงอย่างไรภาพลักษณ์ของความ sexy นี้อาจไปถูกใจกลุ่มเกย์เข้า ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหา เรายินดีต้อนรับเพราะเขาคือลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่อาจมี lifestyle ตรงกับกลุ่มเป้าหมายเราพอดี ตรงที่มีความเป็นตัวของตัวเอง และมีความมั่นใจ ”

HOM แบรนด์แฟชั่นจากฝรั่งเศส sexy เหลือหลาย ด้วยแบบ ลวดลาย สีสันสุดเหวี่ยง HOM มีกลุ่มเป้าหมายผู้ชายวัยทำงานอายุ 25 ปีขี้นไปไม่จำกัดเพดาน ขึ้นอยู่กับใจรักเป็นสำคัญ เพราะมุ่งเน้นที่ความกล้าและรักที่จะแต่งตัว เพื่อเผยความ sexy ดึงดูดใจผู้หญิง เป็น boutique guy ส่วนผู้ชายที่มี basic lifestyle จะไม่เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ HOM

กระนั้นด้วยดีไซน์ที่หวือหวา (มากๆ) ทำให้ HOM ถูกใจเกย์มากกว่าผู้ชาย?
“แม้ภาพลักษณ์ของ HOM ในสายตาของคนทั่วไปจะนึกว่าเป็นแบรนด์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเกย์โดยเฉพาะ จนกระทั่งมีคนเอาไปล้อจากออมเป็นอมบ้างล่ะ (หัวเราะ) แต่อันที่จริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้น พูดอย่างนี้เดี๋ยวผู้ชายน้อยใจ เราจับกลุ่มผู้ชายที่ชอบแต่งตัว แล้วเกย์ก็เป็นคนชอบติดตามแฟชั่นเป็น trend setter เกย์เป็น stylist กันเยอะ เขาเป็นผู้นำแฟชั่นพวกเขาชื่นชอบ HOM แต่ยอมรับว่าเกย์นี่แหละเป็นสีสันของเรา และเรื่องแฟชั่นพวกเขาเสียงดังกว่าผู้ชายและผู้หญิง เกย์เป็นกลุ่มลูกค้าที่เหนียวแน่นและมีรายได้ค่อนข้างสูง กลุ่มลูกค้าหลักเราจะเป็นนักท่องเที่ยว 70-80% ขณะที่ลูกค้าคนไทยมี 20-30%” สมบัติ สิริพรวิทยา HOM-Marketing Manager บริษัท ไทรอัมพ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้คร่ำหวอดในวงการการ์เมนต์มากว่า 10 ปี บอก

“HOM ที่เมืองไทยขายดิบขายดีเพราะมีถึง 3 product groups ทั้ง Innerwear (295-800 บาท) Swimwear (690-3000 บาท) และ Casualwear (890-3,300 บาท) ส่วนที่เมืองนอกจะไม่มี Casualwear และดีไซน์ของเราเยอะกว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่ใช่ backpack จากฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ที่เป็นลูกค้าประจำจะบินมาเมืองไทยเพื่อมาซื้อ HOM โดยเฉพาะ เพราะเรามีทั้งยีนส์ กางเกงลำลองและสแล็กด้วยครบเซต บาง bill 2-3 แสนบาท จากปกติค่าใช้จ่ายต่อหัวต่อครั้งอยู่ที่ประมาณ 3,000-10,000 บาท แต่ขณะนี้กำลังจะปรับราคาลงเพื่อเพิ่มลูกค้าคนไทย เนื่องจากช่วงเกิดโรคซาร์สและไข้หวัดนก ยอดขายตกลงไป และเพื่อขยายฐานสู่กลุ่มวัยรุ่นไทยที่มีรายได้สูงด้วย”

HOM วางจำหน่ายทั้งหมด 50 เคาน์เตอร์ทั่วประเทศ (ยกเว้นภาคอีสาน เคยขายที่เดอะมอลล์ โคราช แต่ยอดไม่เป็นไปตามเป้าเลยปิดไป) และจำนวนเคาน์เตอร์ HOM ไม่ต่ำกว่า 8 จุดในย่านสีลมเชื่อมต่อไปยังสุรวงศ์ (เช่น สีลมคอมเพล็กซ์ ซูเปอร์สปอร์ต โรบินสัน) และที่พัทยาอีก 4 จุด บอกนัยทางการตลาดได้เป็นอย่างดี

“HOM เป็นแบรนด์แรกของชุดชั้นในชาย ที่ปฏิวัติวงการแฟชั่นเมืองไทยด้วยการนำชุดชั้นในมาแขวนโชว์สีสันและลวดลายเหมือนของผู้หญิง เพราะสมัยก่อนชุดชั้นในชายจะมีแต่สีขาวสีดำและต้องอยู่ในกล่อง นี่คือ gimmick ที่ทุกวันนี้เห็นได้จากทุกแบรนด์ ถ้าถามว่าเราขายความ sexy ร้อนแรงขนาดนี้ ถ้ามันไม่เวิร์กทำไมแบรนด์อื่นๆ ถึงปรับลุคมาทางเราเยอะแยะ ซึ่งก็เป็นการดีเพราะถ้าทำคนเดียว กระแสก็ไม่เกิด”

นอกจากการลงโฆษณาใน IMAGE, LIPS และ FHM รวมถึงนิตยสารแฟชั่นเล่มล่า VOLUME แล้ว
แฟชั่นโชว์เป็นสิ่งที่ HOM สร้างความฮือฮาทุกปีโดยเฉพาะช่วงซัมเมอร์ที่ทำเอาอุณหภูมิบนแคตวอล์กเมืองไทยร้อนฉ่า โดยเฉพาะล่าสุดเมื่อปีที่แล้วกับงาน “HOM On Fire” Spring/Summer 2004 ที่ Zantika เอกมัย ทั้งจีสตริง ซีทรู ทีแบ็ค ขนมาโชว์เต็มที่ แต่แผนสำหรับซัมเมอร์ปีนี้ HOM จะเปลี่ยนสถานที่เป็น Outdoor อาจเป็นในรูปแบบ Roadshow ด้วยคอนเซ็ปต์ “Cool in the Heat” ซึ่งหวังว่าจะสร้างความพอใจให้กับลูกค้ามากกว่า One Day Event เช่นที่เคยทำมา แต่อย่างไรก็ตามมือการตลาดของ HOM บอกว่าถ้าทำแล้วต้องฮือฮา เพราะลูกค้า HOM…ไม่ธรรมดา

“เกย์” segment ใหม่
ลูกค้าที่มองข้ามไม่ได้

นอกจากนี้แล้วยังมีแบรนด์และสินค้าอื่นๆ ในไทยที่พยายามส่งสารและมีโอกาสกับบรรดาเกย์ เช่น
Dewar’s – วิสกี้ระดับพรีเมียมของค่ายบาร์คาดี้ (ประเทศไทย) เป็นสปอนเซอร์ในเว็บไซต์ของเกย์หลายแห่ง เช่น Thailandout.com และร่วมโปรโมชั่นกับผับเกย์ต่างๆ เช่น และมีกิจกรรมคอนเสิร์ตเพื่อเป้าหมายกลุ่มเกย์เป็นหลัก คือจัดคอนเสิร์ตดีว่า แหวน-ฐิติมา เจนนิเฟอร์ คิ้ม และวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา Dewar’s ร่วมกับ Thailandout.com, Freeman Dance Arena, Voicemale และ The Mix จัดแฟชั่นโชว์นายแบบในชุด sexy “White Valentine”

CHEQ และ Frattelo ดีไซน์หวือหวาไม่แพ้ HOM หรือ DOMON ที่เหมือนจะตามรอย HOM แต่จับกลุ่มระดับล่างลงมา

Nivea for Men – กับ advertorial ในนิตยสาร DNA ฉบับที่ 7 โดยเฉพาะภาพปกที่แซน-พนมกร ตังทัตสวัสดิ์ ในเสื้อเอวลอยพร้อมหน้าเชิดนิดๆ และมือที่เกี่ยวกระหวัดคอของภูริ หิรัญพฤกษ์ ที่เปลือยท่อนบนยืนอยู่แนบชิดกัน เรียกได้ว่า “จงใจ” ให้ตีความหมายถึงเกย์ได้ไม่ยาก และในระดับอินเตอร์เนชั่นแนล Nivea for Men ลงโฆษณาในนิตยสารเกย์หลายเล่ม เช่น OUT เป็นต้น

Jean Paul Gotier – Le Male (eau de toiletter) เป็นชุด grooming สำหรับผู้ชาย ที่เกย์มีโอกาสใช้ครบเซตมากกว่า เพราะประกอบไปด้วย ภาพผู้ชายแต่งหน้าครบเครื่อง คงมีให้เห็นกันไม่บ่อยนักตามท้องถนนเมืองไทย ขณะที่แบรนด์เครื่องสำอาง for men ที่เป็น luxury brand ทั้งหลาย ก็มีโอกาสทางการตลาดกับกลุ่มเกย์ high income ด้วยเช่นกัน

Club f – จากวีซีดีและดีวีดีแฟชั่นสุด sexy ที่นำเสนอเรื่องราวของนางแบบชื่อดัง ในหลากหลายลีลา ทั้งลูกเกด-เมทินี, พิม-ซอนย่า, ซินดี้-สิรินยา, โอเด็ต, ตั๊ก-บงกช, พอลล่า เทเลอร์, ปอ-ภัคพร Club f กำลังรุกคืบไปยังนายแบบ ซึ่งแน่นอนว่าความฮือฮาทั้งตัวนายแบบและและวิธีการถ่ายทอด คงไม่แพ้เวอร์ชั่น Club f นางแบบเป็นแน่แท้ เพราะมีทั้ง แอนดี้-วัชระ, แซม-โชติบัณฑ์ และ หยวน-นิธิ เป็นต้น

]]>
7354
Somebody ธนวัต นิยมวัน https://positioningmag.com/7337 Tue, 10 May 2005 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=7337

พูดถึงผู้หญิงเก่งกันไปแล้ว เราลองมาดูผู้ชายเก่งกันบ้าง ธนวัตหรือส้มโอ ชายหนุ่มผู้ซึ่งนิยามตัวเองไว้ในนิตยสารสุดสัปดาห์ว่า Calm, Sophisticated and Secretive เขาคนนี้เป็นที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมและนักเขียนอิสระ ของบริษัท ยูอีอี เทคโนโลยี (ประเทศไทย) ซึ่งมีหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านนโยบาย แนวทางการดำเนินงาน การฝึกอบรม การบริหาร ระบบการจัดการ และวิธีการปฏิบัติที่ดีด้านสิ่งแวดล้อม พลังงาน และความปลอดภัย นอกจากนี้ เขายังเคยออกทะเลเพื่อตรวจวัดการไหลเวียนของกระแสน้ำทะเลด้วยเทคโนโลยีที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
แถมเขายังเขียนคอลัมน์ไลฟ์สไตล์ในนิตยสารอีกด้วย

Profile

Name : ธนวัต นิยมวัน
Education :
ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาสิ่งแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปริญญาโท วิศวกรรมศาสตร์ Loyola Marymount University, USA
Career Highlight :
– ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม และนักเขียนอิสระ บริษัท ยูอีอี เทคโนโลยี (ประเทศไทย)

ที่มา : นิตยสาร สุดสัปดาห์

(Somebody คอลัมน์ใน Magazine Survey รวบรวมเรื่องราวบุคคลน่าสนใจที่ตีพิมพ์ในนิตยสารต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ)

]]>
7337
การศึกษา : ตลาดใหญ่ธุรกิจไอที https://positioningmag.com/7340 Tue, 10 May 2005 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=7340

ไมโครซอฟท์กับแผนรากหญ้า

การ์ทเนอร์ บ.วิจัยเกี่ยวกับไอที คาดการณ์ว่า เทคโนโลยีเวบเซอร์วิสมีขนาดตลาดทั่วโลก 38,000 ล้านเหรียญ โดยไมโครซอฟท์เป็นผู้นำมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 ในสัดส่วน 46.5% การที่รัฐบาลไทยปัจจุบันมีนโยบายเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันด้านไอทีเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต ไมโครซอฟท์จึงได้เสนอแผนร่วมดำเนินการกับรัฐบาล เพื่อเป้าหมายขยายธุรกิจเว็บเซอร์วิส (.Net) ตั้งเป้า 3 ปี คือ ปีที่ 1 สร้างทักษะและความเชี่ยวชาญ ปีที่ 2 สร้างอุตสาหกรรม ปีที่ 3 สร้างธุรกิจและตลาด ภายใต้โครงการ Academic Alliance

การดำเนินโครงการ Academic Alliance เป็นการร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (SIPA) เพื่อพัฒนาทักษะด้านไอทีในระดับอุดมศึกษา ในปีแรกดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัย 12 แห่ง เป็นมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ 9 แห่ง ในภูมิภาค 3 แห่ง เป็นการนำร่องในภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ โดยคาดว่าจะมีนักศึกษาร่วมประมาณ 8,000 คน

ดร. ธัชพล โปษยานนท์ ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาธุรกิจกลยุทธ์ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผลสำเร็จของมหาวิทยาลัยชั้นนำ 12 แห่งนี้ จะดึงดูดให้สถาบันระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษาตามเป้า 36 สถาบันทั่วประเทศ เข้าร่วมโครงการภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งคาดว่าจะเกิดหลักสูตรใหม่เกี่ยวกับเว็บเซอร์วิสขึ้นประมาณ 300 หลักสูตร จะมีอาจารย์เข้าร่วม 360 คน นักศึกษาเข้าร่วมประมาณ 24,000 คน และจะเกิดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ประมาณ 10,000 คน เป็นการปูพื้นฐานการใช้เทคโนโลยีเว็บเซอร์วิสอย่างยั่งยืน

“โครงการนี้เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นหนึ่งในการขยายฐานผู้ใช้ซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์ไปในระดับรากหญ้า โดยเฉพาะโครงการ Thailand.Net ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี หากได้รับอนุมัติดำเนินการแล้วจะเห็นภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น”

สำหรับสถาบันที่เข้าร่วมโครงการ Academic Alliance ในครั้งนี้สิ่งที่จะได้รับ ได้แก่ การอบรมพัฒนาอาจารย์ (Train the Trainer), ลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์, หลักสูตรสำเร็จรูป, การแชร์ซอร์ซโค้ดเพื่อการเรียนการสอนและการวิจัย, เว็บท่าเพื่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง, ทุนวิจัย ตลอดจนการออกใบรับรอง (Microsoft Co-Branding Certification) คิดเป็นมูลค่า 360 ล้านบาทสำหรับ 12 สถาบันแรก ส่วนสถาบันอื่นที่ต้องการจะเข้าร่วมโครงการในอนาคตจะมีการเก็บค่าธรรมเนียม 29,000 บาท/ปี

ด้าน ดร. มนู อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (SIPA) กล่าวว่า โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาบุคลากรที่มีผลต่อการพัฒนาประเทศแบบก้าวกระโดด และยอมรับว่าผลจากการทำหลักสูตรและการฝึกอบรม จะเป็นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้ผูกติดกับการใช้เทคโนโลยีนั้นๆ อย่างไรก็ตาม เว็บเซอร์วิสเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในบรรดาแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ เป้าหมายใหญ่ของ SIPA คือการยกระดับกระบวนทัศน์ของบุคลากรในแต่ละเซ็กเมนต์ ให้มีการนำไอทีเขาไปเพิ่มศักยภาพการทำงาน โดยเฉพาะในกลุ่ม SMEs ธุรกิจท่องเที่ยว และ e-Government

โครงการอื่นๆ ที่ไมโครซอฟท์ทำกับภาคการศึกษา

– Partners in Learning ดำเนินการใน 7 ประเทศ ในไทยไมโครซอฟท์สนับสนุนงบ 2,500 ล้านบาท อัพเกรดซอฟท์แวร์ให้โรงเรียนประถม-มัธยม 38,000 แห่งทั่วประเทศ และจัดตั้ง Microsoft IT Academy Center เพื่ออบรมครูและนักเรียน
– IT Youth Challenge โครงการแข่งขันระดับเยาวชน
– Imagine Cup การแข่งขันสร้างแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ เป็นโครงการที่ทำใน 90 ประเทศ

12 สถาบันที่เข้าร่วมโครงการ Academic Alliance

กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบัง, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, มหาวิทยาลัยศรีปทุม, มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
ภาคอีสาน : มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ภาคเหนือ : มหาวิทยาลัยพายัพ
ภาคใต้ : มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

เอเซอร์กับตลาดการศึกษา

เป็นกลยุทธ์ที่ทำมาตลอดของเอเซอร์กับการเจาะลูกค้าในตลาดการศึกษา ในขณะที่มหาวิทาลัยรังสิตพยายามผลักดันองค์กรให้เป็น e-University จึงเกิดความร่วมมือกันในโครงการ Unwire Campus เพิ่มโอกาสการเข้าถึงเทคโนโลยีไอทีของนักศึกษา ด้วยการให้นักศึกษาเข้าใหม่ปีการศึกษา 2548 ของ 5 คณะคือ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ (สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ คอมพิวเตอร์เกมส์มัลติมีเดีย) คณะศิลปกรรม (สาขาคอมพิวเตอร์อาร์ต) คณะบริหารธุรกิจ (สาขาสารสนเทศคอมพิวเตอร์) คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ (สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์) รวมประมาณ 1,500 คน สามารถผ่อนซื้อโน้ตบุ๊กเอเซอร์ได้ โดยมหาวิทยาลัยช่วยจ่ายเงินสนับสนุนเครื่องละ 10,000 บาท ส่วนนักศึกษาปริญญาโทที่เข้าใหม่ปีการศึกษา 2548 ทุกคนในทุกคณะจะได้รับโน้ตบุ๊กฟรี

ดร. อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ตั้งเป้าว่าภายในปี 2549 ทุกคณะจะทำ e-Learning courseware ได้ครบทุกวิชา และจะกระตุ้นให้นักศึกษาเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองนอกห้องเรียน ขณะเดียวกันก็จะวางระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในมหาวิทยาลัย รวมถึงระบบอินเทอร์เน็ตไร้สายให้สมบูรณ์แบบทั่วมหาวิทยาลัย เพื่อการเข้าถึงข้อมูล (data convergence) ที่ทำให้เกิดคุณภาพการเรียนการสอนสูงสุด และก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของเอเชียให้ได้

“มหาวิทยาลัยลงทุนในเบื้องต้นประมาณ 20 ล้านบาท เพราะเห็นว่าโน้ตบุ๊กเป็นอุปกรณ์ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง กำลังจะมาแทนที่ห้องเรียนแบบ talk & chalk หรือเลกเชอร์แบบเดิม สำหรับนักศึกษาคณะอื่นที่ต้องการซื้อโน้ตบุ๊ก เราก็จะสนับสนุนเงินด้วยเช่นกัน ในอัตราลดหลั่นลงไป ปี 2 ให้ 7,500 บาท ปี 3 –6 ให้รายละ 5,000 บาท ที่เหลือผ่อนส่งกับลิสซิ่งของเอเซอร์เดือนละ 500-1,000 บาทในอัตราดอกเบี้ยต่ำ นอกเหนือจากมหาวิทยาลัยแล้ว โรงเรียนในเครือคือ สาธิตม.รังสิต และโรงเรียนนานาชาติดัลลิช ภูเก็ต เราก็จะสนับสนุนให้เด็กมีโอกาสซื้อโน้ตบุ๊กในราคาไม่แพง เป็นของตนเองด้วย”

ส่วน แฮรี่ หยาง กรรมการผู้จัดการบริษัท เอเซอร์ คอมพิวตอร์ จำกัด กล่าวว่า โครงการ Acer Unwire Campus ดำเนินการมาตั้งแต่ปีที่แล้วกับมหาวิทยาลัยรัฐ 11 แห่ง เอกชน 2 แห่ง แต่ประสบความสำเร็จที่มหาวิทยาลัยรังสิตมากที่สุด และจะใช้เป็นต้นแบบการดำเนินงานกับมหาวิทยาลัยอื่นในเฟสต่อไป นอกจากการขายโน้ตบุ๊กราคาพิเศษแล้ว เอเซอร์ยังจัดการฝึกอบรม และบริการหลังการขาย โดยตั้งศูนย์บริหารภายใน ม.รังสิต ด้วย รวมทั้งขยายเวลารับประกันจาก 1 ปีเป็น 3 ปี และจะทำโครงการรับนักศึกษาไปฝึกงานที่บริษัทอีกด้วย

Acer’s Profile

เอเซอร์ เป็นบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์จากไต้หวัน ก่อตั้งในปี 2519 มีผลประกอบการติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก มีสาขา 44 ประเทศ เข้ามาในไทยเมื่อปี 2527 แต่ตั้งเป็นบริษัทเมื่อปี 2536 มีดีลเลอร์ประมาณ 600 ราย

เอเซอร์ประกาศว่าตนเองครองตลาดพีซีและโน้ตบุ๊กเป็นอันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และครองส่วนแบ่งในไทยสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในควอเตอร์สุดท้ายของปีที่ผ่านมา เมื่อต้องแข่งขันกับโลคอลแบรนด์มากขึ้น จึงตั้งเป้าปีนี้เป็น Year of Commercial ที่จะรักษาส่วนแบ่งอันดับ 1 ไว้ให้ได้ และช่วงต้นปี 2548 ที่ผ่านมาเฉพาะในเซกเมนต์ตลาดการศึกษา ขายโน้ตบุ๊กไปได้แล้วกว่า 10,000 เครื่อง สัดส่วนการครองตลาดปีที่ผ่านมา เอเซอร์ 25% HP 21% IBM 8% และโตชิบา 7% โดยปีนี้พยายามสร้างยอดขายหนีห่างอันดับ 2 ให้มากกว่า 5%

สัดส่วนกาครองตลาดปีที่ผ่านมา

– เอเซอร์ 25 %
– HP 21 %
– IBM 8%
– โตชิบา 7%
– อื่นๆ 39%

]]>
7340