อ้างอิงตัวเลขจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ พบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรวมทั่วโลกของวันที่ 8 พ.ค. อยู่ที่ 3,845,718 คน เสียชีวิตรวม 269,567 คน ส่วนสหรัฐฯ เสียชีวิตไปแล้ว 75,662 คน รัฐนิวยอร์ก มีผู้เสียชีวิต 26,144 คน ติดเชื้อรวมทั่วประเทศ 1,257,023 คน

บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานว่า ล่าสุดพบว่าชาวอเมริกันว่างงานจากวิกฤตโรคไวรัส COVID-19 สูงถึง 33.3 ล้านคนนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม คิดเป็นสัดส่วน 20% ของจำนวนแรงงานทั้งหมดในประเทศ

เกิดขึ้นหลังสัปดาห์ที่ผ่านมา มีชาวอเมริกันที่ว่างงานได้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มอีกจำนวน 3.2 ล้านคน

ทั้งนี้พบว่าตัวเลขผู้ที่ขอสวัสดิการว่างงานนั้นมีจำนวนลดลงในแต่ละสัปดาห์อ้างอิงจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯนับตั้งแต่จุดสูงสุดที่ 6.9 ล้านคนในมีนาคม แต่กระนั้นสื่ออังกฤษชี้ว่า ยังคงเป็นตัวเลขที่สูงอยู่มาก

และจำนวนผู้ที่รับเงินสวัสดิการยังคงเพิ่มอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่า จะมีความเคลื่อนไหวล่าสุดในการที่บางส่วนของประเทศในหลายรัฐกลับมาอนุญาตให้เปิดธุรกิจได้อีกครั้ง

ด้านผู้เชี่ยวชาญหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐฯ ประจำ แคปิตอล อีโคโนมิคส์ (Capital Economics) พอล แอชเวิร์ธ (Paul Ashworth) กล่าวแสดงความเห็นว่า “ในการเพิ่มขึ้นอย่างสำคัญในการขอรับความช่วยเหลือ…เป็นสิ่งที่น่าผิดหวังเล็กน้อยเพราะเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่า มีคนจำนวนไม่มากนักถูกเรียกตัวกลับเข้าทำงาน”

ทั้งนี้พบว่าบริษัท เช่น อูเบอร์, ลิฟต์ (Lyft) หรือ Airbnb เป็นหนึ่งในบริษัทที่ออกมาประกาศเลิกจ้างล่าสุด และบริษัทร้านเสื้อผ้าทำงานระดับบนชื่อดังของสหรัฐฯ เจ ครูว์ กรุ๊ป (J Crew group) ที่มีแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังคือ เจ.ครูว์ (J.Crew) และเมดลเวลล์ (Madewel)

รวมไปถึงห้างสรรพสินค้าแบรนด์หรูชื่อดังของสหรัฐฯ เนแมน มาร์คัส (Neiman Marcus) แบรนด์กางเกงยีนส์ชื่อดัง ทรู รีลิเจียน (True Religion) ได้ยื่นขอล้มละลายอ้างอิงจาก สื่อบิสซิเนสอินไซเดอร์

Source