คริสเตียโน โรนัลโด – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 16 Jun 2021 16:57:48 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ส่องแบรนด์ที่ ‘โรนัลโด้’ เป็นพรีเซ็นเตอร์ สตาร์ลูกหนังที่ทำรายได้อันดับ 2 ของโลก https://positioningmag.com/1337272 Wed, 16 Jun 2021 11:50:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1337272 จากเหตุการณ์ล่าสุดในศึกฟุตบอลยูโร 2020 ที่ ‘คริสเตียโน่ โรนัลโด้’ ได้ทำเอา ‘โค้ก’ (CoCa-Cola) สปอนเซอร์หลักของฟุตบอลยูโรต้องกุมขมับ เนื่องจากเจ้าตัวหยิบขวดโค้กออกจากหน้าตัวเองบนโต๊ะแถลงข่าวแล้วหยิบน้ำเปล่าแทน ซึ่งก็ได้ส่งผลให้หุ้นของ CoCa-Cola ตกไปถึง 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 124,500 ล้านบาท) เลยทีเดียว ดังนั้นไปดูกันว่านอกจากอิมแพคที่โรนัลโด้สามารถสร้างในสนามแล้ว นอกสนามเจ้าตัวสามารถสร้างอิมแพคได้ขนาดไหนบ้าง

กว่าจะเป็น ‘คริสเตียโน่ โรนัลโด้’

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะชาวโปรตุกีส เกิดเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1985 ปัจจุบันอายุ 36 ปี โรนัลโด้เริ่มต้นอาชีพจากเด็กโนเนมในลีกบ้านเกิดของอังดูรีญา ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับนาซียูนัลในปี 1997 จากนั้นก็ได้เซ็นสัญญากับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ก่อนที่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะอกหักจากการดึงตัว โรนัลดินโญ่ มาร่วมทัพปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนโชคชะตาพาให้เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้พบกับโรนัลโด้จนได้ย้ายมาเล่นกับทีม ก่อนจะถูกดึงตัวไปร่วมงานกับราชันชุดขาว เรอัล มาดริด และปัจจุบันยังคงค้าแข่งกับ ยูเวนตุส ในกัลโช่ เซเรีย อา

ด้วยฝีเท้าอันจัดจ้าน โรนัลโด้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล โดยเขาได้รับรางวัลบาลงดอร์ 5 สมัย และ รางวัลรองเท้าทองคำยุโรปอีก 4 สมัย และเป็นผู้เล่นคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่สามารถทำ 100 ประตูขึ้นไปในการเล่นให้กับ 3 สโมสร ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมจึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนยกย่องให้เป็นไอดอลในดวงใจ และไม่ว่าเขาจะทำอะไรมักจะมีผู้คนคอยเฝ้าติดตามอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นผลงานในสนามหรือสินค้าอะไรก็ตามที่เจ้าตัวหยิบจับ

Cristiano Ronaldo ในศึกยูโร 2020 ภายใต้ทีมชาติโปรตุเกส ในวัย 36 ปี (Photo by Alex Pantling/Getty Images)

นักฟุตบอลรายได้สูงสุดอันดับ 2 ของโลก

ความเป็นสตาร์คนดังก็ไม่ได้สร้างอิมแพคแค่ในเกมการแข่งขัน แต่นอกสนามก็สามารถสร้างอิมแพคได้เช่นกัน อย่างใน Instagram ของเจ้าตัวนั้นก็มีผู้ติดตามกว่า 299 ล้านคน ในการโพสต์เพียงครั้งเดียวของเขาสามารถทำเงินได้ถึง 780,000 ปอนด์ หรือกว่า 34 ล้านบาท!

ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะมีเหล่าสินค้ามากมายหลายชนิดรุมจีบเพื่อดึงตัวไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ และนั่นทำให้เขาได้รับรายได้จำนวนมหาศาล จนกลายเป็นนักกีฬาที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก มีรายได้ 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3,756 ล้านบาท เป็นรองแค่ ลิโอเนล เมสซี ที่มีรายได้ 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4,069 ล้านบาท จากการจัดอันดับของฟอร์บส์นิตยสารด้านการเงินชื่อดัง

หากอ้างอิงจากตัวเลขในปี 2018 พบว่าเฉพาะรายได้จากค่าพรีเซ็นเตอร์ โรนัลโด้สามารถทำได้ถึงปีละ 44 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1,320 ล้านบาท ขณะที่ค่าเหนื่อยอยู่ที่ 31 ล้านยูโรต่อปี หรือประมาณ 1,140 ล้านบาท ยังไม่รวมธุรกิจส่วนตัวอื่น ๆ อีก ได้แก่

Pestana CR7 ธุรกิจโรงแรม, CR7 Crunch Fitness ธุรกิจฟิตเนสพิพิธภัณฑ์ CR7 Museum, แบรนด์แฟชั่น CR7, แบรนด์ชุดชั้นในและถุงเท้า CR7, แบรนด์รองเท้า CR7 footwear, แบรนด์แฟชั่น Cristiano Ronaldo & Sacoor Brothers, กางเกงยีนส์ CR7 Denim, แบรนด์น้ำหอม Cristiano Ronaldo Legacy และแม้แต่ CR7Selfie แอปถ่ายเซลฟี่

อยู่ในทุกสินค้าตั้งเเต่อุปกรณ์กีฬายันอีคอมเมิร์ซ

มาที่ฝั่งการเป็นพรีเซ็นเตอร์ของโรนัลโด้ ต้องบอกว่าสามารถอยู่ได้ในทุกสินค้า ชื่อเสียงของโรนัลโด้สามารถใช้กับอะไรก็ได้ โดยแบรนด์แรกที่ต้องพูดก็คือ ‘Nike’ (ไนกี้) บริษัทผลิตภัณฑ์กีฬายักษ์ใหญ่ของโลกที่เซ็นสัญญากับโรนัลโด้ ตลอดชีวิต! ซึ่งมีเพียงนักกีฬา 3 คนในโลกที่ได้รับเกียรตินี้ และเขาเป็นนักฟุตบอลคนแรกด้วย

การมีสินค้าเกี่ยวกับกีฬามาจ้างเป็นพรีเซ็นเตอร์ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ แต่ที่ผ่านมาโรนัลโด้ยังเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าอีกมากโดยที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องของกีฬาเลย ไม่ว่าจะเป็น 

  • คาสตรอล (Castrol) บริษัทน้ำมันเครื่องยักษ์ใหญ่
  • อียิปต์เชียน สตีล (Egyptian Steel) เพื่อโปรโมตอุตสาหกรรมเหล็ก
  • Clear (แชมพูเคลียร์) โดยในปี 2014 โรนัลโด้เป็นได้ร่วมงานกับบริษัทแชมพูเคลียร์ ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ โดยทำหน้าที่โฆษณาเกี่ยวกับเรื่องการขจัดรังแค
  • ทรนนิ่ง เกียร์ ซิกซ์แพ็ด (Training Gear Sixpad) อุปกรณ์แผ่นเครื่องนวดกระตุ้นกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้อง
  • และด้วยหุ่นที่เฟิร์มอยู่ตลอด Emporio Armani ก็เคยคว้าโรนัลโด้เป็นพรีเซ็นเตอร์แทน เดวิด เบ็คแฮม ในปี 2010
  • เพราะนักฟุตบอลต้องเดินทางไปแข่งขันในต่างที่ต่างถิ่นเสมอ ดังนั้น อเมริกัน ทัวริสเตอร์ (American Tourister) แบรนด์กระเป๋าเดินทางชื่อดังเลยคว้าโรนัลโด้มาเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์พร้อมค่าเหนื่อยประมาณประมาณ 312,000 ปอนด์ (ราว 14 ล้านบาท)
  •  อีเอ สปอร์ตส์ (EA Sports) สตูดิโอผลิตเกมชื่อดังเจ้าของเกม ‘ฟีฟ่า’ (Fifa) หลังจากที่เคยได้ ลิโอเนล เมสซี่ ขึ้นปกเกมเป็นเวลา 4 ปี มาในปี 2018 โรนัลโด้ก็ได้รับเสียงโหวตจากแฟน ๆ ให้ได้ขึ้นปก ฟีฟ่า 18 และ 19
  • แพนเซอร์ กลาสส์ (PanzeerGlass) บริษัทผลิตฟิล์มกระจกกันรอยแบรนด์ชั้นนำจากประเทศเดนมาร์ก เคยได้โรนัลโด้เป็นพาร์ตเนอร์พร้อมออกกระจกกันรอยและเคสรุ่น CR7 สัญลักษณ์ประจำตัวของโรนัลโด้
  • TAG Heuer (แทค ฮอยเออร์) แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิสก็เป็นอีกแบรนด์ที่ได้โรนัลโด้เป็นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมออกรุ่นพิเศษ ‘CR7’ ด้วย

และที่คนไทยน่าจะคุ้นกันสุด ๆ ก็คือ Shopee (ช้อปปี้) อีคอมเมิร์ซเจ้าดัง ซึ่งหลายคนออกแนวช็อกไปตามกันเมื่อเห็นโรนัลโด้เต้นเพลงช้อปปี้ ๆ ๆ ๆ แม้จะดูขัดกับภาพลักษณ์ไปหน่อย แต่พลังของโรนัลโด้ก็ช่วยให้ยอดขายช้อปปี้โตขึ้น 3 เท่าในแคมเปญ 9.9 เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม แม้เหตุการณ์ล่าสุดที่โรนัลโด้เลือกจะหยิบขวดโค้กออกจากหน้าตัวเองบนโต๊ะแถลงข่าวแล้วหยิบน้ำเปล่าแทนเพื่อแสดงถึงความใส่ใจสุขภาพ แต่หากย้อนการเป็นพรีเซ็นเตอร์ในด้านอาหารและเครื่องดื่มก็นับว่ามีความน่าสนใจ อย่างปี 2013 โรนัลโด้มี เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น เป็นผู้สนับสนุนด้านโภชนาการ ส่วนในปี 2014 โรนัลโด้ก็เคยเป็นพรีเซ็นเตอร์ ไก่ทอด KFC ซึ่งดูขัดกับภาพลักษณ์นักกีฬาสายเฮลตี้อยู่เหมือนกัน

ยังไม่แขวนสตั๊ด ยังมีโอกาสรับทรัพย์อีกเพียบ

โดยปกติแล้วนักฟุตบอลอาชีพจะมีช่วงเวลาในการ แขวนสตั๊ด หรือ ยุติเส้นทางค้าแข้ง ในช่วงอายุประมาณ 34-36 ปี แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเลือกแขวนสตั๊ดในช่วงอายุดังกล่าว บางคนก็เลิกเล่นก่อน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงวัยที่เลยเลข 3 ไม่ใช่ช่วงอายุที่พีคสุดสำหรับการเล่นฟุตบอลแล้ว

แต่สำหรับโรนัลโด้ในวัย 36 ปี กลับยังฟิตพอ ๆ กับคนอายุ 20 ปี การจะรักษาสภาพร่างกายให้ฟิตแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งเคล็ดลับสำคัญของ CR7 ที่ทำให้อาชีพนักฟุตบอลยืนยาว และรักษามาตรฐานการเล่นไม่ให้ตกลงไปคือ การดูแลสภาพร่างกายนอกสนามแข่งคือ การกิน, การนอน, การผ่อนคลาย และการว่ายน้ำ ที่ทำให้สุขภาพกายแข็งแรง และสุขภาพใจแข็งแกร่ง

หากโรนัลโด้ยังคงค้าแข้งต่อ แฟน ๆ ก็คงจะได้เห็นอีกหลายแบรนด์ที่พร้อมจะทุ่มเงินดึงโรนัลโด้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์แน่นอน แต่อาจจะเดาทางยากสักหน่อยว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการประเภทไหน เพราะหากย้อนดูที่ผ่านมาถือว่าสร้างเซอร์ไพรส์ให้แฟน ๆ อยู่เหมือนกัน หรือหากแขวนสตั๊ดไปแล้ว อย่าลืมว่าโรนัลโด้มีธุรกิจส่วนตัวอีกเพียบ ซึ่งก็ไม่แน่ว่าชีวิตหลังแขวนสตั๊ดโรนัลโด้จะผุดแบรนด์ใหม่ ๆ ออกมาอีกก็เป็นได้

]]>
1337272
จับตา ‘แก๊ง 3 ช่า’ ปะทะ ‘เบลล่า-ลีมินโฮ’ หมัดแรกของ ‘ช้อปปี้-ลาซาด้า’ ก่อนศึกใหญ่ ‘11.11’ https://positioningmag.com/1304120 Mon, 02 Nov 2020 12:28:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1304120 ตอนนี้นักช้อปหลายคนคงวอร์มนิ้วรอที่จะซื้อของในวัน ’11.11’ ที่กำลังจะมาถึงนี้ โดยมาร์เก็ตเพลสยักษ์ใหญ่ในไทยอย่าง ‘ลาซาด้า’ (Lazada) และ ‘ช้อปปี้’ (Shopee) ต่างก็เดินหน้าจุดกระแสให้มาร์เก็ตเพลสแทบลุกเป็นไฟ ไม่ว่าจะเป็นการออกโปรโมชัน ส่วนลด รวมถึง ‘พรีเซ็นเตอร์’ ที่งัดมาฟาดกันตั้งแต่ก่อนเข้าเดือน 11 ไปอีก

จาก ‘โรนัลโด’ สู่ ‘แก๊ง 3 ช่า’

ก่อนที่จะเข้าสู่วันที่ 11.11 แคมเปญช้อปปิ้งระดับโลกที่ได้ ‘แจ็ค หม่า’ ผู้ก่อตั้ง ‘อาลีบาบา’ (Alibaba) เป็นผู้บุกเบิกกระแสจนกลายเป็นต้นแบบกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซทุกรายต้องเดินตาม ลาซาด้าและช้อปปี้ 2 ผู้เล่นหลักบนสมรภูมิมาร์เก็ตเพลสก็ชิงใส่กันก่อนแล้ว โดยเริ่มต้นจาก ‘พรีเซ็นเตอร์’ ก่อนเลย

หากย้อนไปเมื่อปี 2561 ช้อปปี้ก็ได้คว้าเอาคู่จิ้นสุดฮอตของประเทศไทยอย่าง ‘ณเดชน์ คูกิมิยะ’ และ ‘ญาญ่า- อุรัสยา เสปอร์บันด์’ มาขึ้นแท่นเป็นพรีเซ็นเตอร์ของประเทศไทย และในปี 2562 ก็ได้คว้าเอาไอคอนระดับโลกอย่าง ‘คริสเตียโน โรนัลโด’ นักฟุตบอลชื่อดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์เพื่อที่จะเจาะกลุ่มผู้บริโภคในทุกวัย พร้อมกับมีท่าเต้นสนุก ๆ ที่กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมาก ซึ่งคลิปวิดีโอเปิดตัวดังกล่าวก็สามารถดูดคนดูพุ่งทั่วโลก 35 ล้านวิว แถมยังสร้างยอดขายร้านค้าในไทยในช่วง Shopee 9.9 Super Shopping Day โตถึง 480 เท่าเลยทีเดียว

ในปีนี้ช้อปปี้ก็มาเหนืออีกครั้งโดยคว้าเอา ‘แก๊ง 3 ช่า’ ที่ประกอบด้วย ‘หม่ำ-เท่ง-โหน่ง’ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ใหม่ในไทยและแน่นอนว่า ‘ท่าเต้น’ สนุก ๆ ก็ยังมีเหมือนเดิม ซึ่งถ้าเป้าหมายของช้อปปี้คือการเข้าถึงคนทุกกลุ่มเหมือนตอนใช้โรนัลโด รวมถึงการสื่อสารถึงความสนุกแน่นอนว่าแก๊ง 3 ช่าตอบโจทย์สุด ๆ ดังนั้น หากจะเทียบเรื่องความหล่อสวยคงจะสู้ไม่ไหว แต่ถ้าพูดถึงความ ‘แมส’ ล่ะก็ไม่แพ้ใครแน่นอน

ลาซาด้าดึง ‘ลีมินโฮ’

ในช่วงที่กระแสละคร ‘บุพเพสันนิวาส’ ดังเป็นพลุแตก เกิดกระแส ‘ออเจ้า’ ไปทั่วไทย ส่งผลให้ลาซาด้าคว้าตัวเอา ‘เบลล่า-ราณี แคมเปน’ หรือ ‘แม่การะเกด’ นางเอกในบุพเพสันนิวาสมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในไทย โดยปีนี้ เบลล่ายังคงเป็นพรีเซ็นเตอร์ของไทยเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือได้ ‘ลีมินโฮ’ ที่ขึ้นแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มา ‘ฟีเจอริ่ง’ ในภาพยนตร์โฆษณาด้วย

โดยลีมินโฮไม่ได้แค่ร่วมงานกับแบรนด์แอมบาสเดอร์ในไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแบรนด์แอมบาสเดอร์ของลาซาด้าในประเทศอื่น ๆ ได้แก่ แอกเนส โมนิก้า (Agnez Monika) และเวอร์เรล บรามมาสต้า (Verrel Bramasta) ในประเทศอินโดนีเซีย ไอด้า จีบัต (Ayda Jebat) ในประเทศมาเลเซีย แคทรีน เบอร์นาร์โด (Kathryn Bernardo) ในประเทศฟิลิปปินส์ และ ชิ พู่ (Chi Pu) ในประเทศเวียดนาม เรียกได้ว่า ใช้ความหล่อสวยเข้าสู้

โปรโมชันก็ไม่มีใครยอมใคร

ลาซาด้าได้ประกาศเปิดแคมเปญมหกรรมช้อปปิ้ง Lazada 11.11 Biggest One-Day Sale โดยเตรียมคูปองส่วนลดสูงสุด 1,111 บาท แจกทุกวัน เวลา 11 โมง ตั้งแต่วันที่ 1-11 พฤศจิกายนนี้ คูปองส่งฟรีทั่วไทย และโปรโมชัน 5% Cashback เมื่อซื้อสินค้า LazMall ทุกชิ้น นอกจากนี้ยังมี Lazmall ศูนย์รวมสินค้าจากแบรนด์ที่การันตีไม่มีของปลอม รวมถึง ‘Lazlive’ ที่ล่าสุดพึ่งจัดไลฟ์แฟชั่นโชว์แบบ ‘Virtual Runway’ ที่สร้างความแปลกใหม่ให้ตลาดไปหมาด ๆ

ส่วนช้อปปี้ ก็ได้โหมโรงบิ๊กเซล 11.11 ด้วยแคมเปญลดทั้งร้านกว่า 50% แคมเปญ Flash Sale สินค้าราคาเริ่มต้นเพียง 9 บาท แจกโค้ดส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำทุกเที่ยงวันและเที่ยงคืนของทุกวันตั้งแต่วันที่ 1-11 พฤศจิกายนแล้ว ยังเน้นจุดขายการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ เช่น Shopee Live ให้ลูกค้าเปิดประมูลสินค้าและมีการสำรวจความคิดเห็นของผู้ชมเพื่อทำให้การ Live ทุกครั้งตื่นเต้น น่าติดตาม และสนุกยิ่งขึ้น

จากนี้คงต้องรอจับตาดูว่าระหว่าง ‘ตลก’ กับ ‘ซุปตาร์’ ใครจะเรียกเเขกได้มากกว่ากัน และวันที่ 11.11 ใครจะมีไม้เด็ดอะไรซ่อนไว้อีก และใครจะโกยลูกค้าได้มากกว่ากัน แต่ไม่ว่าศึกนี้จะจบอย่างไร ใครจะเจ็บตัวกับเม็ดเงินที่ทุ่มลงไปมากกว่ากัน แต่สุดท้ายแล้วนักช้อปก็คงยิ้มกันถ้วนหน้า เพราะกำลังรอของถูกมาส่งถึงหน้าบ้าน

]]>
1304120