คลังสินค้าและโรงงาน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 21 Oct 2022 11:07:10 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ลงทุนในสินทรัพย์ป้อมปราการ แข็งแกร่งต้านทานความผันผวน ไปกับกองรีท WHART https://positioningmag.com/1405127 Sat, 22 Oct 2022 04:00:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1405127

เราจะเห็นความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นในต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมานั้นมีผลตอบแทนที่ผันผวนและไม่เป็นใจกับนักลงทุนมากนักในช่วงที่ผ่านมา ถ้าหากนับผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 28 กันยายน 2565 ไม่ว่าจะเป็นดัชนี S&P 500 นั้นมีผลตอบแทนติดลบ 23.48% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิทที่เป็นดัชนีหุ้นจีน ผลตอบแทนติดลบ 16.34% หรือแม้แต่ผลตอบแทนดัชนีพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลกนับตั้งแต่ต้นปีจนถึง วันที่ 28 กันยายน 2565 ข้อมูลจาก Wall Street Journal ได้ชี้ให้เห็นว่าผลตอบแทนนั้นติดลบ 13.46% สาเหตุสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นแทบจะทั่วโลกเกิดความผันผวนได้แก่ การบุกยูเครนโดยรัสเซีย การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ เหตุผลต่างๆ เหล่านี้ได้สร้างผลกระทบต่อตลาดทุนอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา

แล้วเราจะหาหลุมหลบภัยการลงทุนในช่วงสภาวะตลาดไม่เป็นใจได้อย่างไร

หนึ่งในสินทรัพย์ที่ผู้จัดการกองทุนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นของบริษัทประกันภัยกองทุนรวมของสถาบันการเงินต่างๆ ที่ได้มีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนเพื่อที่จะไม่ให้พอร์ตการลงทุนผันผวนนั่นก็คือ “ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์” หรือที่เรารู้จักกันดีว่า กองรีท (REIT) ซึ่งกองรีทกองหนึ่งที่มีความมั่นคง และจ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอที่เหมาะจะเป็นป้อมปราการทางการลงทุนสร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอให้กับพอร์ตการลงทุนของเรา

ในช่วงนี้ที่จะพาไปทำความรู้จักก็คือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ      พรีเมี่ยม โกรท หรือ กองทรัสต์ WHART


กอง WHART เป็นป้อมปราการทางการลงทุนที่มั่นคงอย่างไร?

  1. กอง WHART เป็นกองรีทที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มคลังสินค้าและโรงงาน  โดยมีขนาดสินทรัพย์เท่ากับ 47,905 ล้านบาท จากข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 บริหารทรัพย์สินโดยบริษัท WHA Corporation ผู้นำในการพัฒนาคลังสินค้าและผู้ให้บริการอุตสาหกรรมครบวงจรในประเทศไทย
  2. กอง WHART ลงทุนในคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าที่มีสัญญาเช่าระยะยาวจำนวนมาก กอง WHART ลงทุนในคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าประเภทสร้างตามความต้องการลูกค้าหรือ Built to suit คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 56 ของสินทรัพย์ที่กองลงทุนทั้งหมด ซึ่งโดยปกติลูกค้ากลุ่มนี้จะทำสัญญาเช่าระยะยาวกับผู้ให้เช่า ทำให้กอง WHART มีอายุสัญญาเช่าเฉลี่ยคงเหลือกับลูกค้ายาวถึง 3.55 ปี ทำให้กองมีรายได้อย่างสม่ำเสมอจากการปล่อยเช่า
  1. กอง WHART ปล่อยเช่าคลังสินค้า โรงงานให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพในอุตสาหกรรมที่เติบโต กอง WHART ปล่อยเช่าคลังสินค้าและโรงงานให้กับบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น DKSH, ไทวัสดุ, Alibaba Smart Hub, Shopee Xpress, Kerry Logistics เป็นต้น โดยทรัพย์สินของกองทรัสต์ปัจจุบันรองรับลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ E-commerce ข้ามชาติ ธุรกิจ FMCG และธุรกิจผู้ให้บริการโลจิสติกส์
  1. จ่ายปันผลสม่ำเสมอตั้งแต่จัดตั้งกองทรัสต์ในปี 2015 อีกปัจจัยที่สำคัญของป้อมปราการ คือ กอง WHART ยังขึ้นชื่อในเรื่องของการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอ นับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมาอัตราการปันผลอยู่ในช่วง 0.74 – 0.76 บาทต่อหน่วยมาโดยตลอด

แม้กระทั่งในช่วงโควิดที่ผ่านมา ก็ไม่ได้กระทบต่อการจัดหารายได้ของกอง WHART แต่อย่างใด ซึ่งการได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอดังกล่าวช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนได้เป็นอย่างดี


เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งกับการลงทุนทรัพย์สินเพิ่มเติมในปี 2565

กอง WHART มีการลงทุนในทรัพย์สินเพื่อการเจริญเติบโตของกองมาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุดในปี 2565 นี้ กอง WHART มีแผนในการเพิ่มทุนอีกครั้ง เพื่อการนำสินทรัพย์เข้าสู่กองทรัสต์อีกครั้ง


ภาพหลังเพิ่มทุน ป้อมปราการของกอง WHART แข็งแกร่งและน่าสนใจขึ้นอย่างไร

 การลงทุนเพิ่มเติมในปี 2565 นี้ จะสร้างความมั่นคงให้กับกอง WHART เพิ่มขึ้นดังนี้

  1. ทรัพย์สินที่ลงทุน เพิ่มความมั่นคงให้กับกอง WHART ทรัพย์สินที่กอง WHART จะลงทุนในปีนี้ยังคงเน้นทรัพย์สินในรูปแบบ Built-to-Suit ที่มาพร้อมกับสัญญาเช่าระยะยาวของลูกค้า โดยกอง WHART ก่อนการเพิ่มทุนนั้นมีสัญญาเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.4 ปี แต่ถ้าหากเพิ่มทุนในปี 2565 แล้วจะมีสัญญาเช่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3.55 ปี
  1. นอกจากนี้กอง WHART ยังมีอัตราการเช่าเฉลี่ยที่สูงถึง 92% แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของสินทรัพย์ภายในทรัสต์เพื่อการลงทุนฯ นั้นมีคุณภาพ ลูกค้าของ WHART มีความมั่นใจ
  2. ทรัพยสินที่ลงทุนอยู่ทำเลศักยภาพ ทำเลของสินทรัพย์ที่จะนำเข้ากองทรัสต์ในปีนี้นั้นอยู่ในพื้นที่ทำเลยุทธศาสตร์ นั่นก็คือ
  • ถนนบางนา-ตราด ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์แห่งหนึ่งในการขนส่งเชื่อมต่อได้ทั้งท่าเรือในภาคตะวันออก หรือสนามบินสุวรรณภูมิ
  • อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถือเป็นแหล่งกระจายสินค้า ซึ่งบริษัทต่างๆ ที่ต้องการกระจายสินค้าในภาคเหนือ หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือต่างต้องการ
  • พื้นที่ EEC จังหวัดชลบุรี พื้นที่ดังกล่าวนี้กำลังจะกลายเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในระยะยาว

เราจะเห็นว่าทำเลพื้นที่ตั้งของโครงการถือว่ามีความสำคัญไม่น้อย และเป็นจุดเด่นที่ WHART มีมาโดยตลอด และการเพิ่มทุนในปี 2565 นี้จะมีโครงการที่เข้ามาสู่ WHART ได้แก่

  • โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา-ตราด กม. 23 โปรเจค 3 ตั้งอยู่ที่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ มีพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 34,001 ตารางเมตร
  • โครงการดับบลิวเอชเอ ซิกโนด แฟคทอรี่ ตั้งอยู่ที่ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

พื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 8,151 ตารางเมตร

  • โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม.21 ตั้งอยู่ที่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ มีขนาดพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 30,311 ตารางเมตร
  • โครงการดับบลิวเอชเอ-เคพีเอ็น เมกกะโลจิสติกส์เซ็นเตอร์บางนา-ตราด กม.23 โปรเจค 2 ตั้งอยู่ที่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ขนาดพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 19,796 ตารางเมตร
  • โครงการดับบลิวเอชเอ เซ็นทรัล เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ วังน้อย 63 ตั้งอยู่ที่ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขนาดพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 67,704 ตารางเมตร

ภายหลังจากการลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้แล้วเสร็จ จะส่งผลให้ กองทรัสต์ WHART มีมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์ แตะที่ระดับกว่าประมาณ 51,956.40 ล้านบาท และกอง WHART จะยังเป็นกองทรัสต์ Industrial ที่มีมูลค่าสินทรัพย์รวมมากที่สุดในไทย

จากปัจจัยข้างต้น จะเห็นได้ว่ากอง WHART เป็นป้อมปราการทางการลงทุนที่แข็งแกร่งสามารถทนทานต่อความผันผวนทางเศรษฐกิจในช่วงนี้ และเหมาะสำหรับการกระจายความเสี่ยงทางด้านการลงทุน เพื่อสร้างรายได้สม่ำเสมอให้กับพอร์ตการลงทุน

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในการเพิ่มทุนในครั้งนี้ สามารถจองซื้อได้ในช่วงเวลา และช่องทางดังนี้

  • ผู้ถือหน่วยเดิมที่มีสิทธิ สามารถจองซื้อได้ระหว่างวันที่ 7-11 พฤศจิกายน 2565
  • ประชาชนทั่วไปซึ่งเป็นบุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ สามารถจองซื้อได้ระหว่างวันที่ 15-18 พฤศจิกายน 2565

โดยผู้ถือหน่วยเดิมที่มีสิทธิจะจองซื้อที่ราคาเสนอขายสูงสุดที่ 10 บาทต่อหน่วย ซึ่งจะมีการคืนส่วนต่างหากราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่า ในส่วนของประชาชนทั่วไปซึ่งเป็นบุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์จะจองซื้อที่ราคาเสนอขายสุดท้าย โดยราคาเสนอขายสุดท้ายกำหนดโดยกระบวนการ bookbuilding

อย่างไรก็ดีการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลของ WHART รวมถึงความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนในกองทรัสต์ได้ในเว็บไซต์ www.whareit.com หรือ

https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=441017&lang=th

คำเตือน: ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

]]>
1405127
เรื่องน่ารู้ของ ‘กองทรัสต์ WHART’ เพิ่มทุนครั้งที่ 6 ลงทุนเพิ่มเติม 5.55 พันล้านกับ ‘ทำเลทอง’ โลจิสติกส์เมืองไทย https://positioningmag.com/1358105 Tue, 26 Oct 2021 11:00:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1358105

‘อีคอมเมิร์ซ’ เติบโตอย่างต่อเนื่อง ยิ่งในช่วงวิกฤตโควิดความนิยมยิ่งพุ่งพรวด เมื่อผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมครั้งใหญ่ บรรดาบริษัทขนส่งต่างเเข่งขันกันดุเดือด เพื่อชิงความเป็นเจ้าตลาด

เเน่นอนว่า ‘ธุรกิจคลังสินค้าให้เช่า’ ก็เติบโตตามไปด้วย จากความต้องการพื้นที่ในการเก็บสินค้าที่มากขึ้นจากเเต่ก่อน เเละยิ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพ ก็ช่วยส่งเสริมให้สินค้าส่งถึงมือลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว มีข้อได้เปรียบทางธุรกิจมากขึ้น

ล่าสุดกับการเพิ่มทุนครั้งที่ 6 มูลค่าลงทุนเพิ่มเติม 5.55 พันล้านบาทของ ‘กองทรัสต์ WHARTเพื่อเข้าลงทุน 3 โครงการ ในทรัพย์สินบนทำเลจุดยุทธศาสตร์โลจิสติกส์ โดยมีผู้เช่าที่เป็นบริษัทชั้นนำอย่าง Alibaba Group , Shopee XPress เเละทีดีตะวันแดง

นับเป็นความเคลื่อนไหวในตลาดที่น่าจับตามอง วันนี้เราจะมาทำความรู้จัก กองทรัสต์ WHART กับการลงทุนในทำเลทองโลจิสติกส์เมืองไทยให้มากขึ้นกัน


รู้จัก กองทรัสต์ WHART

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) เป็นกองทรัสต์ที่มุ่งลงทุนในทรัพย์สินประเภท ‘คลังสินค้าและโรงงาน’ ที่มีมาตรฐานระดับสากลในรูปแบบ Built-to-Suit และ Ready-Built บนทำเลโลจิสติกส์ที่สำคัญ เช่น ถนนบางนา-ตราด , วังน้อย เเละพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

เมื่อมองโดยภาพรวมเเล้ว จุดเเข็งที่เห็นได้ชัดของกองทรัสต์ WHART คือการเป็นหนึ่งในผู้นำ REIT ในกลุ่มอุตสาหกรรม ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 น้อย เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ อย่างออฟฟิศ ค้าปลีก โรงแรม ดังนั้นจึงมีความเสี่ยง ‘Downside Riskต่ำกว่า

ปัจจุบันกองทรัสต์ WHART มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 31 โครงการ พื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 1,398,352 ตรม. โดยภายหลังการเพิ่มทุนครั้งที่ 6 ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ จะทำให้กองทรัสต์มีทรัพย์สินเพิ่มเติมเป็น 34 โครงการ พื้นที่เช่าอาคารรวมถึง 1,582,681 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนทำเลสำคัญๆ ของประเทศไทย


ปัจจัยสำคัญ : อัตราการเช่า- สัญญาระยะยาว- ธุรกิจที่โตขึ้นเรื่อยๆ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้ ‘ธุรกิจคลังสินค้าให้เช่า’ เติบโตได้อย่างมั่นคง นั่นก็คือการมี ‘อัตราการเช่าสูงและผู้เช่ามีสัญญาระยะยาว’

โดยกองทรัสต์ WHART มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยในระดับสูงประมาณร้อยละ 90 ซึ่งสูงกว่าอุตสาหกรรมโดยเฉลี่ย และมีอายุสัญญาเช่าที่ผู้เช่าคลังสินค้าเฉลี่ย (WALE) หลังการลงทุนเพิ่มเติมในปีนี้ อยู่ในระดับสูงถึง 3.5 ปี

ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่าโครงการที่กองทรัสต์ลงทุนส่วนใหญ่เป็นประเภท BuilttoSuit (BTS) จึงมีสัญญาเช่าของผู้เช่าที่ค่อนข้างยาว โดยอายุสัญญาเช่าเฉลี่ยของทรัพย์สินที่กองทรัสต์จะลงทุนเพิ่มเติมในปีนี้อยู่ที่ 10.7 ปี

ยิ่งไปกว่านั้น การมีผู้เช่าพื้นที่โครงการต่างๆ ของกองทรัสต์ WHART ที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ จากหลายสัญชาติและหลากหลายอุตสาหกรรม อย่างเช่น E-Commerce, FMCG เเละ Logistics ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจเติบโตสูง เเละได้รับผลกระทบ ‘เชิงบวก’ จากวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ ก็เป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนให้กองทรัสต์  WHART ยังสามารถจ่ายผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอ นับเป็น ‘ทางเลือก’ การลงทุนสำหรับนักลงทุนที่สนใจกอง REIT ได้เป็นอย่างดี

ดังนั้น การที่มีสัญญาเช่าส่วนใหญ่เป็นสัญญาระยะยาว เเละผู้เช่าพื้นที่ของกองทรัสต์เป็นผู้เช่าในกลุ่มธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่องเเละมีชื่อเสียง มีฐานลูกค้าจำนวนมหาศาลในไทย รวมไปถึงมีความหลากหลายทางธุรกิจ นับเป็นการ ‘กระจายความเสี่ยง’ ไม่กระจุกตัวหรือพึ่งพาอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในยามนี้ที่เศรษฐกิจโลกผันผวน

เพิ่มทุนครั้งที่ 6 กับ 3 ทำเลทองโลจิสติกส์

สำหรับการเพิ่มทุนของกองทรัสต์ WHART ครั้งที่ 6 นี้ จะออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์ใหม่ จำนวนไม่เกิน 385.90 ล้านหน่วย เพื่อลงทุนในทรัพย์สินหลักเพิ่มเติม มูลค่ารวมไม่เกิน 5,549.72 ล้านบาท

โดยทรัพย์สินที่กองทรัสต์ WHART กำลังจะเข้าไปลงทุนนั้น จะเน้นไปที่ความโดดเด่นในด้านทำเลศักยภาพที่เป็น ‘จุดยุทธศาสตร์’ ศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่สำคัญของประเทศ เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุนในระยะยาว

เเบ่งเป็นโครงการคลังสินค้าประเภท Built-to-Suit จำนวน 2 โครงการ และโครงการประเภท Ready-Built อีก 1 โครงการ โดยมีพื้นที่เช่าอาคารรวม 3 โครงการ ประมาณ 184,329 ตารางเมตร ซึ่งมีผู้เช่า ได้แก่ Alibaba Group, Shopee Xpress และ ทีดี ตะวันแดง มีรายละเอียดเพิ่มเติม ดังนี้

1.โครงการ WHA Mega Logistics Center (วังน้อย 62)

ตั้งอยู่ที่ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 24,150 ตารางเมตร และพื้นที่เช่าหลังคารวมประมาณ 23,205 ตารางเมตร

จุดเด่นของทำเลบริเวณอำเภอวังน้อย คือเป็นแหล่งของศูนย์กระจายสินค้าหลักสู่กรุงเทพฯ รวมถึงภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

โครงการนี้ถือเป็นโครงการที่ 3 ในบริเวณอำเภอวังน้อยที่กองทรัสต์ได้เข้าลงทุน อีกทั้งปัจจุบันโครงการในบริเวณนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม (ต.ค.64)

2.โครงการ WHA Mega Logistics Center (ถนนบางนา-ตราด กม. 23 โปรเจค 3)

ตั้งอยู่ที่อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ มีพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 30,040 ตารางเมตร จุดเด่นของทำเลบริเวณถนนบางนา-ตราด คือเป็นศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญ เนื่องจากใกล้กับกรุงเทพชั้นในและท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ อีกทั้งยังสามารถออกสู่ถนนสายหลักที่สำคัญต่าง ๆ ได้สะดวก


3.โครงการ WHA ECommerce Park

ตั้งอยู่ที่อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่บนพื้นที่ EEC และโครงการนี้ได้รับการกำหนดให้เป็นพื้นที่ส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ กลุ่มพาณิชย์อิเล็คทรอนิกส์บางปะกง ด้วยเช่นกัน โดยมีพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 130,139 ตารางเมตร

จุดเด่นของทำเลบริเวณอำเภอบางปะกง คือการตั้งอยู่ในพื้นที่ EEC และมีระยะทางที่ใกล้กับกรุงเทพฯ จึงมีความสะดวกในการเดินทางและขนส่ง กระจายสินค้าไปยังที่ต่างๆ ได้รวดเร็ว


หนุนทรัพย์สินแตะ 4.8 หมื่นล้าน

หลังการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินหลักในครั้งนี้ จะส่งผลให้กองทรัสต์  WHART มีมูลค่าทรัพย์สินรวมแตะที่ระดับกว่า 48,000 ล้านบาท (จากเดิมอยู่ที่ระดับ 42,639 ล้านบาท) ซึ่งจะทำให้กองทรัสต์ WHART เป็นกองทรัสต์ที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวมมากที่สุดในกองทรัสต์ประเภทอุตสาหกรรมในประเทศไทย

และจะมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นจาก 1.40 ล้านตารางเมตรเป็น 1.58 ล้านตารางเมตร คงความเป็นผู้นำของกองทรัสต์ประเภทศูนย์กระจายสินค้า คลังสินค้าและโรงงาน

มีการประเมินว่า ภายหลังการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม กองทรัสต์ WHART จะสามารถจ่ายประโยชน์ตอบแทนได้ไม่ด้อยกว่าเดิม โดยประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทนและเงินลดทุนอ้างอิงงบกำไรขาดทุนและการจ่ายประโยชน์ตอบแทนตามสถานการณ์สมมุติตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 อยู่ที่ประมาณ 0.80 บาทต่อหน่วย เพิ่มขึ้นจาก 0.79 บาทต่อหน่วยก่อนการเพิ่มทุนครั้งนี้


จองซื้อได้เมื่อไหร่ ?

สำหรับระยะเวลาการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งนี้ ผู้ถือหน่วยเดิมที่มีสิทธิ จะอยู่ในช่วงระหว่างวันที่ 8-12 พ.ย. 2564 เเละสำหรับประชาชนทั่วไป* จะอยู่ในช่วงวันที่ 16-19 พ.ย. 2564

โดยผู้ถือหน่วยเดิมที่มีสิทธิ จะจองซื้อที่ราคาเสนอขายสูงสุด ซึ่งจะมีการคืนส่วนต่างหากราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่า ส่วนประชาชนทั่วไป จะจองซื้อที่ราคาเสนอขายสุดท้าย โดยราคาเสนอขายสุดท้ายกำหนดโดยกระบวนการ bookbuilding

ด้านช่องทางการจองซื้อ ทำได้ง่ายๆ ผ่าน K-My Invest  https://www.kasikornbank.com/kmyinvest และสาขาของธนาคารกสิกรไทย

ผู้สนใจลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกองทรัสต์ WHART เพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือ www.whareit.com

* การจัดสรรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่าย

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

]]>
1358105