กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการพัฒนาจุดหมายปลายทางระดับโลก ที่มุ่งสร้างประสบการณ์เหนือความคาดหมายที่โดดเด่นและแตกต่างให้กับทุกเจนเนอเรชัน เปิดพื้นที่ร่วมสร้างสรรค์สำหรับ คอมมูนิตี้คนรุ่นใหม่ ให้เป็นเวทีแสดงความเป็นตัวตนในไลฟ์สไตล์ที่ใช่ ล่าสุด
เหล่านี้สะท้อนแนวคิดการดำเนินธุรกิจแบบร่วมสร้างสรรค์ (Co-creation) ของสยามพิวรรธน์ ที่พร้อมมอบประสบการณ์สุดพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ สร้างคอมมูนิตี้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของคนทุกเจนเนอเรชัน
สยามพิวรรธน์ประสบความสำเร็จในการพัฒนาศูนย์การค้าที่เป็นแลนด์มาร์คระดับโลกที่อยู่คู่ประเทศไทยมาทุกยุคสมัย ในโลกปัจจุบันที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จึงมุ่งพัฒนาพื้นที่โครงการให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนในทุกเจนเนอเรชั่น ด้วยการสร้างสรรค์สถานที่ที่ทุกคนต้องมารวมตัว ได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น เกิดเป็นคอมมูนิตี้ (community) ที่มีจุดเด่น แตกต่างไม่เหมือนใคร ด้วยการขับเคลื่อนธุรกิจแบบ Co-creation สร้างโอกาสธุรกิจใหม่ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำทั้งในประเทศและระดับโลก เพื่อสร้างสรรค์พื้นที่ที่จะเติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตสุดล้ำให้กับทุกเจนเนอเรชั่น ครบครันไม่ว่าจะเป็นด้านแฟชั่น ศิลปะ เกม เทคโนโลยี และดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่จะเปิดโอกาสให้โดยคนรุ่นใหม่ได้มีพื้นที่แสดงความเป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ทำให้ทุกศูนย์การค้าของกลุ่มสยามพิวรรธน์ ตอบโจทย์ความเป็น Global Landmark Destination อย่างแท้จริง
สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากการร่วมมือกับ TikTok ในแคมเปญ Siam Center I TikTok The Fashhh Battle กิจกรรมการแข่งขันในรูปแบบ Challenge Campaign เชิญชวนบุคคลทั่วไปสร้างสรรค์วีดีโอคลิป โพสต์บน Tiktok ภายใต้คอนเซ็ปต์ โอกาสดีๆ ที่จะได้ปลดปล่อยตัวตนให้เป็นอิสระ พร้อมโชว์ไอเดียที่เป็นตัวเองอย่างแท้จริง โดยสยามเซ็นเตอร์เปิดพื้นที่ไอเดียสุดล้ำ TikTok Space ในรูปแบบ Installation Art Space ให้เหล่าครีเอเตอร์ได้แบทเทิลไอเดียกันอย่างไร้ขีดจำกัด แคมเปญ #TheFashhhBattle ที่จัดระหว่างวันที่ 5-25 มีนาคมที่ผ่านมา ได้รับยอดวิวสูงถึง 26.3 ล้านวิว และยอด engagement สูงถึง 316,905 แคมเปญติดเทรนด์ TikTok ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มกิจกรรม ขณะที่ภาพรวมของคลิปที่ร่วมแคมเปญ ทาง TikTok ให้เครดิตว่าเป็น High Quality Content และบางคลิปได้รับความนิยมจนเกิดเป็นไวรอลอีกด้วย
ภายใต้ความร่วมมือของ 3 พันธมิตรใหญ่ คือ สยามพิวรรธน์ กันตนา กรุ๊ป และ ทรู ร่วมพัฒนา True5G PRO HUB: The Space of Immersive Discovery พื้นที่แห่งอนาคตที่พร้อมพาคนรุ่นใหม่ออกสำรวจ ค้นพบและพัฒนาทักษะแห่งอนาคต สู่ทุกความเป็นไปได้บนโลกใบใหม่อย่างไร้ขีดจำกัดในรูป แบบ Immersive Discovery แห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนพื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร ที่จะเป็นแหล่งรวมตัวของคนรุ่นใหม่ ทั้ง Gamer Lifestyle ตั้งแต่มือสมัครเล่นไปจนถึงมืออาชีพ, Gen Z Lifestyle สำหรับทุกไลฟ์สไตล์ของคนเจนเนอเรชั่นใหม่ เช่น การแต่งคอสเพลย์ อนิเมะ บอร์ดเกม และ Future Skills ที่จะมอบประสบการณ์และการเรียนรู้ด้านทักษะดิจิทัลที่จำเป็นสำหรับอนาคต สนับสนุนให้เกิดเครือข่ายสังคมของเกมเมอร์และคนที่มีความสนใจเดียวกันที่จะทำให้เกิดการเรียนรู้และต่อยอดอย่างไม่มีสิ้นสุด พร้อมเปิดให้บริการแล้ว ณ ชั้น 4 สยามดิสคัฟเวอรี่
สยามพารากอน สร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกในโลกแห่งวงการค้าปลีก เปิดพื้นที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วมจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ผ่าน “Wall of Wonders” หรือกำแพงในรูปแบบ Interactive ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะที่เปิดโอกาสให้ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติทั่วโลก ที่เดินทางมาเยือนสยามพารากอนได้มาร่วมแชร์ความสุข ความทรงจำ บอกเล่าเรื่องราวความประทับใจ และนำเสนอไอเดียสร้างสรรค์ ร่วม Co-creation เป็นส่วนหนึ่งของการเดินหน้าทรานสฟอร์มสยามพารากอน รังสรรค์พื้นที่ให้มีความหลากหลายตรงตามความต้องการของทุกเจนเนอเรชั่น ติดตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ชั้น 1 ฝั่งนอร์ท ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 พ.ค. 66 นอกจากนี้ ในเดือนพฤษภาคม สยามพารากอนยังสร้างความมหัศจรรย์ให้กับลูกค้าที่มาเยือนอย่างต่อเนื่องด้วย Art Installation ในรูปแบบ Digital ระดับมาสเตอร์พีซ ที่ทำให้ความเห็นของคุณกลายเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะที่แปลกใหม่ล้ำสมัย ตอกย้ำสถานที่ที่มอบประสบการณ์เหนือความคาดหมาย และครองความเป็นที่หนึ่งในใจของคนทั้งโลก
ไอคอนสยาม แลนด์มาร์คระดับโลกริมแม่น้ำเจ้าพระยา จับมือกับ Grande Experiences ผู้สร้างและผู้ผลิตเจ้าของลิขสิทธิ์ Van Gogh Alive ร่วมกับ Live Impact Events ผู้ถ่ายทอดและนำเสนอประสบการณ์ระดับโลก ผนึกกำลังสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ กับนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะดิจิทัลอิมเมอร์ซีฟระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “Van Gogh Alive Bangkok” รวบรวมผลงานศิลปะชิ้นสำคัญของจิตรกรชาวดัตช์ Vincent Van Gogh (วินเซนต์ แวนโกะห์) ศิลปินผู้โด่งดังและทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตก มาจัดแสดงให้ผู้คนที่สนใจงานศิลปะ ได้เรียนรู้และสร้างสรรค์แรงบันดาลใจ พร้อมสัมผัสและเปิดประสบการณ์การรับชมรูปแบบ Immersive Multi-Sensory Experience บนพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 4,120 ตารางเมตร ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ก.ค. 66 ณ Attraction Hall ชั้น 6 ไอคอนสยาม
กลุ่มสยามพิวรรธน์ ภายใต้วิสัยทัศน์ผู้นำความคิดสร้างสรรค์ มุ่งพัฒนาโครงการต้นแบบจุดหมายปลายทางระดับโลก (Global Prototype) ที่สร้างประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้าผู้มาเยือนทั้งชาวไทยและต่างชาติ และพร้อมร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศและระดับโลก เพื่อร่วมกันสร้างปรากฏการณ์ ที่จะตอบโจทย์ความหลากหลายของการใช้ชีวิตของผู้คนในแต่ละคอมมูนิตี้ ในทุกเจนเนอเรชั่น
]]>
เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ ถ้าอยากอ่านข่าวบันเทิง กีฬา ตรวจหวย หรือหาแหล่งดูดวง ทำนายฝัน จะต้องกดเข้าเว็บ sanook.com (สนุกดอทคอม) อย่างแน่นอน นั่นเป็นเพราะ sanook.com อยู่กับคนไทยมายาวนานจนวันนี้เดินทางเข้าสู่ปีที่ 25 แล้ว โดยครองตำแหน่งเว็บข่าวและความบันเทิงอันดับ 1 มาโดยตลอดตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน
สิ่งที่ทำให้ sanook.com ยืนหนึ่งเป็นผู้นำมาอย่างต่อเนื่องคือ การนำเสนอข่าวและคอนเทนต์ที่เปลี่ยนไปตามความชื่นชอบและไลฟ์สไตล์ของคนไทยทุกยุคสมัย ที่สำคัญ sanook.com ยังมีการจัดกิจกรรมสนุกๆ ที่ให้ผู้ใช้งานได้มีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างคอมมูนิตี้บนเว็บไซต์ให้แข็งแกร่ง สร้างสีสัน และความสนุกให้ผู้ใช้งาน เช่น กิจกรรมลอยกระทงกับสนุก, สนุกสายเปย์แม่ฉันต้องได้!, สนุกสวดมนต์ข้ามปีออนไลน์, สนุกเซียมซีโชคดีปีเถาะ และที่เพิ่งจบไปสดๆ ร้อนๆ อย่าง สนุกสุดจัด… ที่สุดแห่งปี 2022
เพราะ sanook.com ให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์และการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งาน จึงจัดกิจกรรมและแคมเปญใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยหนึ่งในกิจกรรมที่ได้กระแสตอบรับถล่มทลายจากคนไทยทั่วประเทศก็คือ “สนุกสุดจัด…ที่สุดแห่งปี” งานมอบรางวัลความเป็น “ที่สุด” แห่งปีให้กับศิลปิน ดารา และผู้ที่อยู่ในแวดวงความบันเทิง
โดยเปิดกว้างให้คนไทยทั่วประเทศ รวมถึงเหล่าแฟนคลับจากต่างประเทศเข้าไปโหวตให้ศิลปินที่ชื่นชอบผ่านเว็บไซต์ sanook.com ได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่จำกัดจำนวนครั้ง และหมวดในการโหวต เรียกได้ว่าทุกรางวัลมาจากคะแนนโหวตของมหาชน 100% การันตีความเป็น “ที่สุด” ของเหล่าคนบันเทิงได้อย่างแท้จริง
“สนุกสุดจัด… ที่สุดแห่งปี” เริ่มจัดขึ้นในปี 2020 ด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการยกย่องความสำเร็จของคนบันเทิงหลากหลายสาขาที่มอบความสุขและความสนุกให้คนไทยตลอดปี โดยรางวัลนี้จะเป็นเสมือนกำลังใจที่ช่วยผลักดันให้เหล่าคนบันเทิงสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพและโดนใจมหาชนออกสู่ตลาด
รวมถึงเป็นสื่อกลางให้เหล่าแฟนคลับและผู้ใช้งาน sanook.com ได้แสดงพลังสนับสนุนศิลปินที่ชื่นชอบโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งกิจกรรมนี้จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 โดยมีการปรับเปลี่ยนสาขารางวัลที่แตกต่างกันไปตามกระแส ความนิยม และความสนใจของคนไทยในแต่ละปี
สำหรับ “สนุกสุดจัด…ที่สุดแห่งปี” ในปี 2020 เป็นช่วงที่เกิดการระบาดของ COVID-19 ทาง sanook.com จึงสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนไทย ด้วยกิจกรรมนี้ โดยปีแรกประเดิมมอบรางวัลทั้งหมด 10 สาขา ได้แก่ คู่จิ้นแห่งปี, ซีรีส์/ละครไทยแห่งปี, ข่าวบันเทิงร้อนแห่งปี, ซีรีส์จีนแห่งปี, เว็บตูนแห่งปี, เกมแห่งปี, ศัพท์ฮิตติดปากโซเชียลและยังมีรางวัลที่เข้ากับสถานการณ์สุดๆ อย่าง“อร่อยขายง่ายรายได้ยุคโควิด”และ “ของใช้คู่ใจ เมื่อก่อนไม่มี ปีนี้ต้องซื้อ”
เข้าสู่ปีที่ 2 ในปี 2021 ก็เป็นปีที่มีดาวดวงใหม่แจ้งเกิดจากหลายวงการ sanook.com จึงเพิ่มสาขา “รางวัลสุดยอดคนดังทรงอิทธิพลที่สุดแห่งปี” ขึ้นมา และแน่นอนว่า คู่พส (พระสงฆ์) “พระมหาสมปองและพระมหาไพรวัลย์” ก็คว้ารางวัลไปครอง รวมถึงเพิ่ม“รางวัลคนดังรุ่นใหม่ ผู้ทรงอิทธิพลด้านแฟชั่นที่สุดแห่งปี” อีกด้วย
สำหรับปี 2022 ก็ยังคงคอนเซ็ปท์การมอบสาขารางวัลที่ครอบคลุมและหลากหลายมากขึ้น ซึ่งปีที่ผ่านมา “ผู้หญิง” จัดว่ามีความโดดเด่นทรงพลังและถูกยกย่องให้เป็นไอดอลในหลากหลายด้าน ทั้งนางงาม ฟิตเนส ธุรกิจ และนักร้อง จึงได้เพิ่ม “รางวัลผู้หญิงสร้างแรงบันดาลใจแห่งปี” ขึ้นมา รวมถึง“รางวัลเพลงไทยสุดไวรัลแห่งปี” ที่ไม่ว่าจะเดินไปไหนมาไหนคนไทยก็ร้องและเต้นกันได้ทั่วบ้านทั่วเมือง โดยปีนี้นักแสดงวัยรุ่นขวัญใจสายวายอย่าง “นุนิว ชวรินทร์” คว้ารางวัลไปได้ถึง 3 รางวัล จากรางวัลทั้งหมด 14 สาขา ดังนี้
ปี 2022 ถือให้เป็นปีแห่งปรากฏการณ์ แฟนๆ ต่างร่วมเทคะแนนโหวตจนดันยอดโหวตพุ่งทะลุถึงกว่า 250 ล้านครั้งซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 300%และมียอดการเข้าชมเว็บไซต์มากกว่า 70 ล้านครั้ง
ตลอดระยะเวลา 3 ปี (2020-2022) sanook.com ได้มอบรางวัลให้ศิลปิน ดารา และคนดังในหลากหลายวงการ รวม 34รางวัลมียอดการโหวตจากมหาชนรวมกว่า 350 ล้านโหวต สะท้อนให้เห็นว่า sanook.com เป็นแพลตฟอร์มสุดเก๋าที่สามารถดึงดูดผู้ใช้งานมาร่วมกิจกรรมได้มหาศาล
คงต้องจับตาดูกันว่าปีหน้า “สนุกสุดจัด…ที่สุดแห่งปี” จะหยิบเอากระแสอะไรมาสร้างความแปลกใหม่ให้กับคนไทยกันบ้าง ทุกคนสามารถติดตามสาขารางวัลและเตรียมตัวโหวตกันได้ในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี พร้อมประกาศผลผู้ชนะในเดือนมกราคมปีถัดไป
sanook.com จะเดินหน้าพัฒนาการนำเสนอคอนเทนต์ข่าวและความบันเทิงให้มีความหลากหลาย สดใหม่ รวดเร็ว เข้าถึงง่าย และโดนใจคนไทยอย่างต่อเนื่อง ตามสโลแกน “ครบทุกเรื่อง เพื่อทุกคน” โดยจะนำเสนอคอนเทนต์ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งคอนเทนต์สำหรับอ่าน และคลิปวิดีโอ เพื่อให้ผู้ใช้งานเลือกเสพได้ตามความชื่นชอบของตัวเอง
รวมไปถึงจัดแคมเปญและกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น “สนุกสุดจัด…ที่สุดแห่งปี” ปีที่ 4 แต่คงต้องไปลุ้นกันว่าปีหน้า sanook.com จะหยิบเอากระแสอะไรมาสร้างความแปลกใหม่ให้กับคนไทยกันบ้าง นอกจากนี้จะเดินหน้าจัด Seasonal campaign อย่าง ตรุษจีน วานเลนไทน์ สงกรานต์ลอยกระทง ปีใหม่ รวมถึงจัดกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟต่างๆร่วมกับพาร์ทเนอร์ เพื่อสร้างความสนุกและประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับผู้ใช้งานอยู่เสมอ
]]>แบรนด์จะเติบโตได้ไม่ใช่แค่สร้างด้วยการตลาดที่เน้นเฉพาะยอดขายตรงหน้าเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีเทคนิคที่เข้าใจพฤติกรรมคนยุคนี้ “มาสเก็ต คอมมูนิเคชั่นส์” บริษัทเอเยนซี่โฆษณาสัญชาติไทย ที่กำลังมาแรงในยุคนี้ จึงเลือกชูจุดขายการสร้างแบรนด์ผ่าน “คอมมูนิตี้” เปิดให้ลูกค้าได้สนทนากันเองเพื่อสร้างความผูกพัน หมัดเด็ดที่จะทำให้ผู้บริโภคอยู่กับแบรนด์อย่างยั่งยืน
“วันแรกๆ ที่เราเปิดบริษัท ช่วงนั้น Facebook กำลังบูม โพสต์และช่วยขายของได้ง่าย ค่าโฆษณายังค่อนข้างถูก บวกกับเราเริ่มการใช้กระแสกับคอนเทนต์เป็นเจ้าแรกๆ ทำให้สามารถสร้างฐานให้ธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว” ลิษา เลาหกรวัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเก็ต คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด กล่าวย้อนถึงเมื่อแรกก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2559 โดยเริ่มจากการตลาดบนโซเชียลมีเดียและดิจิทัล
นางสาวลิษา เลาหกรวัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเก็ต คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด
อย่างไรก็ตาม เธอกล่าวต่อว่าบริบทของการทำการตลาดดิจิทัลวันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะผู้บริโภคมีความซับซ้อนมากขึ้นทั้งในแง่พฤติกรรมผู้บริโภคและแพลตฟอร์มที่ใช้งาน โซเชียลมีเดียมีจำนวนมากขึ้น และผู้บริโภคมีความสนใจที่หลากหลาย ตลาดที่เปลี่ยนทำให้ “มาสเก็ต คอมมูนิเคชั่นส์” เองมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บริษัทสามารถสร้าง “Business Solutions” ให้กับลูกค้าได้รอบด้าน ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ โดยปัจจุบัน มาสเก็ตฯ มีการให้บริการแบ่งเป็น 3 ด้านหลัก คือ
ความซับซ้อนของผู้บริโภคเชื่อมโยงกับการสร้างแบรนด์ด้วย “คอมมูนิตี้” อย่างไร? ลิษาอธิบายว่า เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดยุคนี้ไม่ควรแบ่งกลุ่มลูกค้าเพียงแค่ เพศ วัย ภูมิลำเนา ฯลฯ เหมือนในอดีต เพราะ “ความสนใจ” หรือ “ไลฟ์สไตล์” ของคนไม่ได้แบ่งตาม “demographic” ที่ใกล้เคียงกันอีกแล้ว
“วันนี้เด็กอายุ 15 ปี อาจจะมีสิ่งที่ชอบต่างกันหลายอย่าง ขณะที่ผู้ใหญ่วัย 30 ปี อาจจะชอบสิ่งเดียวกับเด็กวัย 15 ปีก็ได้ อายุไม่ใช่กรอบจำกัดอีกต่อไปว่าจะต้องชอบเหมือนๆ กัน ยกตัวอย่างเช่น ทั้งคู่อาจชอบฟังเพลงเหมือนกัน ชอบออกกำลังกายเหมือนกัน หากแบรนด์เข้าใจไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคสินค้าตัวเอง จะสามารถสร้างสังคมความชอบเหมือนกัน ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์เข้าไปอยุ่ในใจผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น” ลิษากล่าว
อีกประเด็นหนึ่งคือ ผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ได้รอฟังแบรนด์สื่อสารทางเดียวเท่านั้น แต่ชอบที่จะพูดคุยกันเองมากกว่า แบรนด์มีหน้าที่จับกระแสที่สังคมพูดคุยกันมาต่อยอดเป็นการตลาด หรือเรียกว่า “Reverse Marketing”
เมื่อต้องเจาะกลุ่มเป้าหมายตาม “ความสนใจ” และผู้บริโภคยังชอบการพูดคุยกันเอง ทำให้ “คอมมูนิตี้” คือคำตอบที่ใช่
มาสเก็ตฯ ได้หยิบวิธีการนี้มาเป็น “จุดแข็ง” ของบริษัทในการบริการลูกค้าแบรนด์มาตลอด โดยมีทั้งการ “สร้าง” คอมมูนิตี้ให้กับแบรนด์โดยเฉพาะ ผ่านกลยุทธ์ที่กระตุ้นให้เกิดความสนใจโดยกลุ่ม Influencer เพื่อให้เกิดบทสนทนาอย่างต่อเนื่องในคอมมูนิตี้เพื่อที่ในที่สุดผู้บริโภคจะสร้างการสนทนากันเองอย่างเป็นธรรมชาติ จนเกิดความผูกพันกับคอมมูนิตี้และแบรนด์ต่อไป
อีกส่วนหนึ่งคือความเข้าใจของทีมงานต่อคอมมูนิตี้นั้นๆ เพื่อจะจับกระแสในการทำการตลาดต่อได้ เช่น จากการศึกษาอินไซต์ของผู้ใช้รถยนต์รุ่นหนึ่ง พบว่ามีกลุ่มใหญ่ที่เป็นพ่อแม่ผู้ปกครอง ทำให้มาสเก็ตฯ เข้าไปทำการตลาดผ่านความสนใจของการเป็นผู้ปกครองนักเรียน จนทำให้เกิดกระแสการแนะนำต่อแบบปากต่อปากทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์
ตัวอย่างงานของมาสเก็ตฯ ที่ใช้กลยุทธ์นี้จนประสบความสำเร็จ เป็นแคมเปญแบรนด์ยาชนิดหนึ่ง ซึ่งในทางกฎหมายผลิตภัณฑ์ยาไม่สามารถโฆษณาได้ มาสเก็ตฯ จึงได้ใช้การสร้างคอมมูนิตี้ผ่านโซเชียลมีเดีย ในการให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพผู้หญิง จัดกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ จนกลายเป็นชุมชนที่ผู้หญิงสามารถมาพูดคุยปัญหากัน มีผู้ติดตามกว่า 250,000 คน ซึ่งแพลตฟอร์มนี้กลายเป็นพื้นที่ที่ส่งเสริมผู้หญิงกล้าที่จะปรึกษาเภสัชกรได้ทั่วประเทศ
อีกหนึ่งจุดแข็งของมาสเก็ตฯ คือการปรับตัวใช้เครื่องมือเทคโนโลยีได้รวดเร็ว และนำมาใช้กับการสร้างสรรค์งานให้ลูกค้า ตัวอย่างเช่น แคมเปญของ TRAFFIC องค์กรไม่แสวงหากำไร ที่ต้องการรณรงค์ให้คนไทยหยุดสนับสนุนเครื่องรางที่ทำมาจากอวัยวะสัตว์ป่า เช่น งาช้าง มาสเก็ตฯ จึงสร้างสรรค์ไอเดียร่วมกับการใช้เทคโนโลยี “ยันต์ออนไลน์” ที่ customized เฉพาะบุคคล เป็นการสร้างตัวเลือกใหม่ให้คนเปลี่ยนมาเลือกใช้แทนการใช้เครื่องรางจากสัตว์ป่า
แนวทางของบริษัทที่เน้นเทคโนโลยีมาเป็นแกนหลัก ทำให้ล่าสุดบริษัทมีการพัฒนา Virtual Influencer ขึ้นมาในชื่อ “พะพราว” อินฟลูฯ เสมือนจริงภายใต้คอนเซ็ปต์ “Powerful” ผู้หญิงแกร่ง แข็งแรง มีพลังเหนือธรรมชาติ แตกต่างจากที่มีมาก่อนในตลาดเอเชียซึ่งอินฟลูฯ เสมือนจริงมักจะเป็นหญิงสาวน่ารัก ตัวเล็ก ทำให้พะพราวน่าจะเป็นตัวเลือกใหม่ในวงการได้
ลิษาเชื่อว่า Virtual Influencer น่าจะเริ่มติดตลาดในไทยในปีนี้ และอนาคตน่าจะเป็นที่นิยมมากขึ้นเหมือนกับในญี่ปุ่น ขณะที่แบรนด์จะได้ประโยชน์จากการเลือกใช้อินฟลูฯ เสมือนจริง เพราะสามารถนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ร่วมกันได้ง่ายกว่า เช่น ใช้ระบบ AI ปรับคำพูดหรือท่าทางของพะพราวได้อัตโนมัติเพื่อ personalized ทำโฆษณาที่แตกต่างแยกย่อยให้ลูกค้าแต่ละกลุ่ม หรือให้พะพราว Live ขายสินค้าได้หลายภาษาพร้อมๆ กัน
พะพราว (PAPROUD) อินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริง มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “1st Powerful Virtual Woman”
สำหรับเทรนด์การตลาดปี 2023 ลิษาเชื่อว่าข้อแตกต่างสำคัญคือ ปีนี้จะเป็นปีที่ผู้บริโภค “Digital Balancing” เริ่มจัดสมดุลการรับสื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ แตกต่างจากช่วง 3 ปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงโควิด-19 ทำให้น้ำหนักการรับสื่อแทบจะอยู่ในโลกออนไลน์ 100% เธอมองว่า สื่อดั้งเดิม เช่น สื่อ Out of Home, สื่อวิทยุ, อีเวนต์การตลาด ฯลฯ จะกลับมามีความสำคัญอีกครั้ง และต้องใช้งานผสมผสานกับสื่อออนไลน์ ทำให้นักการตลาดต้องปรับกลยุทธ์ให้ทันกระแสของผู้บริโภค
“ยุคนี้ 3-4 เดือนเราต้องรีวิวและปรับใหม่แล้ว เพราะทุกอย่างเปลี่ยนเร็วขึ้น เช่น เมื่อต้นปี 2022 TikTok ยังถูกมองว่าเป็นพื้นที่ของเด็ก Gen Z แต่พอถึงปลายปี 2022 ไม่ว่าวัยไหนก็เข้ามาเหมือนกัน และคอนเทนต์ก็มีหลากหลาย ไม่ใช่แค่ความบันเทิงแต่เป็นแหล่งความรู้ คอมมูนิตี้ของผู้ใช้ก็เกิดขึ้น ทำให้แบรนด์ไม่ควรมองข้าม” ลิษากล่าว
ปัจจุบัน มาสเก็ต คอมมูนิเคชั่นส์ให้บริการลูกค้าแล้วกว่า 100 รายจากหลากหลายวงการ เช่น ยานยนต์ ธนาคาร พลังงาน อาหารและเครื่องดื่ม โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ค้าปลีก บิวตี้ ฯลฯ และปีนี้บริษัทจะยังคงยึดมั่นในหัวใจการทำธุรกิจคือ ‘Move Us Forward’ ต่อไป พร้อมเคียงข้างลูกค้า พนักงาน และผู้บริโภคปลายทางให้ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน
มาสเก็ต คอมมูนิเคชั่นส์
ติดต่อ มาสเก็ต คอมมูนิเคชั่นส์ ได้ที่
เว็บไซต์ www.masketcommunications.com
เฟซบุ๊ก Masket Communications : https://bit.ly/PRMasketFB1
อีเมล [email protected]
]]>ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล ผู้ผลิตและสร้างสรรค์ภาพยนตร์-ซีรีส์แอนิเมชัน ควงพันธมิตรทั้งไทย-เทศเปิดตัวระบบนิเวศของ “คราวน์ โทเคน” (CWT) และพัฒนาแพลตฟอร์ม NFT ในชื่อ “ADOT” สร้างประสบการณ์เชื่อมต่อคอนเทนต์ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญา (IPs) กับโลกการเงินดิจิทัล มุ่งไปสู่โลกอนาคตใน “เมตาเวิร์ส” โดยเหรียญ CWT เริ่มเทรดบน ZIPMEX แล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อน
ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) (T&B Media Global Thailand) เป็นผู้ผลิตและสร้างสรรค์ภาพยนตร์-ซีรีส์แอนิเมชันชั้นนำของไทย ผลิตผลงานทั้งที่ฉายในไทยและต่างประเทศ โดยมีงานที่ชาวไทยรู้จักดีอย่าง “เชลล์ดอน” มาถึงวันนี้ T&B กำลังก้าวไปอีกขั้นของการสร้างระบบนิเวศในธุรกิจสื่อบันเทิง ผ่านการจับมือพันธมิตรหลากหลายสร้าง “คราวน์ โทเคน” (CWT) และแพลตฟอร์ม “ADOT” สำหรับซื้อขาย NFT
คราวน์ โทเคนนี้เป็นเหรียญรูปแบบ Utility Token ที่จะมาเชื่อมโยงกับ ทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property: IPs) ซึ่งก็คือคอนเทนต์และคาแรกเตอร์ที่ครีเอเตอร์ผลิตออกมาผ่านสื่อภาพยนตร์ ซีรีส์ แอนิเมชัน เปิดประสบการณ์ใหม่ของผู้ถือคราวน์ โทเคนจะได้มีส่วนร่วมและรับสิทธิประโยชน์กับคอนเทนต์ ในแบบที่แตกต่างจากที่เคย
รวมถึงการสร้างแพลตฟอร์ม ADOT มาเป็นพื้นที่ซื้อขาย สะสม แลกเปลี่ยน NFT จากครีเอเตอร์ ทำให้เกิดคอมมูนิตี้ เกิดกิจกรรมใหม่ระหว่างครีเอเตอร์กับแฟนๆ
แน่นอนว่า T&B ไม่ได้สร้างระบบนิเวศนี้ด้วยตัวคนเดียว “ดร.ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์” ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำทั้งในไทยและต่างประเทศที่จะร่วมกันสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็น
พันธมิตรระดับโลกอย่าง Mr. Andrew รวมถึง Mr. Kenji Xiao และ Sunac Culture Group จะร่วมกับ T&B ทุ่มทุนสร้างผลงานแอนิเมชันสู่ตลาดโลก 6 เรื่อง ระหว่างปี 2022-2025 ได้แก่ Legends of the Two Heroes, FriendZSpace, Looking for Gods, New Legend, The Forestias และ Blue City ซึ่งแอนิเมชันเหล่านี้จะถูกนำไปต่อยอดเป็น NFT บนแพลตฟอร์ม ADOT อีกด้วย
“ดร.ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์” ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด
คุณพรรณธร ลออรรถวุฒิ, CFA, ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มบริษัท T&B Media Global และ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท VUCA Digital กล่าวว่า แพลตฟอร์ม ADOT จะเชื่อม IPs ที่ทั้งมีทั้งภาพยนตร์ ละคร แอนิเมชัน เพลง และเอ็นเทอร์เทนเมนต์ในรูปแบบต่างๆ มาสู่สินทรัพย์ดิจิทัล หรือ Digital Assets ซึ่งจะสร้างโอกาสเพิ่มมูลค่าและต่อยอดให้กับศิลปินคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ ผู้ผลิต
รวมไปถึงผู้ชมจะได้มีส่วนร่วมและได้รับประสบการณ์รูปแบบใหม่ๆ เมื่อเข้าถือครองคราวน์ โทเคน- CWT จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมาย ทั้งการรับ NFT Airdrop จากแอนิเมชันทั้ง 6 เรื่อง สิทธิในการโหวตทิศทางของภาพยนตร์และแอนิเมชันในเครือ T&B สิทธิในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์และ NFT รวมถึงสิทธิพิเศษต่างๆ จาก SMO Live Platform ซึ่งพัฒนาโดย Tree Roots Entertainment บริษัทในเครือ T&B และที่สำคัญคือการมีส่วนร่วมใน “Translucia Metaverse” ซึ่งเป็นเมกะโปรเจกต์ ของ T&B
คุณพรรณธร ลออรรถวุฒิ, CFA, ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มบริษัท T&B Media Global และ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท VUCA Digital
สำหรับแพลตฟอร์ม ADOT จะทำอะไรได้บ้าง? Mr. Roy Hui, Pellar Technology ประเทศออสเตรเลีย ผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชนระดับสากล จะเป็นผู้พัฒนาโปรเจ็กต์นี้ Hui อธิบายถึงทิศทางของแพลตฟอร์ม NFT ใหม่นี้ว่า จะมีลูกเล่นให้กับครีเอเตอร์มากขึ้น เช่น Utility Function ครีเอเตอร์สามารถกำหนดได้ว่าเมื่อนักสะสมเก็บผลงานครบทั้งคอลเล็กชันแล้ว สามารถนำมาแลกเป็น NFT ชิ้นพิเศษได้ ซึ่งจะทำให้ได้สิทธิต่อเนื่องเป็นการเข้า Meet & Greet กับศิลปิน
คุณวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า MQDC ได้เห็นความสำคัญกับการนำนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ อย่างเช่น โทเคนดิจิทัล มาต่อยอดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในกลุ่มที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ สำนักงาน ศูนย์การค้า ธุรกิจการให้บริการ รวมถึงนวัตกรรมทางการเงิน ภายใต้แนวคิด “For All Well-Being” พร้อมตอกย้ำความเชื่อมั่นว่านวัตกรรมการเงินในครั้งนี้จะผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป
คุณวิบูลย์ ลีรัตนขจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเซิร์ช ได้ประกาศความเป็นไปได้ด้วยความร่วมมือของบริษัท Search Entertainment จะเป็นผู้ผลิตและดูแลการสร้างคอนเทนต์ NFT ขณะที่ VUCA Digital จะดูแลด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและการสร้างคอมมูนิตี้
ดร.เอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด อีกหนึ่งพันธมิตรที่สำคัญของ T&B ได้กล่าวแสดงความยินดีต่อความสำเร็จของการนำ CWT เข้าไปลิสต์บน ZIPMEX ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2565 ซึ่งถือเป็นก้าวใหม่ของวงการบันเทิงในการต่อยอดธุรกิจ
พันธมิตรในการสร้างอีโคซิสเต็มนี้ต่างเห็นตรงกันว่า แพลตฟอร์ม NFT และเหรียญ CWT จะช่วย “เปลี่ยน” และ “เปิด” โอกาสธุรกิจใหม่ให้กับอุตสาหกรรมสื่อบันเทิง ช่วยสร้างรายได้ ป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ และทำให้ครีเอเตอร์กับแฟนๆ มีส่วนร่วมในคอมมูนิตี้โลกเสมือน สร้างนวัตกรรมการเงินรูปแบบใหม่ที่ไร้ขีดจำกัด โดย “คราวน์ โทเคน” กำลังจะเปิดซื้อขายในระดับภูมิภาคเร็วๆ นี้อีกด้วย
]]>