จดหมายนายกรัฐมนตรี – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 20 May 2020 12:58:29 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เปิดใจทายาทรุ่น 3 เเห่ง “อยู่วิทยา” นำทัพภารกิจ “พึ่งตน เพื่อชาติ” ปรับวิถีชีวิตรับวิกฤต https://positioningmag.com/1279432 Wed, 20 May 2020 11:25:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1279432 ครอบครัว “อยู่วิทยา” มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของไทย ที่มีมูลค่าทรัพย์สินกว่า 2.02 หมื่นล้านเหรียญ หรือราว 6.6 แสนล้านบาทจากการจัดอันดับของ Forbes ปี 2563 ตอบรับเข้าเข้าร่วม “ทีมไทยเเลนด์” หลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกแถลงการณ์ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง 20 มหาเศรษฐีไทย เพื่อขอแนวทางความเห็นในการมีส่วนร่วมช่วยเหลือประเทศสู้กับวิกฤต COVID-19

นำมาสู่การเปิดตัวโครงการ ‘พึ่งตน เพื่อชาติ’ ด้วยแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่ มาร่วมช่วยคนไทยให้ได้ 1 ล้านคน เน้นสร้างความมั่นคงด้านอาหาร “มีกินมีใช้” พึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืนเเม้จะเจอวิกฤต โดยในเฟสเเรกจะมีการทุ่มงบ 300 ล้านบาท ในช่วง 3 ปีแรกเพื่อสร้าง “100 ชุมชนต้นเเบบ”

ที่ผ่านมาครอบครัวอยู่วิทยาไม่ค่อยออกสื่อมากนัก เป็นโอกาสดีที่เราจะมาพูดคุยกับ “พรรณราย พหลโยธิน” ทายาทรุ่น 3 ที่ผู้ได้รับการมอบหมายให้เป็น “หัวเรือใหญ่” ในการขับเคลื่อนโครงการพึ่งตน เพื่อชาติ ครั้งนี้

พรรณราย หรือ “ผึ้ง” เป็นบุตรสาวของวิชาญ พหลโยธินและสายพิณ พหลโยธิน (อยู่วิทยา) เเม้ไม่ได้บริหารในธุรกิจหลักของครอบครัว อย่างกระทิงเเดงหรือสปอนเซอร์ เเต่มีความโดดเด่นด้าน “กิจกรรมเพื่อสังคม” ที่ทำมาต่อเนื่อง
ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเธอจึงได้รับเลือกให้เป็นผู้ดูเเลหลักของ “พึ่งตน เพื่อชาติ”

-พรรณราย พหลโยธิน ทายาทรุ่น 3 ของครอบครัวอยู่วิทยา

ในส่วนธุรกิจ พรรณรายดูเเลบริษัทยารักษาโรคและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ นั่งเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีซี
ฟาร์มา-เคม จำกัด พร้อมเปิดกิจการร้านอาหาร The Mew (เขาใหญ่) เเละเป็นผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พอเพียงพรรณา เขาใหญ่ ซึ่งศูนย์การเรียนรู้ฯ ดังกล่าวจะกลายเป็นสถานที่อบรมหลักของโครงการนี้

“เราระดมคนทั้งรุ่น 2 และรุ่น 3 ของตระกูลเข้ามาช่วยกันทำ ตามความสามารถและความถนัดของแต่ละคน โดยทายาทรุ่น 3 จะเป็นคนลงมือทำเพราะเป็นพวกคิดไวทำไว เก่งด้านเทคโนโลยี การออกแบบ ขณะที่ผู้ใหญ่รุ่น 2 จะนำประสบการณ์มาคอยให้คำแนะนำ ช่วงนี้กำลังอยู่ระหว่างการสรุปขั้นตอนสุดท้าย”

โดยหัวใจหลักของโครงการคือการพึ่งพากัน พรรณราย อธิบายว่า การแบ่งปันเป็นเสน่ห์ของคนไทยที่ปลูกฝังอยู่ใน DNA ของเราทุกคน ไม่ว่าประเทศจะเกิดวิกฤตร้ายแรงแค่ไหน คนไทยก็ไม่เคยทิ้งกัน เชื่อว่ายิ่งแบ่งปันยิ่งแลกเปลี่ยนมากขึ้นเท่าใด เศรษฐกิจชุมชนก็ยิ่งจะมั่นคงขึ้น เข้มเเข็งมากขึ้น

“เราเชื่อมั่นว่าแนวคิดและหลักปฏิบัติแบบเศรษฐกิจพอเพียง จะทำให้คนไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้ และรับมือกับทุกวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต”

โดยโครงการพึ่งตน เพื่อชาติ มีงบประมาณ 300 ล้านบาท ในระยะเวลา 3 ปีแรก ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาคประชาสังคม ภาคธุรกิจและการศึกษา เช่น สภาบันอาศรมศิลป์ และเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ สนับสนุนด้านการเป็น
“พี่เลี้ยง” ให้กับคนที่มีเป้าหมายในชีวิตเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง ฝึกทักษะวิธีการสร้างแหล่งอาหารเพื่อดูแลตนเองและครอบครัว

“เป้าหมายตอนนี้คือการเน้นจัดอบรมให้ได้ 1000 คนเเรกภายใน 1ปี เตรียมเปิดรับสมัครในเดือนมิ.ย.นี้ เปิดรับทั้ง
กลุ่มคนเมืองและคนต่างจังหวัด ที่ต้องการจะเปลี่ยนแนวทางการดำรงชีวิตใหม่ มีความตั้งใจจะเข้ามาเป็น “ทัพหน้า”
ขยายผลสู่ชุมชนทั่วประเทศ โดยระยะยาวเราวางเป้าว่าช่วยคนไทยให้ได้ 1 ล้านคน”

ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พอเพียงพรรณา เขาใหญ่

เบื้องต้นจะมีการจัดอบรมที่ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พอเพียงพรรณา ที่จัดอบรมมาต่อเนื่องตั้งเเต่ปี 2558 เเต่จะมีการเพิ่มหลักสูตรให้นำไปปฏิบัติในรูปแบบต่างๆ ที่เหมาะกับแต่ละบุคคลมากขึ้น เริ่มจากการเปลี่ยนหลักคิดสู่ “การพึ่งตนเอง” จากการทำความรู้จักอาหารที่เรากิน การเพาะปลูก การแปรรูป การฟื้นฟูดิน การจัดการน้ำไปจนถึงภาพความสัมพันธ์ในระดับลุ่มน้ำ เรียนรู้หลักกสิกรรมธรรมชาติ พื้นฐานการดำรงชีวิต การดูแลสุขภาพไปจนถึงศิลปะวัฒนธรรม พัฒนาและต่อยอดนวัตกรรมจากภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างผลิตภัณฑ์เป็นความพอเพียงแบบร่วมสมัย ฯลฯ

“ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมเเล้ว รอสถานการณ์ดีขึ้น เราจะกระจายลงพื้นที่ชุมชน การอบรมจะอยู่ในช่วง 5-10 วันเพื่อ
สร้างงานสร้างอาชีพ ให้กลับไปพึ่งพาตนเองได้ ใครที่ไม่มีที่ดิน เราก็มีที่ดินของเราให้คนที่อยากทำจริงๆ ได้ทดลองทำ นอกจากนี้จะมีการทำเเพลตฟอร์มเก็บข้อมูล ให้เป็นฐานข้อมูลส่งต่อในระยะยาวด้วย”

ทายาทรุ่นที่ 3 แห่งตระกูลอยู่วิทยา มองความท้าทายของโครงการ “พึ่งตน เพื่อชาติ” ไว้ว่า ด้วยความที่เป็นเเผนระยะยาว เป็นโครงการเปลี่ยนกระบวนการความคิดของคน จำเป็นต้องใช้เวลาเเละไม่อาจเห็นผลได้ในชั่วพริบตา เราจึงพยายามต่อยอดสิ่งที่เราทำมาอยู่เเล้ว ให้เข้าถึงผู้คนมากขึ้น ดังนั้นความท้าทายจึงเป็นการที่ต้องอดทน ก้าวไปทีละขั้น ทำทุกอย่างจากเล็กไปสู่ใหญ่ เพราะความยั่งยืนเป็นเรื่องที่ต้องค่อยเป็นค่อยไป

บรรยากาศการอบรมในศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พอเพียงพรรณา

ขณะที่ ‘พึ่งตน เพื่อชาติ’ ถูกวางเป็นโครงการระยะยาวที่ต้องใช้เวลาหลายปี เเต่คนในสังคมกำลังต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนในยามวิกฤต

“พรรณราย” กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางครอบครัวก็มีการออกโครงการช่วยเหลือระยะสั้น อย่างการมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์และบริจาคเงินให้แก่สถานพยาบาลที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เช่น โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลอื่นๆ ที่มีความต้องการทั่วประเทศ รวมมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท และยังได้บริจาคอาหาร น้ำดื่ม ถุงยังชีพ แอลกอฮอล์เจล และหน้ากากผ้าให้แก่ชุมชนต่างๆ ตั้งแต่เดือนมี.ค.เป็นต้นมา ขณะเดียวกันก็ได้ดูแลสวัสดิภาพของกลุ่มพนักงานบริษัท พนักงานขายและพนักงานโรงงานควบคู่กันไปด้วย

“ช่วงต่อไปหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย เราจะมีการจัดห้องเรียนออนไลน์ เน้นการสอนให้พึ่งตนเองฉบับคนเมือง เช่นการปลูกผัก 3 วันได้กิน ปุ๋ยหมักน้ำหมัก องค์ความรู้การเกษตรที่ทำได้ง่าย”

บรรยากาศการอบรม ในศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พอเพียงพรรณา

เมื่อถามถึงการเเพร่ระบาดของ COVID19 ว่ากระทบต่อธุรกิจของตระกูลอยู่วิทยาอย่างไร เธอตอบว่า ได้รับผลกระทบอย่างเเน่นอน เเต่มีการปรับตัวเเละพยายามรักษาพนักงานไว้ให้มากที่สุด โดยส่วนที่เธอดูอยู่ที่เป็นบริษัทยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพนั้น ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก มีเพียงช่วงเเรกที่มีการชะลอการสั่งซื้อเท่านั้น เเต่ตอนนี้ยอดกลับมาปกติเเล้ว เเละมีเเนวโน้มจะขยายตัวขึ้น เพราะคนตื่นตัวในการรักษาสุขภาพมากขึ้น

ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารที่เขาใหญ่ ได้รับผลกระทบโดยตรง มีการทดลองจัดส่งเเบบเดลิเวอรี่เเต่ไม่ได้ผลเท่าที่ควร เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว โดยได้จัดให้พนักงานเข้าอบรมกับศูนย์เรียนรู้ฯ ในช่วงที่ร้านยังเปิดไม่ได้ ซึ่งตอนนี้เริ่มกลับมาเปิดอีกครั้ง จึงต้องมีการปรับปรุงร้านใหม่ให้เป็นไปตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing)

“ในฐานะผู้ประกอบการร้านอาหาร มองว่าความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการที่สุดตอนนี้ ร้านอาหารต้อง
ปรับตัวในทุกด้าน เพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้า เชื่อว่าหากสถานการณ์ดีขึ้นคนไทยจะกลับมาเที่ยวในประเทศอีกครั้ง ดังนั้นจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อม”

เมื่อถามว่ามุมมองการทำ CSR ขององค์กรจะเป็นอย่างไรเมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปเเบบ New Normal
ทายาทอยู่วิทยา ตอบว่าจะเป็นเเนวเฉพาะทางหรือเฉพาะกลุ่มคนมากขึ้น กลับมาให้ความสำคัญกับการพึ่งพาตนเอง
เเละช่วยเหลือผู้อื่น ถ้ามีความยั่งยืน ความมั่นคง ไม่ว่าจะเจอวิกฤตใดก็ตาม จะมีโอกาสรอดได้มากขึ้น เเบรนด์
ต่างๆ ก็คงจะหันมาสนับสนุนด้านการเผยแพร่องค์ความรู้เพื่อการใชีชีวิตมากขึ้น

“กระบวนการที่จะไปเปลี่ยนความคิดคน ให้มองเห็นค่าของการพึ่งพาตนเอง ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันทุกฝ่าย
เเม้จะเป็นเรื่องที่ต้องทำระยะยาว เเต่ถ้ามีความตั้งใจจริงที่จะเริ่มต้น ก็นับเป็นสัญญาณที่ดีในการสร้างความ
ยั่งยืนในประเทศไทยต่อไป”

 

]]>
1279432
เปิดจดหมาย “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” ถึงนายกฯ เสนอ 10 แผนแม่บท ฟื้นฟูเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว https://positioningmag.com/1278511 Thu, 14 May 2020 15:08:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1278511 “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” ตามมาติดๆ ได้ตอบจดหมายนายกรัฐมนตรี หลังจากที่ได้ส่งเพื่อขอความคิดเห็นจากมหาเศรษฐีในไทย เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และก้าวผ่านวิกฤต COVID-19

โดย ศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด นักธุรกิจหญิงแห่งวงการค้าปลีกไทยคนเดียวที่ได้รับจดหมายจากนายกรัฐมนตรี ได้เสนอแผนแม่บท 10 ข้อในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ พร้อมแนวทางการสนับสนุนช่วยเหลือสังคม ในจดหมายมีใจความดังนี้

ตามที่ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้มีหนังสือขอความร่วมมือระดับชาติ เพื่อเอาชนะโควิด-19ไปด้วยกันทั้งประเทศ นั้น

ดิฉันในนามบริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ปและในฐานะประชาชนคนไทย ใคร่ขอขอบพระคุณ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี รัฐบาลไทย และหน่วยงานทางราชการทุกท่านที่ได้ดำเนินมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างดียิ่ง ด้วยการตัดสินใจที่กล้าหาญ และการเสียสละ การร่วมแรงร่วมใจของคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บุคลากรทางการแพทย์ และพยาบาลที่เปี่ยมด้วยความสามารถ ความทุ่มเท ความเสียสละอย่างสุดกำลัง จนทำให้ประเทศไทยสามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 นี้ได้ จนได้รับการชื่นชมจากนานาประเทศทั่วโลก ในฐานะเป็นประเทศที่มีมาตรฐานสาธารณสุขที่ดีเยี่ยมที่สุดของโลก นำมาซึ่งความปลื้มปีติของคนไทยทั้งประเทศดิฉันในนามบริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ปมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติจากฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ให้เป็นหนึ่งในตัวแทนภาคเอกชนในการนำเสนอแนวทางการช่วยเหลือประชาชนชาวไทยที่เดือดร้อน  และใคร่ขอเสนอแผนการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ ให้มีความเข้มแข็ง และก้าวหน้าอย่างยั่งยืน

บริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้ให้ความร่วมมือ และสนับสนุนมาตรการต่างๆของรัฐบาลไทยมาโดยตลอด นับตั้งแต่ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ได้ประกาศมาตรการทางการแพทย์ระดับชาติ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2563 โดยทุกศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ปทุกแห่ง ได้ดำเนินการยกระดับมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุขเชิงรุกอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องอีกทั้งได้แสดงเจตจำนงและความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านโครงการเพื่อเป็นการลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 โครงการเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ และการช่วยสนับสนุนโรงพยาบาลต่างๆตลอดจนโครงการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ดังนี้

  • โครงการสนับสนุนเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ อุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ เครื่องอุปโภค -บริโภคที่จำเป็นในการดำรงชีพและอาหาร รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท
  • โครงการเดอะมอลล์ กรุ๊ป – รพ.ราชวิถี รวมใจเพื่อคนไทย ปลอดโควิด-19 เพื่อระดมการบริจาคจากพันธมิตรธุรกิจ  ลูกค้า และประชาชนทั่วไป  เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์
  • โครงการมอบเงินสนับสนุน ผ่านฯพณฯ นายกรัฐมนตรี แก่ 5 โรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลราชวิถี และสถาบันบำราศนราดูร
  • โครงการมอบอาหารกล่องจากครัวน้ำใจโดยกูร์เม่ต์มาร์เก็ต ของเดอะมอลล์ทุกสาขาให้แก่โรงพยาบาล จำนวนรวม 30,000 กล่อง เป็นเวลา 30 วัน
  • โครงการถุงยังชีพชุดกำลังใจ อันประกอบด้วยสินค้าอุปโภค-บริโภคแก่โรงพยาบาล จำนวนรวม 10,000 ชุด
  • โครงการความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจร้านอาหารกว่า 30 ร้าน มอบอาหารกล่องจำนวน 5,000 กล่อง เพื่อเป็นกำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์
  • โครงการเดอะมอลล์ บ้านของคนโคราช เพื่อต่อลมหายใจ ด้วยการระดมการบริจาคเพื่อจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจแก่ 3 โรงพยาบาลในจังหวัดนครราชสีมา โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
  • โครงการบริจาคโลหิตเพื่อศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย  เพื่อร่วมบรรเทาการขาดแคลนโลหิตสำรองผ่านห้องรับบริจาคโลหิตที่เดอะมอลล์ทุกสาขาจำนวนเบื้องต้นรวมกว่า 2,000,000CC จากผู้มีจิตศรัทธากว่า 5,000 คนในระยะเวลา 30 วัน
  • โครงการลดค่าครองชีพและมอบถุงยังชีพชุดกำลังใจเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนและสนับสนุนโครงการต่างๆของกระทรวงพาณิชย์
  • โครงการ “พาณิชย์ลดราคาข้าว ช่วยประชาชน” ร่วมลดราคาข้าวสูงสุด 50%
  • โครงการ “พาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน” ร่วมปรับลดราคาสินค้าอุปโภค บริโภคที่มีความจำเป็นในการดำรงชีพใน 6 กลุ่มสินค้า สูงสุด 50% จำนวนกว่า 3,000 รายการ นอกจากนี้ยังให้การสนับสนุนเพิ่มเติมด้วยการจัดรายการลดราคาสินค้า ในราคาพิเศษสุด รวมกว่า 100,000 รายการ ตลอดปี 2563
  • โครงการมอบถุงยังชีพชุดกำลังใจเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนในชุมชนต่างๆ ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 5,000 ชุด
  • โครงการรับผิดชอบต่อองค์กรและสังคมด้วยมาตรการช่วยเหลือพนักงานในเครือกว่า 20,000 ราย โดยไม่มีนโยบายเลิกจ้างและช่วยเหลือพนักงานที่มีภาระครอบครัวให้การกู้ยืมเงินโดยไม่มีอัตราดอกเบี้ย และดูแลช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล
  • โครงการช่วยเหลือผู้เช่า และผู้ประกอบการร้านค้าของทุกศูนย์การค้า และห้างสรรพสินค้าทุกสาขาในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป โดยมีมาตรการไม่เก็บค่าเช่าในช่วงปิดบริการ และมีมาตรการลดค่าเช่าหลังเปิดบริการ เพื่อช่วยเหลือผู้เช่า และผู้ประกอบการร้านค้ากว่า 10,000 ราย
  • โครงการช่วยเหลือภาคเกษตรกรรม ภาคการประมง ภาคธุรกิจแปรรูป และ SME ทั่วประเทศ
  • บริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป มีความห่วงใยในการระบายสินค้าต่างๆเพื่อทั้งการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก ได้มีบทบาทการเป็นแกนกลางในการผนึกความร่วมมือจากผู้ประกอบการภาคธุรกิจรีเทลทั่วประเทศ ผ่านสมาคมค้าปลีกไทย สมาคมศูนย์การค้าไทยในการเปิดพื้นที่เป็นช่องทางการจำหน่ายเพื่อระบายสินค้าภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรมแปรรูป ภาควิสาหกิจชุมชนOTOP ตลอดจน SME ตลอดทั้งปีโดยบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ปได้นำร่องด้วยโครงการตลาดเดอะมอลล์รวมใจ THE MALL TOGETHER MARKET ทุกสาขา โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤษภาคมศกนี้เป็นต้นไป

อนึ่ง นอกเหนือจากโครงการการสนับสนุนช่วยเหลือต่างๆดังกล่าวข้างต้นที่เดอะมอลล์ กรุ๊ปได้ดำเนินการเฉกเช่นผู้นำภาคเอกชนต่างๆได้ให้การช่วยเหลือสังคมโดยรวมดิฉันในนามบริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป ใคร่ขอเรียนเสนอวิสัยทัศน์และกลยุทธ์แผนการฟื้นฟูและขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนของประเทศ โดยมีส่วนร่วมเป็นแกนกลางรวมพลังเพื่อบูรณาการทั้งภาครัฐและภาคเอกชน

ด้วยยุทธศาสตร์ของการสร้างคุณภาพชีวิตของคนไทย การสร้างงานสร้างอาชีพ การสร้างรายได้ให้กับประชาชนและประเทศไทยภายใต้บรรทัดฐานใหม่ New Normal สำหรับคนทุกภาคส่วน ตั้งแต่ แรงงานขั้นพื้นฐาน เกษตรกร SME Entrepreneur White Collar เจ้าของธุรกิจ จนถึงองค์กรขนาดใหญ่ภายใต้กลยุทธ์ที่ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องให้ความสำคัญ คือ 3 หัวข้อหลัก

  1. Globalization ทำให้ประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ของ South East Asia
  2. Digitalization การนำเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้สำหรับ New Normal ทั้งในแง่การทำธุรกิจ และการใช้ชีวิตในโลกยุคใหม่
  3. Tourism เป็น Spearhead หัวหอกหลักที่จะนำประเทศไทยในการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้เร็วที่สุด และมีผลต่อเนื่อง Value Chain ไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย และเป็นส่วนที่ประเทศไทยสามารถใช้เป็นจุดแข็ง ในฐานะที่ประเทศไทยเป็น Tourist Destination of the World โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครที่เป็น World Number 1 Tourist Destination ติดต่อกันถึง 4 ปี อีกทั้งภูเก็ตและพัทยาติดอันดับ Top 10 Tourist Destination in Asia

เดอะมอลล์กรุ๊ป ใคร่ขอเสนอ 10 แผนแม่บท 10 แผนยุทธศาสตร์ที่จะขอให้ทั้งทางภาครัฐบาล และภาคเอกชนร่วมมือกัน มี Commitment ร่วมกัน เพื่อยังผลให้โครงการเหล่านี้ประสบความสำเร็จยิ่ง

  1. THAILAND AS A WORLD CLASS SHOPPING PARADISE ประเทศไทยเป็นสวรรค์ของการช้อปปิ้งระดับโลก
  2. THAILAND AS A WORLD FOOD DESTINATION ประเทศไทยเป็นศูนย์รวมอาหารของโลก
  3. THAILAND AS A HUB OF WORLD CLASS ENTERTAINMENT AND ATTRACTIONS IN SEA ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความบันเทิงและแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์
  4. THAILAND AS A HUB OF MICE MARKET IN SEA ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการประชุมสัมมนาและจัดแสดงสินค้าระดับโลกในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์
  5. THAILAND AS A CULTURAL AND ART CENTER OF ASIA ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางแห่งศิลปวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชีย
  6. THAILAND AS A WORLD CLASS CENTER OF FESTIVAL, LEISURE & FUN ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการจัดเทศกาลแห่งความสุขและสนุกสนานระดับโลก
  7. THE GULF OF THAILAND AND THE ANDAMAN SEA TO BECOME THE RIVIERA OF THE EAST AND CRUISE LINE PLAYGROUND อ่าวไทยและคาบสมุทรอันดามัน เสมือนเป็นริเวียร่าแห่งโลกตะวันออกและเส้นทางเดินเรือสำราญที่สำคัญของเอเชีย
  8. THAILAND AS A MEDICAL HUB FOR HEALTH, WELLNESS & SPA RESORT IN ASIA ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์ สุขภาพ ความงาม และสปา ในภูมิภาคเอเชีย
  9. THAILAND AS THE ENTREPRENEUR,SME& STARTUP HUB OF SEA FORO2O SEAMLESSEXPERIENCE ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ในการส่งเสริมพัฒนาธุรกิจระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ สำหรับ ผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ
  10. THAILAND AS A CENTER OF ECOTOURISM AND ENVIRONMENTAL SUSTAINABILITY ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ท้ายนี้ ดิฉันในนามบริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด มีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนอย่างจริงใจและจริงจัง ภายใต้กลยุทธ์และแผนยุทธศาสตร์ทั้ง 10 ข้อนี้จะทำให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จ นำมาซึ่งการสร้างคุณภาพชีวิตของคนไทย สร้างงาน สร้างอาชีพเพิ่มให้กับประชาชนหลายล้านคน คาดว่าจะสร้างรายได้และทำรายได้เพิ่มขึ้นให้แก่ประเทศกว่า 100,000 ล้านบาทยังผลให้ประเทศไทยฟื้นฟูและยืนหยัดด้วยความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน

]]>
1278511