จิตวิทยาการทำงาน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 23 Jun 2025 04:20:28 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เทคนิค ‘การทำงาน’ ให้สอดคล้องกับนาฬิกาชีวิต เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด https://positioningmag.com/1526950 Sun, 22 Jun 2025 10:57:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1526950 เคยสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมบางช่วงของวันเราถึงสามารถทำงานได้ดีที่สุดหรือง่ายกว่าช่วงเวลาอื่น ? คำตอบก็คือขึ้นอยู่กับ ‘นาฬิกาชีวิต’ (Circadian Rhythm) ซึ่งควบคุมการทำงานของเซลล์และระบบต่างๆ ในร่างกายที่จะทำงานตามวัฏจักรเวลา 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็น การควบคุมระดับพลังงาน ความตื่นตัวของสมอง และความสดชื่น ฯลฯ

 

ดังนั้น หากสามารถจัดตารางเวลาทำงานให้สอดคล้องกับจังหวะธรรมชาติของร่างกายได้ ไม่เพียงจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพเท่านั้น ยังช่วยเปลี่ยนแปลงประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้นได้ด้วย

 

เช้า: ‘ช่วงเวลาแห่งพลัง’ เวลาดีสุดสำหรับทำงานที่ยากหรือต้องใช้ความตั้งใจสูง

 

สมองของคนเราจะเฉียบแหลมที่สุดในตอนเช้า โดยเฉพาะช่วงไม่กี่ชั่วโมงแรกหลังจากตื่นนอน ซึ่งถือเป็น ‘ช่วงเวลาแห่งพลัง’ เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้สมาธิสูง การคิดเชิงกลยุทธ์ และความตั้งใจสูง เช่น การวางแผน การเขียน การตัดสินใจ และการเรียนรู้  

 

ช่วงเวลาเช้า ควรใช้ไปกับการทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายสำคัญที่สุด และเหมาะมากกับงานที่ต้องใช้วินัยในการลงมือสูง ไม่ใช่ใช้ไปกับงานรูทีนอย่างการส่งอีเมล

 

ช่วงบ่าย: ‘โหมดการบำรุงรักษาของร่างกาย’ เหมาะกับการทำงานรูทีน

 

หลังอาหารกลางวันอาจจะสังเกตเห็นว่า ระดับพลังงานและความเฉียบแหลมทางปัญญาลดลง ถือว่าเป็นช่วงเวลาของ ‘โหมดการบำรุงรักษาของร่างกาย’ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการจัดการงานประจำหรืองานธุรการที่ใช้พลังของสมองไม่มากนัก เช่น การตอบอีเมล การจัดเตรียมการประชุม หรือการอัปเดตเอกสาร

 

ช่วงบ่ายแก่ๆ : เวลาแห่งการสร้างสรรค์สิ่งใหม่

 

เมื่อวันเวลาผ่านไป สมองจะเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย ร่างกายก็จะเริ่มผ่อนคลาย ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการระดมความคิด และสร้างสรรค์เรื่องราวต่าง ๆ  ดังนั้น ควรใช้เวลาช่วงบ่ายแก่ๆ ไปกับการสร้างไอเดียใหม่ๆ ทำงานสร้างสรรค์  หรือหาทางออกของปัญหาที่อาจเจอในตอนเช้า

 

ตอนเย็น: ผ่อนคลายด้วยการอ่านหนังสือหรือไตร่ตรอง

 

หลังอาหารเย็น สมองจะเริ่มทำงานช้าลงอีกครั้ง พลังใจของคุณก็จะลดลงเช่นกัน นี่เป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมในการ ‘ซึมซับ’ เนื้อหาแทนที่จะ ‘สร้างขึ้นมา’ ลองอ่านหนังสือ ฟังพอดแคสต์ ไตร่ตรองเรื่องราวในแต่ละวัน หรือจดบันทึกความคิด

 

แล้วเวลาไหนเหมาะกับการประชุม ?

 

สำหรับเวลาที่ดีที่สุดในการกำหนดเวลาประชุมแบบตัวต่อตัว หรือ One-on-One คือ เวลา 09.30–11.00 น. เพราะเป็นช่วงที่ทุกคนยังมีพลังงานสูงและมีเวลาตั้งหลัก เนื่องจากการประชุมลักษณะดังกล่าวต้องใช้สมาธิ            มีประสิทธิภาพ และสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์สูง  

 

ส่วนเวลาดีที่สุดของการประชุมทีม คือ 10.00–12.00 น. หรือช่วง 13.00–15.00 น. หากมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก จากการวิจัยของ YouCanBookMe แนะนำให้เลือก ‘วันอังคาร เวลาประมาณ 14.30 น.’ และจากข้อมูลของ Calendly ยังพบว่า ‘วันพุธ’ เป็นวันที่มีการประชุมในออฟฟิศเยอะที่สุด ส่วน ‘วันอังคาร’ เป็นวันที่มีการประชุมออนไลน์มากสุด

 

การจัดการเวลาไม่ได้เกี่ยวกับวินัยเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของการกำหนดตารางเวลาให้สอดคล้องกับนาฬิกาชีวิต ซึ่งหากเข้าใจจังหวะการทำงานของร่างกายและค้นหาเวลาที่ดีที่สุดในการทำกิจกรรมแต่ละอย่าง จะช่วยลดความ เครียด หลีกเลี่ยงความเหนื่อยล้า และสามารถบรรลุผลสำเร็จได้มากขึ้น

 

ที่มา

 

https://www.forbes.com/sites/lucianapaulise/2025/05/24/what-is-the-best-time-to-work/

]]>
1526950
ชวนอ่าน ‘วิธีเพิ่มพื้นที่ในการคิดของตัวเอง’ จาก Harvard เพื่อช่วยประสิทธิภาพในโลกทำงาน https://positioningmag.com/1524359 Tue, 03 Jun 2025 13:01:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1524359 เมื่อใช้ชีวิตอยู่ในโลกของการทำงาน ส่วนใหญ่คนเราจะอยู่โหมดหมกมุ่นและเร่งรีบลงมือทำงานแบบไม่หยุดหย่อน จนบางครั้งกลายเป็นการกดดันตัวเองมากเกินไป ซึ่งนั่นอาจทำให้เราเสี่ยงที่จะล้มเหลว และพลาดความสุขในชีวิตไปแบบไม่รู้ตัว

 

Harvard Business Review ได้สำรวจผู้บริหารระดับกลางและระดับสูงทั่วโลกกว่า 1,500 คนพบว่า 39% ไม่สามารถหยุดพักระหว่างวัน เพื่อไตร่ตรองถึงวิธีการวางแผนและกำหนดลำดับความสำคัญ, 59% บอกว่า การประชุมเร่งรีบเกินไป, 37% ไม่มีสมาธิในการประชุม และ 29% ไม่สามารถใช้เวลาที่จำเป็นเพื่อพิจารณาและตอบสนองต่อสิ่งที่ผู้อื่นพูดได้

 

ดังนั้น การได้หยุดพักหรือมีช่วงเวลาให้วางแผน คิด และทบทวน จึงมีความสำคัญในชีวิตทั้งต่อสุขภาพ รวมถึงประสิทธิภาพการทำงาน และนี่คือ 4 คำแนะนำ จาก Harvard Business Review

1.ให้เวลากับตัวเองก่อน อย่าผูกมัดคุณค่าในตัวเองเข้ากับความยุ่งวุ่นวาย

 

พวกเราหลายคนเติบโตมาในวัฒนธรรมที่ปลูกฝังให้รู้สึกว่า ‘ต้องยุ่งอยู่เสมอ’ ดังนั้น เราจึงผูกมัดคุณค่าในตัวเองเข้ากับความยุ่งวุ่นวายเหล่านี้ จนไม่กล้าหยุดพัก เพราะกลัวว่าจะรู้สึกผิด หรือจะเสียงาน ขั้นตอนแรกที่เป็นประโยชน์ในการเปลี่ยนทัศนคตินี้คือ ต้องเข้าใจประโยชน์ของการหยุดพัก และความเสี่ยงของการทำงานหนักเกินไป

 

อย่างกรณี Anne ผู้จัดการอาวุโสขององค์กรการกุศลระหว่างประเทศ ด้วยความมุ่งมั่นเธอตอบตกลงกับคำขอมากเกินไป จนทำงานแบบไม่หยุดพัก ส่งผลให้หงุดหงิดง่ายทั้งกับเพื่อนร่วมงานและครอบครัว แต่เมื่อเธอให้เวลากับตัวเอง กลับมามองจัดลำดับความสำคัญ นั่นทำให้เธอทำงานและสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ดีขึ้น

 

2.ฝึกจิตใจให้เกิดความผ่อนคลาย 

 

จากงานวิจัยพบว่า การฝึกสติอย่างสม่ำเสมอประมาณ 10 นาทีต่อวัน จะช่วยพัฒนาความสามารถในการใส่ใจกับสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ตลอดจนช่วยสร้างช่องทางต่อสิ่งเร้าในโหมดเร่งรีบที่เรามักจะตอบสนองเร็วเกินไปจากความเครียดและความวิตกกังวล

 

สำหรับการฝึกสติง่าย ๆ คือ การหันมาใส่ใจความรู้สึกทางร่างกาย เช่น การหยุดสักครู่เพื่อสังเกตความรู้สึกที่มือหรือเท้า การสัมผัสร่างกายกับเก้าอี้ หรือสำรวจลมหายใจของตัวเอง เพื่อจะเป็นจุดเบรคหรือขัดจังหวะการเร่งรีบเกินไปของตัวเราเอง

 

3.เปลี่ยนนิสัยเล็กๆ น้อยๆ 

 

หากคุณอยู่ในองค์กรที่เน้นการทำงานแบบเร่งรีบ การประกาศจะใช้เวลาส่วนหนึ่งของวันในการหยุดพัก อาจไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับอาชีพของคุณ ดังนั้น ลองให้ปรับเปลี่ยนนิสัยเล็ก ๆ น้อย ๆ ดู เช่น เปลี่ยนสภาพแวดล้อม อย่างประชุมนอกสถานที่ หรือออกไปข้างนอก เพื่อพักจากสภาพแวดล้อมเดิม ๆ หรือจัดตารางพัก เป็นต้น

 

4.เลือกคบคนที่ช่วยให้คุณมองเห็นมุมมองใหม่ๆ

 

ในชีวิตการทำงาน เราอาจจะไม่สามารถเลือกเพื่อนร่วมงานได้ แต่สามารถใช้เวลากับคนและกลุ่มที่ช่วยสะท้อนความคิดและขยายให้เกิดมุมมองใหม่ ๆ ได้ ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยให้เราต่อยอดเรื่องการคิดและลงมือทำอย่างสร้างสรรค์ อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างให้คนอื่นสามารถทำตามได้

 

ที่มา

 

https://hbr.org/2025/02/how-to-give-yourself-more-space-to-think

]]>
1524359