จ๊อบซัง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 28 Sep 2022 13:44:55 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘iAM’ แตกค่ายเพลง ‘Independent Records’ ดันไอดอลสู่ ‘ตลาดแมส’ เพิ่มโอกาสทำเงิน https://positioningmag.com/1402169 Wed, 28 Sep 2022 09:32:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1402169 หากพูดถึงตลาด ไอดอล บ้านเรา แน่นอนว่าชื่อของ BNK48 ยังคงเป็นชื่อแรก ๆ ที่ใครหลายคนนึกถึง แต่แน่นอนว่าปัจจุบันกระแสอาจจะไม่อยู่ในจุดพีคเหมือนช่วง ‘คุกกี้เสี่ยงทาย’ ฟีเวอร์ อีกทั้งยังเจอกับช่วง COVID-19 มาเบรกไป 2 ปี ทำให้ บริษัท อินดิเพนเด้นท์ อาร์ทิสท์ เมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ iAM ต้นสังกัดศิลปินวง BNK48 และ CGM48 ต้องหาทาง เปิดตลาดใหม่ โดยการคลอด ค่ายเพลง เพื่อต่อยอดศักยภาพน้อง ๆ ไอดอล เพื่อหาโอกาสสร้างรายได้และเพิ่มฐานแฟนคลับกลุ่มใหม่ ๆ

เจ็บหนักจากโควิด

ย้อนไปช่วง 5-6 ปีก่อนที่เป็นช่วงพีคของ BNK48 สามารถทำรายได้สูงสุดถึงปีละ 600-700 ล้านบาท เลยทีเดียว แต่หลังจากที่เจอกับการระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้งานอีเวนต์ต่าง ๆ ไม่สามารถจัดได้ ทำให้รายได้ในปีที่ผ่านมาของบริษัทลดเหลือแค่ 190 ล้านบาท เท่านั้น

แน่นอนว่าบริษัทก็มีการปรับตัว ทั้งการเน้น ออนไลน์ มากขึ้นเพื่อชดเชยรายได้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดคอนเสิร์ตออนไลน์ การจัดกิจกรรม Virtual greeting แทนที่การจับมือ รวมถึงการทำเหรียญโทเคน, NFT เพื่อสร้าง BNKVerse โดยตั้งเป้าที่จะดันให้รายได้ 50% มาเป็น ออนไลน์ จากเดิมที่มีสัดส่วนราว 30% และลดสัดส่วนรายได้จากเมอร์ชันไดซ์ และ อีเวนต์ จาก 35% ให้เหลือ 25%

เปิดค่ายเพลงหวังให้แมสขึ้น

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าวงไอดอลนั้นเป็นตลาดที่นีช ซึ่งจุดแข็งก็คือความเหนียวแน่นของ Core Fanclub หรือเหล่า โอตะ แต่การจะทำให้ BNK48 แมสมากขึ้น จ๊อบซัง ณัฐพล บวรวัฒนะ ประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อินดิเพนเด้นท์ อาร์ทิสท์ เมเนจเม้นท์ จำกัด จึงได้ฉีกไปทำคอนเทนต์ใหม่ ๆ อย่างภาพยนตร์ ผ้าผีบอก ที่เพิ่งฉายไป และ ซีรีส์ ที่จะได้เห็นในปลายปีนี้

นอกจากนี้ ที่ผ่านมาค่ายก็ได้ชิมลางลองทำเพลงจับฐานแฟนคลับต่างจังหวัด ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่ใหญ่อย่างเพลง โดดดิด่ง ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ ไทบ้านxBNK48 จากใจผู้สาวคนนี้ ซึ่งมียอดวิวใน YouTube กว่า 189,218,183 views หรือเพลง หมกกบ ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ ผ้าผีบอก

ล่าสุด บริษัทจึงได้แตกค่ายเพลงภายใต้สังกัด iAM เป็นการขยายธุรกิจกลุ่มมิวสิกในชื่อ Independent Records (อินดิเพนเด้นท์ เรคคอร์ด) โดยจะดึงศิลปินจาก BNK48 +CGM48 ทั้ง 77 คน เพื่อทำเพลงให้สามารถเข้าถึงทุกเพศทุกวัยได้มากขึ้น เบื้องต้น ได้มีศิลปินเดี่ยวและเกิร์ลกรุ๊ปภายใต้ค่ายเพลงใหม่ ได้แก่

  • แก้ว-ณัฐรุจา ชุติวรรณโสภณ กับเพลง “อาการชัด”
  • เพลงประกอบภาพยนตร์ The Cheese Sisters Namneung x Noey โดยตาหวาน-อิสราภา ธวัชภักดี
  • eRa (อีล่า) เพลงอิสาน เน้นความสนุก
  • QRRA (คาร่า) สไตล์เพลงทีป็อป
  • INDY CAMP ซีซั่น 2 ต่อยอดจากความสำเร็จในซีซั่นที่ 1
  • Queenie (ควินนี่) ซึ่งแตกไลน์มาจากโปรเจกต์ชราไลน์

“จากนี้อะไรที่เป็นออริจินอลของเราเอง ที่ไม่ใช่ไอดอลสไตล์จะอยู่ภายใต้ค่ายเพลงนี้ เพราะต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาเราทำเพลงเองอย่าง โด่ดิด่ง เรายังโปรโมตผ่าน BNK48 พอมันเป็นภาพของ BNK48 คนภายนอกที่ไม่ใช่ Fanclub ก็อาจจะมี BIAS คิดว่าเป็นเพลง BNK48 ทำให้ไม่สามารถเสพต่อ แต่พอเราแยกค่ายออกมาการสื่อสารก็จะชัดเจนขึ้น”

ศิลปินเปิดกว้าง = โอกาสทำเงิน

ณัฐพล ย้ำว่า ธุรกิจไอดอลก็ไม่ต่างจากดนตรี แค่เปลี่ยนจากแนวเพลง ไอดอลสไตล์ มาเปิดกว้างมากกว่าขึ้น สามารถทำเพลงได้หลากหลายสไตล์ อาทิ เพลงป็อป, เพลงอีสาน ทำให้เปิดกว้างในการรับรู้ของแบรนด์ดิ้งและตัวน้อง ๆ สมาชิกมากขึ้น แต่สุดท้ายทั้ง 2 ส่วนก็จะมาสนับสนุนกันเองไม่ว่าจะทางไอดอลออกไปสู่ตลาดแมส หรือจากตลาดแมสมาสู่ไอดอล นอกจากจะเปิดกว้างด้านการแสดงศักยภาพแล้ว ในแง่การสร้างรายได้ก็ต้องยอมรับว่ามีมากขึ้น เพราะสามารถหา สปอนเซอร์ ได้หลากหลายสไตล์มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ค่าย Independent Records พื้นที่ให้น้อง ๆ ทั้ง 77 คนได้แสดงศักยภาพในสายงานอื่นนอกจากการเป็นไอดอล แต่จะเป็นในลักษณะ ออดิชั่น ซึ่งเบื้องต้น ค่ายจะเน้นให้โอกาสน้อง ๆ ก่อน ยังไม่มีแผนปั้นศิลปินภายนอกอื่น ๆ แต่เป็นไปได้ที่จะมีการฟีดเจอร์ริ่งกับศิลปินต่างค่าย เพราะต้องยอมรับว่าการเป็น BNK48 มันมีข้อจำกัดอยู่

“ตอนนี้เราให้ความสำคัญกับการเปิดพื้นที่ให้น้อง ๆ แสดงศักยภาพมากกว่าที่จะไปดึงคนนั้นคนนี้มาเป็นศิลปิน แต่ถ้าจะมีฟีจเจอรริ่งกันอันนี้ไม่ติดเลยมีโอกาสแน่เลย”

ตั้งเป้าโกย 100 ล้าน ใน 3 ปี

สำหรับงบการตลาดของเครือวางไว้ที่ 100 ล้านบาท สำหรับใช้ตั้งแต่ปลายปี 2565 จนถึงปี 2567 โดยจะเน้นสร้างการรับรู้ผ่านสังคมออนไลน์ครบทุกแพลตฟอร์มชั้นนำ และออนกราวด์ เช่น กิจกรรมโรดโชว์ หรือคอนเสิร์ต รวมถึงใช้พันธมิตรสื่ออย่าง แพลนบีมีเดีย เพื่อกระจายการรับรู้ โดยภายในปีนี้คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ 440 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนรายได้จากฝั่งของ Independent Records คาดว่าภายใน 3 ปี จะมีรายได้ 100 ล้านบาท

“ต้องยอมรับว่าการแข่งขันในธุรกิจไอดอลและธุรกิจเพลงสูงอยู่แล้ว และยิ่งครึ่งปีหลังจากนี้การแข่งขันยิ่งสูงเพราะทุกอย่างมันอั้นมาจาก 2 ปีที่แล้ว แต่เราเชื่อว่าเราได้เปรียบตรงฐานแฟนคลับที่แข็งแรง ส่วนน้อง ๆ ก็ต้องแสดงความสามารถให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น เพราะตลาดมันกว้างกว่าแค่ไอดอลแล้ว”

ณัฐพลย้ำว่า แม้ว่าตลาดไอดอลจะไม่ฟีเวอร์เหมือนช่วงก่อนหน้านี้ แต่พลังของ โอตะ ยังพร้อมให้การสนับสนุน แม้ว่าเศรษฐกิจจะทำให้กำลังซื้อลดลงก็ตาม ขณะที่งานอีเวนต์ต่าง ๆ ก็ยังไม่กลับมา 100% เหมือนก่อน ยังฟื้นเพียงแค่ 60-70% เท่านั้น แต่เชื่อว่าปีหน้าจะยิ่งแข่งขันสูงแน่นอน เพราะตลาดต้องการสิ่งใหม่ ๆ ไม่ว่าจะตลาดไอดอลหรือตลาดเพลง

]]>
1402169
รู้จัก ‘บุญจิรา’ ผู้รับไม้ต่อจาก ‘ต้อม จิรัฐ’ บริหาร BNK48 ในยุคไอดอลเริ่มซา https://positioningmag.com/1294480 Fri, 28 Aug 2020 11:06:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1294480 เป็นเวลากว่า 3 ปีที่ ‘BNK48’ ได้ก่อตั้งขึ้นในไทยโดยบริษัท ‘BNK48 Office’ ที่ปัจจุบันบริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘Independent Artist Management’ จำกัด หรือ ‘iAM’ เพื่อขยายธุรกิจจากเดิมจากที่มีแค่วง BNK48 และในช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้มี ‘ดราม่า เธียเตอร์’ ดราม่าใหญ่ที่ส่งผลให้ ‘ต้อม จิรัฐ บวรวัฒนะ’ และ ‘ณัฐพล บวรวัฒนะ’ หรือ ‘จ๊อบซัง’ 2 ผู้ปลุกปั้น BNK48 ได้ออกมาประกาศถอนตัวออกจากการบริหารงาน 48 Group และจากนั้นไม่นาน ทั่วโลกรวมถึงไทยก็ได้เผชิญกับวิกฤติ ‘COVID-19’ ซึ่งทำให้ข่าวคราวของ BNK48 หายหน้าไป จนล่าสุด iAM ก็คว้า คุณบุญจิรา ธีระมโน ที่เคยผ่านงานจาก ยูนิเวอร์ซัล มิวสิค ไทยแลนด์ และ BEC World มาดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาด พร้อมกับโจทย์ ต่อยอดความสำเร็จเดิมของ BNK48 และสร้างรายได้ใหม่ให้กับบริษัท

ผุดกลยุทธ์ ‘3-Os’ รักษาโอตะเก่าและเพิ่มโอตะใหม่

ไม่ใช่แค่เผชิญกับวิกฤติ COVID-19 แต่ก่อนหน้านี้ ลาดไอดอล’ ก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันจากทั้งทางตรงจากวงไอดอลต่าง ๆ รวมถึงทางอ้อมอย่างเหล่าอินฟูลเอนเซอร์ในโซเชียลมีเดีย ขณะที่ BNK48 ก็ไม่ได้อยู่ในจุดพีคเหมือนช่วง ‘คุกกี้เสี่ยงทายฟีเวอร์’ แล้ว ซึ่งคุณบุญจิราได้ระบุว่า จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อรักษา Core Fanclub หรือเหล่า ‘โอตะ’ รวมถึงทำให้ BNK48 แมสมากขึ้น ไม่ใช่นีชเหมือนที่เคย เพราะอย่างที่รู้ว่านี่คือ ธุรกิจ Fan Base ดังนั้น หัวใจสำคัญคือการ มัดใจและเพิ่มจำนวนโอตะให้ได้

โดยในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทจะใช้กลยุทธ์ ‘3-Os’ ได้แก่ 1.Online โดยมีการทำ Online Content สร้าง Exposure และ Awareness ผ่านทุกช่องทาง Social Media และ Digital Platform อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทำ Exclusive Content ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน iAM48 รวมถึงการนำออฟไลน์อีเวนต์มาถ่ายทอดสดทางออนไลน์ และมีกิจกรรมอย่าง ‘Vitual greeting’ ที่ใช้แทนการจับมือในช่วง COVID-19 ที่ผ่านมา

2.ONGROUND โดยครึ่งปีหลังนี้ จะมี 2 BIG EVENT ใหญ่ ได้แก่ ‘BNK48 JANKEN TOURNAMENT 2020 – SENBATSU OF DESTINY’ หรือ งานเป่ายิ้งฉุบ ที่นับเป็นการจัดงาน JANKEN ครั้งแรกในไทย ส่วนงาน Signature อย่าง ‘Sport Day’ และ ‘งานจับมือ’ จะยังมีขึ้นแน่นอน นอกจากอีเวนต์ใหญ่แล้ว ยังมีกิจกรรมย่อยทุกสัปดาห์ อาทิ การแสดง Theatre ที่ต้องมีงานถี่ขนาดนี้ก็เพื่อ รักษาความสัมพันธ์ของแฟนคลับ นอกจากนี้ ยังมีโรดโชว์และสคูลทัวร์ในต่างจังหวัดเพื่อขยายฐานแฟนคลับให้เข้าถึงในทุกช่วงอายุ

3.OUT-OF-HOME MEDIA บริษัทมี PLAN B เป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งช่วยในการประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศผ่านทางจอ Screen LED ทั่วประเทศ รวมไปถึงจอประชาสัมพันธ์ในร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่มีจอครอบคลุมมากกว่า 1,000 สาขา

“เรามีการเปลี่ยนแปลงภายในในช่วงที่น้อง ๆ กำลังอยู่จุดพีค ดังนั้น ความท้าทายของเราคือ จะต่อยอดความสำเร็จของ BNK48 อย่างไร จะสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับแฟนคลับและลูกค้าอย่างไร และมากไปกว่านั้น ต้องต่อยอดให้น้องไม่ใช่แค่เป็นศิลปินที่มีแฟนคลับเฉพาะกลุ่ม แต่ต้องดันน้องไปสู่แมสมากขึ้นในปีหน้า”

เดินหน้าหาพันธมิตร สร้างเม็ดเงินใหม่เข้าบริษัท

ที่ผ่านมา BNK48 ได้จับมือพันธมิตรหลากหลายเพื่อเข้าสู่สายแมสมากขึ้น อาทิ มีซีรีส์หรือภาพยนตร์ แต่ไม่ใช่แค่ในประเทศ ทางบริษัทกำลังวางแผนที่จะเจาะตลาดต่างประเทศ โดยได้ร่วมกับ ยูนิเวอร์ซัล มิวสิค กรุ๊ป (UMG) ในการปั้น ‘T-Pop’ เพื่อเจาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้ชื่อ ‘LYRA’ (ไลร่า) ที่ประกอบด้วยสมาชิก 6 คนจาก BNK48 และในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าจะได้เห็นการร่วมมือกันมากขึ้นกับ Strategic Partnership รายใหม่ ๆ ในรูปแบบการ Collaborate โดยมั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้จากช่องทางใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น

“ธุรกิจไอดอลตอนนี้มีคู่แข่งเยอะ ทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่เราเชื่อว่าจะทำให้ตลาดโตขึ้น ซึ่งในอนาคตอาจเกิดการทำ Collaboration ระหว่างค่ายที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะตอนนี้ไม่ได้มีข้อจัดกัดของค่ายแล้ว ไอดอลสามารถไปได้หลายมิติ ไม่จำกัดว่า BNK48 จะต้อง Collaboration กับ iAM แต่ข้ามค่ายได้”

มั่นใจรายได้เท่าปีที่ผ่านมาแม้เจอ COVID-19

แม้ว่าบริษัทจะไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขฐานแฟนคลับและรายได้ในปัจจุบันได้ แต่ยืนยันว่าทั้งรายได้และฐานแฟนคลับไม่ได้ลดลง ปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทมาจากอัลบั้มและการขายสินค้า รองลงมาเป็นงาน Event สุดท้าย สปอนเซอร์ชิพและพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งในส่วนงานจำหน่ายอัลบั้มและขายสินค้ายังคงทำได้ดี โดยเปลี่ยนรูปแบบจากงานจับมือมาเป็น Vitual Greeting

และในส่วนของพรีเซ็นเตอร์เดิมยังคงแข็งแรง อาทิ แกร็บ, เซเว่น อีเลฟเว่น และที่เปิดตัวล่าสุด คือ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ส่วนพรีเซ็นเตอร์ใหม่ ๆ กำลังอยู่ในช่วงเจรจา คาดว่าปีหน้าจะได้เห็น ซึ่งจะเป็นเซ็กเมนต์ใหม่ ๆ ต่างจากที่เคยมี

“หลายคนบอกว่าไอดอลอยู่ในช่วงขาลง แต่เรายังเห็นศักยภาพและโอกาสของน้อง ๆ  BNK48 รวมถึงยูนิตอื่น ๆ และหนึ่งในจุดแข็งที่ทำให้เราดำเนินธุรกิจต่อได้คือ ฐานแฟนคลับที่ยังแอคทีฟในทุกช่องทาง โดยจากนี้เราจะใช้ทุกกลยุทธ์ ทุกพาร์ตเนอร์ และคิดคอนเทนต์ใหม่ ๆ เพื่อตามเทรนด์ใหม่ ๆ ให้อยู่ในกระแส รวมถึงการบุกชิงพื้นที่สื่อแบบ 360 องศา เพื่อยอดธุรกิจและทำรายได้ นี่คือเป้าที่จะทำให้ได้มากที่สุด

]]>
1294480