ซัมซุง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 27 Nov 2025 10:16:01 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘Apple’ จ่อแซง ‘Samsung’ ขึ้นแท่นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนในรอบ 14 ปี และอาจลากยาวไปถึงปี 2029 https://positioningmag.com/1548946 Thu, 27 Nov 2025 07:51:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1548946 เป็นเวลาถึง 14 ปีที่ ซัมซุง (Samsung) ครองแชมป์การจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลก ตามรายงานจาก Counterpoint Research แต่ดูเหมือนสถิติดังกล่าวจะถูกพังลงโดย แอปเปิล (Apple) ในปีนี้ และอาจจะลากยาวไปจนถึงปี 2029 เลยทีเดียว

Counterpoint เปิดเผยว่า Apple จะมียอดจัดส่ง iPhone ได้ประมาณ 243 ล้านเครื่องในปีนี้ เทียบกับ Samsung ที่จัดส่งได้ 235 ล้านเครื่อง ส่งผลให้ Apple จะมีส่วนแบ่ง 19.4% ของตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก ขณะที่ส่วนแบ่งของ Samsung จะอยู่ที่ 18.7% ขณะที่ภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนโลกที่เติบโต 3.3% 

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ Apple สามารถพลิกแซง Samsung มาจาก iPhone 17 series ที่เปิดตัวในเดือนกันยายน ทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ iPhone 17, 17 Air, 17 Pro และ 17Pro Max โดยยอดขายของ iPhone 17 series ในสหรัฐฯ ในช่วงสี่สัปดาห์แรกหลังเปิดตัว สูงกว่า iPhone 16 series (ไม่รวม iPhone 16e) ถึง 12% ขณะที่ในตลาด จีน ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของ Apple ยอดขาย iPhone 17 series ในช่วงเวลาเดียวกัน สูงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 18%

“นอกเหนือจากการตอบรับของตลาดที่เป็นไปในทางบวกอย่างมากสำหรับ iPhone 17 series ปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการปรับเพิ่มคาดการณ์การจัดส่งคือ รอบการเปลี่ยนเครื่องกำลังมาถึงจุดเปลี่ยน ผู้บริโภคที่ซื้อสมาร์ทโฟนในช่วงที่ COVID-19 ระบาด ขณะนี้กำลังเข้าสู่ช่วงเวลาของการอัปเกรด” Yang Wang นักวิเคราะห์อาวุโสของ Counterpoint Research กล่าว 

ขณะเดียวกัน Samsung อาจเผชิญกับความท้าทายใน ตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางถึงล่าง จากแบรนด์จีน ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อความสามารถของยักษ์ใหญ่เกาหลีใต้ในการทวงคืนตำแหน่งสูงสุด

อาจครองแชมป์ยาว 4 ปีซ้อน

ไม่ใช่แค่ปี 2925 แต่ Counterpoint Research คาดการณ์ว่า Apple จะครองตำแหน่งสูงสุดในตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกไปจนถึงปี 2029 จากหลายปัจจัย ไดแก่

  • iPhone มือสอง: มี iPhone มือสองจำนวน 358 ล้านเครื่อง ถูกขายไปในช่วงปี 2023 ถึงไตรมาสที่สองของปี 2025 ผู้ใช้เหล่านี้ก็มีแนวโน้มที่จะ อัปเกรดเป็น iPhone เครื่องใหม่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ปัจจัยเหล่านี้จะสร้างฐานความต้องการขนาดใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะช่วยรักษาการเติบโตของการจัดส่ง iPhone ในไตรมาสต่อ ๆ ไป
  • ผลกระทบด้านภาษีที่ต่ำกว่าที่คาด: Apple ได้รับประโยชน์จากผลกระทบด้านภาษีที่ต่ำกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากข้อตกลงสงบศึกทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน สิ่งนี้ช่วยสนับสนุนซัพพลายเชนที่กว้างขึ้นของ Apple และการเติบโตในบางภูมิภาค เช่น ตลาดเกิดใหม่
  • สภาพเศรษฐกิจ: ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรายนี้ยังได้รับประโยชน์จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง และแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่น ที่ช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

“ด้วยปัจจัยสนับสนุนเชิงโครงสร้างเหล่านี้ Apple จึงอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะแซงหน้า Samsung ในด้านการจัดส่งประจำปี 2025”

ในขณะเดียวกัน Apple คาดว่าจะเปิดตัว iPhone 17e รุ่นเริ่มต้นในปีหน้า รวมถึง สมาร์ทโฟนแบบพับได้ Counterpoint คาดการณ์ บริษัทวิจัยระบุว่าการปรับปรุงผู้ช่วยเสมือน Siri ที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ รวมถึง “การปรับปรุงดีไซน์ iPhone ครั้งใหญ่” ในปี 2027 ก็จะช่วยหนุนการครองความเป็นเจ้าตลาดของ Apple ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

“ด้วยการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ครอบคลุมระดับราคาที่หลากหลาย รวมถึงซีรีส์ ‘e’ ที่กำลังเติบโต Apple กำลังวางตำแหน่งเชิงกลยุทธ์เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากผู้บริโภคที่มีความต้องการ โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ และเพื่อเสริมสร้างสถานะในกลุ่มพรีเมียมระดับล่าง ซึ่งคาดว่าจะเติบโตเร็วกว่าตลาดโดยรวม ด้วยความต้องการระบบนิเวศ iOS ที่เพิ่มขึ้น Apple จะยังคงเป็นผู้นำเหนือผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่นไปจนถึงสิ้นทศวรรษนี้”

*การจัดส่ง (Shipments) หมายถึงจำนวนอุปกรณ์ที่ผู้ค้าจัดส่งไปยังช่องทางค้าปลีก และไม่เท่ากับยอดขายโดยตรง อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการและความคาดหวังด้านยอดขายจากผู้ผลิต    สมาร์ทโฟน

]]>
1548946
เปิดอินไซต์สาวก ‘จอพับ’ ของ ‘ซัมซุง’ พร้อมอัปเดตสเปก-ราคา Galaxy Z Fold 7 / Flip 7 และ Flip 7 fe https://positioningmag.com/1529632 Fri, 11 Jul 2025 04:31:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1529632 หากพูดถึง สมาร์ทโฟนจอพับ เชื่อว่าชื่อของ ซัมซุง (Samsung) จะต้องเด้งเข้ามาในฐานะ ผู้บุกเบิกรายแรกของโลก ที่เปิดตัวรุ่นแรกไปในปี 2019 ดังนั้น ไปดูกันว่ามีอินไซต์อะไรน่าสนใจจาก สาวกจอพับ ที่ซัมซุงนำมาเปิดเผย พร้อมกับอัปเดตสเปกและราคาของ Galaxy Z Fold 7, Galaxy Z Flip 7 และ Galaxy Z Flip 7 fe ที่เพิ่งเปิดตัว
  1. 50% ของลูกค้าจอพับ ย้ายมาจาก Bar Type : ซัมซุงเล่าว่า คนส่วนใหญ่มักจะเปรียบเทียบสมาร์ทโฟนจอพับกับสมาร์ทโฟน Bar Type หรือทรงแท่งแบบดั้งเดิม ไม่ได้เทียบกับจอพับในตลาด ดังนั้น การแข่งขันของสมาร์ทโฟนจอพับจึงไม่ได้แค่แข่งกับสมาร์ทโฟนตระกูลจอพับแบรนด์อื่น แต่เป็นการแข่งกับสมาร์ทโฟนแบบดั้งเดิม
  2. คนใช้ Fold ส่วนใหญ่เป็น CEO หรือเจ้าของกิจการ : อาจไม่น่าแปลกใจนักหากผู้ใช้ส่วนใหญ่ของ Galaxy Z Fold ถึง 45% จะอยู่ในวัย 35-44 ปี และ 60% เป็นผู้ชาย นอกจากนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้บริหาร, เจ้าของธุรกิจ หรือคนที่ทำงานฝ่ายขายหรือวิเคราะห์ เพราะ Pain point ของคนทำงานคือ อยากได้ดีไวซ์หน้าจอใหญ่ แต่ไม่ต้องการพกหลายเครื่อง ดังนั้น Galaxy Z Fold จึงมาช่วยตอบโจทย์
  3. สีมีผลต่อการซื้อของผู้หญิง : จริง ๆ แล้วสัดส่วนผู้ใช้ Z Fold เคยเป็นผู้ชายถึง 70% โดยสาเหตุที่ผู้หญิงใช้น้อยเป็นเพราะ สี และเมื่อซัมซุงออก Z Fold 6 สีชมพู ทำให้สัดส่วนผู้หญิงเพิ่มจาก 30% เป็น 40%
  4. ชายแท้ก็อยากใช้ Flip แต่ไม่กล้าใช้ : ในส่วนของผู้ใช้ Galaxy Z Flip แน่นอนว่าส่วนใหญ่ต้องเป็นวัยรุ่น อายุ 25-34 ปี และสัดส่วนถึง 79% เป็น #ผู้หญิง แต่จริง ๆ แล้ว #ชายแท้ ก็ให้ความสนใจอยากใช้ Flip เช่นกัน เนื่องจากผู้ชาย #ชอบยัดมือถือใส่กระเป๋ากางเกง ดังนั้น มือถือ Bar Type หรือทรงแท่งแบบดั้งเดิม อาจจะใหญ่เกินไป
  5. คนใช้ Flip ตัดสินใจจากจอนอก : 36% ของลูกค้า Flip ตัดสินใจเลือกซื้อมาจากจอนอกที่ใหญ่ขึ้น เพราะใช้ Flip ในการ #ถ่ายรูป ซึ่งผู้ใช้บอกว่า #จอเต็ม กับ #จอติ่ง ให้ความรู้สึกต่างกันเวลาถ่ายรูป นอกจากนี้ คนใช้ Flip มักจะ #ใช้แทนกระจก ดังนั้น เวลาขึ้นลิฟท์แล้วเห็นสาว ๆ หยิบ Flip มาส่องหน้าก็ไม่ต้องแปลกใจไป
  6. สีดำยังเป็นสีที่ขายดีสุดแม้แต่กับ Flip : แม้ว่าสีจะทำให้ผู้หญิงมาใช้ Z Fold มากขึ้น แต่ #สีดำ ยังเป็นสีที่ขายดีที่สุดตลอดกาล ไม่ใช่แค่กับ Z Fold แต่กับ Z Flip ที่สาว ๆ ใช้ สีที่ขายดีสุดก็เป็นสีดำ
  7. แบตฯ, น้ำหนัก และรอยพับ 3 Pain point ที่คนไม่อยากใช้จอพับ : อย่างไรก็ตาม สมาร์ทโฟนจอพับก็ยังมีข้อจำกัดใหญ่ เช่น #น้ำหนัก และ #แบตเตอรี่ ที่หนักกว่าและแบตฯ อึดน้อยกว่าสมาร์ทโฟน Bar Type นอกจากนี้ #รอยพับ ก็ยังเป็นอีกข้อจำกัดที่ทำให้หลายคนยัง #ไม่เปิดใจ

Galaxy Z Fold 7 / Flip 7 พร้อมอุด Pain point

สำหรับ Galaxy Z Fold 7 และ Flip 7 ที่พึ่งเปิดตัว ก็ออกมาแก้ Pain point ใหญ่ ๆ ทั้งน้ำหนัก ความจุแบตเตอรี่ และรอยพับจอ โดย Galaxy Z Fold 7 มีความหนาตอนกางที่ 4.2 มิลลิเมตร และ 8.9 มิลลิเมตรเมื่อพับ ส่วนหน้าจอนอกขยายใหญ่ขึ้นเป็น 6.5 นิ้ว ในสัดส่วน 16.9 เหมือน Bar Type และเมื่อกางจะมีขนาด 8 นิ้ว ขณะที่แบตเตอรี่ความจุอยู่ที่ 4,400 mAh น้ำหนักรวม 216 กรัม ส่วนกล้องหลังได้ปรับจากความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ไปเป็น 200 ล้านพิกเซล

ส่วน Galaxy Z Flip 7 มีความหนา 13.7 มม. เมื่อพับ และ 6.5 มม. เมื่อกางออก ส่วนจอนอกปรับให้กว้างถึง 4 นิ้ว และมีขนาดเต็มจอ มีน้ำหนัก 188 กรัม แบตเตอรี่ความจุ 4,300 mAh กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล

ทั้งนี้ ทั้ง 2 รุ่น ใช้ Snapdragon 8 Elite for Galaxy ซึ่งเป็นชิปเซตระดับสูงของควอลคอมม์ มาพร้อมกับ One UI 8 พื้นฐาน Android 16 พร้อมระบบระบายความร้อนที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ทั้ง 2 รุ่นยังมีการปรับปรุงรอยพับให้เนียนขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

ส่วน Samsung Galaxy Z Flip FE เป็นจอพับรุ่นประหยัด โดยมีหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว ตัวเครื่องหนา 14.9 มม. ตอนพับ และ 6.9 มม. ตอนกาง หนัก 187 กรัม ส่วนจอนอกมี 3.4 นิ้วเท่ากับรุ่น Z Flip 6 ใช้ชิป Exynos 2400 RAM 8GB แบตเตอรี่ 4,000 mAh กล้องหลังตัวหลัก 50MP และอัลตร้าไวด์ 12MP กล้องหน้า 10MP

สรุปราคา

สำหรับราคาจำหน่ายของ Samsung Galaxy Z Fold 7 มีให้เลือกทั้งหมด 3 สีคือ สีน้ำเงิน Blue Shadow สีเงิน Silver Shadow และสีดำ Jet Black

รุ่น 12GB/256GB ราคา 67,900 บาท

รุ่น 12GB/512GB ราคา 72,900 บาท

รุ่น 16GB / 1TB ในราคา 85,900 บาท

Samsung Galaxy Z Flip 7 มีให้เลือก 3 สี สีน้ำเงิน Blue Shadows สีแดง Coralred และสีดำ Jet Black

รุ่น 12GB/256GB ราคา 40,900 บาท

รุ่น 12GB/512GB ราคา 45,900 บาท

Samsung Galaxy Z Flip 7 FE มี 2 สี สีดำ และสีขาว

รุ่น 8GB/128GB ราคา 32,900 บาท

รุ่น 8GB/256GB ราคา 35,900 บาท

สำหรับโปรโมชั่นในช่วงสั่งจองระหว่าง 10 ก.ค. – 31 ก.ค. 2568 จะได้รับฟรีเพิ่มความจุเป็น 2 เท่า มูลค่าสูงสุด 13,000 บาท รวมกับโปรโมชั่นเก่าแลกใหม่ลดเพิ่มสูงสุด 5,000 บาท พร้อมประกันคุ้มครองจอ (ไม่รวมอุบัติเหตุ) 2 ปี และส่วนลด 30% ในการแลกซื้อ Galaxy Watch8 ซีรีส์

ต้องรอดูว่าทำให้ #บาง #เบา ขนาดนี้แล้ว จะดึงให้ให้คนใช้ Bar Type เปลี่ยนใจได้ไหม

]]>
1529632
จาก 6 เหลือ 4 ปี! คนไทยเปลี่ยน ‘ทีวี’ เร็วขึ้น เพื่ออัปเกรดจอใหญ่-ฟีเจอร์ล้ำ ‘ซัมซุง’ ขอชิงชัยด้วย ‘AI’ ที่เข้าถึงได้ในราคาหมื่นต้น! https://positioningmag.com/1522282 Mon, 19 May 2025 05:19:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1522282 แม้ว่าตลาดทีวีไม่ได้เติบโตหวือหวาเหมือนในช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนจาก ทีวีจอตู้ มาสู่ จอแบน หรือการเปลี่ยนจากยุคอนาล็อก มาสู่ ทีวีดิจิทัล แต่ตลาดทีวีก็ไม่ได้หายไปไหน คนยังคงดูทีวี เพียงแค่เปลี่ยนจากดูช่องปกติ เป็นการดูแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งแทน

คนไทยเปลี่ยนทีวีเร็วขึ้น ต้องดีขึ้น และใหญ่ขึ้น

ชวพจน์ เทียนทอง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจภาพและเสียง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เล่าว่า “คนชอบคิดว่าตลาดทีวีจะหดตัวลง เพราะคนไม่ค่อยดูทีวี แต่จริง ๆ แล้วตลาดมันไม่ได้หายไปไหน” โดยปีที่ผ่านมา แม้ว่าตลาดจะทรงตัว มีมูลค่าประมาณ 22,000 ล้านบาท แต่ปีนี้ (2025) คาดว่าตลาดจะเติบโตประมาณ +2% ทั้งในด้านมูลค่าตลาด และจำนวนยูนิต

ปัจจัยการเติบโตมาจาก การซื้อทดแทนเครื่องเก่า โดยจากการสำรวจพบว่า คนไทยเปลี่ยนทีวีถี่ขึ้น จากอดีตเฉลี่ยที่ 5-6 ปี เหลือ 4 ปี/เครื่อง เนื่องจากต้องอัปเกรดทีวีเพื่อให้รองรับแอปพลิเคชันที่อัปเดตใหม่ ๆ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแต่ละครั้งจะซื้อ จอใหญ่ขึ้น จนปัจจุบันไซส์เฉลี่ยของตลาดอยู่ที่ 55 นิ้ว และที่เติบโตไซส์คือ 75 นิ้ว

“ทีวียังเป็นสินค้าจำเป็น คนยังดูทีวี แต่พฤติกรรมเปลี่ยนไป คือดูแอปฯ สตรีมมิ่ง ดังนั้น เขาเปลี่ยนทีวีที่มีการอัปเดตใหม่ ๆ ซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ และคนดูทีวี เขาไม่ซื้อทีวีเล็กลง มีแต่จะซื้อที่ใหญ่ขึ้น”

ชู AI เพิ่มแวร์ลู่สินค้า ไม่แข่งราคา

ชวพจน์ ยอมรับว่า นับตั้งแต่แบรนด์จีนเข้ามา ทำให้ภาพการแข่งเปลี่ยนไป จากอดีตที่มีแบรนด์เกาหลี-ญี่ปุ่น จะไม่ได้แข่งกันที่ ราคา ดังนั้น ซัมซุงต้องมีนวัตกรรมที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึก คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป เพราะไม่สามารถทำราคาลงไปแข่งได้ ดังนั้น ซัมซุงต้องให้นวัตกรรมที่ล้ำกว่าคู่แข่งเสมอ เช่น เป็นแบรนด์แรกที่พูดถึง AI

โดยปีนี้ AI จะไม่ได้อยู่ในสินค้าพรีเมียมเท่านั้น แต่ ทีวีราคาหมื่นกลาง ๆ ก็มี AI เช่น QLED Series ราคาเริ่มต้น 13,990 บาท ก็มีเทคโนโลยี AI อีกทั้งได้เพิ่ม Samsung Finance Plus ในกลุ่มสินค้าทีวี จากเดิมให้บริการเฉพาะในมือถือ เพื่อเพิ่มกำลังซื้อให้ลูกค้า

“ความท้าทายของปีนี้ คือสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งเราแก้ไขอะไรไม่ได้ ดังนั้น เราเพิ่มโปรแกรมทางการเงิน เพื่อช่วยให้กลุ่มแมสเข้าถึงสินค้าเราได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันสินค้าราคา 15,000-20,000 บาท เป็นกลุ่มที่มีการใช้ Samsung Finance Plus มากที่สุด”

วางเป้าโต 6% เหนือตลาด

ในปีนี้ ซัมซุงตั้งเป้าเติบ +6% ทั้งในด้านมูลค่าและจำนวนยูนิต โดยมองว่าเซกเมนต์พรีเมียม และจอใหญ่ (75 นิ้วขึ้นไป) เป็น 2 กลุ่มที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโต

“ราคาเฉลี่ยตลาดอยู่ที่ 10,000 บาท แต่ซัมซุงเฉลี่ยที่ 15,000 บาท แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยอมจ่ายแพงขึ้น หากรู้สึกว่าคุณภาพและราคาเหมาะสมกัน รวมถึงบริการหลังการขายที่เขาจะได้รับ ดังนั้น เรามั่นใจว่าจะโตมากกว่าตลาด”

สำหรับฟีเจอร์ AI เด่น ๆ ในปีนี้ อาทิ 8K AI Upscaling Pro ที่ช่วยอัปสเกลคอนเทนต์จาก 4K ให้ใกล้เคียงระดับ 8K, AI Customization Mode: ตรวจจับประเภทของคอนเทนต์ พร้อมปรับค่าภาพให้เหมาะสมกับความชอบของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ และ Pet Care & Baby Care: ฟีเจอร์ดูแลสัตว์เลี้ยงและเด็กเล็กผ่านเซนเซอร์ในตัวทีวี โดยวิเคราะห์เสียงเห่า หรือเสียงร้องไห้ พร้อมส่งแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ไปยังหน้าจอทีวี สมาร์ทโฟน หรือมอนิเตอร์ทันที เป็นต้น

]]>
1522282
‘ซัมซุง’ หั่นเป้ายอดขาย ‘มือถือจอพับ’ หลังยอดขายเริ่มร่วง หันไปดัน ‘S series’ รุ่นเรือธงแทน https://positioningmag.com/1505013 Thu, 26 Dec 2024 05:52:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1505013 ดูเหมือนว่า มือถือจอพับ อย่าง Samsung Galaxy Z series จะไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร ดังนั้น ซัมซุง (Samsung) เลยหั่นเป้ายอดขาย เพื่อไปเน้นที่รุ่นเรือธงอย่าง S series แทน โดยวางเป้าหมายยอดจัดส่งให้มากกว่า S24 series

ตามข้อมูลจากแผนก Mobile Experience ของ Samsung Electronics ได้วางเป้าหมายยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงอย่าง Samsung galaxy S25 Series ที่จะเปิดตัวในปีหน้าที่ 37.4 ล้านเครื่อง ภายในครึ่งปีแรก โดยเมื่อเทียบกับยอดจัดส่ง Galaxy S24 Series ที่ทำได้ 35 ล้านเครื่อง ถือว่าเป้าสูงขึ้น +7% ซึ่งยังไม่รวม Galaxy S25 Slim ที่วางเป้าไว้ 3 ล้านเครื่อง แปลว่าเมื่อรวม S25 ทั้งหมดจะอยู่ที่ 40.4 ล้านเครื่อง

ในทางกลับกัน Galaxy Z7 ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟน จอพับ ซึ่งประกอบด้วย Z Fold 7 และ Z Flip 7 ที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 โดยซัมซุงได้ ลดเป้า จากที่ Galaxy Z6 มียอดจัดส่ง 8.2 ล้านเครื่อง เหลือ 5 ล้านเครื่อง โดยแบ่งเป็น Z Flip 7 จำนวน 3 ล้านเครื่อง และ Z Fold 7 จำนวน 2 ล้านเครื่อง

สาเหตุที่ซัมซุงหั่นเป้าของ Z series ก็เพราะ ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร โดยปัจจุบันตลาดที่ Z series มีการใช้งานมากที่สุดก็คือ เกาหลีใต้ แต่ในขณะที่เปิดตัว Galaxy Z Fold / Flip 6 ปริมาณการขายล่วงหน้ามีเพียง 910,000 เครื่อง ซึ่งลดลงจากที่ Z Fold / Flip 5  ทำได้ 1.02 ล้านเครื่อง ในขณะที่กําไรจากการดําเนินงานของแผนก Mobile Experience ใน Q3/2024 อยู่ที่ 2.82 ล้านล้านวอน ซึ่งสะท้อนถึงยอดขายของ Galaxy Z Fold / Flip 6 ลดลง 16.3% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

นอกจากจะลดเป้าของ Z series แล้ว ทางซัมซุงยังปรับลดปริมาณการจัดส่งเป้าหมายของสมาร์ทโฟนทั้งหมดในปีหน้าเหลือ 230 ล้านเครื่อง จากที่ปีนี้วางเป้าไว้ 250 ล้านเครื่อง โดยคาดว่าที่ซัมซุงปรับเป้ารวมลง เป็นผลมาจาก ตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกยังไม่ฟื้นตัวสู่ระดับก่อนเกิด COVID-19

จากข้อมูลของบริษัทวิจัยตลาด IDC การจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกทั้งหมดในปีที่แล้วอยู่ที่ 1.17 พันล้านเครื่อง ลดลง 3.2% จากปีที่แล้ว IDC คาดการณ์ว่าการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกจะดีดตัวขึ้นในปีนี้

]]>
1505013
‘ซัมซุง’ เตรียม ‘โละพนักงาน’ ในอาเซียน คาดกระทบ 10% ของแรงงานในแต่ละประเทศ https://positioningmag.com/1492588 Wed, 02 Oct 2024 10:50:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1492588 ดูเหมือนมหกรรม โละคน ของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลกจะยังคงมีให้เห็นกันต่อไป เพราะล่าสุด ซัมซุง บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกสัญชาติเกาหลีใต้ ก็มีแผนจะลดจำนวนพนักงานใน  เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลดจํานวนพนักงานทั่วโลกหลายพันคน

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การเลิกจ้างของ ซัมซุง (Samsung) ในครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อจำนวนพนักงานประมาณ 10% ของจำนวนพนักงานในประเทศเหล่านั้น ซึ่งแต่ละประเทศก็มีอัตราการลดจำนวนพนักงานที่แตกต่างกันไป 

ปัจจุบัน พนักงานของซัมซุงมีจำนวนทั้งหมดกว่า 267,800 คน และประมาณ 147,000 คน อยู่นอกเกาหลีใต้ โดยมีการจ้างงานในฝ่ายการผลิตและพัฒนามากที่สุด ส่วนฝ่ายขายและการตลาดมีพนักงานราว 25,100 คน และพนักงานในภาคส่วนอื่น ๆ อีก 27,800 คน ดังนั้น การลดพนักงานในครั้งนี้จะอยู่ในหลักหลายพันคน 

“บริษัทย่อยในต่างประเทศบางแห่งกําลังดําเนินการปรับกําลังคนเป็นประจําเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดําเนินงาน แต่บริษัทไม่ได้กําหนดจํานวนเป้าหมายสําหรับตําแหน่งใดตําแหน่งหนึ่ง”

ในปีนี้ หุ้นของซัมซุงร่วงลงมากกว่า 20% เนื่องจากซัมซุงต้องเจอการแข่งขันที่รุนแรงจากธุรกิจชิป ไม่ว่าจะเป็นการตามหลังคู่แข่งอย่าง เอสเค ไฮนิกซ์ (SK Hynix) ในด้านชิปหน่วยความจำที่ใช้สำหรับเอไอ (AI) และถือว่ายังตามหลัง TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Co) ในการผลิตชิปตามแบบที่ลูกค้าสั่ง

ก่อนหน้านี้ ซัมซุงได้โละพนักงานใน อินเดีย และ ละตินอเมริกา ประมาณ 10% โดยมีการคาดว่าน่าจะถึงหลัก 1,000 คน

Source

]]>
1492588
ซัมซุง ทุ่มงบลงทุนเพิ่มอีก 1.8 พันล้านดอลลาร์ ตั้งโรงงานผลิตจอ OLED แห่งใหม่ ในภาคเหนือของเวียดนาม https://positioningmag.com/1491533 Tue, 24 Sep 2024 09:39:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1491533 รัฐบาลเวียดนาม เผย บริษัท ซัมซุง ดิสเพลย์ ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครือของ ซัมซุง กรุ๊ป แห่งเกาหลีใต้ มีแผนทุ่มงบลงทุนเพิ่ม มูลค่า 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 59,000 ล้านบาท ในการตั้งโรงงานผลิตจอ OLED แห่งใหม่ในจังหวัด Bac Ninh ทางเหนือของประเทศเวียดนาม 

ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เวียดนาม ถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิต ที่ดึงดูดบริษัทผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ให้เข้ามาลงทุนมากที่สุดแห่งหนึ่ง โดย ซัมซุง ได้สร้างโรงงานผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไปแล้วกว่า 6 แห่ง ศูนย์การพัฒนาและวิจัย 1 แห่งและศูนย์ขาย 1 แห่ง รวมมูลค่าการลงทุนทั้งหมด 22,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 738,000 ล้านบาท ทำให้ฐานการผลิตของซัมซุงในเวียดนาม สามารถสร้างรายได้ทั่วโลกได้กว่า 30%  

ทำให้การลงทุนในโครงการใหม่นี้จะทำให้มูลค่าลงทุนรวมของ ซัมซุง กรุ๊ป ในจังหวัด Bac Ninh เพิ่มเป็น 8.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 274,000 ล้านบาท จากมูลค่าปัจจุบัน 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 214,000 ล้านบาท 

สอดคล้องกับความตั้งใจของรัฐบาลเวียดนาม ที่พยายามทําให้จังหวัด Bac Ninh เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมแบบไดนามิกของภาคเหนือที่เชื่อมโยงกับจังหวัด Ha Noi และตั้งเป้าภายในปี 2050 จังหวัด Bac Ninh จะเป็นหนึ่งในผู้นําทางเศรษฐกิจของเวียดนาม และจะกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางอุตสาหกรรมไฮเทค การวิจัยและพัฒนา และการผลิตอัจฉริยะระดับโลก ในอนาคต

ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลเวียดนามก็ได้อนุมัติการลงทุนจากต่างประเทศ มูลค่า 5.5 พันล้านดอลลาร์ ในโครงการต่างๆ ในจังหวัด Bac Ninh อาทิ Foxconn และ GoerTek ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ของ Apple เช่นกัน

]]>
1491533
‘ซัมซุง’ โชว์นวัตกรรมแบตฯ รถอีวีใหม่วิ่งได้ไกล 900 กิโลเมตร แถมชาร์จไวใน 9 นาที อายุการใช้งานยาว 20 ปี https://positioningmag.com/1485984 Tue, 13 Aug 2024 04:42:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1485984 แม้ว่าเกาหลีใต้อาจไม่ใช่ผู้ชนะในตลาด รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถอีวี เหมือนกับ จีน ที่กำลังรุกตลาดโลกอย่างรวดเร็ว แต่เกาหลีใต้ก็ยังเติบโตไปด้วยได้ผ่านการ ขายแบตเตอรี่ โดยล่าสุด ซัมซุงได้เปิดตัวแบตเตอรี่ใหม่ที่วิ่งได้ไกล 900 กิโลเมตร

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ซัมซุง (Samsung) ได้เปิดตัวนวัตกรรม แบตเตอรี่โซลิดสเตต (Solid-State battery) ที่ช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ไกลกว่า 900 กิโลเมตร โดยแบตเตอรี่ดังกล่าวมีความหนาแน่นของพลังงานที่ประมาณ 500 Wh/kg หรือประมาณ สองเท่าของแบตเตอรี่รถอีวีในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังใช้เวลาชาร์จเต็มเพียง 9 นาที และแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนาน 20 ปี

Ko Joo-young รองประธาน Samsung SDI กล่าวว่า ผู้ผลิตรถยนต์กําลังให้ความสนใจแบตเตอรี่ Next-gen นี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีขนาด เล็กกว่า เบากว่า และปลอดภัยกว่า แบตเตอรี่อีวีในปัจจุบันมาก อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการผลิตของแบตเตอรี่โซลิดสเตตก็ยังสูงกว่าแบตเตอรี่ในปัจจุบันอยู่มาก ดังนั้น การจะใช้แบตเตอรี่โซลิดสเตตจึงถูกจํากัดให้อยู่ในกลุ่ม พรีเมียมสุด 

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่ซัมซุง แต่บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง โตโยต้า (Toyota) ยังตั้งเป้าผลิตแบตเตอรี่โซลิดสเตตจำนวนมากภายในปี 2027 โดยนักวิเคราะห์มองว่า โตโยต้าอาจใช้แบตเตอรี่โซลิดสเตตในรถ Lexus EV ระดับพรีเมียม

ในฝั่งของจีน ตอนนี้แบรนด์ นิโอ (NIO) ได้เสนอแบตเตอรี่กึ่งโซลิดสเตตที่เปิดใช้งานระยะทางมากกว่า 900-1,000 กิโลเมตร ความเร็วในการชาร์จ 5C หรือ 6C ultra-rapid ที่ชาร์จได้เร็วเพียง 10 นาที แต่อุปสรรคหลักของการปรับใช้โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่ยังไม่เพียงพอ

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีโซลิดสเตตไม่ใช่แค่ไม้ตายเดียวของซัมซุง แต่บริษัทกำลังพัฒนา แบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอสเฟต (LFP) และแบตเตอรี่ที่ปราศจากโคบอลต์ที่มีราคา ถูกกว่า เพื่อใช้แข่งขันในกลุ่มรถอีวีราคาประหยัด ขณะที่ความนิยมของแบตเตอรี่ LFP เองก็กําลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยรายงานล่าสุดคาดว่า เทคโนโลยีนี้คิดเป็น 40% ของยอดขายรถอีวีแล้ว

Source

]]>
1485984
‘บิ๊กเทคจีน’ เร่งตุน ‘ชิปซัมซุง’ สำหรับพัฒนา AI ก่อนจะถูก ‘สหรัฐฯ’ กีดกันการส่งออกในช่วงเดือนนี้ https://positioningmag.com/1485245 Tue, 06 Aug 2024 05:57:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1485245 ดูเหมือนมาตรการการคุมเข้มการส่งออก เซมิคอนดักเตอร์ ไป จีน ของ สหรัฐอเมริกา จะทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุด เหล่าบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนเลยต้องเร่งกักตุนชิป จาก ซัมซุง เพื่อป้องกันกรณีดังกล่าว

บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีน อาทิ หัวเว่ย (Huawei), เทนเซ็นต์ (Tencent) และ ไป่ตู้ (Baidu) รวมไปถึงบริษัทสตาร์ทอัพกำลัง กักตุนเซมิคอนดักเตอร์หน่วยความจำแบนด์วิดท์สูง (HBM) จาก ซัมซุง (Samsung Electronics) เพื่อรับมือกับการที่สหรัฐฯ จะควบคุมการส่งออกชิปดังกล่าวไปยังจีน ซึ่งคาดว่าสหรัฐฯ จะกำหนดข้อจำกัดใหม่ภายในเดือนนี้

โดยบริษัทต่าง ๆ ของจีนได้เพิ่มการซื้อเซมิคอนดักเตอร์ที่มีความสามารถด้าน เอไอ (AI) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ตั้งแต่ต้นปีนี้ ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรก รายได้ในฝั่งชิป HBM ประมาณ 30% ของซัมซุงมาจากจีน และความเคลื่อนไหวดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า จีนกำลังเตรียมพร้อมที่จะรักษาความสามารถในการแข่งขันด้านเทคโนโลยีของตนให้เดินหน้าต่อไป ท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้ากับสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตกอื่น ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น

เนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศจีนยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ ความต้องการชิป HBM ของซัมซุงในประเทศจีนจึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากกำลังการผลิตของผู้ผลิตอื่น ๆ ถูกจองเต็มโดยบริษัท AI ของอเมริกาไปแล้ว ซึ่งชิป HBM ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญในการพัฒนาโปรเซสเซอร์ขั้นสูง และทั่วโลกมีผู้ผลิตเพียง 3 ราย เท่านั้น ที่ผลิตชิป HBM ได้แก่ SK Hynix (เกาหลีใต้), Samsung (เกาหลีใต้) และ Micron Technology (สหรัฐอเมริกา)

โดยปัจจุบัน Micron งดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ HBM ไปยังจีนตั้งแต่ปีที่แล้ว ขณะที่ SK Hynix ซึ่งมีลูกค้ารายใหญ่ที่เป็น HBM เช่น Nvidia มุ่งเน้นไปที่การผลิตชิป HBM ขั้นสูงมากกว่า และ SK Hynix เปิดเผยเมื่อต้นปีนี้ว่า บริษัทกำลังปรับการผลิตเพื่อขยายผลผลิต HBM3E โดยชิป HBM ของบริษัทขายหมดในปีนี้ และเกือบจะขายหมดสำหรับปี 2025

อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถประมาณปริมาณหรือมูลค่าของชิป HBM ที่เก็บไว้ในจีนได้

Source

]]>
1485245
พนักงาน ‘ซัมซุง’ ในเกาหลีใต้ ‘หยุดงานประท้วง’ ครั้งแรกในรอบ 55 ปี หลังเจรจาเรื่องค่าจ้างและโบนัสล้มเหลว https://positioningmag.com/1477021 Fri, 07 Jun 2024 07:51:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1477021 ดูเหมือนว่าบริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติเกาหลีใต้อย่าง ซัมซุง บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและยักษ์ใหญ่ด้านการผลิตชิปจะงานเข้า เพราะมีพนักงานหลายหมื่นคนนัดรวมตัว หยุดงานประท้วง เนื่องจากการเจรจาขอขึ้นค่าแรงและโบนัสล้มเหลว

สหภาพซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ทั่วประเทศ (NSEU) ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สมาชิก 28,000 คน ของบริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ในเกาหลีใต้ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณเกือบ 1 ใน 4 ของจำนวนพนักงานทั้งหมดของบริษัทในประเทศ จะนัดหยุดงานในวันที่ 7 มิถุนายน หลังการเจรจาเรื่องค่าจ้างและโบนัสล้มเหลว

“นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น และเป็นการความเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ แต่เรามีแผนหยุดงานประท้วงอีก หากฝ่ายบริหารปฏิเสธที่จะเจรจา โดยมีความเป็นไปได้ที่เราจะหยุดงานประท้วงอย่างเต็มรูปแบบ” ซอน วูม็อก ผู้นำสหภาพแรงงาน กล่าว

ทั้งนี้ สมาชิก NSEU จำนวนใหญ่ทำงานให้กับหน่วย เซมิคอนดักเตอร์เรือธง ของซัมซุง โดยบริษัทกำลังพยายามผลักดันแผนกดังกล่าว เพื่อให้บริษัทขึ้นกลับไปเป็นผู้นำเซมิคอนดักเตอร์ของตลาด หลังจากที่ซัมซุงตามหลังคู่แข่งอย่าง SK Hynix และ Micron Technology ในการส่งมอบชิปที่ใช้ในโปรเซสเซอร์ปัญญาประดิษฐ์ (AI)

อย่างไรก็ตาม ซัมซุงได้ออกมาแถลงว่า การนัดหยุดดังกล่าว ไม่มีผลกระทบต่อกิจกรรมการผลิตและการจัดการ เนื่องจากการหยุดดังกล่าวอยู่ระหว่างวันหยุดนักขัตฤกษ์เมื่อวานนี้ (6 มิ.ย.) กับวันหยุดเสาร์อาทิตย์ และจะกลับมาทำงานตามปกติในสัปดาห์หน้า

ที่ผ่านมา ซัมซุงต้องเจอกับช่วงเวลายากลำบากในช่วงที่ COVID-19 ระบาด เนื่องจากการ าดแคลนชิป และมาปีที่ผ่านมา ความต้องการชิปในตลาดก็ลดลง เนื่องจากความต้องการอุปกรณ์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของผู้บริโภคยังคงอ่อนแอ เพราะความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก

แต่มาปีนี้ที่เทรนด์ของเอไอกำลังเติบโต ทำให้ความต้องการอุปกรณ์มือถือที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น สมาร์ทโฟนที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอ และเมื่อเดือนที่แล้ว ซัมซุงได้รายงานผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสแรกที่ เพิ่มขึ้นมากกว่าสิบเท่า ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าความต้องการเอไอ และชิประดับไฮเอนด์จะมีสูงขึ้น

ขณะที่ไมโครชิปขั้นสูงส่วนใหญ่ของโลกผลิตขึ้นในสองแห่งเท่านั้น คือ ไต้หวันและเกาหลีใต้ อุตสาหกรรมของไต้หวันมีขนาดใหญ่กว่าและมีความโดดเด่นมากกว่า แต่เกาหลีใต้เองก็พยายามจะขึ้นไปทาบกับไต้หวัน

Source

]]>
1477021
ถอดรหัสความปัง ’Samsung Galaxy S24 Series’ ที่แสดงให้เห็นว่า ‘การตลาด’ ก็สำคัญไม่แพ้ ‘เอไอ’ https://positioningmag.com/1461355 Fri, 02 Feb 2024 11:26:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1461355 แม้ปีที่ผ่านมา ตลาดสมาร์ทโฟนในไทยจะซบเซา แต่หนึ่งในสมาร์ทโฟนที่กำลังกลายเป็นกระแสในตอนนี้คงหนีไม่พ้น Samsung Galaxy S24 Series ที่เปิดตัวมาก็มียอดจองมากกว่ารุ่น S23 Series ถึง 200% โดยตลาดไทยขึ้นแท่นเป็นยอดจองสูงสุดเป็นเป็นอันดับที่ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย ซึ่ง 1 ใน 4 หรือ 25% ของยอดพรีออเดอร์นั้นมาจากแบรนด์คู่แข่ง อะไรทำให้ Samsung Galaxy S24 Series ประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ไปหาคำตอบกัน

เอไอถูกพูดถึงมากกว่าสมาร์ทโฟน

หากพูดถึงตลาดสมาร์ทโฟนในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ส่วนใหญ่จะเน้นการสื่อสารไปที่ ‘กล้อง’ เป็นหลัก แม้หลัง ๆ จะมีสมาร์ทโฟน ‘จอพับ’ แต่ก็ไม่ใช่ผู้บริโภคทุกคนจะตอบรับกับเทรนด์ดังกล่าว กลับกัน การมาของ ChatGPT ได้ปลุกให้คนตื่นตัวกับความสามารถของเอไอ

วัดได้จากกราฟการค้นหาของ Google ที่จะพบว่าการค้นหาเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนลดลงเรื่อย ๆ แต่เรื่องเอไอกลับเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจหากการมาของ Samsung Galaxy S24 Series จะเรียกความสนใจจากผู้บริโภคได้

ดีมานด์สมาร์ทโฟนพรีเมียมไม่มีตก

หากดูจากตัวเลขภาพรวมของตลาดสมาร์ทโฟนตั้งแต่ปี 2020-2023 แม้จำนวนจะลดลงเรื่อย ๆ แต่สมาร์ทโฟนในกลุ่ม ‘พรีเมียม’ (ราคา 20,000 บาท+) ยังเติบโตได้ โดยจำนวนสมาร์ทโฟนในกลุ่มพรีเมียมแม้จะมีเพียง 1.5 ล้านเครื่อง จากจำนวนทั้งหมด 10.7 ล้านเครื่อง แต่ในแง่มูลค่ากลับสูงถึง 1,755 ล้านบาท จากมูลค่าทั้งหมด 3,533 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของตลาดสมาร์ทโฟน

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ตลาดพรีเมียมยังเติบโตได้เป็นเพราะวิกฤฤตเศรษฐกิจไม่กระทบกับกลุ่มที่มีกำลังซื้อ กลับกัน เมื่อผู้บริโภคมีความเข้าใจมากขึ้น มีประสบการณ์จากสมาร์ทโฟนที่ใช้ก็อยากจะอัปเกรดไปใช้รุ่นที่ดีขึ้น และในปัจจุบัน      ผู้บริโภคก็มีทางเลือกที่จะผ่อนชำระได้ ทำให้การซื้อสมาร์ทโฟนที่มีราคาสูงขึ้นไม่ได้มีอุปสรรคมากนัก

ซื้อก่อนไม่เจ็บก่อนอีกต่อไป

หนึ่งในการคิดมุมกลับของ สิทธิโชค นพชินบุตร รองประธานองค์กร ธุรกิจโมบายล์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ ได้เล่าให้ฟังก็คือ เขาไม่อยากได้ยินคำว่า “ซื้อก่อนเจ็บก่อน” เพราะซื้อในราคาเต็ม แต่ผ่านไปสักระยะมีโปรโมชั่นลดราคา ดังนั้น ซัมซุงต้องการเปลี่ยนมายเซ็ทนี้ ทำให้แนวคิดของซัมซุงคือ อัดโปรให้ตั้งเเต่จองเลย เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า ลูกค้าเก่าเองก็จะไม่รู้สึกเหมือนถูกทิ้งด้วย 

จากนี้ ซัมซุงก็มีแผนจะใช้งบการตลาดกับการสอนให้ลูกค้าใช้งานสมาร์ทโฟนให้คุ้มค่ามากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าเห็นประโยชน์จากสมาร์ทโฟนที่ซื้อไปมากขึ้น

พรีเซ็นเตอร์ที่ใช่ในเวลาที่ใช่

ที่ผ่านมา ซัมซุงมีการใช้พรีเซ็นเตอร์มาหลากหลาย แต่ต้องยอมรับว่าการใช้ “พี่จอง-คัลแลน” ที่กำลังโด่งดังอย่างมากในโลกโซเชียลมีเดียไทย นอกจากจะได้ใจแฟนคลับแล้ว แต่ยังสื่อสารได้เข้าเป้าสุด ๆ เนื่องจากพี่จอง-คัลแลนเป็นชาวเกาหลีใต้ แม้จะอยู่ในประเทศไทยจนสื่อสารได้แต่ก็ไม่ได้ 100% เหมือนเจ้าของภาษา ขณะที่ Samsung Galaxy S24 Series ที่มีหนึ่งในฟีเจอร์เด่นอย่าง Live Translate และ Interpreter ที่สามารถแปลภาษาได้เรียลไทม์ ก็ยิ่งช่วยเร่งสร้างกับรับรู้ให้กับผู้บริโภค เรียกได้ว่ากระแสของพี่จอง-คัลแลนมาได้ถูกเวลาจริง ๆ

ปัจจุบัน ตลาดพรีเมียมของไทยถูกครองโดยผู้เล่นเพียง 2 ราย และหนึ่งในนั้นคือ ซัมซุง แน่นอนว่าด้วยการเติบโตของกลุ่มพรีเมียมทำให้หลายแบรนด์พยายามจะเจาะตลาดนี้โดยพยายามหาจุดเด่นมาดึงดูดผู้บริโภค แต่หนึ่งในสิ่งที่ สิทธิโชค มองว่าเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้แบรนด์อื่นนั้นสอดแทรกเข้ามาได้ยากก็คือ ความเชื่อมั่น เพราะซัมซุงอยู่ในตลาดไทยมานาน และเรื่องความเชื่อมั่นหรือความเชื่อใจเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการสร้าง สิทธิโชคทิ้งท้าย

]]>
1461355