ดาบพิฆาตอสูร – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 11 Jan 2021 09:25:56 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘บ็อกซ์ออฟฟิศ’ ยุคโควิดหดตัว -70% ขณะที่ ‘เอเชีย’ กำลังครองตลาดด้วยสัดส่วน 51% https://positioningmag.com/1313609 Mon, 11 Jan 2021 06:09:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1313609 จากพิษ COVID-19 ทำให้ในปี 2020 ยอดขายตั๋วทั่วโลกลดลง 70% เหลือ 1.24 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นอะไรที่ห่างไกลจากบ็อกซ์ออฟฟิศปี 2019 ที่มียอดรวม 4.25 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ที่น่าสนใจคือ ในตลาดอย่างญี่ปุ่น, จีน และออสเตรเลียซึ่งมีผู้ติดเชื้อ COVID-19 ค่อย ๆ ลดลงอย่างมาก ทำให้บ็อกซ์ออฟฟิศฟื้นตัวและเติบโตได้ดีและตอนนี้ได้กลายเป็นตลาดหลักไปเรียบร้อยแล้ว

ปัจจุบัน เอเชียแปซิฟิกคิดเป็น 51% ของบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก โดยตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2019 บ็อกซ์ออฟฟิศของเอเชียแปซิฟิกคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 78% ของโลก เนื่องจากโรงภาพยนตร์ส่วนใหญ่เปิดให้บริการอีกครั้ง โดยญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่น่าจับตามองมาก เนื่องจากญี่ปุ่นมีประชากรมากกว่า 126 ล้านคน แต่ผู้ติดเชื้อ COVID-19 น้อยกว่า 300,000 ราย ขณะรายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศลดลงแค่ 46% ที่ 1.27 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับอเมริกาที่ยอดหดถึง 80% ทำรายได้เพียง 2.28 พันล้านดอลลาร์เนื่องจากอเมริกามีผู้ติดเชื้อถึง 21.6 ล้านรายนับตั้งแต่การแพร่ระบาด

นอกจากนี้ ภาพยนตร์แอนิเมชันที่สร้างจากมังงะยอดนิยม ‘ดาบพิฆาตอสูร’ ยังกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ของประเทศทำลายสถิติของ ‘Spirited Away’ ของ Hayao Miyazaki โดยมียอดขายตั๋วมากกว่า 322 ล้านเหรียญ

“ญี่ปุ่นเป็นเพียงหนึ่งในหลาย ๆ ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของโลกที่สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ดี และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังคงอยู่ในระดับสูง ส่วนจีน, ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ก็มีผู้ติดเชื้อลดต่ำลงอย่างมากทำให้บ็อกซ์ออฟฟิศฟื้นตัวและเติบโตได้ดี”

ในปี 2019 บ็อกซ์ออฟฟิศในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาคิดเป็น 30% ของยอดขายตั๋วทั่วโลก แต่ในปี 2020 ส่วนแบ่งการตลาดนั้นลดลงเหลือเพียง 18% ขณะที่เอเชียแปซิฟิกมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นในปี 2020 คิดเป็น 51% ของยอดขายตั๋วเมื่อเทียบกับปี 2019 ที่มี 41% ตามข้อมูลจาก Comscore และการวิเคราะห์จาก Gower Street

อีกปัจจัยที่นอกจากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี ทำให้ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ที่มีโอกาสเข้าชมภาพยนตร์ ซึ่งทำให้โรงภาพนตร์กลับมาเปิดได้อีกครั้งก็คือ มี ‘ภาพยนตร์ใหม่’ ที่ไม่ใช่หนังฮอลลีวูดเข้าฉาย เพราะอย่างในอเมริกา แม้โรงภาพยนตร์จะกลับมาเปิดอีกครั้งแต่ก็ไม่มีภาพยนตร์ใหม่ ๆ

“จีนมีภาพยนตร์สองเรื่องที่สร้างรายได้มากกว่า 400 ล้านดอลลาร์ในบ็อกซ์ออฟฟิศท้องถิ่น ได้แก่ The Eight Hundred และ My People, My Homeland ส่วนญี่ปุ่นก็มีดาบพิฆาตอสูร The Movie ที่ขึ้นแท่นภาพยนตร์ทำรายได้อันดับ 1 ของประเทศ” Paul Dergarabedian นักวิเคราะห์สื่ออาวุโสของ Comscore กล่าว

จากแนวโน้มดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า การจะกลับไปสู่สถานการณ์ปกติจะต้องใช้เวลาและความอดทนสูงมาก ถ้ามีการบริหารจัดการ COVID-19 ที่ดี และภาพยนตร์ใหม่ที่น่าสนใจ จะสามารถร่วมกันจุดประกายเพื่อจุดชนวนความเจริญรุ่งเรืองของบ็อกซ์ออฟฟิศในปัจจุบันและอนาคตได้

]]>
1313609
ตามคาด! “ดาบพิฆาตอสูร” ล้ม Spirited Away ขึ้นแท่นหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลญี่ปุ่นแล้ว https://positioningmag.com/1312508 Tue, 29 Dec 2020 14:22:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1312508 ทวิตเตอร์ทางการของซีรีส์ระบุว่ายอดผู้ชมหนังล่าสุดขณะนี้อยู่ที่ 24,049,907 ราย คิดเป็นเงิน 32,478,895,850 เยน จากการเก็บรวบรวมทั้งหมด 73 วัน แซงหน้าแชมป์เก่าเรื่อง Spirited Away ของค่ายจิบลิที่เคยทำไว้ 3.16 หมื่นล้านเยน

นอกจากเลขรายรับแล้ว ดาบพิฆาตอสูรยังทุบสถิติด้านความเร็วด้วย ใช้เวลาเพียง 59 วัน ในการขึ้นสู่ 3 หมื่นล้านและยังไม่มีแนวโน้มว่าจะหยุด ขณะที่ Spirited Away ใช้เวลา 253 วัน ในการแตะหลัก 3 หมื่นล้าน

การเปลี่ยนแปลงอันดับหนึ่งหนังทำเงินตลอดกาลของญี่ปุ่นเกิดขึ้นครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2001 ประมาณ 19 ปีมาแล้ว โดยครั้งนั้น Spirited Away ขึ้นแซงหนังฮอลลีวูด Titanic ที่ออกฉายปี 1997 ห่างกันไม่นานมาก

เมื่อพิจารณา 10 อันดับหนังทำเงินตลอดกาลของญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ก็เป็นแนวอนิเมชันโดยเฉพาะของค่ายจิบลิ มีประเภทคนแสดงจริงเพียง 4 เรื่อง เป็นพ่อมดน้อยแฮร์รีพอตเตอร์ 2 ภาคและมีของญี่ปุ่นเองแค่เรื่องเดียว

10 อันดับหนังทำเงินตลอดกาลของญี่ปุ่น

1. Demon Slayer: Mugen Train – 3.247 หมื่นล้านเยน
2. Spirited Away – 3.168 หมื่นล้านเยน
3. Titanic – 2.62 หมื่นล้านเยน
4. Frozen – 2.55 หมื่นล้านเยน
5. Your Name – 2.503 หมื่นล้านเยน
6. Harry Potter and the Philosopher’s Stone – 2.03 หมื่นล้านเยน
7. Howl’s Moving Castle – 1.96 หมื่นล้านเยน
8. The Princess Mononoke – 1.93 หมื่นล้านเยน
9. Bayside Shakedown 2 – 1.735 หมื่นล้านเยน
10. Harry Potter and the Chamber of Secrets – 1.73 หมื่นล้านเยน

Source

]]>
1312508
จากมังงะที่เกือบถูก ‘ตัดจบ’ สู่อนิเมะพันล้าน อะไรทำให้ ‘ดาบพิฆาตอสูร’ พาตัวเองมาถึงจุดนี้? https://positioningmag.com/1310965 Thu, 17 Dec 2020 10:48:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1310965 ‘Kimetsu no Yaiba’ หรือ ‘ดาบพิฆาตอสูร’ ซีรีส์หนังสือการ์ตูนของประเทศญี่ปุ่นที่เขียนโดย ‘โคโยฮารุ โกโตเกะ’ ที่กำลังโด่งดังอย่างมากในขณะนี้ โดยมังงะในญี่ปุ่นก็ขายได้กว่า 100 ล้านเล่ม ส่วนอนิเมชั่นภาค The Movie ‘ศึกรถไฟสู่นิรันดร์’ หรือ ‘Kimetsu no Yaiba: Mugen Ressha-hen’ ที่กำลังเดินหน้าโกยรายได้แล้วกว่า 8.5 พันล้านบาท อาจแซงหน้า Spirited Away ภาพยนตร์การ์ตูนจากสตูดิโอ Ghibli และเป็นผู้ถือสถิติหนังที่ทำรายได้มากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ที่โกยเงินเกือบ 9 พันล้านบาท ส่วนประเทศไทยเองก็ทำรายได้ทะลุ 100 ล้านบาทไปแล้ว แต่หลายคนยังไม่รู้ว่า ดาบพิฆาตอสูรเล่มแรกเคยมียอดขายแค่ 10,000 เล่ม อะไรทำให้ ‘ดาบพิฆาตอสูร’ พาตัวเองมาถึงจุดที่ประสบความสำเร็จขนาดนี้ ไปดูกัน

อนิเมะที่แสนจะดีงาม

ในช่วงแรกกระแสนิยมของดาบพิฆาตอสูรยังไม่เป็นที่นิยมนัก โดยในพันทิปมีการพูดถึงว่ามีโอกาสโดนตัดจบเลยทีเดียว แต่ความนิยมก็เริ่มดีขึ้นเมื่อเริ่มภาค ‘ศึกรถไฟสู่นิรันดร์’ ที่ถูกทำเป็นภาค The Movie นั่นเอง โดยตอนนั้นมียอดขายประมาณ 3 แสนเล่ม แต่จุดเปลี่ยนสำคัญจริง ๆ ก็คือ ‘อนิเมชั่น’ ที่ถูก ‘สตูดิโอยูโฟเทเบิล’ (Ufotable) จับขึ้นจอแก้วจนทำให้ดาบพิฆาตอสูรดังเป็นพลุแตกทั้งในไทยและประเทศญี่ปุ่น โดยมังงะถูกซื้อจนขาดตลาดยอดทะลุล้านเล่มขึ้นแท่นมังงะที่มียอดขายเบอร์ 1 ในปี 2019 แซง ‘One Piece’ การ์ตูนระดับตำนาน

โดยหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ภาพในมังงะของดาบพิฆาตอสูรนั้นไม่ได้ดึงดูดให้ซื้อขนาดนั้น แต่กลับกัน ภาพที่ถ่ายทอดในเวอร์ชั่นอนิเมะนั้น ‘ไร้ที่ติ’ พร้อมกับเพลงประกอบที่ยิ่งเพิ่มความดีงามเข้าไปใหญ่ เลยสามารถปลุกกระแสให้ดาบพิฆาตอสูรทะยานแบบฉุดไม่อยู่เลยทีเดียว

เนื้อเรื่องกระชับไม่ซับซ้อน

ในส่วนของเนื้อเรื่องของดาบพิฆาตอสูรนั้น เริ่มต้นจากเมื่อครอบครัวของ ‘คามาโดะ ทันจิโร่’ ตัวเอกของเรื่องได้ถูกสังหารยกครัวโดย ‘อสูร’ ส่วนน้องสาวที่รอดชีวิตเพียงคนเดียวก็คือ ‘เนซึโกะ’ ยังกลายเป็นอสูรอีก ทันจิโร่ของเราจึงเลือกเข้า ‘หน่วยพิฆาตอสูร’ เพื่อล้างแค้นพร้อมกับหาวิธีช่วยน้องสาวให้กลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง

แค่เห็นเส้นเรื่องก็คงจะพอเดาออกว่าไม่ซับซ้อน ซึ่งแทบจะเรียกว่าเดินเป็นเส้นตรงแบบไม่มีเลี้ยวหรือแวะไปไหนเหมือนกับการ์ตูนเรื่องอื่น ทำให้เนื้อหากระชับฉับไวไม่ต้องรอนานกว่าจะเจอบอสของเรื่อง ขณะที่เงื่อนไขการใช้พลังของพระเอกและวายร้ายก็ไม่ซับซ้อนจนต้องมาขบคิดให้ปวดหัวเหมือนการ์ตูนในยุคใหม่ ด้วยเหตุนี้เองจึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม ‘เด็ก ๆ’ ถึงได้โปรดปรานดาบพิฆาตอสูรขนาดนี้

กล้าที่จะทำภาค Movie ต่อจาก อนิเมะ

โดยปกติแล้วการ์ตูนภาค The Movie จะเป็นเนื้อหาใหม่ที่ไม่ได้มีในมังงะ ส่วนหนึ่งก็เพื่อดึงดูดแฟน ๆ มาดูด้วยความสดใหม่ที่ไม่เคยรู้เนื้อเรื่องจากไหนแน่นอน แถมจะมีการอธิบายตัวละครหรือเนื้อเรื่องคร่าว ๆ เพื่อให้คนดูเข้าใจ แต่!!! ไม่ใช่กับ ดาบพิฆาตอสูร The Movie ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ เพราะนี่เป็นเนื้อเรื่องต่อจากอนิเมชั่นที่จบไปในซีซั่นส์ 1 เลย นั่นทำให้หลายคนกังวลว่า หากไม่เคยดูอนิเมะหรืออ่านมังงะจะดูรู้เรื่องไหม” แน่นอนว่า ‘ไม่รู้เรื่อง’ เพราะมันมีอะไรให้เอ๊ะแน่นอน แต่ผู้ชมก็ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับความสนุกได้ และนั้นช่วยให้ฐานแฟนของดาบพิฆาตอสูรเพิ่มขึ้นไปอีก

เพราะด้วยความที่แฟน ๆ การ์ตูนเรื่องนี้เป็นเด็กเยอะ ‘ผู้ปกครอง’ จึงต้องพาลูกจูงหลานไปชม รวมถึงกระแสที่แรงมากจนคนที่ ‘ไม่รู้จัก’ อยากจะไปดูด้วยตาว่า ‘สนุก’ แค่ไหน ซึ่งนั่นทำให้หลายคนเริ่มกลับมาดูอนิเมะหรืออ่านมังงะก่อนหรือกลังรับชมภาค The Movie ซึ่งกลายเป็นว่าช่วยเพิ่มฐานแฟนคลับไปโดยปริยาย

ตัวละครแสนอบอุ่นจับต้องได้

หากให้อธิบายว่าตัวละครพระเอกในเรื่องอบอุ่นยังไง หรืออธิบายว่าเหล่าคาแร็กเตอร์ในเรื่องจับต้องได้แบบไหนคงจะยากสักหน่อย เพราะการ ‘รับชมเอง’ น่าจะสัมผัสได้ง่ายกว่า แต่ถ้าให้อธิบายคร่าว ๆ คือ พระเอกที่ไม่เคยคิดร้ายกับใคร ใจดีและเห็นอกเห็นใจแม้กระทั่งศัตรูที่ต้องสู้ด้วย หรืออย่างตัวละครบางตัวที่ต้องเสียสละชีวิตเพื่อต่อสู้กับอสูรที่ไม่มี ‘Dragon Ball’ มาช่วยชุบชีวิต ก็เป็นอีกสิ่งที่ทำให้แฟน ๆ อินด้วยได้ไม่ยาก

ถ้าแค่พูดปากเปล่าว่าอินขนาดไหนคงไม่เห็นภาพ ดังนั้นลองไปดูผลสำรวจเหล่าเด็กประถมกว่า 7,000 คนพบว่า 10 ‘บุคคลในดวงใจ’ เป็นใครกันบ้างนั้นพบว่า ‘อันดับ 1’ ได้แก่ ‘คามาโดะ ทันจิโร่’ พระเอกจากดาบพิฆาตอสูรนั่นเอง โดยเด็ก ๆ ให้เหตุผลว่า “เป็นคนที่พยายามและไม่ยอมแพ้ ดีกับทุกคน รักครอบครัว” ส่วนอีก 9 อันดับนั้น 6 อันดับเป็นตัวละครจากดาบพิฆาตอสูรทั้งสิ้น ส่วนอีก 3 อันดับที่เหลือก็คือ พ่อ แม่ และคุณครู (ซึ่งทันจิโร่เป็นบุคคลในดวงใจมากกว่าพ่อ-แม่ไปอีก) แค่นี้คงเห็นแล้วว่าเด็ก ๆ อินกันมากแค่ไหน

ถ้าว่ากันซื่อ ๆ สิ่งที่นำพา ‘ดาบพิฆาตอสูร’ มาถึงจุดนี้คงไม่มีอะไรมากกว่าคำว่า ‘Content is King’ เพราะด้วยเนื้อหาที่สนุกน่าติดตาม เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน ภาพสวย ดนตรีประกอบดีงาม แค่องค์ประกอบเหล่านี้ก็ทำให้ได้ในคนดูได้ไม่ยาก

]]>
1310965
“ดาบพิฆาตอสูร” ฟีเวอร์! ขึ้นแท่นรายได้ตลอดกาลอันดับ 2 ในญี่ปุ่น แซง “ไททานิก” แล้ว https://positioningmag.com/1308294 Mon, 30 Nov 2020 15:18:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1308294 หนังโรง ดาบพิฆาตอสูร เปิดตัวเลขรายรับสัปดาห์ล่าสุดในญี่ปุ่น ทำยอดขึ้นอันดับสองตลอดกาลแซงหน้าหนังฮอลลีวูดไททานิกแล้ว

ทวิตเตอร์ทางการของซีรีส์นี้ประกาศว่ายอดรวมผู้ชมหนังล่าสุดอยู่ที่ 20,532,177 คน คิดเป็นรายรับที่ 27,512,438,050 เยน จากการยืนโรงฉายมา 45 วัน เพิ่มจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ทำยอดคนดูไว้ 19.3 ล้านคนคิดเป็นเงิน 2.59 หมื่นล้านเยน

จากตัวเลขล่าสุด หนังเรื่องนี้ก็ขึ้นไปอยู่อันดับสองหนังทำเงินตลอดกาลของญี่ปุ่นแบบนับรวมทุกหมวดทุกประเภท แซงหน้าหนังฮอลลีวูดไททานิกที่เคยทำไว้ 2.62 หมื่นล้าน ส่วนอันดับหนึ่งยังเป็น Spirited Away ของสตูดิโอจิบลิทำไว้กว่า 3 หมื่นล้าน

ในวันที่ 4 ธันวาคม หนังสือมังงะต้นฉบับของเรื่องนี้จะวางจำหน่ายเล่ม 23 เป็นเล่มอวสานมาพร้อมหน้าเสริมที่ถูกตัดออกจากฉบับรายสัปดาห์ โดยจะพิมพ์ล็อตแรกจำนวน 3.95 ล้านเล่ม ขณะที่ยอดรวมทั้งซีรีส์ก็ทะลุ 120 ล้านเล่มไปแล้ว

สำหรับเมืองไทย หนังเรื่องนี้จะใช้ชื่อว่า ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ : ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ กำหนดฉายคือวันที่ 9 ธันวาคม

Source

]]>
1308294
ดราม่า ‘คืนอาชีพให้นักพากย์’ เมื่อดารามาแทนที่นักพากย์เพียงเพราะ ‘การตลาด’ https://positioningmag.com/1307002 Fri, 20 Nov 2020 12:25:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1307002 อนิเมชั่นสุดร้อนแรงแห่งปีของญี่ปุ่น ‘Kimetsu No Yaiba : Mugen Ressha Hen (ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ : ศึกรถไฟสู่นิรันดร์)’ ที่สามารถทำเงินได้ถึง 20,000 ล้านเยนภายใน 20 วัน กำลังจ่อคิวฉายที่ไทยในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ แต่เพียงแค่ปล่อยตัวอย่างเวอร์ชัน ‘พากย์ไทย’ ออกมาเกิดดราม่าเพราะผู้ให้เสียง ‘อากาสึมะ เซ็นนิตสึ’ นั้นคือ ‘ไอซ์ พาริส อินทรโกมาลย์สุต’ ซึ่งเป็น ‘ดารา’ ขณะที่เหล่าแฟน ๆ มองว่าควรให้ ‘นักพากย์’ มาให้เสียงมากกว่าจนเกิดแฮชแท็ก #คืนอาชีพให้นักพากย์

ไม่ใช่ครั้งแรกที่ดาราพากย์หนัง

แน่นอนว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่ดารามาจับงานพากย์เสียงให้ภาพยนตร์ ถ้าใครชมภาพยนตร์อย่าง Toy Story ก็ได้ดารารุ่นใหญ่อย่าง ‘สรพงษ์ ชาตรี’ มาให้เสียงเป็น ‘วูดดี้’ ตัวเอกของเรื่อง หรืออย่าง ‘ดีเจเชาเชา’ ที่ให้เสียงเป็น ‘อาโป’ ใน ‘กังฟู แพนด้า’ และอย่างในภาพยนตร์ ‘Harry Potter’ น้อยคนจะรู้ว่า ‘อาหมู ดิลก ทองวัฒนา’ พากย์เป็น ‘ลอร์ด โวลเดอมอร์’ ตัวร้ายของเรื่อง

อย่างไรก็ตาม ที่ตัวอย่างส่วนใหญ่ที่หยิบยกมานั้น เป็นงานพากย์ที่แฟน ๆ ภาพยนตร์ยอมรับว่าออกมาดีเหมือนต้นฉบับ แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่พากย์ออกมาแล้วเกิดดราม่าไม่ต่างจากครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น ‘Green Lantern’ ที่ได้ ‘แดน วรเวช ดานุวงศ์’ ที่ให้เสียงเป็น ‘ฮาล จอร์แดน’ พระเอกของเรื่องที่หลายคนออกอาการไม่ชอบอย่างแรง หรือที่ดราม่าอย่างหนักเลยก็คือ ‘one piece the movie film gold’ ที่ได้ ‘ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์’ ที่พากย์เสียงเป็นตัวร้าย

กระแสแรงเพราะแฟน ๆ ‘คาดหวัง’

มีหลากหลายสาเหตุที่ผู้จัดจำหน่ายต้องดึงราคามาให้เสียงพากย์ไทย อาทิ มีโทนเสียงตรงตามต้นฉบับ (อย่างชาคริต แย้มนาม ที่เคยให้เสียงไทยในสตาร์วอส์ แม้แฟน ๆ ในไทยจะไม่ชอบ แต่ถูกใจจอร์จ ลูคัส ผู้กำกับมาก) และอีกสาเหตุก็คือ ‘สร้างกระแส’ แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ผ่านการให้เสียงภาษาไทยโดยดารานั้นมีทั้งดีและไม่ดีอย่างที่ระบุไปตั้งแต่ตอนต้น เนื่องจากการพากย์ไม่ใช่อะไรที่ง่าย ดังนั้น จะให้พากย์ออกมาดีสู้นักพากย์อาชีพคงไม่ง่าย

อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งที่ทำให้ดราม่าเสียงพากย์ของอนิเมะ ‘Kimetsu No Yaiba : Mugen Ressha Hen’ นั้นแรงกว่าครั้งไหน ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ‘ภาพจำ’ ที่ไม่ดีนักของการดึงเอาดารามาพากย์หนัง ทำให้แฟน ๆ ของ Kimetsu No Yaiba เกิดอาการ ‘ไม่พอใจ’ เพราะกลัวว่าจะไม่ได้อรรถรสเหมือนกับต้นฉบับ นอกจากนี้เสียงที่ไอซ์ พาริสให้เสียงนั้นคือ ‘อากาสึมะ เซ็นนิตสึ’ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ตัวหลักของเรื่อง ไม่ใช่ตัวละครใหม่ที่ออกมาเฉพาะหนังโรงเหมือนที่เคย ๆ

อากาสึมะ เซ็นนิตสึ

‘ข้อเปรียบเทียบ’ ชัดเกินไป

สำหรับอนิเมชั่นฉบับซีรีส์ของ Kimetsu No Yaiba นั้นบริษัท ‘การ์ตูนคลับ’ เป็นผู้คว้าลิขสิทธิ์ในไทย โดยได้ ‘ม็อบ กิตติธร พันธ์โคกกรวด’ นักพากย์มืออาชีพ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากแฟนการ์ตูนว่าใกล้เคียงกับต้นฉบับเสียงของญี่ปุ่น ดังนั้น ไอซ์ พาริสจึงไม่ใช่แค่โดนอคติจากภาพจำเมื่อดารามาพากย์เสียง แต่มันมี ‘ข้อเปรียบเทียบ’ ที่ชัดเจนอย่างมาก

ไอซ์ พาริส อินทรโกมาลย์สุต

อย่างไรก็ตาม การพากย์หนังพากย์การ์ตูนไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยประสบการณ์และการฝึกฝน ดังนั้น คงจะโทษถึงตัวดาราที่ให้เสียงพากย์ได้ไม่ดีตามความคาดหวังคงจะไม่ได้ เนื่องจากการพากย์ไม่ได้เป็นอาชีพหลัก แต่จากนี้เหล่าค่ายหนังที่ซื้อหนังมา อาจจะต้องทบทวนเรื่องการดึงดารามาพากย์เสียงในหนัง ว่าสุดท้ายแล้วดาราที่ดึงมาพากย์นั้นจะช่วยดึงดูดให้มีผู้ชมเยอะขึ้นหรือทำให้หายไปกันแน่ เพราะต้องยอมรับว่ามีดาราน้อยคนที่จะทำได้ดี ไม่อย่างนั้นก็จะมีดราม่า ‘คืนอาชีพให้นักพากย์’ วนเวียนไม่รู้จบอย่างนี้

]]>
1307002
‘Sony’ ปรับเป้ากำไรหลังเห็นยอดจอง ‘PS5’ แถม ‘ดาบพิฆาตอสูร เดอะ มูฟวี่’ ยังทำเงินถล่มทลาย https://positioningmag.com/1303513 Wed, 28 Oct 2020 12:51:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1303513 แม้ว่าจะเจอกับพิษ COVID-19 เล่นงาน ส่งผลให้รายได้จากธุรกิจภาพยนตร์ของบริษัท Sony (โซนี่) ลดลงหนัก แต่ด้วยอานิสงส์จากอนิเมชั่น Kimetsu No Yaiba : Mugen Ressha Hen (ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ : ศึกรถไฟสู่นิรันดร์) สามารถทำเงินได้ถึง 10,000 ล้านเยนภายใน 10 วัน แถมยอดจองของเครื่องเกมคอนโซล PlayStation 5 (PS5) ที่จะวางจำหน่ายในเดือนหน้าก็น่าจะไปได้สวย ส่งผลให้ Sony ปรับประมาณการกำไรทั้งปีให้สูงขึ้น

Sony ได้รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ตามปีงบประมาณบริษัท (กรกฎาคม-กันยายน) มีรายได้รวม 2.1135 ล้านเยน ลดลงเล็กน้อย (ประมาณ 0%) เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว โดยกลุ่มธุรกิจเกมสามารถทำเงินได้มากที่สุดที่ 5.066 แสนล้านเยน เติบโต 52.2% ตามด้วยกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ 5.047 แสนล้านเยน เติบโต 11.2% ส่วนขณะที่ธุรกิจภาพยนตร์ 1.923 แสนล้านเยน ลดลงถึง 68.3%

โดย Sony ระบุว่า แม้ COVID-19 จะกระทบกับธุรกิจภาพยนตร์ก็ตาม แต่ก็ช่วยดันธุรกิจเกมให้เติบโตขึ้น ถึงแม้ว่า PS4 จะมียอดขายลดลง แต่ยังมียอดขายจากเกมและบริการ PS Plus ขณะที่ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ก็เติบโตจากยอดขายโทรทัศน์ที่เพิ่มมากขึ้น และด้วยแนวโน้มของ PS5 ที่กำลังจะวางขายในเดือนหน้า รวมถึงอนิเมชั่น ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ : ศึกรถไฟสู่นิรันดร์จากค่าย Aniplex บริษัทในเครือ Sony สามารถทำรายได้กว่า 10,000 ล้านเยน ส่งผลให้ Sony ปรับเพิ่มประมาณการกำไรประจำปีขึ้น 13% ที่ 7 แสนล้านเยน จากเดิมอยู่ที่ 6.7 แสนล้านเยน

“เราคาดว่าแผนกเกมจะมีกำไร 300,000 ล้านเยนในปีนี้ จากที่ปีก่อนทำได้ 240,000 ล้านเยน โดยเราคาดว่า PS5 จะมียอดขาย 7.6 ล้านเครื่องภายในเดือนมีนาคม 2021” หัวหน้าเจ้าหน้าที่การเงิน Hiroki Totoki กล่าว

อย่างไรก็ตาม ด้วยสงครามของ ‘สหรัฐฯ’ กับ ‘หัวเว่ย’ ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจจำหน่าย ‘เซ็นเซอร์ภาพ’ ของบริษัท เนื่องจากหัวเว่ยเป็นหนึ่งในลูกค้าอันดับ 2 ของ Sony รองจาก Apple ส่งผลให้แนวโน้มผลกำไรลดลง 38% เหลือ 8.1 หมื่นล้านเยน แม้จะมีความพยายามในการกระจายลูกค้า แต่การฟื้นตัวอย่างเต็มที่ในการทำกำไรในธุรกิจเซ็นเซอร์ภาพจะเกิดขึ้นอีกทีในปีจนถึงเดือนมีนาคม 2566

Source

]]>
1303513