ตลาดหุ้นเวียดนาม – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 25 Oct 2023 10:13:59 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เวียดนามเตรียมใช้โมเดลจีน อัปเกรดตลาดหุ้นขึ้นไปอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ดึงนักลงทุนต่างชาติ https://positioningmag.com/1449227 Wed, 25 Oct 2023 07:58:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1449227 เวียดนามเตรียมใช้โมเดลจีน ในการอัปเกรดตลาดหุ้นขึ้นไปอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติที่มีเม็ดเงินลงทุนหลักหลายแสนล้านบาท ซึ่งปัจจุบันตลาดหุ้นเวียดนามอยู่ในกลุ่มตลาดชายขอบเท่านั้น

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าว โดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า เวียดนาม เตรียมใช้โมเดลของประเทศจีนในการดึงดูดนักลงทุนชาวต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการผลักดันมาตรการที่จะทำให้ตลาดหุ้นของเวียดนามถูกอัปเกรดขึ้นไปอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา

แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องของสำนักข่าว Reuters ที่ขอไม่ระบุตัวตน ได้กล่าวว่า ตัวแทนของ FTSE ซึ่งเป็นผู้จัดทำดัชนีลงทุน ได้มาที่ประเทศเวียดนามเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้แนะนำแผนรวมถึงการแก้ปัญหาที่จะทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามเวียดนามถูกอัปเกรดขึ้นไปอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา

รายงานล่าสุดของ FTSE กล่าวว่าความคืบหน้าในการปฏิรูปตลาดหุ้นของเวียดนามยังคงช้ากว่าแผนที่วางไว้ แต่รัฐบาลเวียดนามได้ให้คำมั่นสัญญาในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

ปัญหาสำคัญของตลาดหุ้นเวียดนามในตอนนี้คือการชำระธุรกรรมซื้อขายหุ้นจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของ FTSE โดยมาตรฐานในตลาดหุ้นทั่วโลกจะอยู่ที่ 2 วัน แต่ในเวียดนามจะใช้ภายในวันเดียวกัน ส่งผลทำให้ต้นทุนในการทำธุรกรรมซื้อขายหุ้นเพิ่มมากขึ้น และยังสร้างความเสี่ยงต่อนักลงทุนชาวต่างชาติ

โมเดลที่จะทำให้เวียดนามถูกอัปเกรดขึ้นไปอยู่ในตลาดหุ้นกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา คือ ตลาดหลักทรัพย์และบริษัทหลักทรัพย์ของเวียดนามจะใช้กลไกที่คล้ายคลึงกับที่ใช้ในประเทศจีน โดยบริษัทหลักทรัพย์ในเวียดนามจะรับประกันการชำระเงินของนักลงทุนชาวต่างชาติ โดยให้เครดิตแก่พวกเขาเป็นเวลา 2 วันจนกว่าธุรกรรมในการชำระซื้อขายหุ้นจะเสร็จสิ้น

ปัจจุบันดัชนีการลงทุนทั้ง MSCI และ FTSE นั้นเวียดนามยังอยู่ในดัชนีตลาดชายขอบ (Frontier Markets) ทำให้นักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนรายใหญ่ ไม่สามารถที่จะลงทุนได้

การตัดสินใจของผู้จัดทำดัชนีอย่าง FTSE ที่จะพิจารณาให้เวียดนามเข้าสู่ตลาดหุ้นกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาได้ไวสุดคือช่วงเดือนกันยายนของปี 2024

ถ้าหากตลาดหุ้นเวียดนามเวียดนามถูกอัปเกรดขึ้นไปอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ก็จะทำให้เม็ดเงินหลายแสนล้านบาทจากนักลงทุนสถาบันไปลงทุนที่เวียดนาม ซึ่งตลาดดังกล่าวมีทั้ง จีน ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อยู่ในกลุ่มดังกล่าวด้วย

]]>
1449227
อ่าน 6 ข้อ ทำความเข้าใจ DR DIAMOND โอกาสลงทุน ‘Super Stock’ ตลาดหุ้นเวียดนาม https://positioningmag.com/1378539 Tue, 22 Mar 2022 10:18:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1378539 การลงทุนต่างประเทศในปัจจุบัน ‘ง่ายเเละสะดวก’ กว่าสมัยก่อนมาก ด้วยต้นทุนค่าธรรมเนียมที่ถูกลง หาข้อมูลได้ง่ายขึ้น ช่องทางการลงทุนที่หลากหลายเเละข้อจำกัดที่ลดลง เปิดโอกาสการเเสวงหาผลตอบเเทนในตลาดที่น่าสนใจทั่วโลก

หนึ่งในนั้นคือ ‘ตลาดหุ้นเวียดนาม’ ที่กำลังเป็นดาวรุ่งเเห่งเอเชีย หลังในปีที่ผ่านมาพุ่งทะยานสุดขีด ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 เเละมีเเนวโน้มการเติบโตในระยะยาว

วันนี้ Positioning พูดคุยกับ “บรรณรงค์ พิชญากร” กรรมการผู้จัดการอาวุโส กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ถึงโอกาสการลงทุนในหุ้น ‘Super Stock’ ของเวียดนาม ผ่านตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือ DR พร้อมการเปิดตัว DR “DIAMOND”

DR เเตกต่างจากหุ้นอย่างไร

โดยทั่วไปเเล้ว หุ้นสามัญ (Common Stock) จะเป็นตราสารที่ออกโดยบริษัทมหาชนจำกัด (บมจ.) ที่ต้องการระดมทุนจากประชาชน ผ่านการจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เเห่งประเทศไทย

ส่วน Depositary Receipt หรือ DR จะเป็นตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ ที่เปิดทางเลือกให้กับนักลงทุนไทยให้สามารถซื้อขายหุ้นหรือ ETF ในต่างประเทศได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ผ่านการซื้อขาย DR ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ

โดยสำนักงานก... อนุญาตให้ผู้ออก DR ไปซื้อหุ้น หรือ ETF ในต่างประเทศ เเล้วนำมาเสนอขายกับนักลงทุนชาวไทยเป็นเงินบาท เเละใช้บัญชีหุ้นที่มีอยู่เเล้ว ซึ่งผู้ถือ DR จะมีสิทธิต่างๆ เหมือนไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศเอง

ที่ผ่านมา นักลงทุนเมื่อต้องการลงทุนหุ้นต่างประเทศ วิธีเเรกมักจะลงทุนผ่านกองทุนรวมที่บริหารโดยผู้จัดการกองทุน วิธีที่สองคือ ติดต่อผ่านโบรกเกอร์ที่ใช้บริการเพื่อซื้อขายหุ้นโดยตรง เเละวิธีที่สามคือลงทุนผ่าน DR ที่บริษัทหลักทรัพย์ทั้งหลายเป็นผู้ออกซื้อขายได้ในเวลาประเทศไทย

สมมติว่าเราจะซื้อหุ้นเมืองนอกสักตัว ถ้าซื้อผ่านกองทุนรวมโอนเงินตอน 11.00 . เเต่จะไม่รู้ว่าจะได้ซื้อในราคาของช่วงไหน เพราะอาจจะไปถูกตัดสินว่าเป็นราคาเย็นนี้ พรุ่งนี้ หรืออีกสองวันข้างหน้า ดังนั้นเวลาที่โอนเงินซื้อกับราคาที่ได้จึงไม่เรียลไทม์

ส่วนวิธีการติดต่อผ่านโบรกเกอร์เพื่อซื้อหุ้นต่างประเทศโดยตรงนั้น มีความรวดเร็ว เเต่จะต้องมีการเเยกพอร์ต เเละเปิดบัญชีใหม่ เเละต้องโอนเงินไปล่วงหน้า

ขณะที่วิธีลงทุนหุ้นต่างประเทศผ่าน DR จะสามารถติดตามราคาเเละซื้อขายได้แบบ Real-Time ตามราคาเเละเวลาของตลาดนั้นๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Streaming เพียงมีบัญชีลงทุนหุ้นที่สามารถซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นไทยกับบริษัทหลักทรัพย์ใดก็ได้

บางหลักทรัพย์ DR สามารถลงทุนได้ต่อเนื่อง ลงทุนได้ตั้งแต่เวลาตลาดหุ้นไทยเปิดทำการ 10.00 .ไปจนถึงตลาดหุ้นไทยปิดทำการ 16.30 . ส่วนข้อด้อยของ DR นั้น ในปัจจุบันมีตัวเลือกน้อย เพราะในไทยยังมี DR ออกมาไม่มากนัก เมื่อเทียบกับความต้องการของตลาด 

Photo : Sutterstock

เปิดโอกาสลงทุน ‘Super Stock’ เวียดนาม

ย้อนกลับไปเมื่อปลายปี 2561 หลักทรัพย์บัวหลวงเป็นผู้ออกเจ้าแรกของไทย โดยใช้สัญลักษณ์  “E1VFVN3001” ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็นกองทุนรวม ETF อ้างอิงดัชนี ‘VN30’ หุ้น30 บริษัทชั้นนำ คิดเป็นกว่า 68% ของตลาดหุ้นเวียดนาม

นับเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยได้ไปลงทุนในตลาดเวียดนาม ที่มีการเติบโตดี ราคาหุ้นยังไม่เเพงมากนัก เเละได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง

ตลอดช่วงที่ผ่านมา ได้มีการศึกษาผลิตภัณฑ์ ไปพร้อมๆ กับการสร้างการรับรู้ให้ผู้คนเข้าใจเเละเข้าถึง DR มากขึ้นเรื่อยๆ

โดยยอดซื้อ IPO ใน DR ตัวเเรกของหลักทรัพย์บัวหลวง ระดมทุนได้เกือบ 700 ล้านบาท เเละ 3 ปีต่อมาขนาดของ DR ดังกล่าวขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 6,800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า เเละยังคงมีนักลงทุนไทยซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างต่อเนื่อง

หลังจากมีเสียงตอบรับเป็นที่น่าพอใจนักลงทุนไทยเข้าใจการลงทุนต่างประเทศผ่านวิธีนี้มากขึ้น เเละชื่นชอบในความสะดวกเเละรวดเร็ว

หลักทรัพย์บัวหลวง จึงต่อยอดด้วยการเปิดตัว DR “DIAMOND” โดยใช้สัญลักษณ์ว่า “FUEVFVND01” ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น DCVFMVN DIAMOND ETF (FUEVFVND) ที่ลงทุนอ้างอิงดัชนี VN DIAMOND ที่มีคุณสมบัติหลักประกอบไปด้วยหุ้นที่มีผู้ลงทุนต่างชาติถือหุ้นอย่างน้อย 95% ของสัดส่วนที่ลงทุนได้ (Foreign Ownership Limit หรือ FOL) ออกโดย Dragon Capital VietFund Management (DCVFM) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ชั้นนำ ซึ่งมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) รวมสูงที่สุดในเวียดนาม เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปในหุ้น ‘Super Stock’ ของเวียดนาม

ทั้งนี้ หลักทรัพย์บัวหลวง วางเเผนจะมีการเปิดตัว DR ใหม่จำนวนทั้งหมด 5 ตัวในปี 2565 โดยที่เหลืออีก 4 ตัวจะมี DR ที่อ้างอิงกับ China STAR50 , CSI 300 , Nasdaq-100 เเละ Hang Seng Index 

ตลาดหุ้นเวียดนาม น่าสนใจเเค่ไหน ? 

ความน่าสนใจในการลงทุนในตลาดเวียดนาม หลักๆ มาจากปัจจัยพื้นฐาน มีหลายอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตมีความมั่นคงทางการเมือง เเละทุ่มงบประมาณเพื่อมุ่งดึงดูดการลงทุน วางเป้าหมายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยวิกฤตโควิด-19 ไม่ได้เป็นปัญหาต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนามมากนัก เนื่องจากมีการกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึง และอัตราการฉีดวัคซีนที่อยู่ในระดับสูง

การเติบโตของเวียดนามได้รับการสนับสนุนจากภาคการส่งออกที่ขยายตัว การลงทุนจากต่างชาติที่เพิ่มข้ึน เป็นฐานการผลิต และการบริโภคภายในประเทศที่สูง จากการมีประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนมากกว่า 30%

อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเเละมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าจะมาเป็นปัจจัยหนุนต่อการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามในปีนี้

ขณะที่คาดว่าภาคส่งออกจะขยายตัว 30% หลังมีการทำสนธิสัญญาทางการค้ากับหลายประเทศ เเละสามารถคุมอัตราเงินเฟ้อได้ในระดับ 3.5-4% พร้อมการเตรียมตัวเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

คาดว่า GDP เวียดนามปี 2565 จะโตสูงสุด 9.6% หรือในกรณี worst case จะอยู่ที่ 7.3% YoY สูงกว่าอัตราเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง ซึ่งอัตราการเติบโตในระดับ 7% กว่าๆ นั้นเป็นตลาดทุนที่หาได้ไม่ง่ายนักในช่วงเศรษฐกิจเช่นนี้

ส่วนความเสี่ยงของการลงทุนในตลาดเวียดนาม คือต้องดูอัตราเเลกเปลี่ยนว่าเป็นอย่างไรบ้าง ความเสี่ยงของค่าเงินดอง เเต่ก็มีการอิงกับค่าเงินดออลาร์ค่อนข้างเยอะ เเละเรื่องของการเติบโตต่างๆ ว่ามีความเสี่ยงเเฝงอยู่หรือไม่

นอกจากนี้ ด้วยความที่เวียดนามเป็นตลาด ‘Frontier Market’ จึงมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของการซื้อขายหุ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา โดยอุตสาหกรรมเด่นๆ ของเวียดนาม ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่ม การเงินเเละอสังหาริมทรัพย์

จุดเด่น DR “DIAMOND”

สำหรับจุดเด่นของ DR “DIAMOND” ลงทุนเวียดนามตัวที่สองจากหลักทรัพย์บัวหลวง คือ

ลงทุนง่ายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และซื้อขายได้เสมือนหุ้นไทยแบบ “Real-Time” ไม่มีพักกลางวัน โดยใช้เงินเริ่มต้นลงทุนไม่มาก 1 หน่วย DR ก็ลงทุนได้ (ราคา ณ วันที่ 9 มี..อยู่ที่ 41 บาทต่อ 1 DR) ออกโดยหลักทรัพย์บัวหลวง ที่ได้รับอันดับเครดิต AA จาก TRIS Rating

สามารถลงทุนในหุ้นเวียดนามได้ โดยไม่ติดข้อจำกัดสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทเวียดนามหลายแห่งจะมีข้อกำหนดสัดส่วนการถือครองหุ้นโดยผู้ลงทุนต่างประเทศ (FOL)

โดยนักลงทุนไม่ต้องเสียค่า premium ให้กับหุ้นที่ Foreign room ใกล้เต็มหรือเต็มไปแล้วในเวียดนาม จึงทำให้นักลงทุนชาวต่างชาติ รวมไปถึงนักลงทุนไทย สามารถลงทุนในหุ้นเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องเสียค่าพรีเมียม ที่ปกติจะมีราคาสูงกว่าในกระดานราว 7-30%

อีกหนึ่งจุดสำคัญคือ ได้ลงทุนหุ้นเวียดนามชั้นนำ “17 ตัวตามดัชนี VN DIAMOND โดย DR “DIAMOND” ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงิน, หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย, หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, หุ้นกลุ่มอุตสาหการ และหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์สัดส่วนประมาณ 40% 29% 15% 12% และ 4% ตามลำดับ

ผู้ออก DR “DIAMOND ไม่เก็บค่าธรรมเนียมในการจัดการ (Management Fee) โดยมีค่าธรรมเนียมการจัดการเพียงต่อเดียวที่ 0.8% เก็บโดย ETF ต้นทาง

เรามองว่าการลงทุน DR เป็นทางเลือกให้นักลงทุนไทย ที่จะสามารถกระจายความเสี่ยงการลงทุนไปสู่ตราสารอื่นๆ ที่น่าลงทุน เบื้องต้นไม่ได้ตั้งเป้าหมาย IPO ว่าจะต้องได้เท่าไหร่ เเต่สิ่งที่อยากเห็นมากกว่าคือคนไทยมีความเข้าใจใน DR มากขึ้น การเติบโตเเบบค่อยเป็นค่อยไปจึงเป็นสิ่งที่ดี

จองซื้อ IPO DR “DIAMOND” ต้องทำอย่างไร ?

DR “DIAMOND” จะเปิดให้ลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวงจองซื้อไอพีโอ (IPO) ผ่าน 2 ช่องทางคือ www.bualuang.co.th เเละผ่านผู้แนะนำการลงทุน โทรศัพท์บันทึกเทป ได้ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม เวลา 9.00 . ถึงวันที่ 24 มีนาคม 2565 เวลา 16.00 .

จำนวนเงินจองซื้อขั้นต่ำอยู่ที่ 20,000 บาท และเพิ่มเป็นทวีคูณของ 1,000 บาท

โดยผู้จองซื้อชำระเงินค่าจองซื้อตามจำนวนเงินที่ต้องการลงทุน ซึ่งจะได้รับการจัดสรรจำนวนหน่วย DR ตามราคาเฉลี่ยของราคาหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ผู้ออกตราสาร ซื้อได้ รวมค่าธรรมเนียมในการซื้อหลักทรัพย์ต่างประเทศ ปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยน

บริษัทฯ จะประกาศราคา IPO (Final Price) ผ่านเว็บไซต์หลักทรัพย์บัวหลวงให้ทราบหลังจากนั้น (ราคาโดยประมาณของ DR FUEVFVND01 ณ วันที่ 9 มีนาคม 2565 คำนวณจากหลักทรัพย์ต่างประเทศ FUEVFVND คิดเป็นเงินบาทจะอยู่ที่ 40.94 บาทต่อหน่วย)

ส่วนผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อ จะต้องเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับหลักทรัพย์บัวหลวงก่อน ผ่านเว็บไซต์หลักทรัพย์บัวหลวง

Photo : Shutterstock

‘กระจายความเสี่ยง’ รับตลาดโลกผันผวน 

ด้านทิศทางเศรษฐกิจโลก มองว่า ตลาดจะต้องเจอกับความผันผวนอย่างเเน่นอน โดยเฉพาะความผันผวนระดับ geopolitical ที่คาดเดาได้ยาก ในด้านการลงทุนนั้นจะต้องจับตาดูประเด็นเหล่านี้ให้ดี เพราะเป็นได้ทั้งความท้าทาย อุปสรรคเเละโอกาสได้ในเวลาเดียวกัน

ต้องบริหารจัดการพอร์ตให้ดี มีเก็บเงินสดไว้บางส่วน เพื่อป้องกันความเสียหายหรือการขาดทุนหากตลาดร่วง เเละสามารถกลับเข้าไปเพิ่มน้ำหนักการลงทุนได้ เมื่อสภาวะตลาดดีขึ้น

นักลงทุนควรจะมีการกระจายการลงทุนหุ้นไปในตลาดทุนทั่วโลก ไม่ควรไปทุ่มลงที่ใดที่หนึ่งโดยเฉพาะ เช่น หุ้นไทยที่ 10% หุ้นเวียดนาม 15% หุ้นสหรัฐฯ 20% หุ้นจีน 10% เป็นต้น

สำหรับพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนไทยเปลี่ยนไปอย่างไรในช่วงโควิด-19 นั้น สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ มีจำนวนผู้ลงทุนเข้ามาในตลาดมากขึ้น คนรุ่นใหม่สนใจในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งเป็นเทรนด์ทั่วโลก

โดยคนรุ่นใหม่ที่เปิดบัญชีกับหลักทรัพย์บัวหลวง มากกว่า 50% เป็น GEN Y ผู้คนทั่วไปมีความรู้เเละเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายขึ้น ก็เริ่มคิดหาทางเเสวงหารายได้มากกว่าการใช้เเรงทำงานเพียงอย่างเดียว

จงลงทุนในสิ่งที่เราเข้าใจ เน้นเรื่องการเเสวงหาความรู้ตามเเหล่งข้อมูลต่างๆ สอบถามกับผู้เชี่ยวชาญเเละมีที่ปรึกษาที่น่าเชื่อถือ พอมีความรู้เเล้วก็จะตัดสินใจการลงทุนได้ว่าเเบบไหนเหมาะกับเรา เเบบไหนลงทุนเเล้วมีความสุขเเละจะอยู่กับมันได้อย่างสบายใจ อยากให้มองว่าการลงทุนเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในชีวิต

 

]]>
1378539
Sun Rise “ตลาดหุ้นเวียดนาม” ดาวรุ่งแห่งเอเซีย https://positioningmag.com/1370496 Sun, 16 Jan 2022 13:31:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1370496

ปี 2564 เป็นปีที่นักลงทุนทั่วโลกฮือฮากับตลาดหุ้นเวียดนามที่พุ่งทะยานสุดขีด…เป็นประวัติการณ์ที่ดัชนีฯ ทำสถิติใหม่ถึง 4 ครั้งในรอบ 1 ปี แบบที่ไม่สนใจว่า ภาพเศรษฐกิจหดตัวแรงจากวิกฤต Covid-19 ระลอกใหม่ด้วย  

นับเป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนว่านักลงทุนให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของประเทศเวียดนาม ดาวรุ่งแห่งภูมิภาคเอเชียในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ตลาดหุ้นเวียดนามพร้อมทำ New All-Time High 

ผมอยากจะชี้ให้เห็นว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจเวียดนามจะหดตัว แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบหรือกดดันต่อดัชนี VNI ที่เป็นดัชนีหลักในตลาดหุ้นโฮจิมินห์ได้เลย แถมยังทำสถิติใหม่เป็นประวัติการณ์ (New All-Time High) อีกด้วย ทั้งๆ ที่ตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 3 ออกมาติดลบ 6.17% หดตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ประเทศเริ่มมีการทำรายงานตัวเลข GDP เมื่อปี 2529

โดยดัชนี VNI ทำนิวไฮ 4 ครั้งในปี 2564 เริ่มจาก

  • นิวไฮครั้งแรก 1,200 จุด วันที่ 1 เมษายน
  • ครั้งที่ 2 นิวไฮ 1,300 จุด วันที่ 25 พฤษภาคม
  • ครั้งที่ 3 นิวไฮ 1,400 จุด วันที่ 28 มิถุนายน
  • ครั้งที่ 4 นิวไฮ 1,500 จุด วันที่ 25 พฤศจิกายน

ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้น ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา อยู่ที่ 9,193 ล้านล้านดง หรือ 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 37.6% จากสิ้นปีที่แล้ว และมีสัดส่วน 148% ของมูลค่า GDP ประเทศ

Photo : Shutterstock

ส่วนโครงสร้างตลาดหุ้นเวียดนาม ถูกขับเคลื่อนจากฐานนักลงทุนรายย่อยในประเทศ ที่มีสัดส่วนเกือบ 99% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด โดยข้อมูลจาก Vietnam Securities Depository ระบุว่า ณ สิ้นพฤศจิกายน 2564 ตลาดหุ้นเวียดนามมีจำนวนบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนรายย่อยอยู่ที่ 4.083 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นราว 1.3 ล้านบัญชีจากสิ้นปี 2563 อยู่ที่ 2.771 ล้านบัญชี ถือเป็นปีที่มีจำนวนบัญชีใหม่สูงกว่าตัวเลขรวมที่เปิดบัญชีใหม่ตั้งแต่ช่วงปี 2560 – 2563

ยิ่งไปกว่านั้น เฉพาะเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ตลาดหุ้นเวียดนามทำนิวไฮใหม่ มีนักลงทุนรายย่อยเข้ามาเปิดบัญชีใหม่มากถึง 2.2 แสนบัญชี

ตอกย้ำปี 2564 เป็นปีทองของตลาดหุ้นเวียดนามจริงๆ ครับ สร้างปรากฏการณ์ตลาดหุ้นที่เติบโตสูงที่สุดในเอเชียต่อเนื่องมาจากปี 2563 สร้าง Mass Participation จากนักลงทุนรายย่อยในประเทศมากมาย ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการจ้างงาน รายได้ครัวเรือน และกำลังซื้อของชนชั้นกลางที่เติบโต นำไปสู่จำนวนเงินสะสมภาคประชาชนที่มากพอ แทนที่จะฝากไว้ในธนาคารกินดอกเบี้ยต่ำ นำเงินมาลงทุนเพื่อให้ผลตอบแทนงอกเงย

ส่วนนักลงทุนรายย่อยต่างชาติ มีจำนวนบัญชีซื้อขายหุ้นเพียง 35,000 บัญชี ซึ่งเป็นผลจากข้อจำกัดการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ (Foreign Ownership Limit หรือ FOL) กำหนดสัดส่วนสูงสุด 49% ของทั้งหมดนั่นเอง

Photo : Shutterstock

เส้นทางการเติบโตของตลาดหุ้นเวียดนามที่ก้าวกระโดด ดันให้ตลาดหุ้นเวียดนามจ่อถูกเลื่อนชั้นขึ้นจากกลุ่มตลาดหุ้นชายขอบ (Frontier Market) เป็นตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Market) ในราวปี 2565 ก็เป็นได้ หากรัฐบาลมีการปลดล็อกข้อจำกัดนักลงทุนต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 49% ด้วย เพื่อให้เข้าเกณฑ์ Foreign Ownership ของ MSCI หน่วยงานที่จัดกลุ่มตลาดหุ้นทั่วโลก

หากวันใดที่ตลาดหุ้นเวียดนามเป็นตลาดหุ้นเกิดใหม่ ที่อยู่กลุ่มเดียวกับประเทศจีน อินเดีย และไทย นั่นหมายความว่า เม็ดเงินมหาศาลจากนักลงทุนทั่วโลกไหลทะลักเข้าตลาดหุ้นเวียดนาม ขึ้นแท่น ‘ดาวรุ่งตลาดหุ้นเกิดใหม่ของโลก’ อีกดวง และอาจจะมีโอกาสที่ดัชนีและมาร์เก็ตแคปจะทุบสถิติใหม่ยิ่งกว่าปี 2564

รวมตลาดหุ้นสร้างฐานมั่นคง รับเศรษฐกิจเติบโตสดใส

อีกจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของตลาดหุ้นเวียดนาม ที่ก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 3  คือ รัฐบาลเวียดนามได้ปรับโครงสร้างตลาดทุนภายในระยะเวลา 3 ปี ด้วยการรวมตลาดหุ้นโฮจิมินห์ (HOSE) และตลาดหุ้นฮานอย (HNX) แสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน เพิ่มประสิทธิภาพ ความเท่าเทียม โปร่งใส และมีมาตรฐานสากล โดยขณะนี้รัฐบาลได้จัดตั้งองค์กรใหม่ คือ Vietnam Stock Exchange (VNX) และเข้าถือหุ้น 100% พร้อมดูแลการดำเนินงานใน HOSE และ HNX คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในเดือนมิถุนายน 2568

การปรับโครงสร้างรวมตลาดหุ้นดังกล่าว จะมีการโอนหุ้นสามัญทั้งหมดที่ซื้อขายอยู่ในปัจจุบัน เข้าไปใน HOSE ช่วงครึ่งหลังของปี 2566 และ HOSE จะเป็นตลาดซื้อขายหุ้น ETF (Exchange Traded Fund) กองทุนประเภทอื่นๆ และวอร์แรนต์ด้วย ส่วน HNX จะกลายเป็นตลาดซื้อขายตราสารหนี้อย่างเต็มตัว ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566

Photo : Shutterstock

สำหรับเส้นทางการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม ในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา GDP ขยายตัวแข็งแกร่งมาก เฉลี่ยปีละ 5 -7% แม้ปี 2563 ที่เกิดวิกฤตการแพร่ระบาด Covid–19 เป็นปีแรก ก็ยังสามารถประคอง GDP เป็นบวกได้ สวนทางกับเศรษฐกิจโลกและหลายๆ ประเทศที่ล้วนประสบภาวะเศรษฐกิจหดตัว และปี 2564 นี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF คาดการณ์ GDP ของเวียดนามจะเติบโตได้อีก 2.3% และปี 2565 คาดว่าจะเติบโต 6.6%

โมเมนตัมที่ผลักดันให้เศรษฐกิจหมุนรอบแบบแรงดีไม่มีตกในระยะยาว ประกอบด้วย

เรื่องแรก โครงสร้างประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงานมากถึง 70% ของประชากรรวมเกือบ 100 ล้านคน ซึ่งมีเพียงไม่กี่ประเทศในโลกใบนี้ที่มีสัดส่วนคนวัยทำงานสูงระดับนี้ สะท้อนศักยภาพของประเทศที่มีความพร้อมด้านกำลังแรงงาน และยังมีการพัฒนาทักษะแรงงานของประชากร เพื่อรองรับการจ้างงานของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วย ล้วนเป็นปัจจัยผลักดันการพัฒนาประเทศและการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว

เรื่องที่สอง รัฐเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคของประเทศอย่างมาก รองรับนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจ ดอย เหม่ย (Doi Moi) ที่ปักจุดหมายด้านการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อยกระดับประเทศจาก ‘เกษตรกรรม’ สู่ ‘อุตสาหกรรม’ ภายใต้ระบบการเมืองแบบพรรคเดียว คือ พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ทำให้สามารถดำเนินนโยบายดังกล่าวได้อย่างแน่วแน่

เรื่องที่ 3 รัฐบาลเวียดนามมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ ส่งผลให้ปัจจุบันเป็นประเทศที่มีเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากนักลงทุนต่างชาติ (Foreign Direct Investment หรือ FDI) มูลค่าสูงติดอันดับต้นๆในภูมิภาคนี้ อย่างน้อยก็แซงหน้าไทยไปแล้ว และยังเป็น 1 ในฐานการผลิตใหญ่ๆ ของโลก เป็นอีกหนึ่งประเทศ ‘ห่วงโซ่การผลิต’ รายใหม่ของโลก ทุกวันนี้บริษัทชื่อดังระดับโลกหลั่งไหลเข้ามาลงทุนเปิดโรงงานผลิตสินค้าส่งออกนับเป็นมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ดอลลาร์สหรัฐแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบริษัท Samsung บริษัท LG บริษัท Hyundai บริษัท Intel เป็นต้น กลายเป็นอีกเสาหลัก (Pilar) หนุนให้เศรษฐกิจเติบโตก้าวกระโดด

Photo : Shutterstock

เรื่องที่ 4 ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ตั้งกำแพงภาษีต่างๆ ขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทต่างชาติในจีนต้องปรับแผนการผลิต ด้วยการใช้โมเดล China+ 1 คือ ลดการพึ่งพาห่วงโซ่การผลิตจากประเทศจีนแห่งเดียว หันมาเพิ่มอีกประเทศหลักที่จะเป็น ‘สายพานการผลิตของโลก’ แห่งใหม่ นั่นก็คือ ‘เวียดนาม’ ด้วยจุดแข็ง ‘ค่าแรงไม่สูง’ ปัจจุบันฐานเงินเดือนของแรงงานเวียดนามอยู่ที่ 250 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน และที่สำคัญ สินค้าที่ผลิตในเวียดนาม สามารถส่งออกไปสหรัฐฯ โดยไม่ติดกำแพงภาษีหนักเหมือนจีน วันนี้ เวียดนามขึ้นแท่น ฮับการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า สำหรับบ้านครัวเรือน

เรื่องที่ 5 การปรับตัวเข้าสู่บริบทโลกดิจิทัล ด้วยโครงสร้างประชากรที่เป็นคนรุ่นใหม่มีความคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ท่ามกลางจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตอยู่ในระดับสูงกว่า 70% ทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซในเวียดนามมีขนาดใหญ่และเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงเป็นประเทศที่มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ด้วย ตามทันกระแสโลกดิสรัปชั่น

เวียดนาม จึงเป็นอีกประเทศที่มีตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่เกือบ 100 ล้านคน ฐานคนส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงานที่มีรายได้มีกำลังซื้อเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ขณะที่คนสูงอายุมากกว่า 60 ปี ยังมีสัดส่วนไม่สูงนัก ที่สำคัญกว่านั้น คนเวียดนามไม่ค่อยมีหนี้สิน ดังนั้น ปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนอยู่ระดับต่ำ นี่คือ ภาพรวมของเศรษฐกิจและการเงิน ที่ผลักดันให้ประเทศยังมีศักยภาพเติบโตก้าวกระโดดได้อีกไม่ต่ำกว่า 10 ปีข้างหน้า

สปอตไลท์ส่องตรง “เวียดนาม” ดาวรุ่งดวงใหม่ของโลก

ภาพจิ๊กซอว์ที่เชื่อมต่อตลาดหุ้น ภาคธุรกิจ เศรษฐกิจและการเมือง ทำให้ปัจจุบันบริษัทในตลาดหุ้นเวียดนามมีการเติบโตด้านรายได้และกำไรสูงมาก สอดคล้องไปกับคาดการณ์ GDP ที่เติบโตไม่ต่ำกว่า 5% ขณะที่มูลค่าหุ้นยังถูก ทำให้เป็นอีกตลาดที่ดึงดูดนักลงทุนที่เน้นคุณค่า (Value Investor หรือ VI ) ที่หลั่งไหลเข้าลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตสูง

Photo : Shutterstock

ตัวผมก็มองว่า ตลาดหุ้นเวียดนามยังเป็นแหล่งรวม ‘หุ้นดีราคาถูก’ อีกมากมาย ข้อมูลจากการทดสอบ Back Test ผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปีของ Jitta Ranking เวียดนาม สามารถสร้างผลตอบแทนทบต้นได้สูงถึง 21.45% ต่อปี และจากการใช้ AI ช่วยวิเคราะห์และคัดเลือก ‘หุ้นดีราคาถูก’ ก็คัดออกมาได้ 5 บริษัทที่อยู่ในอันดับต้นๆ นำโดย

1. Vietnam Technological & Commercial Bank มีมาร์เก็ตแคป 175.0 ล้านล้านดง เป็นธนาคารพาณิชย์ที่ให้บริการแบบครบวงจร ทั้งเงินฝากและสินเชื่อ แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และการซื้อขายกองทุน และยังมีเป้าหมายก้าวสู่ผู้นำอุตสาหกรรมการเงินดิจิทัล

2. Military Commercial Bank มีมาร์เก็ตแคปที่ 106.5 ล้านล้านดง เป็นสถาบันการเงินที่มีทั้งธนาคารพาณิชย์ และการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ ธุรกิจประกันชีวิตและประกันภัยต่างๆ รวมถึงการลงทุนทางการเงินอื่นๆ

3. Ho Chi Minh City Development Commercial Bank มีมาร์เก็ตแคปที่ 58.7 ล้านล้านดง ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ร่วมทุนแห่งแรกของเวียดนามที่มีศักยภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ให้บริการทางการเงินที่หลากหลาย พร้อมมีเป้าหมายจะขยายสาขาไปในต่างประเทศด้วย

4. Vicostone มีมาร์เก็ตแคป 18.6 ล้านล้านดง เป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายหินควอทซ์ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมในเอเชียและภูมิภาคอื่นๆ มีการส่งออกมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก โดยสินค้าของบริษัทใช้ในการตกแต่งบ้าน เช่น เคาน์เตอร์ครัว โต๊ะเครื่องแป้ง แผ่นผนัง และพื้น

5. Phu Tai มาร์เก็ตแคปที่ 5.0 ล้านล้านดงเวียดนาม บริษัทผลิตและซื้อขายสินค้าประเภทหินและไม้ในเวียดนามและส่งออกไปต่างประเทศ จัดจำหน่ายหินหลายชนิด เช่น หินแกรนิต หินอ่อน กระเบื้อง หินบด และผลิตภัณฑ์อื่นๆ บริษัทยังให้บริการเกี่ยวกับรถยนต์ด้วย ทั้งรับซื้อขาย ตลอดจนให้บริการบำรุงรักษาซ่อมแซมรถยนต์ และยานยนต์อื่นๆ นอกจากนี้ยังประกอบธุรกิจการค้าและการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ด้วย

Ho Chi Minh City, Vietnam – May 2, 2018: colorful perspective of Bui Vien Street with numerous hotel, bar and shop sign boards, crowded with people & motorbikes with a view of Bitexco Financial Tower

การจัดอันดับหุ้นน่าลงทุนตามหลัก ‘ลงทุนในธุรกิจที่ดีในราคาที่เหมาะสม’ โดย Jitta.com แพลตฟอร์มวิเคราะห์หุ้น ซึ่งเปิดให้บริการแบบไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ หุ้นดีราคาถูกจาก 3 ใน 5 บริษัทในตลาดหุ้นเวียดนาม จะอยู่ในกลุ่มภาคการเงิน (Financials) ซึ่งเป็นธุรกิจที่สำคัญในตลาดหุ้น ยิ่งเศรษฐกิจมีเม็ดเงินสะพัดจากการลงทุนและจับจ่ายใช้สอย ทำให้ระบบธนาคารของเวียดนามมีความแข็งแกร่ง รายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ อุตสาหกรรมหลักในตลาดหุ้นเวียดนามยังมีกลุ่มวัสดุก่อสร้าง สาธารณูปโภค สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่มีอำนาจต่อรองสูงในตลาด ส่งผลต่อรายได้และกำไรเติบโตจากภาคการลงทุนและการบริโภคภายในประเทศ

อย่างไรก็ตาม หากคุณยังไม่พร้อมที่จะลงทุนและคัดเลือกหุ้นดีราคาถูกด้วยตนเอง ก็ยังมีทางเลือกลงทุนผ่านกองทุน VanEck Vectors Vietnam ETF (VM) ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นนิวยอร์ค อ้างอิงดัชนี MVIS Vietnam Index เน้นลงทุนใน 28 บริษัท ที่มีมูลค่าการตลาดอย่างน้อย 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งที่จดทะเบียนในประเทศเวียดนามและต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ญี่ปุ่น  แต่มีสินทรัพย์หรือสร้างรายได้อย่างน้อย 50%ในประเทศเวียดนามทีเดียว

หากดูผลตอบแทน ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2564 ของกองทุน VanEck Vectors Vietnam ETF ในช่วง 3 เดือนย้อนหลังและ 6 เดือนย้อนหลัง อยู่ที่ 6.04% และ 3.25% ตามลำดับ ขณะที่ในช่วง 1 ปี 3 ปี และ 5 ปีย้อนหลัง ผลตอบแทนสูงถึง 24.11% 44.3% และ 67.77% ตามลำดับ

Photo : Shutterstock

ทั้งนี้ กองทุนส่วนบุคคล Thematic ของ Jitta wealth ก็มีธีมตลาดหุ้นเวียดนามในบริการกองทุนส่วนบุคคล Thematic และลงทุนใน ETF ดังกล่าวด้วย

จากตัวเลขผลตอบแทนที่ผ่านมา และเส้นทางเติบโตไปข้างหน้าของเวียดนาม ผมเชื่อว่า คุณไม่อาจปฏิเสธว่า เวียดนาม ประเทศเพื่อนบ้านของไทย กำลังเติบโตในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การลงทุนจากภาครัฐและเอกชน การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ คุณภาพชีวิตประชากร รวมไปถึงตลาดหุ้น ที่เป็นดัชนีชี้วัดการเติบโตทางเศรษฐกิจล่วงหน้า

แม้แต่นักลงทุนไทยชื่อดัง ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนสาย VI (Value Invester) ยังประเมินว่า ภายใน 10 ปีข้างหน้า พอร์ตหุ้นเวียดนามของเขาจะใหญ่กว่าพอร์ตหุ้นไทย

หากคุณมีความเชื่อมั่นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามที่กำลังยกระดับสู่ประเทศอุตสาหกรรม และเป็นอีกหนึ่งประเทศ “ห่วงโซ่การผลิต” โลกดิจิทัล ถึงเวลากระจายเงินลงทุนเพื่อเติบโตไปกับโลกของดาวรุ่งแห่งเอเซีย “เวียดนาม”

]]>
1370496