ตอบจดหมายนายก – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 20 May 2020 12:58:29 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เปิดใจทายาทรุ่น 3 เเห่ง “อยู่วิทยา” นำทัพภารกิจ “พึ่งตน เพื่อชาติ” ปรับวิถีชีวิตรับวิกฤต https://positioningmag.com/1279432 Wed, 20 May 2020 11:25:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1279432 ครอบครัว “อยู่วิทยา” มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของไทย ที่มีมูลค่าทรัพย์สินกว่า 2.02 หมื่นล้านเหรียญ หรือราว 6.6 แสนล้านบาทจากการจัดอันดับของ Forbes ปี 2563 ตอบรับเข้าเข้าร่วม “ทีมไทยเเลนด์” หลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกแถลงการณ์ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง 20 มหาเศรษฐีไทย เพื่อขอแนวทางความเห็นในการมีส่วนร่วมช่วยเหลือประเทศสู้กับวิกฤต COVID-19

นำมาสู่การเปิดตัวโครงการ ‘พึ่งตน เพื่อชาติ’ ด้วยแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่ มาร่วมช่วยคนไทยให้ได้ 1 ล้านคน เน้นสร้างความมั่นคงด้านอาหาร “มีกินมีใช้” พึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืนเเม้จะเจอวิกฤต โดยในเฟสเเรกจะมีการทุ่มงบ 300 ล้านบาท ในช่วง 3 ปีแรกเพื่อสร้าง “100 ชุมชนต้นเเบบ”

ที่ผ่านมาครอบครัวอยู่วิทยาไม่ค่อยออกสื่อมากนัก เป็นโอกาสดีที่เราจะมาพูดคุยกับ “พรรณราย พหลโยธิน” ทายาทรุ่น 3 ที่ผู้ได้รับการมอบหมายให้เป็น “หัวเรือใหญ่” ในการขับเคลื่อนโครงการพึ่งตน เพื่อชาติ ครั้งนี้

พรรณราย หรือ “ผึ้ง” เป็นบุตรสาวของวิชาญ พหลโยธินและสายพิณ พหลโยธิน (อยู่วิทยา) เเม้ไม่ได้บริหารในธุรกิจหลักของครอบครัว อย่างกระทิงเเดงหรือสปอนเซอร์ เเต่มีความโดดเด่นด้าน “กิจกรรมเพื่อสังคม” ที่ทำมาต่อเนื่อง
ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเธอจึงได้รับเลือกให้เป็นผู้ดูเเลหลักของ “พึ่งตน เพื่อชาติ”

-พรรณราย พหลโยธิน ทายาทรุ่น 3 ของครอบครัวอยู่วิทยา

ในส่วนธุรกิจ พรรณรายดูเเลบริษัทยารักษาโรคและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ นั่งเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีซี
ฟาร์มา-เคม จำกัด พร้อมเปิดกิจการร้านอาหาร The Mew (เขาใหญ่) เเละเป็นผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พอเพียงพรรณา เขาใหญ่ ซึ่งศูนย์การเรียนรู้ฯ ดังกล่าวจะกลายเป็นสถานที่อบรมหลักของโครงการนี้

“เราระดมคนทั้งรุ่น 2 และรุ่น 3 ของตระกูลเข้ามาช่วยกันทำ ตามความสามารถและความถนัดของแต่ละคน โดยทายาทรุ่น 3 จะเป็นคนลงมือทำเพราะเป็นพวกคิดไวทำไว เก่งด้านเทคโนโลยี การออกแบบ ขณะที่ผู้ใหญ่รุ่น 2 จะนำประสบการณ์มาคอยให้คำแนะนำ ช่วงนี้กำลังอยู่ระหว่างการสรุปขั้นตอนสุดท้าย”

โดยหัวใจหลักของโครงการคือการพึ่งพากัน พรรณราย อธิบายว่า การแบ่งปันเป็นเสน่ห์ของคนไทยที่ปลูกฝังอยู่ใน DNA ของเราทุกคน ไม่ว่าประเทศจะเกิดวิกฤตร้ายแรงแค่ไหน คนไทยก็ไม่เคยทิ้งกัน เชื่อว่ายิ่งแบ่งปันยิ่งแลกเปลี่ยนมากขึ้นเท่าใด เศรษฐกิจชุมชนก็ยิ่งจะมั่นคงขึ้น เข้มเเข็งมากขึ้น

“เราเชื่อมั่นว่าแนวคิดและหลักปฏิบัติแบบเศรษฐกิจพอเพียง จะทำให้คนไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้ และรับมือกับทุกวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต”

โดยโครงการพึ่งตน เพื่อชาติ มีงบประมาณ 300 ล้านบาท ในระยะเวลา 3 ปีแรก ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาคประชาสังคม ภาคธุรกิจและการศึกษา เช่น สภาบันอาศรมศิลป์ และเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ สนับสนุนด้านการเป็น
“พี่เลี้ยง” ให้กับคนที่มีเป้าหมายในชีวิตเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง ฝึกทักษะวิธีการสร้างแหล่งอาหารเพื่อดูแลตนเองและครอบครัว

“เป้าหมายตอนนี้คือการเน้นจัดอบรมให้ได้ 1000 คนเเรกภายใน 1ปี เตรียมเปิดรับสมัครในเดือนมิ.ย.นี้ เปิดรับทั้ง
กลุ่มคนเมืองและคนต่างจังหวัด ที่ต้องการจะเปลี่ยนแนวทางการดำรงชีวิตใหม่ มีความตั้งใจจะเข้ามาเป็น “ทัพหน้า”
ขยายผลสู่ชุมชนทั่วประเทศ โดยระยะยาวเราวางเป้าว่าช่วยคนไทยให้ได้ 1 ล้านคน”

ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พอเพียงพรรณา เขาใหญ่

เบื้องต้นจะมีการจัดอบรมที่ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พอเพียงพรรณา ที่จัดอบรมมาต่อเนื่องตั้งเเต่ปี 2558 เเต่จะมีการเพิ่มหลักสูตรให้นำไปปฏิบัติในรูปแบบต่างๆ ที่เหมาะกับแต่ละบุคคลมากขึ้น เริ่มจากการเปลี่ยนหลักคิดสู่ “การพึ่งตนเอง” จากการทำความรู้จักอาหารที่เรากิน การเพาะปลูก การแปรรูป การฟื้นฟูดิน การจัดการน้ำไปจนถึงภาพความสัมพันธ์ในระดับลุ่มน้ำ เรียนรู้หลักกสิกรรมธรรมชาติ พื้นฐานการดำรงชีวิต การดูแลสุขภาพไปจนถึงศิลปะวัฒนธรรม พัฒนาและต่อยอดนวัตกรรมจากภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างผลิตภัณฑ์เป็นความพอเพียงแบบร่วมสมัย ฯลฯ

“ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมเเล้ว รอสถานการณ์ดีขึ้น เราจะกระจายลงพื้นที่ชุมชน การอบรมจะอยู่ในช่วง 5-10 วันเพื่อ
สร้างงานสร้างอาชีพ ให้กลับไปพึ่งพาตนเองได้ ใครที่ไม่มีที่ดิน เราก็มีที่ดินของเราให้คนที่อยากทำจริงๆ ได้ทดลองทำ นอกจากนี้จะมีการทำเเพลตฟอร์มเก็บข้อมูล ให้เป็นฐานข้อมูลส่งต่อในระยะยาวด้วย”

ทายาทรุ่นที่ 3 แห่งตระกูลอยู่วิทยา มองความท้าทายของโครงการ “พึ่งตน เพื่อชาติ” ไว้ว่า ด้วยความที่เป็นเเผนระยะยาว เป็นโครงการเปลี่ยนกระบวนการความคิดของคน จำเป็นต้องใช้เวลาเเละไม่อาจเห็นผลได้ในชั่วพริบตา เราจึงพยายามต่อยอดสิ่งที่เราทำมาอยู่เเล้ว ให้เข้าถึงผู้คนมากขึ้น ดังนั้นความท้าทายจึงเป็นการที่ต้องอดทน ก้าวไปทีละขั้น ทำทุกอย่างจากเล็กไปสู่ใหญ่ เพราะความยั่งยืนเป็นเรื่องที่ต้องค่อยเป็นค่อยไป

บรรยากาศการอบรมในศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พอเพียงพรรณา

ขณะที่ ‘พึ่งตน เพื่อชาติ’ ถูกวางเป็นโครงการระยะยาวที่ต้องใช้เวลาหลายปี เเต่คนในสังคมกำลังต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนในยามวิกฤต

“พรรณราย” กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางครอบครัวก็มีการออกโครงการช่วยเหลือระยะสั้น อย่างการมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์และบริจาคเงินให้แก่สถานพยาบาลที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เช่น โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลอื่นๆ ที่มีความต้องการทั่วประเทศ รวมมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท และยังได้บริจาคอาหาร น้ำดื่ม ถุงยังชีพ แอลกอฮอล์เจล และหน้ากากผ้าให้แก่ชุมชนต่างๆ ตั้งแต่เดือนมี.ค.เป็นต้นมา ขณะเดียวกันก็ได้ดูแลสวัสดิภาพของกลุ่มพนักงานบริษัท พนักงานขายและพนักงานโรงงานควบคู่กันไปด้วย

“ช่วงต่อไปหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย เราจะมีการจัดห้องเรียนออนไลน์ เน้นการสอนให้พึ่งตนเองฉบับคนเมือง เช่นการปลูกผัก 3 วันได้กิน ปุ๋ยหมักน้ำหมัก องค์ความรู้การเกษตรที่ทำได้ง่าย”

บรรยากาศการอบรม ในศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พอเพียงพรรณา

เมื่อถามถึงการเเพร่ระบาดของ COVID19 ว่ากระทบต่อธุรกิจของตระกูลอยู่วิทยาอย่างไร เธอตอบว่า ได้รับผลกระทบอย่างเเน่นอน เเต่มีการปรับตัวเเละพยายามรักษาพนักงานไว้ให้มากที่สุด โดยส่วนที่เธอดูอยู่ที่เป็นบริษัทยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพนั้น ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก มีเพียงช่วงเเรกที่มีการชะลอการสั่งซื้อเท่านั้น เเต่ตอนนี้ยอดกลับมาปกติเเล้ว เเละมีเเนวโน้มจะขยายตัวขึ้น เพราะคนตื่นตัวในการรักษาสุขภาพมากขึ้น

ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารที่เขาใหญ่ ได้รับผลกระทบโดยตรง มีการทดลองจัดส่งเเบบเดลิเวอรี่เเต่ไม่ได้ผลเท่าที่ควร เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว โดยได้จัดให้พนักงานเข้าอบรมกับศูนย์เรียนรู้ฯ ในช่วงที่ร้านยังเปิดไม่ได้ ซึ่งตอนนี้เริ่มกลับมาเปิดอีกครั้ง จึงต้องมีการปรับปรุงร้านใหม่ให้เป็นไปตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing)

“ในฐานะผู้ประกอบการร้านอาหาร มองว่าความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการที่สุดตอนนี้ ร้านอาหารต้อง
ปรับตัวในทุกด้าน เพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้า เชื่อว่าหากสถานการณ์ดีขึ้นคนไทยจะกลับมาเที่ยวในประเทศอีกครั้ง ดังนั้นจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อม”

เมื่อถามว่ามุมมองการทำ CSR ขององค์กรจะเป็นอย่างไรเมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปเเบบ New Normal
ทายาทอยู่วิทยา ตอบว่าจะเป็นเเนวเฉพาะทางหรือเฉพาะกลุ่มคนมากขึ้น กลับมาให้ความสำคัญกับการพึ่งพาตนเอง
เเละช่วยเหลือผู้อื่น ถ้ามีความยั่งยืน ความมั่นคง ไม่ว่าจะเจอวิกฤตใดก็ตาม จะมีโอกาสรอดได้มากขึ้น เเบรนด์
ต่างๆ ก็คงจะหันมาสนับสนุนด้านการเผยแพร่องค์ความรู้เพื่อการใชีชีวิตมากขึ้น

“กระบวนการที่จะไปเปลี่ยนความคิดคน ให้มองเห็นค่าของการพึ่งพาตนเอง ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันทุกฝ่าย
เเม้จะเป็นเรื่องที่ต้องทำระยะยาว เเต่ถ้ามีความตั้งใจจริงที่จะเริ่มต้น ก็นับเป็นสัญญาณที่ดีในการสร้างความ
ยั่งยืนในประเทศไทยต่อไป”

 

]]>
1279432
เปิดจดหมาย “กลุ่มเซ็นทรัล” ตอบนายกฯ อัดงบ 550 ล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจศูนย์การค้าในเครือ https://positioningmag.com/1276801 Tue, 05 May 2020 04:41:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1276801 กลุ่มเซ็นทรัลตอบรับนโยบายรัฐบาลภายหลังได้รับจดหมายจากพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยทุกธุรกิจในเครือยินดีให้การสนับสนุน ชูแนวทางฟื้นฟูสังคม และเศรษฐกิจทั้ง 3 มิติ ได้แก่ การสร้างอาชีพเสริมรายได้ การลดค่าครองชีพ และการส่งเสริมสุขภาพ

ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า

“สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างและเป็นวิกฤตที่ทั่วโลกต้องเผชิญ ครอบครัวจิราธิวัฒน์ และกลุ่มเซ็นทรัลได้ตระหนักถึงบทบาทที่สำคัญต่อความรับผิดชอบและการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการปรับแนวทางการแก้ปัญหา เข้ากับแผนของความรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมบูรณาการให้เกิดความยั่งยืน เริ่มตั้งแต่มาตรการช่วยเหลือพนักงานในเครือกว่า 74,000 ราย โดยคงสถานะการจ้าง และการมอบประกันภัยโควิด-19 ให้กับทุกคน รวมถึงได้มีการริเริ่มโครงการต่าง ๆ ภายในปี 2563 โดยมุ่งไปที่กระบวนการ ภายใต้ความต้องการพื้นฐานทั้ง 3 ส่วน อันได้แก่

1. มาตรการสร้างอาชีพ เสริมรายได้

  • กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและสร้างรายได้ โดยการให้พื้นที่ขาย 90,000 ตร.ม. ใน 100 ศูนย์การค้าใน 44 จังหวัด และผ่านช่องทางออนไลน์ มูลค่ารวมกว่า 550 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจในเครือของเซ็นทรัล อาทิ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า โรบินสันพลาซ่า ท็อปส์พลาซ่า และ ไทวัสดุ ให้พื้นที่ฟรี เพื่อสนับสนุนให้ชุมชน เกษตรกร และผู้ประกอบการขนาดเล็ก กว่า 16,000 รายใน 44 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ได้เข้ามาขายสินค้า เป็นเวลา 3-6 เดือน คาดว่าจะเกิดการหมุนเวียนในเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้เกษตรกร และผู้ค้ารายย่อย กว่า 3,500 ล้านบาท ในปี 2563 นอกจากนี้ยังจัดช่องทางการขายออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ ท็อปส์ออนไลน์ JD central เซ็นทรัลออนไลน์ และโรบินสันออนไลน์ เพื่อเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น อีกทั้งยังสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ เพื่อเพิ่มยอดขาย
  • อนุมัติวงเงิน 1,500 ล้านบาท เพื่อรับซื้อสินค้าโดยตรงจากเกษตรกร และชุมชน เป็นการรับซื้อสินค้าโดยตรงจากเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน สินค้าเกษตร โอทอป เอสเอ็มอี นำมาจำหน่ายในศูนย์การค้า และซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศ สนับสนุนให้ชุมชนและเกษตรกรมีรายได้ 25,000 ครัวเรือน ใน 42 จังหวัด
  • สร้างอาชีพแก่ชุมชนอย่างยั่งยืน ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การส่งเสริมการท่องเที่ยวท้องถิ่น รวมถึงการช่วยเหลือคนพิการให้มีอาชีพ ใช้ งบประมาณ 150 ล้านบาท

โครงการ เซ็นทรัล ทำ เป็นโครงการด้านความรับผิดชอบสังคม ของกลุ่มเซ็นทรัล ที่ได้ดำเนินการแล้วและยังคงทำต่อเนื่อง เร่งขยายวงกว้างเพื่อสร้างอาชีพ อาทิ การให้ความรู้ในด้านการเกษตร พัฒนาผลิตภัณฑ์ การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยการสนับสนุนการสร้างอาชีพให้คนพิการ พัฒนาชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และอื่น ๆ ซึ่งสนับสนุนเกษตรกร ชุมชน คนพิการ นักเรียน รวมกว่า 30,000 ครัวเรือน ใน 50 จังหวัด

  • สร้างแพลตฟอร์มระดมทุนออนไลน์ (Crowdfunding Platform) ให้คนที่ต้องการเริ่มธุรกิจใหม่แต่ยังขาดเงินทุน รวมถึงสนับสนุนนักเรียน โรงเรียน โรงพยาบาล และงานวิจัย ตั้งเป้าการระดมทุนกว่า 100 ล้านบาท

2. มาตรการลดค่าครองชีพ

  • ลดและตรึงราคา สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นกว่า 3,000 รายการ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยซูเปอร์มาร์เก็ต ในกลุ่มเซ็นทรัล ร่วมโครงการกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และผู้ผลิตสินค้าในการลดราคา 5-68% ในท็อปส์ทุกสาขาทั่วประเทศ ตลอดปี 2563 และการตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอีกกว่า 23,000 รายการ ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม โดยจะไม่มีการขึ้นราคาในช่วง 90 วัน
  • ลดราคาอาหาร 20% ในศูนย์อาหาร 87 แห่ง ใน 43 จังหวัด โดยจัดให้มีอาหารราคาพิเศษ เริ่มต้นที่ 19 บาท ที่เซ็นทรัลฟู้ดคอร์ท 33 แห่ง โรบินสันฟู้ดคอร์ท 24 แห่ง และ ท็อปส์ฟู้ดคอร์ท 30 แห่ง
CentralPlaza RM2

3. มาตรการส่งเสริมสุขภาพ

  • สร้างมาตรฐานใหม่เพื่อเป็นแผนแม่บทในการทำธุรกิจให้ปลอดภัยเพื่อป้องกันการระบาดโดยใช้มาตรการ สะอาด ปลอดภัย ในศูนย์การค้าและผู้เช่าทุกราย ทุกตารางเมตร โดยกลุ่มเซ็นทรัลได้จัดทำมาตรการเชิงรุกในการสร้างมาตรฐานสุขอนามัยใน 5 ด้าน 75 มาตรการ เพื่อถือปฏิบัติสำหรับทุกธุรกิจในศูนย์การค้าเพื่อความปลอดภัยและป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัส
  • งบประมาณรวมกว่า 40 ล้านบาท ในการสนับสนุนเงินและอุปกรณ์ทางการแพทย์ มอบให้กับ 30 โรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อบุคลากรทางการแพทย์รับมือกับโรคโควิด-19 ผ่านทางแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ และจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมอีก 15 ล้านบาท สำหรับการจัดทำห้องปลอดเชื้อ ให้โรงพยาบาล และมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่เดือดร้อน
]]>
1276801