ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 16 Aug 2021 12:31:39 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 คุยกับ ‘ทิพย์ ดาลาล’ กับภารกิจพา ‘ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์’ ลุยขนส่งในประเทศด้วย SameDay https://positioningmag.com/1346889 Mon, 16 Aug 2021 10:44:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1346889 เทรนด์อีคอมเมิร์ซที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง บวกกับการระบาดของ COVID-19 ทำให้ตลาดยิ่งเติบโต รวมไปถึง ‘โลจิสติกส์’ ในประเทศ ยิ่งการเติบโตมากการแข่งขันยิ่งสูง ซึ่ง ‘ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์’ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรที่เน้นการขนส่งระหว่างประเทศก็เห็นโอกาส และพร้อมที่จะเข้ามาบุกเบิกตลาดขนส่งภายในประเทศ พร้อมปั้นให้เป็น 50% ของรายได้รวมบริษัทใน 3 ปี

ปรับตัวเพื่ออยู่รอด

ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ หรือ III เป็นบริษัทที่เน้นขนส่งระหว่างประเทศเป็นหลักคิดเป็น 95% ของรายได้ โดยมีทั้งหมด 4 แกน ได้แก่

  • การขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Freight)
  • การขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก (Sea Freight and Inland Transport)
  • การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ การบริหารคลังสินค้าและการกระจายสินค้า (Logistics Management) หรือ Fulfillment
  • โลจิสติกส์ครบวงจรสำหรับเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย (Chemical & Specialty Logistics)

ทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เล่าว่า การขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Freight) เป็นรายได้อันดับ 1 แต่แน่นอนว่าเมื่อมีการระบาดของ COVID-19 ทำให้ไฟลท์บินแทบกลายเป็น ศูนย์

ทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)

จากก่อนเกิดการระบาดมีวันละ 200 ไฟลท์ เหลือ 30-40 ไฟลท์/วัน ทำให้ต้นทุนจึงสูงขึ้นมากเพราะไม่มีผู้โดยสารเลย บริษัทจึงต้องยอมลงทุน เช่าเหมาลำเครื่องบินโดยสารมาขนส่งสินค้าอย่างเดียว ที่ผ่านมา บริษัทฯได้ร่วมมือกับไทยแอร์เอเชียปรับกลยุทธ์การดำเนินงานในส่วนของการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ Cargo Flight ซึ่งบริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเต็มรูปแบบที่มีการกำหนดเส้นทางและความถี่ชัดเจน

ปัจจุบันสามารถให้บริการได้ครอบคลุม 9 เส้นทาง ในประเทศจีน ฮ่องกง อินเดีย และมัลดีฟส์ สำหรับในอนาคตบริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขยายเครือข่ายเส้นทางการให้บริการให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

“ไม่ต่ำกว่า 2 ปีขึ้นไปสถานการณ์ถึงจะกลับเป็นปกติ อย่างเร็วต้นปีน่าจะกลับมาเดินทางได้ แต่จะอยู่ในระดับ 20-30% ทั้งปีหน้าอาจจะกลับมาได้ประมาณ 50% ดังนั้น สายการบินตอนนี้ต้องพึ่งคาร์โก้เป็นรายได้หลักของแอร์ไลน์ เราเองก็ต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน โดยพยายามปรับองค์กรให้ลีนที่สุดเพื่อให้อยู่รอดและเติบโตได้”

ปั้นตลาดในประเทศ

เพราะวิกฤต COVID-19 ที่ทำให้ธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศสะดุด ประกอบกับตลาดอีคอมเมิร์ซที่เติบโต ดังนั้น บริษัทจึงมาคิดว่าจะเจาะเข้าไปในตลาดได้อย่างไร เพราะตอนนี้มีการแข่งขันด้านราคากันอย่างดุเดือด ดังนั้น บริษัทจึงไปโฟกัสที่ตลาด ‘SameDay’ ทั้งในประเทศและเอเชีย โดยใช้จุดแข็งด้าน air freight network ระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันบริษัทสามารถขนส่งของในประเทศและเอเชียได้ในวันเดียวถือเป็นจุดที่คู่แข่งยังทำไม่ได้

“เราเห็นแล้วว่าตอนนี้เป็นช่วงที่เขาเผาเงินกันหนัก และต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะคืนทุน เราเลยคิดจะทำ same แน่นอนว่าตลาดคงไม่ใหญ่เท่า Next Day แต่เราอยากทำให้ same day กลายเป็นมาตรฐานที่คนมองว่าปกติ”

จากแผนดังกล่าว บริษัทเลยลงทุนในสตาร์ทอัพ ‘Make Send’ บริการส่งพัสดุในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล แบบวันเดียวถึง โดยบริษัทต้องการจะขยายไปในแต่ละภูมิภาคโดยใช้เครือข่าย Air freight network ซึ่งการใช้รถทำไม่ได้ ดังนั้น การแข่งขันในปัจจุบันจึงยากมาก ทำได้แค่ส่งภายในจังหวัดหรือภูมิภาค ไม่สามารถขนส่งข้ามภูมิภาคได้ โดยคาดว่าภายในปลายปีจะเริ่มขยายไปหัวเมืองใหญ่

“ตลาด same day จะไม่เหมือนเดลิเวอรี่ คือไม่ต้องเร็วภายใน 2-3 ชั่วโมง ดังนั้นราคาจะดีกว่า แต่ก็ไม่ได้จะไปแข่งขันกับตลาดทั่วไปได้ ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็น B2C เยอะ ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ที่มองว่ามีโอกาสเติบโต”

มองหาทุกโอกาส สร้างตลาดใหม่

นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนในบริษัท Ship smile แฟรนไชส์รับส่งพัสดุรวบรวมขนส่ง ที่ขยายไปสู่ร้านสารพัดงานบริการ ที่ปัจจุบันมีเป็น 1,000 สาขา โดยสาเหตุที่บริษัทเข้าไปลงทุนเพราะต้องการเป็นพันธมิตรกับผู้เล่นในตลาดมากกว่าแข่งขันในตลาดที่ดุเดือด

อีกทั้งยังสามารถใช้สาขาในเชิงโอเปอเรชั่น เช่น เป็นจุดรับ-ส่งพัสดุ และอนาคตอาจต่อยอดเป็นบริการทางการเงิน เช่น เป็นแบงกิ้งเอเจนท์ เราใช้ชิปสไมล์เป็นการขายและสื่อสารถึงบริการใหม่ ๆ ทั้งบริการ sameday และอื่น ๆ ในอนาคต โดยบริษัทมีแผนจะขยายให้เป็น 10,000 สาขาใน 3 ปี

และในอนาคต บริษัทกำลังมองโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดขนส่งในประเทศ อาทิ การขนส่งทางรถไฟ, โคลด์ เชน โลจิสติกส์ และวัคซีน

“เราจะไม่ทำอะไรที่มันซ้ำ พยายามสร้างตลาดใหม่ ๆ ซึ่งการขนส่งทางรางก็เป็นอะไรที่เราสนใจ อย่างรถไฟเราคิดว่ามันจะขนส่งข้ามประเทศได้ เราเลยต้องรีบวางรากฐาน”

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ผู้เล่นแต่ละรายแทบจะกลืนกันไปหมด โดยให้บริการที่ใกล้เคียงกัน คุณภาพหรือประสบการณ์ที่ผู้ใช้ได้รับก็แล้วแต่บุคคล ดังนั้น ในอนาคตจะต้องมีการพัฒนาไปสู่สเปเชียลเซ็กเมนต์โดยใส่ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อสร้างความพรีเมียม

ดังนั้น อนาคตจะมีผู้เล่นเข้ามาในตลาด Same Day แน่นอน แต่บริษัทมองว่านี่เป็นตลาดพรีเมียม ดังนั้น การแข่งขันราคาจะไม่ดุเดือดเท่า อีกทั้งที่ผ่านมา ผู้เล่นหลายรายยอมที่จะแข่งขันด้านราคาทำให้ขาดทุน ดังนั้น หากจะมาสร้างเซ็กเมนต์ใหม่ ๆ จะไม่แข่งราคาแต่ทำเพื่อสร้างพรีเมียมมาร์เก็ตเพื่อให้ทำกำไรได้

“เราเชื่อว่าอนาคตจะมีคู่แข่งมามากขึ้น แต่จะไม่มาแข่งขันราคารุนแรง เพราะที่ผ่านมาเขาก็เจ็บหนัก ถ้าจะมาแข่งราคาอีกก็ไม่สมเหตุสมผล แต่ที่เขามาก็เพราะเขาต้องการทำกำไร”

ผู้ประกอบการไทยต้องสร้างพื้นที่ตัวเอง

สำหรับการแข่งขันของตลาดโลจิสติกส์ในปัจจุบัน เชื่อว่ายังคงแข่งขันด้านราคาก็ไปอีกนาน ผู้เล่นรายใหญ่ 4-5 รายน่าจะอยู่ต่อไปได้แต่ก็ต้องปรับตัว เช่น ปรับต้นทุน หรือหาทางใหม่ ๆ เพื่อทำกำไร เพราะธุรกิจโลจิสติกส์เป็นธุรกิจที่ต้องเน้นจำนวน เป็นธุรกิจที่โดยพื้นฐานไม่ได้มีกำไรสูง จะอยู่ได้ต้องมีจำนวนชิ้นมาก ๆ และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีได้เต็มที่ก็จะได้เปรียบ

“ยอดส่งรายใหญ่หลักแสน แต่รายเล็กหลักหมื่นในราคาที่เท่ากัน รายเล็กก็อยู่ยาก ซึ่งอัลฟ่าถือเป็นตัวอย่างที่ดี แม้จะมีคุณภาพที่ดี แต่อาจจะไม่พอทำให้ลูกค้ายอมจ่าย ดังนั้น ต้องฉีกไปหาเวทีที่ชัดเจนขึ้น”

บริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งข้ามประเทศ ทำให้ที่ผ่านมาต้องเจอแต่กับคู่แข่งต่างชาติ มียักษ์ใหญ่จากทั้งยุโรป จีน และญี่ปุ่น ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยต้องหาตัวตนให้เจอและหาเวทีเล่น อย่างทริพเพิลไอ ไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้ก็ต้องหาจุดแข็งอื่น ๆ ต้องครีเอทแวลูสร้างพื้นที่ของตัวเอง

ตั้งเป้า BU ใหม่สร้างรายได้ 50% ใน 3 ปี

ผลประกอบการไตรมาส 2/2564 เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 85.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.0 ล้านบาท หรือ 147.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 10.7% จากไตรมาส 1/2564 สร้างสถิติกำไรสุทธิทำนิวไฮติดต่อกันสองไตรมาส

เชื่อว่าครึ่งปีหลังยังสามารถเติบโตได้ดีทุกกลุ่ม เพราะปกติช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกในตลาดนำเข้า-ส่งออก โดยคาดว่าทั้งปีจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% และใน Business Development ใหม่ ที่เน้นลงทุนในบริษัทใหม่ ๆ คาดว่าใน 3 ปี จะมีรายได้ 50% ของรายได้รวมของบริษัท และในอนาคต บริษัทต้องการเป็นผู้เล่นระดับภูมิภาคเอเชีย

]]>
1346889