จนถึงปีนี้ คาดว่า ราคาเพชรลดลง 5.7% โดยรวมแล้ว ราคาเพชรลดลง มากกว่า 30% จากระดับสูงสุดตลอดกาลในปี 2022 และราคาเพชรธรรมชาติอาจลดลงอีก 15-20% ในอีก 12 เดือนข้างหน้า
“ปีที่แล้วเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมเพชร เนื่องจากความท้าทายทางเศรษฐกิจ การชะลอตัวของภารกิจหลังโควิด และการเติบโตของเพชรสังเคราะห์ที่สร้างในห้องแล็บ ล้วนส่งผลกระทบต่อความต้องการเพชร” Marcelo Esquivel หัวหน้าฝ่ายสื่อสารของ Anglo American กล่าว
ต้องยอมรับว่า ความชื่นชอบเพชรสังเคราะห์ยังมีบทบาทสำคัญในการลดราคาเพชรธรรมชาติ เนื่องจากราคาที่ถูกกว่าเพชรธรรมชาติ 85% ตามข้อมูลจาก Zimnisky เปิดเผยว่า ปัจจุบันส่วนแบ่งของเพชรสังเคราะห์เพิ่มขึ้น 2% ของตลาดเครื่องประดับเพชรทั่วโลกเป็น 18.4%
“ในสหรัฐอเมริกา ถือเป็นผู้บริโภคเพชรรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก และครึ่งหนึ่งของเพชรแหวนหมั้น มาจากเพชรสังเคราะห์ถูกปลูกในห้องทดลองในปีนี้” Ankur Daga ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทอีคอมเมิร์ซเครื่องประดับ Angara กล่าว
แม้ว่าอุตสาหกรรมเพชรกำลังเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน แต่ Anish Aggarwal ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านเพชร Gemdax มองว่าอุตสาหกรรมยังพอมีทางรอด โดยมองว่า เพชรยังเป็นที่ต้องการในกลุ่มสินค้าลักชัวรี่อื่น ๆ เช่น นาฬิกาและกระเป๋าระดับไฮเอนด์
เมื่อเร็ว ๆ นี้ Signet Jewelers ผู้ค้าปลีกเครื่องประดับรายใหญ่ที่สุดของโลกได้ประกาศความร่วมมือทางการตลาดกับ De Beers เพื่อกระตุ้นความต้องการเพชรธรรมชาติ โดย Signet คาดว่าการมีส่วนร่วมจะเพิ่มขึ้น 25% ในอีกสามปีข้างหน้า
]]>มีรายงานเกี่ยวกับ ทองปลอม จากสื่อท้องถิ่นและเว็บไซต์คุ้มครองผู้บริโภคของจีน เช่น Heimao และ Tousu เนื่องจากมีผู้บริโภคชาวจีนร้องเรียนหลังจากซื้อจี้ทองบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซออนไลน์อย่าง Taobao ซึ่งหลังจากทดสอบก็พบว่าเป็นทองปลอม นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายจากแพลตฟอร์ม Pinduoduo อีกด้วย
ส่งผลให้ รัฐบาลจีน ได้ออกมาเตือนว่า ประชาชนชาวจีน หลายพันคน โดนหลอกขายทองปลอม เนื่องจากชาวจีนจำนวนมากกำลังออมเงินโดยการซื้อทองคำ หลังจากที่ช่วงนี้เป็นขาขึ้นของราคาทอง โดย จีนถือเป็นประเทศผู้ซื้อเครื่องประดับทองรายใหญ่ที่สุดของโลก ตามข้อมูลจาก World Gold Council เผยว่า ผู้บริโภคชาวจีนซื้อเครื่องประดับทอง 603 ตัน ในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 10% จากปี 2022
จากเหตุการณ์ดังกล่าว รัฐบาลจีนได้ออกแนวทางในการตรวจสอบทองปลอม โดยอาจทดสอบโดย การฟังเสียงเวลาโยนลงพื้น หรือนำ กรดไนตริกหยดใส่เครื่องทอง หากหยดกรดปรากฏเป็นสีเขียว แสดงว่าวัตถุสีทองนั้นทำจากโลหะอื่นหรือชุบทอง แต่ที่สำคัญที่สุด ผู้บริโภคควร ซื้อทองจากแหล่งที่เชื่อถือได้
ทั้งนี้ สินค้าปลอมไม่ใช่ปรากฏการณ์ใหม่ในประเทศจีน แต่จีนถือเป็นประเทศที่มีสินค้าลอกเลียนแบบและละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนมาก โดยได้รับแรงหนุนจากทั้งผู้ซื้อที่ไม่รู้ว่ากำลังซื้อของปลอม และผู้ที่ยอมใช้สินค้าปลอมที่มีราคาถูกกว่าของแท้
]]>หลังจากที่หุ้นธนาคารได้รับผลกระทบจากการปิดตัวของ Silicon Valley Bank และ Credit Suisse ส่งผลให้นักลงทุนแห่กันไปที่ทองคำ ทำให้ราคาทองคำซื้อขายทะลุ 2,000 ดอลลาร์ พุ่งขึ้นประมาณ 10% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565
Tina Teng จากบริษัทที่ให้บริการทางการเงิน CMC Markets กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเร็ว ๆ นี้อาจทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากการลดลงของเงินดอลลาร์สหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตร โดยคาดว่าราคาทองคำจะซื้อขายระหว่าง 2,500-2,600 ดอลลาร์/ออนซ์ (ราว 86,000-89,000 บาท) ทำสถิติสูงสุด แซงช่วงเดือนสิงหาคม 2563 ที่ราคาทองคำอยู่ที่ 2,075 ดอลลาร์/ออนซ์ (ราว 74,000 บาท) ตามข้อมูลของ Refinitiv
“ฉันคิดว่ามันเป็นไปได้มากที่เราเห็นผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของทองคำในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เราอาจเห็นได้ว่ามันจะทำลายจุดสูงสุดใหม่ในไม่ช้า”
ในปีที่ผ่านมา ความต้องการทองคำพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี เนื่องจากการซื้อจำนวนมากของธนาคารกลาง ตามรายงานของ World Gold Council โดยธนาคารกลางได้ซื้อทองคำสูงสุดในรอบ 55 ปีที่ 1,136 ตัน
]]>Eric Robertsen หัวหน้าฝ่ายวิจัยระดับโลกของ Standard Chartered Bank คาดการณ์ว่า บิตคอยน์อาจลดลงเหลือ 5,000 ดอลลาร์ในปีหน้า ซึ่งถ้าถึงระดับนั้น แปลว่ามูลค่าของบิตคอยน์จะลดลงประมาณ 70% จากราคาปัจจุบันที่ 17,000 ดอลลาร์ ซึ่งมูลค่าลดลงไปมากกว่า 60% หากนับเฉพาะปีนี้
หนึ่งในปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อมูลค่าของบิตคอยน์ก็คือ การล่มสลายของโครงการและบริษัทที่มีชื่อเสียงมากมาย ทำให้อุตสาหกรรมเสียหาย โดยเฉพาะที่ FTX ได้ยื่นล้มละลาย นับเป็นความเสียหายล่าสุดและใหญ่ที่สุด เพราะหลังจากที่ FTX ล้มก็ได้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปทั้งตลาด
“ผลตอบแทนของคริปโตฯ ลดลงไปพร้อม ๆ กับหุ้นเทคโนโลยี และในขณะที่บริษัทหรือแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนคริปโตฯ จำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มพบว่าตัวเองมีสภาพคล่องไม่เพียงพอ ได้นำไปสู่ความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล” Eric Robertsen กล่าว
ในขณะที่มูลค่าของบิตคอยน์อาจจะลดลงในปีหน้า แต่ราคา ทองคำ อาจเพิ่มขึ้น 30% เป็น 2,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการถดถอยของสินทรัพย์ดิจิทัล โดยทองคำนั้นจะเป็นเหมือน แหล่งหลบภัย โดยนักลงทุนแห่กันไปเพื่อความมั่นคงในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวน
ไม่ใช่แค่ Standard Chartered ที่มองว่ามูลค่าของบิตคอยน์จะลดลงในปีหน้า แต่ Mark Mobius นักลงทุนรุ่นเก๋าก็คาดว่า บิตคอยน์จะร่วงลงสู่ระดับ 10,000 ดอลลาร์ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นจากธนาคารกลางสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม มีเพียง Tim Draper มหาเศรษฐีพันล้านยังเชื่อว่าในช่วงกลางปีหน้า มูลค่าของบิตคอยน์จะกลับมาแตะ 250,000 ดอลลาร์ ได้
]]>