ทักษะ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 08 Oct 2025 17:48:26 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ซีอีโอ LinkedIn เตือน ‘ใบปริญญา’ ไม่สำคัญต่อการหางานยุค AI ครองเมือง https://positioningmag.com/1542122 Wed, 08 Oct 2025 14:01:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1542122 ‘ไรอัน รอสแลนสกี’ ซีอีโอของ LinkedIn แพลตฟอร์มการจ้างงานยักษ์ใหญ่ของโลก ได้ออกมาเตือน Gen Z และบัณฑิตจบใหม่ว่า การหางานในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญ ไม่ว่าจะมีใบปริญญาดีแค่ไหน หรือจบจากมหาวิทยาลัยที่ยอดเยี่ยมแค่ไหน ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

เพราะปัจจุบันนายจ้างและองค์กรจะมองหาคนที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AI และสามารถนำความรู้ความสามารถดังกล่าวมาผสมผสานในการทำงาน รวมถึงต้องมี 3 ทักษะจำเป็นที่จะทำให้มีโอกาสได้งานและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ได้แก่

  1. คนปรับตัวได้ดี
  2. มีความคิดก้าวหน้า
  3. พร้อมเรียนรู้ และเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ

ผลสำรวจของ Microsoft เมื่อปีที่ผ่านมาพบว่า ผู้นำธุรกิจ 71% จะเลือกผู้สมัครที่มีประสบการณ์น้อยกว่าแต่มีทักษะด้าน AI มากกว่าผู้สมัครที่มีประสบการณ์แต่ไม่มีทักษะด้าน AI

ขณะที่ข้อมูลจาก LinkedIn ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2025 ในงาน ‘AI in Work Day’ แสดงให้เห็นว่า ตำแหน่งงานที่ต้องการความรู้ด้าน AI เพิ่มขึ้นถึง 70% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

แม้เทคโนโลยีและ AI จะเข้ามามีบทบาทแพร่หลายในโลกของการทำงาน แต่ ซีอีโอ LinkedIn ไม่เชื่อว่า AI จะเข้ามาแทนที่คน แต่เป็นไปได้ที่คนที่ไม่เปิดรับ AI จะถูกแทนที่ด้วยคนที่เปิดรับ AI ซึ่งไม่ใช่แค่การคุยกับแชทบอทเป็นเท่านั้น

นอกจากนี้รอสแลนสกียังบอกว่า ทักษะด้านการสื่อสารและสร้างมนุษยสัมพันธ์ระหว่างบุคคลยังคงมีคุณค่า และเป็นอาวุธลับที่มีประสิทธิภาพของมนุษย์

“อย่าลืมความเป็นมนุษย์ ทั้งความเห็นอกเห็นใจ การสื่อสาร ความสามารถในการปรับตัว ความสามารถในการสนทนากับผู้อื่นได้จริง ๆ สิ่งเหล่านี้จะเป็นอาวุธลับของคนส่วนใหญ่และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในทุกสิ่งที่คุณกำลังพยายามทำในอนาคต”

ที่มา : https://www.businessinsider.com/linkedin-ceo-will-college-degrees-matter-ai-future-of-work-2025-10

]]>
1542122
Post- Vacation Blues อาการซึมเศร้าหลังหยุดยาว และวิธีรับมือให้ปลุกไฟให้พร้อมลุยงาน https://positioningmag.com/1518668 Thu, 17 Apr 2025 13:35:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1518668 หลังจากหยุดยาวมาหลายคนอาจรู้สึกเศร้า วิตกกังวล หดหู่ ขี้เกียจ หลับไม่สนิท หมดไฟ รู้สึกเครียดเมื่อคิดถึงการ กลับมาทำงาน ทั้ง ๆ ที่ความจริงน่าจะรู้สึกผ่อนคลายจากการได้พักผ่อนและชาร์จพลังมาอย่างเต็มที่แล้ว นั่นหมาย ความว่า คุณอาจกำลังเผชิญกับ ‘อาการซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว’ หรือ Post – Vacation Blues อยู่

 

อาการซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว ไม่ใช่โรคทางจิตเวช แต่เป็นสภาวะอารมณ์เชิงลบที่เกิดขึ้นหลังวันหยุดยาว ซึ่งปกติแล้วจะเกิดขึ้น 2-3 วัน หรือบางคนอาจจะมีอาการถึง 2-3 สัปดาห์เลยก็มี

 

แล้วจะรับมืออย่างไรเมื่อเกิดอาการดังกล่าว เพื่อเตรียมตัวและปลุกไฟให้พร้อมกับมาลุยงานอีกครั้ง

 

1.ให้เวลาพักที่บ้านอย่างน้อย 1 วันหลังจากหยุดยาว : ที่ผ่านมาเรามักจะเริ่มงานในวันรุ่งขึ้นหรือทำงานทันทีหลังจากหยุดยาว ทำให้เราอาจปรับภาวะทางอารมณ์ไม่ทัน จึงควรวางแผนล่วงหน้าให้มีเวลาพักอยู่บ้านอย่างน้อย 1 วันก่อนเริ่มทำงาน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่โหมดชีวิตปกติ

 

2.เขียนเป้าหมายการทำงานของสัปดาห์ที่ต้องเริ่มทำงานหลังจากวันหยุดยาว : การเขียนเป้าหมายของการทำงานจะทำให้รู้ว่า เราควรเริ่มทำอะไรก่อน ซึ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งที่รอคุณอยู่ อย่างเป้าหมายต้องการการตามงานให้ทัน เช่น จัดการอีเมลทั้งหมดให้เสร็จภายใจวันนี้ หรือ จัดเวลาในปฏิทินสำหรับทำงานที่จำเป็น ฯลฯ

 

3.อัปเดตงานคร่าว ๆ กับเพื่อนร่วมงาน : เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวคุณเองและทีมได้แจ้งสิ่งที่อาจตกหล่นไปในช่วงวันหยุดยาว และช่วยให้ทราบถึงลำดับความสำคัญของงาน หรืออาจจะอัปเดตคงวามเคลื่อนไหวของงานใหม่ๆ ที่วางแผนไว้จะทำหลังจากกลับจากวันหยุดยาว สำหรับให้คุณสามารถสานต่องานได้ทันที

 

4.จัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ : หลังจากหยุดพักผ่อนและต้องกลับมาทำงาน หลายคนอาจรู้สึกว่า มีงานมากมายรออยู่ จนไม่รู้จะเริ่มลงมือตรงไหนก่อน ทำให้เกิดรู้สึกเบื่อและหมดไฟในการทำงาน ดังนั้น ต้องมีการจัดลำดับความสำคัญของงาน เพราะทุกงานไม่จำเป็นต้องลงมือทำทันที โดยต้องจำกฎ 80/20 ไว้เสมอ คือ 80% พยายามใช้เวลาทำงานอย่างตั้งใจจนสำเร็จ และอีก 20% ใช้แยกแยะระหว่างสิ่งที่เร่งด่วนและสิ่งที่สำคัญก็ต้องรีบทำก่อน

 

5.กำหนดวันตามงาน : การกำหนดวันดังกล่าว หมายถึงในวันแรกของการกลับมาทำงานหลังจากหยุดยาวจะไม่มีการนัดหมายใด ๆ แต่จะใช้เวลาทำงานไปกับการเคลียร์งานที่คั่งค้างให้เสร็จสิ้น โดยการทำเช่นนี้ จะช่วยให้มีสมาธิและสามารถวางแผนงานสำหรับสัปดาห์ที่เหลือได้อย่างเหมาะสม

 

6.จัดกลุ่มงานเพื่อทำเป็นชุด : ก่อนจะเริ่มงานวันแรกหลังหยุดยาว การวางแผนล่วงหน้าถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้มีเวลาปรับตัวและเอาชนะอาการซึมเศร้าหลังหยุดยาว โดยให้พยายามจัดกลุ่มงานที่คล้ายกันเพื่อทำพร้อมกัน เช่น จัดเวลา 1-2 ชั่วโมงสำหรับอีเมลส่วนตัว จากนั้นเปลี่ยนไปประชุม ฯลฯ ซึ่งการทำงานที่โฟกัสสิ่งใดสิ่งหนึ่งแบบนี้ จะช่วยให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

7.พยายามหลีกเลี่ยงการประชุมในช่วงครึ่งวันแรก : การประชุมถือเป็นสิ่งที่ดูดพลังเอามาก โดยเฉพาะเมื่อเราต้องตกอยู่ในภาวะ Post – Vacation Blues ดังนั้น หากเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงการประชุมในช่วงครึ่งแรกของวันที่เริ่มทำงานหลังหยุดยาว เพื่อทำงานที่เร่งด่วนก่อน

 

นอกจากนี้ อย่าพยายามตามงานหรือทำงานทั้งหมดภายในวันเดียวของการเริ่มต้นทำงาน จนละเลยการดูแลตัวเอง เช่น การออกกำลังกายในตอนเช้า หาเวลาพักผ่อนระหว่างทำงาน หรือจัดเวลาพักผ่อนให้เพียงพอหลังกลับมาถึงบ้าน เพราะสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญให้คุณเอาชนะอาการเป็นที่อยู่ และปลุกไฟให้พร้อมกลับมาลุยงานที่รักอีกครั้งนั่นเอง

 

ที่มา

 

https://edition.cnn.com/travel/article/travel-post-vacation-blues-wellness/index.html

https://www.forbes.com/councils/theyec/2022/09/09/back-from-a-long-vacation-nine-tips-for-getting-back-into-your-work-routine/

]]>
1518668
ทำความรู้จัก Pomodoro Technique ที่จะช่วยให้คุณทำงานเสร็จเร็วขึ้น แถมมีประสิทธิภาพดี https://positioningmag.com/1510143 Mon, 10 Feb 2025 09:14:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1510143 เชื่อว่า เมื่องานเยอะจนล้นมือ หลายคนคงเคยประสบปัญหาบริหารจัดเรียงลำดับความสำคัญไม่ถูกและโฟกัสอะไรไม่ได้ ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำเทคนิคที่จะมาช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้ นั่นคือ  ‘Pomodoro Technique’ หรือ ‘เทคนิคมะเขือเทศ’

‘ฟรานเชสโก ซิริลโล’ (Francesco Cirillo) เป็นผู้คิดค้นเทคนิคบริหารเวลานี้ ส่วนที่มาของชื่อ เทคนิคมะเขือเทศ เพราะ Pomodoro มาจากภาษาอิตาลีที่หมายถึง ‘มะเขือเทศ’ เนื่องจากเขาได้แรงบันดาลใจมาจากตัวจับเวลาสำหรับทำอาหารในห้องครัวที่มีรูปทรงมะเขือเทศ (Tomato kitchen timer) นั่นเอง

หัวใจของ Pomodoro Technique คืออะไร?

Pomodoro Technique จะเน้นถึงพลังของ ‘การโฟกัส’ ด้วยวิธีการง่าย ๆ โดยมีขั้นตอนหลักอยู่ 5 ขั้นตอน ได้แก่

  1. เลือกโฟกัสชิ้นงานสำคัญมา 1 งาน เขียนรายละเอียดงานที่ต้องทำออกมาเป็นข้อ ๆ
  2. กำหนดกรอบเวลาทำงานไว้ที่ 25 นาทีต่อ 1 งานนี้
  3. เริ่มต้นทำงานพร้อมกับจับเวลาไม่ให้เกิน 25 นาที
  4. เมื่อถึง 25 นาทีครบกำหนดให้ขีดกำกับงานที่ทำเสร็จไปแล้ว ก่อนจะไปพักเบรคเพื่อผ่อนคลายเป็นเวลา 5 นาทีเต็ม เช่น ลุกเดินออกจากโต๊ะทำงานและห้ามคิดหมกมุ่นกับงานในหัว เป็นต้น
  5. เมื่อหมดเวลาพัก 5 นาที ให้กลับมาทำงานชิ้นต่อไป โดยกำหนดไว้ที่ 25 นาทีเหมือนเดิม วนลูปแบบนี้ต่อไป โดยงานชิ้นหลัง ๆ ให้เพิ่มเวลาพักเบรกเป็น 15-30 นาที

ทั้งนี้ ฟรานเชสโกผู้คิดค้น Pomodoro Technique แนะนำให้ใส่ความ ‘ยืดหยุ่น’ ลงไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งเทคนิคให้เหมาะสมกับงานและจริตของตัวเราเอง รวมถึงอย่ายึดติดกับตัวเลขมากจนเกินไป

ยกตัวอย่างเช่น ถ้างานเสร็จก่อน 25 นาทีที่กำหนด อาจใช้เวลานั่งทบทวนความถูกต้องอีกครั้ง เพื่อความรอบคอบ หรือ ถ้างานยังไม่เสร็จแม้จะครบ 25 นาทีแล้ว ก็ยังบังคับควบคุมจิตใจตัวเองให้หยุดเลิกทำแล้วไปพัก 5 นาทีก่อน

Pomodoro Technique เป็นเทคนิคบริหารเวลาที่ได้รับการยอมรับและมีความนิยมในวงกว้าง เนื่องจากทำได้ง่ายและสอดคล้องกับกระบวนการทำงานของสมองมนุษย์เราที่เรียกว่า Parkinson’s Law คือ คนเรามักมีแนวโน้มทำงานไปเรื่อย ๆ ตราบเท่าที่มีเวลา ถ้ามีเวลามาก ก็จะทำงานเอื่อยเฉื่อยไปเรื่อย ๆ แต่ถ้ามีเวลาน้อย ก็จะรีบทำงานให้เสร็จ

เมื่อเทคนิคดังกล่าวบังคับจำกัดเวลาลงเหลือแค่ 25 นาที เราจึงมีแนวโน้มพยายามทำให้เสร็จอย่างดีเยี่ยมภายใน 25 นาทีเท่าที่มี

นอกจากนี้ Pomodoro Technique ยังให้พลังกับการ ‘โฟกัส’ ที่งานเพียงชิ้นเดียว ซึ่งผลวิจัยชี้ว่า สมองคนเรามีสมาธิในการทำงานได้ดีกว่าเมื่อเพ่งสมาธิไปกับการทำงานเพียงอย่างเดียว (Single tasking) ขณะที่การกำหนดเวลา 25 นาที เป็นระยะเวลาที่ ‘ไม่มากไป’ และ ‘ไม่น้อยไป’ สำหรับการที่สมองจะโฟกัสตั้งใจทำอะไรได้อย่างมีสมาธิ

สิ่งที่หลายคนชื่นชอบเทคนิคนี้ ก็คือ ‘เวลาเบรกพัก 5 นาที’ เสมือนการทำงานของสมองคนเราที่จะโฟกัสเพ่งสมาธิ สลับกับการหยุดพักเบรก

ขณะเดียวกัน ก็ช่วยลดโอกาสเกิดภาวะออฟฟิศซินโดรม เพราะการได้ลุกออกเดินขณะพักเบรค 5 นาที จะทำให้เราไม่เครียดจัดจนเกินไป ซึ่งจะส่งผลเสียต่อทั้งร่างกายและจิตใจของเราได้

อ้างอิง

  • https://www.pomodorotechnique.com
  • https://www.jobillico.com/blog/en/the-pomodoro-technique
  • https://medium.com/@theintrovertalert/the-man-behind-the-pomodoro-technique-a-look-into-the-life-of-francesco-cirillo-80ca95ed0535
]]>
1510143