ทาสสัตว์เลี้ยง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 22 Jun 2023 10:15:29 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 รู้จัก ‘อารักษ์’ โรงพยาบาลสัตว์น้องใหม่ที่เกิดมาจากคำถาม “ทำไมการรักษาสัตว์ไม่ดีเท่าคน” https://positioningmag.com/1435116 Thu, 22 Jun 2023 10:08:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1435116 คงไม่ต้องบอกว่าช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เทรนด์การมี สัตว์เลี้ยง ในไทยเติบโตมากขนาดไหน เพราะขนาดบริษัท RS ของ เฮียฮ้อ ยังหันมาทำผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง Lifemate และอีกสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า คนในปัจจุบัน เลี้ยงสัตว์เหมือนลูก ก็คือการที่ห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ เป็น Pet-Friendly หรือสามารถพาสัตว์เลี้ยงเข้าไปได้ ขนาด เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ก็ยังเปิด โรงภาพยนตร์สำหรับหมา-แมว ก็ยิ่งย้ำให้เห็นว่า สัตว์เลี้ยงเป็น ส่วนหนึ่งของครอบครัว ของคนไปแล้ว

การรักษาก็ต้องดีเหมือนรักษาคน

ตลาดสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึ63,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนของ ธุรกิจสุขภาพสัตว์เลี้ยง 32.5% คิดเป็นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท โดยการจดทะเบียนจัดตั้งโรงพยาบาลหรือคลินิกรักษาสัตว์ของไทยในปีนี้คาดว่ามีอยู่ประมาณ 3,300-3,400 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีประมาณ 2,800 แห่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการเติบโตอย่างมาก

 

อย่างไรก็ตาม ปัญหาของคลินิกหรือโรงพยาบาลสัตว์ในปัจจุบันคือ “คนรู้สึกว่าทำไมการรักษาสัตว์ไม่ดีเท่าคน” โรงพยาบาลที่รักษา เฉพาะทาง ก็มีไม่มาก ด้วยเพนพอยต์ดังกล่าวทำให้สัตวแพทย์หญิงที่คว่ำวอดอยู่ในวงการกว่า 19 ปี อย่าง สพ.ญ. ทัศวรินทร์ กาญจนฉายา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อารักษ์ แอนิมัล เฮลท์แคร์ จำกัด ใช้เวลาวางแผนประมาณ 1 ปีเพื่อเปิดโรงพยาบาลสัตว์ อารักษ์ (Arak)

ซึ่งจุดเด่นของ อารักษ์ คือ ให้บริการด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ใกล้เคียงกับการรักษาในคน มี ทีมสัตวแพทย์เฉพาะทาง​ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่ม Pet parents ที่ ดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว

“เราตั้งชื่อว่า อารักษ์ เพื่อสื่อถึงการปกป้อง ดูแล คุ้มครองให้ปลอดภัย โดยมีโพซิชันนิ่งคือ การรักษาแบบแอดวานซ์เมดิคอลเซ็นเตอร์ หมอแต่ละคนเป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน เพราะคนสมัยนี้เขาไม่ได้มองสัตว์เลี้ยงเป็นแค่สัตว์เลี้ยง แต่มองเป็นคนในครอบครัว เวลาพาไปหาหมอเขาก็มักจะมีความรู้สึกว่า ทำไมการรักษาสัตว์ไม่ดีเท่าคน”

สพ.ญ. ทัศวรินทร์ กาญจนฉายา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อารักษ์ แอนิมัล เฮลท์แคร์ จำกัด

หลังสวน ไพรม์แอเรียไร้คู่แข่ง

สำหรับโรงพยาบาลสัตว์อารักษ์ สาขาแรกแรกใช้งบลงทุน 40 ล้านบาท ตั้งอยู่บน ถนนหลังสวน ย่านชิดลม เป็น อาคาร 4 ชั้น มีพื้นที่ 700 ตารางเมตร รวม 7 ห้องตรวจ มีสัตวแพทย์ 20 คน โดย สพ.ญ. ทัศวรินทร์ อธิบายว่า ที่เลือกโลเคชั่นดังกล่าวเป็นเพราะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง นอกจากนี้ ยังไม่มีโรงพยาบาลสัตว์หรือคลินิกในรัศมี 8 กิโลเมตร

ทั้งนี้ โรงพยาบาลสัตว์อารักษ์ให้บริการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงเชิงป้องกันแบบองค์รวม ทั้งแบบ Health และ Non-Health ได้แก่

  • Health – การให้บริการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงเชิงป้องกันแบบองค์รวม ตรวจรักษาสัตว์ เลี้ยงทั่วไป บริการคลินิกพิเศษเฉพาะด้านและศูนย์ศัลยกรรม โดยทีมสัตวแพทย์ที่มีประสบการณ์ ด้วยการรักษาแบบบูรณาการ ร่วมกับเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย บริการฝากดูแลรักษาสัตว์ป่วยใน (IPD) โดยแยกพื้นที่ของสุนัขกับแมว และบริการฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง โดยโรงพยาบาลสัตว์อารักษ์มีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์รักษาโรคตาที่ดีที่สุด ครอบคลุมตั้งแต่การรักษาทางยา ไปจนถึงการผ่าตัดทั้งโครงสร้างภายนอกและภายในลูกตา ร่วมทั้งมีการใช้เลเซอร์รักษาโรคตาในสัตว์เลี้ยง

  • Non-Health – บริการสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ไม่ป่วยด้วยบริการที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์และส่งเสริมคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยงได้แก่ Pet shop อาบน้ำตัดขน สปาสัตว์เลี้ยง รับฝากสัตว์เลี้ยงทั้งแบบดูแลระหว่างวัน และฝากค้างคืนโรงแรมสัตว์เลี้ยง เป็นต้น

“เรื่องการแข่งขันมันพูดยาก เพราะมีหลายปัจจัยประกอบกัน ทั้งเรื่องของโลเคชั่น ราคา แล้วแต่โพซิชั่น โดยโพซิชั่นนิ่งคือเราคือ เป็นโรงพยาบาลที่รักษาแบบแอดวานซ์ หมอแต่ละคนเป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน แต่ไม่ได้แพงมาก เพราะเราอยากให้คนเข้าถึงได้ โดยสามารถมาขอคำปรึกษา มาขอข้อมูลได้แม้ไม่ใช่ลูกค้า เพราะเราอยากให้เขารู้สึกว่าแบรนด์เราเป็นมิตร”

ไม่หยุดแค่สาขาเดียว

สำหรับเป้าหมายของโรงพยาบาลสัตว์อารักษ์ สาขาหลังสวน คาดว่าจะมีผู้ใช้ไม่ต่ำกว่า 3,500 ราย ภายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม สาขาหลังสวนเป็นแค่จุดเริ่มต้น โดย สพ.ญ. ทัศวรินทร์ กล่าวว่า จะเปิดที่ ทองหล่อ เป็นโรงพยาบาลสัตว์ที่ครบวงจร ซึ่งจะใช้เงินลงทุนถึง 130-140 ล้านบาท มีพื้นที่ใช้สอย 4,000 ตารางเมตร มีห้องตรวจรวม 20 ห้อง คาดว่าเฟสแรกจะเสร็จในช่วงต้นเดือนมกราคมปีหน้า และครบทุกเฟสในช่วงกลางปี และ ภายใน 5-6 ปี ข้างหน้า วางเป้าว่าจะเปิดในกรุงเทพฯ เป็น 5 สาขา และในต่างจังหวัดอีก 3 สาขา 

“สาขาทองหล่อจะรองรับการให้บริการต่าง ๆ เช่นเดียวกับที่สาขาหลังสวน แต่จะเพิ่มโซน Arak Space ให้บริการที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ บริการส่งสัตว์เลี้ยงไปต่างประเทศ โซน Pet Friendly Café และโซน Arak Park & Swimming pool สำหรับสัตว์เลี้ยง เพื่อสร้างประสบการณ์ให้เป็นศูนย์รวมการดูแลรักษาสุขภาพสัตว์เลี้ยง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้ของคนรักสัตว์”

จำนวนสัตวแพยท์ยังไม่เพียงพอ

สพ.ญ. ทัศวรินทร์ ทิ้งท้ายว่า ความท้าทายของการเปิดโรงพยาบาลสัตว์อยู่ที่ จำนวนสัตวแพทย์ ที่ยังไม่เพียงพอ และส่วนใหญ่ยังกระจุกตัวแค่ในกรุงเทพฯ และสำหรับผู้ที่สนใจจะเลี้ยงสัตว์ แนะนำว่าควรต้องศึกษาเกี่ยวกับนิสัย โรคพันธุกรรม ควรมีเวลาและเลี้ยงระบบปิด นอกจากนี้ ยังต้องใช้เงินอีกด้วย โดยปัจจุบัน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยการเลี้ยงสัตว์ต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 2,300 บาท

]]>
1435116
AAI เร่งลงทุนทำอาหารสัตว์ครบวงจร รับเมกะเทรนด์สัตว์เลี้ยงเหมือนสมาชิกครอบครัว https://positioningmag.com/1403312 Wed, 05 Oct 2022 07:42:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1403312 ไม่ใช่แค่เทรนด์ธรรมดาทั่วไป แต่เป็นเมกะเทรนด์ไปแล้ว สำหรับการเป็นทาสสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะทาสหมา ทาสแมว ผู้บริโภคไม่ได้มองน้องๆ เป็นสัตว์ แต่เป็นเหมือนหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว ทำให้ได้เห็นตลาดอาหารสัตว์เติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีแบรนด์ใหม่เข้ามาบุกในตลาดอย่างต่อเนื่อง

ตลาดอาหารสัตว์บูม

บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI เป็นอีกหนึ่งผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง แต่เดิมมีทั้งกลุ่มอาหารสัตว์ และอาหารคน ปัจจุบันรายได้ของอาหารสัตว์ได้แซงหน้าอาหารคนไปแล้ว จึงเป็นโอกาสสำคัญในการเร่งสปีดในการเติบโต

ตลาดผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงในปัจจุบันมีศักยภาพการเติบโตสูง อ้างอิงข้อมูลจากบทวิจัย Fortune Business Insights ที่แสดงให้เห็นว่าภาพรวมตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของโลกในปี 2564 มีมูลค่า 1.1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่มีมูลค่า 8.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 8% ต่อปี และคาดการณ์ว่าแนวโน้มตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของโลกในปี 2572 จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 1.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี

AAI คาดการณ์ว่าจะบริษัทเติบโตได้ดีกว่าอุตสาหกรรม หรือได้ไม่น้อยกว่า 10% โดยมีปัจจัยหลักมาจากผู้คนให้ความนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Millennial และ Gen Z เนื่องจากการแพร่ระบาด COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้คนใช้ชีวิต และทำงานที่บ้านเพิ่มขึ้น จึงมีความนิยมเลี้ยงสัตว์เพื่อคลายความเหงา เกิดเป็นเทรนด์การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเสมือนเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัว (Pet Humanization)

ส่งผลให้มูลค่าการขายอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงดังกล่าว อีกทั้งยังมีการจับจ่ายซื้ออาหารว่าง ขนมขบเคี้ยว ให้กับสัตว์เลี้ยงมากขึ้นอีกด้วย

อาหารสัตว์ แซงหน้าอาหารคน

เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food) และผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึก (Human Food) เป็นหนึ่งในบริษัทย่อย และเป็นบริษัทแกนหลัก (Flagship) ของการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงของ กลุ่มบมจ. เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น หรือ ASIAN

ในประเทศไทยตลาดอาหารสัตว์มีมูค่า 40,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็นอาหารสัตว์ 45% และอุปกรณ์เสริม สถานพยาบาลต่างๆ 55% โดยในกลุ่มอาหารแบ่งเป็นอาหารแห้ง 70% และอาหารเปียก 30%

ปัจจุบันแบ่งผลิตภัณฑ์เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

  1. ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food) สำหรับสุนัข และแมว ครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก และผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ด มีทั้งรับจ้างผลิต OEM และแบรนด์ของบริษัทเอง ประกอบด้วย มองชู (monchou) และมาเรีย (Maria) เจาะกลุ่มลูกค้าในตลาดสินค้าพรีเมียม ส่วนมองชู บาลานซ์ (monchou balanced) และฮาจิโกะ (Hajiko) เจาะกลุ่มลูกค้าในตลาดแมส และโปร (Pro) เจาะกลุ่มลูกค้าระดับอีโคโนมี
  2. ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึก (Human Food) มีทั้งในรูปแบบผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าในน้ำปรุงรส และซอสปรุงรส และผลิตภัณฑ์อาหารปรุงสุกพร้อมทาน โดยรับจ้างผลิต OEM ทั้งหมด รวมไปถึงยังจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้ (By-product) จากการแปรรูปปลาทูน่า เช่น ผลิตภัณฑ์ปลาป่น ผลิตภัณฑ์น้ำนึ่งปลา และผลิตภัณฑ์น้ำมันปลา

เอกราช พรรณสังข์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI เล่าว่า

“AAI ก่อตั้งปี 2551 เป็นบริษัทลูกของเอเชียน แรกเริ่มทำอาหารคนก่อน พวกทูน่ากระป๋องต่างๆ มีอาหารสัตว์บ้าง จนปี 2554 เริ่มทำอาหารสัตว์มากขึ้น ตอนแรกอาหารคนมีสัดส่วน 90% และมีปี 2564 อาหารสัตว์มีสัดส่วนแซงหน้าที่ 80% แล้ว แต่เดิมธุรกิจหลักรับจ้างผลิตให้ลูกค้า หรือ OEM ก่อน และในปี 2561 เริ่มทำแบรนด์ของตัวเอง เพราะมองเห็นเทรนด์การเติบโต และมีความรู้การตลาดมากขึ้น เริ่มทำให้ครอบคลุมทั้งอาหารเปียก และอาหารแห้ง”

AAI ได้ปรับตัวจากการเป็น OEM รับจ้างผลิตตามโจทย์ของลูกค้า มองเห็นว่ามีความได้เปรียบทั้งโรงงาน วิธีการผลิต จึงเปลี่ยนจากผู้ผลิต เป็นเจ้าของแบรนด์แทน อีกทั้งยังมีกำไรที่คงที่ด้วย

“ตอนทำ OEM ลูกค้าก็เอาสเป็กมา ผลิตตามโจทย์ของเขา ได้มีเพิ่มทางเลือกต่างๆ นวัตกรรมใหม่ๆ ผันตัวมาเป็น Co-developer ร่วมกับลูกค้า ทำให้เราได้เรียนรู้เทรนด์ สิ่งที่ลูกค้าต้องการ รู้เรื่องวิธีการผลิต สินค้าตัวไหนตอบโจทย์ เอาแต่ละอย่างมาเป็นประสบการณ์ในการสร้างแบรนด์ เราได้เปรียบที่มีโรงงาน รู้ว่าอะไรที่ลูกค้าต้องการ”

น้องๆ เป็นสมาชิกครอบครัว

แต่เดิมพฤติกรรมการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงของคนไทย จะมองน้องๆ เป็นแค่สัตว์เลี้ยง อาจจะนำวัตถุดิบที่เหลือในครัวมาทำเป็นอาหารให้น้องๆ แต่ปัจจุบันคนเลี้ยงสัตว์ได้ขัยบตัวเป็น “ทาส” กันมากขึ้น มองเห็นน้องๆ เป็นหนึ่งสมาชิกของครอบครัว คำนึงเรื่องของใช้ และโภชนาการมากขึ้น

“เทรนด์ของการเลี้ยงสัตว์มีการปรับตัวขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เห็นทาสหมาทาสแมวเยอะขึ้น แต่ก่อนคนเลี้ยงจะใช้ของเหลือในบ้านมาทำเป็นอาหาร ตอนนี้เขามองว่าสัตว์เลี้ยงไม่ใช่สัตว์ แต่เป็นคนในครอบครัว เริ่มแคร์เรื่องโภชนาการ เทรนด์นี้มาจากประเทศมีประชากรมากขึ้น สังคมเป็นครอบครัวเดี่ยว คนแต่งงานน้อยลง มีลูกน้อยลง เอาสัตว์เลี้ยงมาเป็นสมาชิกในครอบครัว”

หรืออย่างการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไป เดี๋ยวนี้เหล่าทาสๆ มักจะพาสัตว์เลี้ยงติดตามไปด้วยแทบทุกที่ แต่ก่อนสถานที่ต่างๆ จะไม่ให้พาสัตว์เลี้ยงเข้า แต่ตอนนี้ทั้งศูนย์การค้า คาเฟ่ สายการบิน เอาใจทาสสัตว์เลี้ยงมากขึ้น สามารถพาเข้าสถานที่ได้

ธุรกิจอาหารสัตว์ กับการเข้า IPO

ล่าสุด AAI เดินหน้าเสนอขายหุ้น IPO ระดมทุนเพื่อการลงทุนในอนาคต ปัจจุบัน AAI มีทุนจดทะเบียนจำนวน 2,125 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 2,125 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนชำระแล้วทั้งสิ้นจำนวน 1,700 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,700 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 637.5 ล้านหุ้น

แบ่งเป็น 1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 425 ล้านหุ้น และ 2) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม (บมจ. เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น: ASIAN) จำนวนไม่เกิน 212.5 ล้านหุ้น รวมทั้งหมดไม่เกินร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้

โดยจะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก สร้างคลังสินค้าอัตโนมัติแห่งที่ 2 ชำระคืนเงินกู้ยืม และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในอนาคต โดยมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปีนี้

“การพาบริษัทเข้า IPO ต้องการสร้างความแข็งแกร่งให้ AAI เติบโตได้ตัวเอง ตอนนี้มีตลาดรองรับ มีกำลังการผลิตที่ทำได้ ก่อนหน้านี้มีปฏิเสธลูกค้าไปเยอะเพราะเรื่องกำลังการผลิตไม่เพียงพอ งบลงทุนจะนำไปเพิ่มกำลังการผลิต 7,000 ตัน อีกทั้งยังจัดการดูธุรกิจต้นน้ำ มีทุนหมุนเวียน ลงทุนในต่างประเทศ ทำคลังสินค้าอัตโนมัติ”

ปี 2564 มีรายได้ 4,980 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย (CAGR) 11% ต่อปี และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 16 ล้านบาท ในปี 2559 เป็น 639 ล้านบาทในปี 2564 เติบโตเฉลี่ย (CAGR)108% ต่อปี สัดส่วนของธุรกิจ OEM ยังใหญ่กว่า 93% ส่วนแบรนด์ตัวเอง 7% แต่มีการตั้งเป้าว่าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ของแบรนด์ตัวเองเป็น 10% ใน 4-5 ปีข้างหน้า

]]>
1403312