ธนาคารกสิกร – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 26 Nov 2020 15:26:31 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 โลมาผงาด! ‘ดอลฟิน’ ผนึก KBank ปล่อยกู้ 3 พันล้าน ชิงความได้เปรียบสงคราม e-Wallet https://positioningmag.com/1307624 Wed, 25 Nov 2020 12:01:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1307624 ให้บริการมาได้แค่ปีนิด ๆ สำหรับ ‘ดอลฟิน (Dolfin)’ อี-วอลเลตน้องใหม่แต่มีพ่อ-แม่ใหญ่อย่าง ‘กลุ่มเซ็นทรัล’ และ ‘กลุ่มเจดี ดอทคอม (JD.com)’ บริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีนร่วมลงทุนถึง 8,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันดอลฟินมีผู้ใช้กว่า 2 ล้านรายเลยทีเดียว

ท้าชนทุกแพลตฟอร์มด้วยการ ‘ปล่อยกู้’

ประกาศชัดไปตั้งแต่ช่วง 5 เดือนก่อนว่าจะมีบริการใหม่ในช่วงสิ้นปีนอกเหนือจาก ‘เพย์เมนต์’ ที่เปรียบเสมือนเป็นเครื่องมือทำให้รู้จักลูกค้า และล่าสุดก็ไม่ทำผิดสัญญา โดยได้ก้าวขาเข้ามาสู่บริการ ‘ปล่อยเงินกู้ (loan)’ เต็มตัวโดยได้ร่วมกับ ‘เคแบงก์’ ในการให้บริการ ‘ดอลฟิน มันนี่ จากธนาคารกสิกรไทย (Dolfin Money | KBank)’ สินเชื่อส่วนบุคคลบนดิจิทัลแพลตฟอร์ม ผ่านแอป Dolfin โดย ‘รุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค โฮลดิ้ง’ ระบุว่า เจ้าของเงินที่ปล่อยกู้คือ ‘เคแบงก์’ แต่ใช้เทคโนโลยีและดาต้าผู้ใช้งานดอลฟินที่มีกว่า 2 ล้านราย และจากอีโคซิสเต็มส์ของเครือเซ็นทรัล โดยเฉพาะ ‘The 1Card’ ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้กว่า 18 ล้านรายมาช่วยในการวิเคราะห์เพื่อปล่อยสินเชื่อ

“เคแบงก์เป็นเจ้าของเงิน แต่เรามีเทคโนโลยีมีข้อมูลที่ช่วยให้เลือกลูกค้าที่มีความเสี่ยงต่ำได้ โดยเรามั่นใจว่ายอดหนี้เสีย (NPL) ของเราจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด 3.95%”

ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถลูกค้าเข้าถึงวงเงินสินเชื่อได้ผ่านแอปพลิเคชัน Dolfin โดยไม่ต้องใช้หลักประกัน ไม่ต้องส่งเอกสารแสดงรายได้ สามารถสมัครง่ายได้ทุกที่ ทุกเวลา รู้ผลอนุมัติเร็วสุดใน 5 นาที และพร้อมใช้วงเงินได้ทันที โดยสามารถโอนเข้าบัญชี เบิกถอนเงินสดผ่านตู้เคแบงก์ หรือจะใช้จ่ายช้อปปิ้งกับร้านค้าชั้นนำในเครือเซ็นทรัลและร้านค้าพันธมิตรได้ทันที

ดิจิทัลเลนดิ้งมีสัดส่วนเพียง 0.2%

นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ระบุว่า ธุรกิจสินเชื่อบุคคลผ่านช่องทางดิจิทัลมีโอกาสเติบโตอีกมาก โดย ณ ไตรมาส 2 ปี 2563 ภาพรวมตลาดสินเชื่อบุคคลในประเทศไทยที่อนุมัติผ่านสถาบันการเงิน และผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (non-bank) มีจำนวน 428,000 ล้านบาท เป็นสินเชื่อในช่องทางดิจิทัลเพียง 12,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.2 ของสินเชื่อบุคคลทั้งหมดในตลาด

ขณะที่ปัจจุบัน ฐานข้อมูลของลูกค้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเทคโนโลยีในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้ามีการพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้การพิจารณาสินเชื่อสามารถประเมินผู้ขอสินเชื่อได้จากข้อมูลอื่น ๆ นอกเหนือจากข้อมูลรายได้ เช่น ข้อมูลด้านการใช้จ่ายต่าง ๆ ผ่านช่องทางดิจิทัล เพื่อประเมินความสามารถหรือความเต็มใจในการชำระหนี้

“แบงก์ปล่อยกู้ให้กับลูกค้าที่ไม่รู้จักน้อยมาก โดยเฉลี่ยมีเพียง 30% ที่ได้รับอนุมัติ ดังนั้น เมื่อเรากำลังเข้าไปในตลาดที่ไม่รู้ว่าพฤติกรรมการใช้เงินเป็นอย่างไร การร่วมกับดอลฟินที่มีข้อมูลลูกค้า เพื่อให้ K-Bank สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ได้ ดังนั้น ใครเลือกเก่งก็ไม่เจ๊ง ใครเลือกไม่เก่งก็ลำบากไป

นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (ซ้าย), รุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค โฮลดิ้ง (ขวา), นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด (กลาง)

วางเป้าปล่อย 3,000 ล้าน ผู้กู้ 1 แสนราย

รุ่งเรือง กล่าวว่า เป้าหมายใน 1 ปีของดอลฟิน มันนี่ คือ ปล่อยกู้ได้ 1 แสนราย ยอดเงินรวม 3,000 ล้านบาท ส่วนผู้ใช้งานดอลฟินคาดว่าจะเติบโตเป็น 4 ล้านราย โดยนอกจากจะมีดอลฟิน มันนี่ที่ช่วยดึงดูดให้มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นแล้ว ดอลฟินเตรียมเปิดบริการใหม่ ๆ เพิ่มเติมอีกตามแผนที่จะมีบริการอย่าง การขายประกัน (insurance) และ การจัดการสินทรัพย์ (Asset Management)

“เราหวังว่าจะปล่อยกู้ได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยเชื่อว่า 80% จะใช้เป็นเงินสด ส่วนอีกประมาณ 20% มีโอกาสที่จะกู้เพื่อใช้ซื้อสินค้าในเครือเซ็นทรัล แต่เรามองว่าเป็นผลพลอยได้มากกว่า ไม่ได้คาดหวังขนาดนั้น”

ยืนยัน เงินสด คือคู่แข่งเบอร์ 1

สำหรับแบงก์เราไม่ได้มองเป็นคู่แข่งแต่มองเป็นพาร์ตเนอร์ อย่างการปล่อยเงินกู้ เราทำเองได้แต่ไม่คิดจะทำเอง และเราไม่ได้ปิดกั้นว่าจะต้องจับกับเคแบงก์รายเดียว หรือเคแบงก์ไม่จำเป็นต้องเป็นพันธมิตรเพียงรายเดียว โดยดอลฟินยินดีเปิดรับพาร์ตเนอร์ใหม่ ๆ หรือแบงก์อื่น ๆ ที่จะมาปล่อยเงินกู้ผ่านดอลฟิน เพราะแต่ละธนาคารมีเป้าหมายไม่เหมือนกัน

ขณะที่ส่วนของผู้ให้บริการอีวอลเลตรายอื่น ๆ เราก็ไม่ได้มองใครเป็นศัตรู เพราะศัตรูที่เราแข่งอยู่คือ ‘เงินสด’ ตอนนี้ไทยมีการใช้ e-payment ไม่ถึง 3% ดังนั้น ผู้เล่นในตลาดทุกรายยังต้องวิ่งตามหาความฝัน ดังนั้น ตอนนี้มองว่ายังเป็นช่วงเริ่มต้นสร้างอีโคซิสเต็มส์ของตัวเอง จนกว่าจะถึงวันที่ไทยกลายเป็นสังคมไร้เงินสดถึงจะเป็นช่วงต้องแข่งขัน

“ปัจจุบันภาครัฐก็ผลักดันเต็มที่ทั้งมีพร้อมเพย์ หรือแอปเป๋าตัง ซึ่งมันผลักดันให้ประชาชนชิน แต่เมื่อผู้บริโภคใช้จนเป็นเรื่องปกติแล้ว เขาจะเลือกใช้ใครก็ต้องดูว่าใครให้อะไรเขา จุดรับชำระมีเยอะไหม สิทธิประโยชน์อะไรที่เขาจะได้”

สำหรับ ‘ดอลฟิน มันนี่ จากธนาคารกสิกรไทย (Dolfin Money | KBank)’ เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2563 เป็นต้นไป ทั้งนี้ สินเชื่อที่ได้จะเป็นวงเงินพร้อมใช้ หากไม่ใช้วงเงินไม่เสียดอกเบี้ย ฟรีค่าธรรมเนียม ไม่ต้องพกบัตร ใช้วงเงินได้ทันทีผ่านแอป Dolfin และ K PLUS ลูกค้าที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อฯ และใช้สินเชื่อดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2563 จนถึง 31 ม.ค. 2564 จะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อฯ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ K-Contact Center โทร. 02-888-8888 ต่อ 814 หรือ ศูนย์บริการลูกค้า Dolfin โทร. 02-255-5959 ต่อ 2 หรือ https://bit.ly/3601BPA

]]>
1307624
ส่องโครงการใหม่ KBank ให้กู้ 0% จ่ายเงินลูกจ้าง ป้องกันตกงาน – เเจกเงินบุคลากรการเเพทย์ https://positioningmag.com/1276905 Tue, 05 May 2020 09:36:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1276905 การรักษาการจ้างงาน เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์วิกฤตโรคระบาด เมื่อธุรกิจไม่สามารถดำเนินไปได้ตามปกติ KBank ประกาศ 2 มาตรการใหม่ ปล่อยเงินกู้ 1,000 ล้านบาท ดอกเบี้ย 0% ระยะเวลา 10 ปี ช่วยผู้ประกอบการรายย่อยมีเงินเดือนจ่าย “ลูกจ้าง” กว่า 41,000 คน เพื่อให้ระบบเดินหน้าต่อได้

พร้อมให้ “เงินรางวัล” เป็นกำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ นำร่องใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ วงเงิน 300 ล้านบาท ในมาตรการ “เบี้ยรบพิเศษสำหรับนักรบเสื้อกาวน์” จ่ายเงินเพิเศษให้คนละ 4,000 บาทต่อเนื่อง 3 เดือนโอนเช้าบัญชีโดยตรง วางเป้าครอบคลุม 2 หมื่นคน ใครทำงานจริงเเต่ไม่ได้เงิน สามารถร้องเรียนให้ตรวจสอบได้ โดยจะดำเนินการในช่วงปลายเดือนนี้

“ตอนนี้ถือเป็นช่วงสงคราม สงครามจากเชื้อโรค จะคิดแบบเดิมทำแบบเดิมไม่ได้ สินเชื่อที่ปล่อยในช่วงนี้ ก็ทำใจไว้ระดับหนึ่งว่าอาจจะเป็นหนี้เสีย เเต่ต้องช่วยกัน ถ้ากำไรของธนาคารปีนี้จะเป็น 0% เพราะต้องนำไปตั้งสำรองเพิ่ม ผมรับได้ แต่ต้องอย่าให้ลามไปถึงทุน” บัณฑูร ล่ำซำ ประธานเกียรติคุณ ธนาคารกสิกรไทย (KBank) กล่าว

เงินกู้ 0% จ่ายเงินเดือนลูกจ้าง เพื่อ “ซื้อเวลา”

บัณฑูร เล่าถึงที่มาของ “สินเชื่อ 0% เพื่อรักษาคนงาน SMEs” ว่าเป็นธุรกิจรายย่อยได้รับผลกระทบอย่างหนักจาก COVID-19 แม้จะมีมาตรการที่รัฐออกมาทั้งซอฟต์โลนต่างๆ แต่ธนาคารมองว่ายังต้องช่วยเพิ่มเติม โดยเฉพาะในส่วนเงินทุนหมุนเวียนที่จะประคองกิจการ มุ่งช่วยคนที่อยู่ข้างล่างที่สุดของธุรกิจที่เป็นคนตัวเล็กตัวน้อย นั่นก็คือ “ลูกจ้างที่ต้องหาเช้ากินค่ำ” การเข้าไปช่วยเหลือให้ช่วยเหลือพนักงานให้ยังมีงานทำเเละมีเงินเดือนเลี้ยงชีพตัวเองเเละครอบครัวให้ผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ คือ “สิ่งสำคัญ” ของโครงการนี้

โดยวงเงินกู้ 1,000 ล้านบาทก้อนนี้ จะนำไปจ่ายเงินเดือนพนักงานให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ขนาดเล็กที่มีพนักงานตั้งเเต่ 0-200 คน ให้เงินเดือน 8,000 บาทต่อเดือนต่อคน ในระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งจะพักชำระหนี้ 1 ปี อัตราดอกเบี้ย 0% ระยะเวลาสินเชื่อ 10 ปี ฟรีค่าธรรมเนียมทุกประเภท คาดว่าจะช่วยเหลือ SMEs ได้ราว 1,000 ราย เเละช่วยพนักงานได้กว่า 41,000 คน (วงเงินกู้ของแต่ละบริษัทขึ้นอยู่กับจำนวนพนักงาน)

สำหรับ SMEs ที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ ต้องเป็นลูกค้าของธนาคารที่มีผลประกอบการดีหรืออยู่ในขั้นพอไปได้ ไม่ต่ำกว่า 5 ปี และเปิดใช้บัญชี Pay Roll กับกสิกรไทย เพื่อให้มีการจ่ายเงินสะดวกโปร่งใส โอนเข้าบัญชีพนักงานโดยตรง

“เราต้องการช่วย SMEs ที่มีผลประกอบการที่ดี แต่ต้องมาเจอกับเหตุสุดวิสัย ให้ซื้อเวลารอเมื่อปัญหาผ่านพ้นก็จะสามารถทำธุรกิจต่อไปได้ ถ้าธุรกิจดีๆ จะต้องหายไปเพราะเหตุแบบนี้น่าเสียดาย”

ขณะเดียวกัน บัณฑูร มองถึงความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อในช่วงนี้ว่า “มีความเสี่ยงสูง” ที่จะเป็นหนี้เสีย ต้องสำรองทันที เพราะไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ “ต้องยอมเสียประโยชน์ระยะสั้น เพื่อให้ได้ประโยชน์ในระยะยาว”

ก่อนหน้านี้ เมื่อกลางเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา กสิกรไทยได้เปิดตัวโครงการ “เถ้าแก่ใจดี เจ้าหนี้มีใจ” วงเงิน 500 ล้านบาท ช่วยพนักงาน 15,000 คน ซึ่งยังอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยร่วมมือกับเจ้าของกิจการในการช่วยเหลือพนักงานที่มีเงินเดือนน้อยให้อยู่รอดได้ โดยมีจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่อง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี มีความคืบหน้าในการรักษาการจ้างพนักงานได้กว่า 2,000 คน จากที่ตั้งเป้าไว้ 3,000 คน และมีมาตรการช่วยลดดอกเบี้ยบนเงินกู้เดิมที่ผู้ประกอบการมีกับธนาคาร คิดเป็นมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท

ทั้งนี้ ความเเตกต่างระหว่างโครงการสินเชื่อ 0% เพื่อรักษาคนงาน SMEs กับ เถ้าแก่ใจดี เจ้าหนี้มีใจ คือโครงการ สินเชื่อ 0% จะเป็นผู้ประกอบการรายเล็กมากกว่า มีพนักงานไม่เกิน 200 คนเป็นการให้เงินกู้เพื่อจ่ายเงินเดือน 8,000 บาทกับพนักงานโดยตรง ส่วนเถ้าแก่ใจดี จะเป็นบริษัทใหญ่ที่ยังพอมีกำลัง โดยธนาคารจะตัดรายได้ดอกเบี้ยที่ได้รับในจำนวนเงินเท่ากับ 50% ของเงินเดือนพนักงานที่ต้องจ่าย ร่วมกับเจ้าของกิจการที่ต้องจ่ายเงินเดือนอีก 50% เพื่อให้ธุรกิจไม่ต้องปรับลดพนักงาน

เเจกเงินรางวัล ขอบคุณบุคลากรทางการเเพทย์ 

ด้านโครงการ “เบี้ยรบพิเศษสำหรับนักรบเสื้อกาวน์” เป็นการมุ่งเน้นความช่วยเหลือต่อกลุ่มเสี่ยงที่ต้องต่อสู้กับโรคระบาด คือบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้าสกัดโรคไม่ให้ระบาดสู่สังคม ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่เสี่ยงภัยที่สุดในยามนี้ เเละเเทบไม่มีวันหยุดงาน โดย KBank จะเริ่มนำร่องที่ 5 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ สงขลา นราธิวาส ยะลา ปัตตานี และสตูล

“เหตุที่เราต้องช่วยใน 5 จังหวัดนี้ก่อน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่สุดของประเทศในขณะนี้ เเละมีแนวโน้มมีการระบาดรุนแรงกว่าที่อื่น ส่วนการจะขยายโครงการไปยังจังหวัดอื่นหรือกรุงเทพฯ หรือไม่นั้น ต้องประเมินไปตามสถานการณ์ เเละต้องเเน่ใจว่าเราได้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ (ใน 5 จังหวัดนี้) ครบหมดทุกคน โฟกัสที่โรงพยาบาลรัฐก่อน”

โดยตอนนี้ได้ร่วมมือกับสาธารณสุขของจังหวัด ครอบคลุมโรงพยาบาล 45 แห่ง จัดส่งรายชื่อของบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ทั้งแพทย์ พยาบาล ไปถึงผู้สัมผัสคนไข้ในรูปแบบต่างๆ เช่น บุคลากรด้านเทคนิค เจ้าหน้าที่ขนส่ง เจ้าหน้าที่ทำความสะอาด เบี้องต้นมีบุคลากร 5,083 คน

ทั้งโครงการมูลนิธิกสิกรไทย เตรียมงบประมาณไว้ 300 ล้านบาท สนับสนุนเป็นเงินจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน ในระยะ 3 เดือน คาดว่าจะช่วยได้ราว 20,000 คน เริ่มดำเนินการได้ภายในปลายเดือน พ.ค.นี้

“โครงการไม่ได้เกี่ยวกับจดหมายเปิดผนึกอะไร ไม่เคยได้รับ แต่เราอยากจะเป็นส่วนหนึ่งที่ให้กำลังใจบุคลากรทางแพทย์ที่ทำงานเสี่ยงเเละเหนื่อยหนักในการต่อสู้ครั้งนี้ อยากขอบคุณเเทนคนไทยทั้งประเทศ การเเจกครั้งนี้จะเข้าบัญชีของเจ้าหน้าที่โดยตรง ถ้ามีบัญชีกสิกรหรือพร้อมเพย์ก็โอนเข้าได้เลย ซึ่งถ้าใครที่ทำงานเกี่ยวข้องจริงๆ ในพื้นที่เเต่ไม่ได้รับก็สามารถให้ตรวจสอบได้”

บัณฑูร ปิดท้ายถึงเศรษฐกิจในไทยว่า ก่อนมีโรคระบาดเศรษฐกิจก็เเผ่วลงเรื่อยๆ การเติบโตน้อยกว่าเพื่อนบ้าน ระยะยาวต้องแก้ไขโครงสร้างเศรษฐกิจ เเต่ตอนนี้โจทย์สำคัญคือต้องทำอย่างไรให้รอดไปก่อน

“New Normal ที่จะเกิดขึ้นหลังวิกฤต COVID-19 ทำให้ธุรกิจจะทำมาหากินเเบบเดิมๆ ไม่ได้เเล้ว จะสู้คนอื่นไม่ได้ ต้องเปลี่ยนองค์ความรู้ เปลี่ยนการค้าขายเเบบเดิม ปลูกพืชใหม่ การพึ่งพาท่องเที่ยว ต้องเปลี่ยนทุกอย่าง”

 

]]>
1276905