ธุรกิจบ้านมือสอง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 16 Apr 2025 09:32:36 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เศรษฐกิจชะลอตัว หนุนธุรกิจบ้านมือสองปี 68 ยังคงมาแรง https://positioningmag.com/1518497 Wed, 16 Apr 2025 06:44:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1518497 พชร ธนวงศ์เกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป (BKA) เปิดเผยว่า จากจุดเริ่มต้นช่วงมหาอุทกภัย ปี 2554 เห็นโอกาสจากผู้บริโภคซื้อบ้านแต่ไม่สามารถเข้าอยู่ได้ จึงเข้ามาทำซ่อมแซม และตกแต่งบ้าน โดยเฉพาะในโซนนนทบุรี

จึงเกิดเป็นธุรกิจบ้านแต่ง (Flipping) หรือการที่เจ้าของบ้านมือสองจะทำสัญญาฝากขายบ้านจากบริษัท ส่วน BKA จะเข้าปรับปรุงบ้านและขาย ซึ่งโดยเฉลี่ยของอุตสาหกรรมนี้มีกำไรขั้นต้น (Margin) สูง 30-40%

“ข้อดีของธุรกิจบ้านแต่ง คือ ไม่ต้องใช้เงินทุนจำนวนมหาศาลแบบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ทรัพย์ส่วนใหญ่เจ้าของบ้านฝากขายและตกแต่ง ส่วนบริษัทรับส่วนแบ่งรายได้มาจากค่าบริการ”

สะท้อนจากผลประกอบการ 3 ปี (พ.ศ. 2565-2567) ที่กำไรสุทธิขยายตัวต่อเนื่อง “ปีล่าสุด เติบโต 65%”

  • ปี 2565 รายได้รวม 1,302 ล้านบาท กำไรสุทธิ 21 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้รวม 1,313 ล้านบาท กำไรสุทธิ 22 ล้านบาท
  • ปี 2567 รายได้รวม 1,142 ล้านบาท กำไรสุทธิ 36 ล้านบาท
ตัวอย่างโครงการบ้านมือสองของ BKA

สำหรับธุรกิจบ้านมือสอง ปี 2568 ยังคงเติบโตขึ้น จากปัจจัยบวกด้านเศรษฐกิจชะลอตัว กดดันกำลังซื้อผู้บริโภคจำกัด ทำให้บ้านมือสองที่มีราคาถูกกว่าบ้านมือหนึ่ง 30-100% ได้รับความสนใจมากขึ้น

ยกตัวอย่าง

  • โซนกรุงเทพกรีฑา บ้านมือหนึ่ง ราคา 8-9 ล้านบาท ส่วนบ้านมือสองราคา 6.9 ล้านบาท
  • โซนปิ่นเกล้า บ้านมือหนึ่ง ราคา 15 ล้านบาท ส่วนบ้านมือสองราคา 10 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี กลุ่มบ้านมือสองที่โตสูงสุด คือ ช่วงราคา 5-7 ล้านบาท ที่มีแรงซื้อมหาศาล แต่บ้านเดี่ยวมือหนึ่งทำเลดีตอนนี้ทำราคานี้แทบไม่ได้ ด้วยค่าที่ดินและค่าก่อสร้างที่สูงขึ้น

BKA ได้รับอานิสงส์จากจุดนี้ เพราะพอร์ตหลักฯ เป็นบ้านเดี่ยวราคา 5-7 ล้านบาทเป็นหลัก

ต่างจากบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้าน ที่แม้มีดีมานด์สูง แต่ไร้แรงซื้อ ส่วนบ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป คนจะเลือกบ้านมือหนึ่งมากกว่า

ตัวอย่างบ้านมือสองตบแต่งพร้อมอยู่ของ BKA

ทั้งนี้ ผู้ซื้อบ้านมือสอง ส่วนใหญ่มักเป็นเรียลดีมานด์ นิยมซื้อบ้านด้วยเงินสดถึง 20-30% ด้านกลุ่มขอสินเชื่อแบงก์ ถ้าเป็นพนักงานประจำ อัตราปฏิเสธสินเชื่อ (รีเจ็กต์ เรต) ต่ำมากเพียง 10% ต่างจากเจ้าของกิจการที่มี รีเจ็กต์ เรต ราว 40-50%

สำหรับแผนหลังจาก IPO บริษัทฯ มีแผนขยายการลงทุนในธุรกิจบ้านแต่ง (Flipping) ต่อเนื่อง โดยเน้นทำเลนนทบุรี อาทิ รัตนาธิเบศร์ บางบัวทอง และราชพฤกษ์ และค่อย ๆ ขยับโซนเข้าสู่พื้นที่ กทม. อาทิ เพชรเกษม ปิ่นเกล้า ที่มีดีมานด์และผลตอบแทนที่ดีจากทำเลที่น่าดึงดูด

โดยตั้งเป้าอนาคตสัดส่วนบ้านมือสอง กทม. และนนทบุรี จะเท่ากันที่ 50 : 50 จากปัจจุบันอยู่ที่ 30 : 70 ตามลำดับ

พชร ธนวงศ์เกษม ซีอีโอ BKA

ควบคู่กับการรุก ธุรกิจซื้อบ้านมือสองมาปรับปรุงเพื่อขาย หรือ ธุรกิจบ้านตัด ซึ่งมีศักยภาพการเติบโต จากสภาพเศรษฐกิจ ที่สถาบันการเงินและ AMC มีทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ค้างในระบบจำนวนมาก (มูลค่าหลักแสนล้านบาท) ทำให้ได้บ้านมือสองทำเลดี ราคาคุ้มค่าต่อการลงทุน เพราะซื้อเป็นล็อตใหญ่

โดยตั้งเป้ารับซื้อบ้านตัดจาก AMC เพิ่มเป็น 50-60% จากเดิมมีสัดส่วน 20% ส่วนการซื้อบ้านกับเจ้าของบ้านโดยตรงจะลดเหลือ 20-30% จากเดิมครองสัดส่วน 80%

ขณะที่เงินอีกส่วนหนึ่งราว 20 ล้านบาท จะใช้สำหรับการสร้างแพลตฟอร์มซื้อขายบ้านมือสองในไทย (ทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน) โดยพัฒนา AI ในระบบเพื่อให้คำปรึกษาในเว็บได้ รวมถึงโชว์บ้านแบบ VR ให้ผู้สนใจเห็นภาพบ้านเสมือนจริงก่อนเข้าไปดูที่โครงการ ซึ่งจะเปิดทางให้เอเจนต์หรือผู้บริโภคทั่วไปที่ต้องการขายบ้านเข้ามาใช้งานได้ โดยมีค่าบริการเล็กน้อย

”ผมมองว่าตลาดบ้านมือสองยังมีโอกาสอีกเยอะ ยิ่งอสังหารายใหญ่ลงมาทำ ยิ่งส่งเสริมให้ตลาดใหญ่ขึ้นและน่าเชื่อถือ กลยุทธ์ของ BKA ในขณะนี้ คือ เร่งการสร้างการรับรู้แบรนด์และความน่าเชื่อถือ ถ้าคนรู้จักเรามากขึ้น โอกาสการเติบโตก็จะขยายตัวตาม“

ตัวอย่างบ้านมือสองของ BKA
]]>
1518497