ธุรกิจประกันชีวิต – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 17 Oct 2022 10:01:46 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 พบ 100 เรื่องราวดีต่อใจจากหนังสือ 100 LIFE-CELEBRATING STORIES “ไม่ว่าจะชอบชีวิตแบบไหนประกันเอฟดับบลิวดี ดูแลให้” https://positioningmag.com/1404256 Tue, 18 Oct 2022 10:00:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1404256

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แลนด์สเคปของการทำธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง คัมภีร์การตลาดแบบเดิมๆ อาจจะใช้ไม่ได้ผลในยุคปัจจุบันแล้ว เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป การเลือกเปิดรับสื่อ หรือสิ่งที่มีอิทธิพลต่อเขาก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน

ปัจจุบันธุรกิจประกันชีวิตจึงต้องมีการปรับตัวด้วยเช่นกัน เริ่มเห็นแบรนด์ที่เริ่มปรับภาพลักษณ์ ปรับการสื่อสารให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่มากขึ้น อย่าง “ประกันเอฟดับบลิวดี” มีวิสัยทัศน์ที่ต้องการเปลี่ยนมุมมองของผู้คนที่มีต่อการประกันชีวิต และให้ความสำคัญกับการสร้าง Inspiration ที่เพิ่มพลังบวก ภายใต้ Brand Promise “Celebrate living” เราสนับสนุนให้ทุกคนใช้ชีวิตในแบบที่ชอบ เพราะประกันเอฟดับบลิวดี พร้อมที่จะสนับสนุนและดูแล เพื่อให้ทุกคน Celebrate living ได้อย่างหมดห่วง


ชอบชีวิตแบบไหน จงใช้ซะ…

ประกันเอฟดับบลิวดีเริ่มคิ๊กออฟแคมเปญใหญ่ “Celebrate living” ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2564 เป็นแคมเปญที่ได้นำเอาอินไซต์ของผู้บริโภคยุค New Normal หรือยุคที่ใช้ชีวิตพร้อมกับการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 เพื่อนำมาปรับวิธีการสื่อสารกับลูกค้า

ได้ทำวิจัยทางการตลาดทั้งแบบเชิงคุณภาพและปริมาณกับกลุ่มตัวอย่างราวพันคน ในช่วงอายุระหว่าง 25 – 50 ปีทั่วประเทศไทย เพื่อหาคำตอบว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เเละมุมมองที่พวกเขามีต่อการประกันชีวิตเป็นอย่างไรในยุค COVID-19

ผลวิจัยพบว่าสิ่งที่ทำให้คนในยุคนี้ มีความสุขและเดินหน้าต่อไปได้ คือ ความสุขเล็กๆ รอบตัวที่เรียกว่า Micro Moments” ซึ่งเป็นความสุขจากสิ่งเล็กๆ ที่ทำได้ในทุกๆวัน เช่น นอนดูซีรีส์, ใช้หม้อทอดไร้น้ำมันทำอาหาร, การออกไปทานข้าวกับเพื่อน, พาสุนัขออกไปเดินเล่น, ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ และอื่นๆ อีกมากมาย

นั่นหมายความว่ามุมมองเรื่องความสุขของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไป จากเดิมที่คนจะนึกถึงอีเวนต์ใหญ่ๆ อย่างงานรับปริญญา, งานแต่งงาน, งานบวช หรือที่เรียกกันว่า Macro Moment กลายเป็นมามีความสุขกับสิ่งเล็กๆ รอบตัว

ประกันเอฟดับบลิวดีจึงนำ ความสุขเล็กๆ รอบตัวที่เรียกว่า Micro Moments” นี้มาดีไซน์การสื่อสารให้เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างลงตัว แรกเริ่มได้เลือกการสื่อสารผ่านรูปแบบ Musicumentary ที่มาจากคำว่า Music + Documentary นำความสุขใกล้ตัวของผู้คนจริงๆ มาทำเป็นเพลงและสารคดี ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิต รวมถึงสร้างเป็นภาพยนตร์โฆษณา เชื่อมโยงกับ Celebrate living เเละ Micro Moments เพื่อให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วม เเละรู้จักแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้น

จากการเล่าเรื่องราวที่ตรงกับลักษณะความชอบของคนไทย ทำให้แคมเปญ ‘Celebrate living’ มีกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมหลังจากที่เปิดตัวแคมเปญได้เพียงไม่กี่เดือน พบว่าคนไทยมีความสุขกับเรื่องรอบตัวในทุกวันโดยเล่าเรื่องราวผ่านภาพยนตร์โฆษณาและบทเพลงที่สร้างจากเรื่องจริงส่งต่อความสุขสร้างกำลังใจให้กับผู้คน ส่งต่อพลังบวกให้กับคนไทยได้เป็นอย่างดี

ทำให้ Brand Conversion ของประกันเอฟดับบลิวดีขึ้นแท่นครองใจคนไทยติดอันดับ Top3 ของแบรนด์วงการประกันชีวิตจากผลสำรวจของ Blackbox Research บริษัทที่ปรึกษาด้านการวิจัยของประเทศสิงคโปร์ (พ.ศ. 2564) ได้รายงานว่า ภายหลังการสื่อสารแบรนด์แคมเปญ Celebrate living ในปีที่ผ่านมา FWD ประกันชีวิต มี Brand awareness เพิ่มขึ้น 16% และ Brand consideration เพิ่มขึ้น 33%


100 เรื่องราวดีต่อใจ ผ่าน 100 LIFE-CELEBRATING STORIES

ในปีนี้ประกันเอฟดับบลิวดียังคงต่อยอดแบรนด์แคมเปญ ‘Celebrate living’ ให้อิมแพ็คมากขึ้น เริ่มจากเมื่อตอนต้นปี ได้มีแคมเปญภาพยนตร์โฆษณาชุด “The Series of Celebrate living” โดยถ่ายทอดผ่านเรื่องราวความชอบหรือสิ่งที่อยากทำของคนจริงๆทั้ง 4 คน ผ่านรูปแบบการนำเสนอแบบ Experimental Reality โดยชวนให้คนมาทดลองทำสิ่งที่อยากทำ ผ่านการตั้งคำถามว่าถ้ามีเวลา 1 วันให้ทำอะไรตามใจ คุณอยากทำอะไรโดยที่ประกันเอฟดับบลิวดีพร้อมสนับสนุนให้ผู้คนได้ออกไปใช้ชีวิต ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำได้อย่างเต็มที่ เพราะประกันเอฟดับบลิวดีดูแลให้ไม่ว่าจะเป็น อยากใช้ชีวิตเหมือนน้องหมา, ขี่บิ๊กไบค์เที่ยว, กลับไปกินข้าวกับพ่อแม่ และลองทำงานในสวนสัตว์ ล้วนเติมเต็มชีวิตของทั้ง 4 คนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น


แต่ยังไม่หยุดเท่านี้ ประกันเอฟดับบลิวดียังส่งต่อความรู้สึกฟีลกู้ดอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวแคมเปญ “100 LIFE-CELEBRATING STORIES” เป็นหนังสือภาพที่รวบรวมเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนในการใช้ชีวิตปลุกให้ทุกคนได้ลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ชอบหรือสิ่งที่อยากทำ

ภายในหนังสือ 100 LIFE-CELEBRATING STORIES ได้รวบรวม 100 เรื่องราวของ 100 ชีวิต ที่มีความสุขกับ Micro moment ได้ทำในกิจกรรมที่ชอบ ทุกคนล้วนอินไปกับโมเมนต์นั้นๆ เป็นเรื่องที่ดีต่อใจ และดีต่อร่างกาย แค่ได้ใช้ชีวิตในสิ่งที่ชอบหรือสิ่งที่อยากทำก็มีความสุขแล้ว

แม้จะเป็นเพียง 100 เรื่องราวใน 100 LIFE-CELEBRATING STORIES แต่เชื่อว่าสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้มากกว่า 100 คนอย่างแน่นอน ใครที่คิดว่ายังมีสิ่งที่อยากทำ แล้วยังไม่ได้ทำ แค่ลองออกไปใช้ชีวิตและทำในสิ่งที่อยากทำให้เต็มที่

ตัวอย่างเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจภายในหนังสือเล่มนี้ ได้แก่ หญิงสาวที่เริ่มเล่นเซิร์ฟจากความกลัว และว่ายน้ำไม่เป็น แต่ก็ก้าวข้ามความกลัวนั้นมาได้ จนเอาชนะความกลัวนั้น แถมยังได้เจอเพื่อนสังคมใหม่ๆ ที่มีไลฟ์สไตล์เดียวกัน

“จะบอกว่าชีวิตมันสั้นนะคะ ควรทำในสิ่งที่เราอยากทำ แล้วก็ทำให้ตัวเองมีความสุขค่ะ หลังจากรู้จักกับการเล่นเซิร์ฟ ไลฟ์สไตล์ของตัวเองก็เปลี่ยนไป หันมาใส่ใจรักธรรมชาติและอยากดูแลธรรมชาติมากขึ้น กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่เราได้ออกไปทำกิจกรรมเพื่อสังคมมากขึ้น และได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ที่สนใจเรื่องแบบเดียวกันมากขึ้นด้วย”

หรือจะเป็น หนุ่มต่างชาติที่อยู่ประเทศไทยมา 16 ปี แต่ตกหลุมรักกับการมีบ้านเล็กๆ ในต่างจังหวัด พร้อมกับพื้นที่ทำสวน ปลูกต้นไม้ ได้ใช้ชีวิตสบาย ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ

“การได้ใช้ชีวิต outdoor ลงมือลงแรงทำโน่นทำนี่เอง เช่น ออกไปทำสวน หรือ การใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนบ้าน ค่อยๆ ทำไปช้าๆ สำหรับผม นี่ล่ะคือการใช้ชีวิต”

หรือหนุ่มที่เล่นเซิร์ฟสเก็ต เพราะรู้สึกว่าได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ได้มีสมาธิอยู่กับการทรงตัวบนเซิร์ฟสเก็ต ได้ตัดความกังวลต่างๆ รอบตัวออกไป

“ความสุขจากเล่นเซิร์ฟสเก็ตทำให้ผมมี Energy เติมกลับไปให้ตัวเองอยู่เสมอ ช่วยให้เกิด Balance ในการใช้ชีวิตทั้งสองด้าน ด้านหนึ่งทุ่มเทเต็มที่ให้กับกิจกรรมที่เราชอบ อีกด้านหนึ่งก็พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้ากับการทำงานในทุกๆ วัน

คนที่มีสิ่งที่ชอบทำอยู่ในใจไว้นานแล้วแต่ยังไม่ได้ทำ ผมอยากให้หยุดคิดแล้วก็ลองลงมือทำดูสักตั้งไปเลย เพราะส่วนตัวผมเชื่อว่าไม่มีคำว่าเร็วหรือช้าเกินไปที่จะทำสิ่งที่ชอบ ถ้าลงมือทำตั้งแต่วันนี้ เราก็จะมีความสุขได้ตั้งแต่วันนี้ดังนั้น ขอให้ลุยไปเลยครับ!”

ปิดท้ายด้วยหญิงสาวที่จบทางด้านรัฐศาสตร์ แต่ผันตัวมาเป็นครูฝึกสอนการแสดง เพราะเธอมองเห็นคุณค่าของสิ่งนี้ จึงอยากส่งต่อสิ่งที่ได้รับมา

“หลายคนอาจจะคิดว่า คนเรียนการแสดง หรือ คนสอนการแสดงมักจะ ‘ทำการแสดง’ อยู่ตลอดเวลา แต่ในความจริง กลับตรงข้ามกันค่ะ เพราะการแสดงทำให้เราเรียนรู้ที่จะจริงใจต่อความรู้สึกของตัวเองอยู่เสมอ รู้จักรับและรักในสิ่งที่เราเป็น คือ หัวใจสำคัญค่ะการทำงานนี้มีความหมายกับ เพราะเปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้ความหลากหลายของผู้คนสิ่งนี้จะช่วยให้เรามองเห็นความเป็นมนุษย์และเคารพในตัวตนของผู้คนได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้นค่ะ”

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว สำหรับใครที่ต้องการโมเมนต์ดีๆ ที่สร้างพลังบวกให้กับชีวิต สามารถหาซื้อหนังสือ 100 LIFE-CELEBRATING STORIES ได้ที่ร้านหนังสือนายอินทร์ สาขาหลักในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด (สาขาไอคอนสยาม, สามย่านมิตรทาวน์, จัตุรัสจามจุรี ชั้น G, The Street รัชดา, เทอร์มินอล 21 อโศก, มาบุญครอง ชั้น 5, สยามพารากอน ชั้น 3, ซีคอนสแควร์ บางแค, คิวเฮ้าท์ สาธร, เซ็นทรัลพระราม 2, เอ็มโพเรียม, แฟชั่น ไอส์แลนด์, เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน, เดอะมอลล์ บางแค ชั้น 2, The Nine พระราม 9, เมกาบางนา, โรงพยาบาลกรุงเทพ เพชรบุรี ศูนย์วิจัย, โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท, อาคาร CSSD รพ. จุฬา, MEYA เชียงใหม่, เทอร์มินอล 21 นครราชสีมา, เซ็นทรัลนครศรีธรรมราช, หาดใหญ่ซิตี้ จ.สงขลา, เซ็นทรัล ขอนแก่น, โลตัส กาฬสินธุ์, โลตัส นิคมพัฒนา จ.ระยอง, แหลมทองระยอง ชั้น1, สตาร์พลาช่า จ.ระยอง, และโฮมโปร จันทบุรี, ร้าน Kinokuniya (คิโนะคูนิยะ) สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ และร้านซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์ สาขาสีลมคอมเพล็กซ์

เมื่ออ่านแล้ว ก็ลองออกไปใช้ชีวิตในสิ่งที่ชอบหรืออยากทำเพราะโมเมนต์เล็กๆ จากการได้ทำในสิ่งที่ชอบหรืออยากทำนี่แหละอาจกลายเป็นเรื่องราวชีวิตที่น่าจดจำอีกเรื่องหนึ่งก็ได้

ประกันเอฟดับบลิวดี อยากให้คุณใช้ชีวิตในแบบที่ชอบ ไม่ว่าจะชอบชีวิตแบบไหน ประกันเอฟดับบลิวดี ดูแลให้

]]>
1404256
เปิดภารกิจ ‘ฐากร ปิยะพันธ์’ นำ Data พลิกโฉม ‘เครือไทย โฮลดิ้งส์’ ของเจ้าสัวเจริญ ลุยตลาดสินเชื่อ https://positioningmag.com/1324409 Tue, 23 Mar 2021 14:14:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1324409 ธุรกิจประกันเปิดศึกสู้กันดุเดือดเเบบไม่มีพักรับโลกยุคใหม่เเละพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค

ความเคลื่อนไหวของเครือไทย โฮลดิ้งส์กลุ่มธุรกิจประกันภัยและการเงินในเครือทีทีซี ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดีกำลังถูกจับตามองอย่างมาก หลังดึงฐากร ปิยะพันธ์ผู้บริหารมือทองด้านดิจิทัลแบงกิ้ง นวัตกรรมเเละ AI จากค่ายกรุงศรี คอนซูมเมอร์มานั่งคุมทัพใหญ่

เมื่อย้ายสู่บ้านหลังใหม่ได้สักพัก ฐากร ปิยะพันธ์ได้ฤกษ์เปิดแผนธุรกิจในระยะ 3-5 ปี กับกลยุทธ์สู่เป้าหมายการเป็นตัวท็อปธุรกิจประกันและการเงินของประเทศไทย พร้อมขยายไปยังอาเซียน

มาดูกันว่าการใช้ ‘Data’ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามความถนัดของฐากร จะนำพาเครือไทย โฮลดิ้งส์ไปบนเส้นทางสายใหม่นี้อย่างไร

ปัจจุบันเครือไทย โฮลดิ้งส์’ หรือ TGH ทำธุรกิจหลักๆ 3 กลุ่ม ได้เเก่ กลุ่มธุรกิจประกัน กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มธุรกิจ Health & Wellness

ธุรกิจสุขภาพด้าน Health & Wellness เป็นพาร์ตใหม่ที่เปิดมารองรับสังคมสูงวัยโดยเฉพาะทั้งการวางเเผนการเงินในวัยเกษียณทำประกันที่คุ้มครองจนสิ้นอายุขัย เเละให้บริการที่พักอาศัย ซึ่งจะมีความคืบหน้าในเร็ว ๆ นี้

หากเจาะลึกลงไปในธุรกิจประกัน จะมีบริษัทลูกในเครืออย่าง อาคเนย์ประกันชีวิต อาคเนย์ประกันภัย และ บมจ.ไทยประกันภัย ที่มีสินทรัพย์รวมกันประมาณ 75,000 ล้านบาท

ส่วนเบี้ยฯ รับรวมทั้งตลาดประกันชีวิตของปี 2563 อยู่ที่ราว 6 เเสนล้านบาท ลดลง 1.75% เเละเบี้ยฯ รับรวมทั้งตลาดประกันภัย อยู่ที่ราว 2.5 เเสนล้านบาท เติบโต 3.9%

ขณะที่ธุรกิจการเงิน จะมีบริษัทลูกอย่างอาคเนย์แคปปิตอล’ ผู้ให้บริการรถเช่าองค์กร ที่มีสินทรัพย์รวม 15,000 ล้านบาท เป็นที่ 1 ในตลาด เเละอาคเนย์มันนี่’ ที่กำลังจะเริ่มปล่อยสินเชื่อในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้

การเเพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบไปทุกอุตสาหกรรม ทำให้เครือไทย โฮลดิ้งส์ มีรายได้รวมลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยในปี 2020 มีรายได้รวม 23,300 ล้านบาท ลดลง 4% เเต่ขณะเดียวกันก็สามารถทำกำไร 168% เป็น 739 ล้านบาท จากการบริหารต้นทุน ปรับพอร์ตโฟลิโอ และการบริหารจัดการต่าง ๆ 

ทิศทางต่อไปจากนี้ จึงไม่ใช่งานง่ายๆอย่างเเน่นอน

ปั้น อาคเนย์มันนี่ รุกสินเชื่อรายย่อย

เเต่เดิมเครือไทย โฮลดิ้งส์พึ่งพารายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจประกันภัยเเละประกันชีวิต เเต่ทิศทางหลัง COVID-19 จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะจะหันมารุกสินเชื่อธุรกิจรายย่อยมากขึ้น

จากข้อมูลพบว่า ในปีที่ผ่านมา ธุรกิจการเงินของเครือไทย โฮลดิ้งส์ มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 11%  สวนทางธุรกิจประกันชีวิตที่เติบโตลดลง 11% เเละธุรกิจประกันภัยที่เติบโตลดลง 3%

ฐากร บอกว่าตลาดสินเชื่อยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากเเม้จะต้องเผชิญกับคู่เเข่งทั้งสายเเบงก์เเละนอนเเบงก์เเละเข้าตลาดนี้ช้ากว่าก็ตาม

อาคเนย์มันนี่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เขาบอกว่าคืองานหินที่ต้องทำให้ได้ โดยจะใช้กลยุทธ์จับมือกับพาร์ตเนอร์ที่มีวิสัยทัศน์ตรงกัน เน้นเป็นบริษัทขนาดกลางที่มีเครือข่ายเข้าถึงลูกค้าอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งมีการเจรจาพูดคุยไว้เบื้องต้นเเล้ว

ความท้าทายตอนนี้ เหมือนการปีนขึ้นยอดเขาเอเวอเรสต์ แต่เราก็มองว่าจะสามารถเข้าไปซื้อกิจการหรือหาพันธมิตรร่วมทุนได้

อีกมุมหนึ่ง การมาของอาคเนย์มันนี่ ก็เป็นการเสริมความเเกร่งของธุรกิจรถเช่าอย่าง อาคเนย์ แคปิตอลที่ตอนนี้มีจำนวนรถกว่า 22,100 คัน เเบ่งเป็นลูกค้าภาครัฐ 50% ลูกค้านอกกลุ่มทีซีซี 30% เเละลูกค้ากลุ่มทีซีซี 20% ซึ่งปกติจะมีการประกาศขายรถมือสองอยู่แล้ว

อาคเนย์มันนี่มีเเผนตั้งเป้าสินเชื่อปล่อยใหม่ภายในปี 2564 ให้ได้ 2,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มต้นจากบริษัทในเครือ ผ่านสินเชื่อเพื่อคู่ค้าก่อน จากนั้นในไตรมาส 3 จะปล่อยสินเชื่อรถยนต์ รถเช่ามือสอง สินเชื่อมอเตอร์ไซค์ และในไตรมาส 4 จะเป็นสินเชื่อจำนำทะเบียน และสินเชื่อส่วนบุคคล

ติดอาวุธเทคฯ พลิกโฉม ‘ประกัน’ ยุคใหม่

เเม้จะบุกหนักไปที่ธุรกิจการเงิน เเต่ผู้บริหารเครือไทย โฮลดิ้งส์ยืนยันที่จะให้ความสำคัญกับธุรกิจประกันยิ่งกว่าเดิม ด้วยเเพชชั่นที่ต้องการทำให้ประกันไปอยู่ในชีวิตของทุกคน

โดยจะมีการปรับพอร์ตธุรกิจประกันขึ้นมาใหม่ นำข้อมูลจำนวนมากที่ธุรกิจประกันมีเป็นจุดเเข็ง มาผสมกับเทคโนโลยีให้ใช้งานง่าย ใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI มาช่วยออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตรงกลุ่มลูกค้า

สำหรับอาคเนย์ประกันชีวิต มีเบี้ยประกันภัยรับรวมปี 2563 อยู่ที่ 8,345 ล้านบาท ครองอันดับ 9 ของตลาด จะมุ่งกลยุทธ์ไปที่การขยายฐาน ‘ตัวแทนใหม่ ในต่างจังหวัด พร้อมๆ กับการรักษาพันธมิตรธนาคาร ที่เรียกว่าแบงก์แอสชัวรันซ์เเละมองหาพันธมิตรใหม่ช่องทางอื่นไปด้วย โดยคาดว่าสัดส่วนช่องทางขายระหว่างแบงก์และตัวแทนต่อจากนี้ จะอยู่ที่ 60% และ 40% ตามลำดับ

ทั้งนี้ พอร์ตส่วนใหญ่ของบริษัทกว่า 70% มาจากแบงก์แอสชัวรันซ์ ผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (...)

ฐากร ยังตั้งเป้ารายได้ที่จากประกันกลุ่มเเละจะออกแบบประกันชีวิตควบการลงทุนอย่าง Unit Linked ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้ภายในปีนี้

ตามมาด้วย อาคเนย์ประกันภัย ที่ปี 2563 มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง 10,556 ล้านบาท ครองส่วนแบ่งทางการตลาดที่ร้อยละ 4.1 ครองอันดับ 6 ของตลาด

ส่วนใหญ่เป็นประกันรถยนต์ 66% ทรัพย์สินเเละเบ็ดเตล็ด 24% อุบัติเหตุเเละสุขภาพ 10% โดยปีนี้ บริษัทมีเเผนจะออกผลิตภัณฑ์ที่เเตกต่างจากตลาด เเละรองรับเทรนด์การใช้ชีวิตยุคใหม่อย่าง ประกันรถยนต์ไฟฟ้า EV ฯลฯ

ส่วนไทยประกันภัย ที่ปี 2563 มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงราว 1,321 ล้านบาท จะปรับรูปแบบการทำงานเเละโครงสร้างธุรกิจ เน้นการขายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งตอนนี้มีสัดส่วนอยู่ที่ 25%

โดยจะมีการทุ่มงบ 1,500 ล้านเพื่อพัฒนาระบบดิจิทัล เพิ่มยอดขายทางดิจิทัลของบริษัทในเครือทั้งหมด หลังจากปีที่ผ่านมา มียอดขายเเล้วกว่า 1,200 ล้านบาท เติบโตถึง 70% ส่วนใหญ่มาจากลูกค้าคนรุ่นใหม่

นอกจากนี้จะมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการปรับโครงสร้างการทำงานภายในองค์กรช่วยให้พนักงานทำงานสะดวกเเละลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีเเละรวดเร็ว

ฐากร บอกว่า จะจัดตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่เพื่อทำ Data Analytics เเละเพิ่มแผนก Business Transformation พร้อมตั้งบริษัท Sofin เพื่อทำ Digital Solution โดยเฉพาะ

ครือไทย โฮลดิ้งส์ตั้งเป้าหมาย 3 ปี รายได้จะอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 14% กำไรเติบโตเฉลี่ย 20%

โดยในช่วง 2 ปีเเรกจะลุยตลาดในประเทศให้ประสบความสำเร็จก่อน จากนั้นในปีที่ 3 จึงจะขยับไปยังประเทศในอาเซียน เริ่มจากเวียดนาม ที่กลุ่มทีซีซีวางตลาดไว้อยู่เเล้ว ต่อไปจะขยายไปยังสปป.ลาว และกัมพูชา โดยจะรุกให้บริการทางการเงิน สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล ต่อยอดไปเป็นประกันภัยและประกันชีวิต

นี่คือทิศทางต่อไปของเครือไทย โฮลดิ้งส์ภายใต้การนำทัพของฐากร ปิยะพันธ์ที่หวังจะมาเขย่าวงการประกันยุคใหม่ด้วย ‘Data’ …น่าจับตามองไม่น้อย

 

 

]]>
1324409
มองธุรกิจประกัน หลังโควิด เบี้ยรับรวมหดตัวลึก คนเลี่ยงซื้อเพื่อออม เพราะผลตอบเเทนต่ำ  https://positioningmag.com/1299102 Mon, 28 Sep 2020 18:20:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1299102 COVID-19 ฉุดภาพรวมเบี้ยประกันชีวิตปีนี้หดตัวต่อเนื่อง เบี้ยรับรายใหม่เสี่ยงที่จะหดตัวต่ำเป็นประวัติการณ์แตะเลขสองหลัก คนซื้อประกันเพื่อออมลดลง เพราะผลตอบเเทนต่ำไปอีกอย่างน้อย 1-2 ปีข้างหน้า

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์ว่า ประกันชีวิตเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมา โดย 7 เดือนแรกของปี 2563 ภาพรวม “เบี้ยประกันชีวิต” อยู่ที่ 5.74-5.99 แสนล้านบาท หดตัวลง 3.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าปีนี้จะหดตัวในกรอบ ติดลบ 2-6% ถือว่าติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 2

“คาดว่าเบี้ยรับรายใหม่ มีความเสี่ยงที่จะหดตัวต่ำเป็นประวัติการณ์ ที่ระดับติดลบ 10-15% แม้ว่าเบี้ยปีต่ออายุน่าจะมีสัญญาณฟื้นตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้” 

Photo : Shutterstock

โดยปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ธุรกิจประกันภัยในปีนี้ มีการเติบโตที่หดตัว ได้เเก่

1) ปัจจัยเดิม : ฐานธุรกิจเบี้ยจ่ายครั้งเดียว (Single Premium: SP) ที่สูง และบริษัทยังจำเป็นต้องปรับลดพอร์ตประกันประเภทจ่ายครั้งเดียวลง เพื่อลดภาระในการตั้งสำรองประกันภัยเมื่อเข้าสู่มาตรฐานบัญชีใหม่

2) ปัจจัยใหม่ : อัตราผลตอบแทนการลงทุนที่ลดต่ำลงเป็นประวัติการณ์ ทำให้บริษัทประกันปรับลดอัตราผลตอบแทน (Internal Rate of Return หรือ IRR) ของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ขายในปีนี้ลง เหลือเพียงเฉลี่ย 1% ใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในระบบสถาบันการเงินบางประเภทที่มีระยะเวลาการออมสั้นกว่า ลดแรงจูงใจในการออมผ่านการซื้อประกันลง โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าระดับบน และกลุ่มลูกค้าระดับกลางบางส่วนที่ถูกกระทบจากวิกฤต COVID-19  สุดท้ายแล้ว อาจกระทบให้เบี้ยใหม่ในภาพรวม หดตัวแตะเลขสองหลัก

โดยในระยะที่เหลือของปีนี้ คาดว่าเบี้ยรับรวมจะยังหดตัวต่อเนื่อง ทำให้เบี้ยรับรวมของทั้งปี 2563 คาดว่าจะหดตัวในกรอบ -2% ถึง -6% เป็น 5.74-5.99 แสนล้านบาท จากปี 2562 ที่หดตัวลง -2.6% YoY ด้วยเบี้ยรับรวม 6.11 แสนล้านบาท นำโดยทิศทางการหดตัวของเบี้ยรับรายใหม่ (New Business) ที่คาดว่าจะอยู่ในช่วง -10% ถึง -15% ส่วนเบี้ยปีต่ออายุ (RYP) คาดว่าจะอยู่ในระดับประคองตัวหลังปรับฐานลงค่อนข้างมากในปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาบริษัทประกันชีวิตต่างปรับตัวเพื่อเข้าถึงลูกค้าหลายกลุ่ม ทั้งแบบสามัญ (Basic Plan) บำนาญ ยูนิตลิงก์ และยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (โดยส่วนแบ่งตลาดของผลิตภัณฑ์ประเภทยูนิตลิงก์และยูนิเวอร์แซลไลฟ์ อยู่ที่ระดับประมาณ 5% ปรับตัวลดลงในช่วงปี 2562-2563 จากระดับสูงสุดในปี 2561 ที่ระดับ 7.2%)

โดยมองว่าควรปรับทุนประกันของแผนประกันชีวิตสัญญาหลักให้เล็กลง ให้สอดคล้องกับกำลังซื้อ และขยายโอกาสการเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น เเละคาดว่าในช่วงที่เหลือของปี เบี้ยประกันสุขภาพน่าจะปรับตัวดีขึ้น และผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/63 

Photo : Shutterstock

ส่วนหนึ่งที่จะทำให้เบี้ยประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น มาจากปัจจัยบวกของการเพิ่มค่าลดหย่อนภาษี สำหรับการซื้อประกันสุขภาพเป็น 25,000 บาทต่อปี รวมถึงความตื่นตัวหลังสถานการณ์ COVID-19 ทำให้บริษัทประกันชีวิตหลายแห่ง ได้ออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยโรคร้ายแรงขึ้นเป็นการเฉพาะ

ประกอบกับภาวะที่ไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยสมบูรณ์ในปี 2564 ล้วนมีส่วนช่วยกระตุ้นการซื้อใหม่และซื้อเพิ่ม ดังสะท้อนจากสัดส่วนเบี้ยประกันสุขภาพต่อเบี้ยประกันสัญญาหลักรายบุคคล ที่ปรับตัวสูงขึ้นตลอด 5 ปี และคาดว่าจะแตะระดับ 20% ในปีนี้ จากระดับ 10.3% ในปี 2558

“ปัญหาผลตอบแทนจากการลงทุนที่อยู่ระดับต่ำนี้ ยังน่าจะปรากฏต่อเนื่องในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่จะยังอยู่ในระดับต่ำ ในระหว่างที่เศรษฐกิจไทยยังไม่กลับเข้าสู่ระดับช่วงก่อนการระบาดของ COVID-19” 

ส่วนประเด็นที่น่าจับตามองต่อไป ข้อเรียกร้องจากบริษัทประกันชีวิตที่ขออนุมัติการขายประกันสุขภาพเดี่ยว โดยไม่ต้องควบคู่กับสัญญาหลัก เหมือนปัจจุบันประกันวินาศภัยขายอยู่เดิม ขณะที่การบริหารต้นทุนของบริษัทประกันภัยโดยเฉพาะค่าคอมมิชชันอาจมีการปรับลดลง ในส่วนของลูกค้าอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่จ่ายให้ลูกค้าที่คงเงินปันผลสะสมไว้ในบริษัทด้วย

Photo : Shutterstock

ในอีกทางหนึ่งครึ่งปีแรก 2563 ธุรกิจประกันชีวิต มีตัวช่วยจากค่าใช้จ่ายจากการเคลมสินไหมที่ลดลง จากสถานการณ์การ COVID-19 ที่ทำให้จำนวนการเข้าใช้บริการในโรงพยาบาลลดลงตามไปด้วย

โดยครึ่งแรกปีนี้ธุรกิจประกันชีวิตมีรายจ่ายจากการเคลมสินไหมรวมลดลงกว่า 9% เป็นประมาณ 2.28 หมื่นล้านบาท เทียบกับที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดโดยในปี 2562 มียอดจ่ายสินไหมที่ 5.06 หมื่นล้านบาท แต่ก็เพียงเป็นปัจจัยบวกชั่วคราว ท่ามกลางปัจจัยลบที่กดดันธุรกิจ

“นอกจากตัวผลิตภัณฑ์แล้ว บริษัทประกันชีวิตยังมีโจทย์ในการปรับปรุงช่องทางขายและบริการผ่านดิจิทัลมากขึ้น เพื่อรองรับวิถีชีวิตใหม่ ซึ่งมีผลกระตุ้นช่องทางขายหลักเดิมทั้งตัวแทนและแบงก์แอสชัวรันส์ ให้ตื่นตัวในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการหลังการขายบนดิจิทัลเพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถแข่งขันได้กับนายหน้ารายใหม่ที่เน้นเข้าถึงลูกค้าบนโลกออนไลน์เป็นหลัก”

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เเนะว่า ทิศทางที่น่าจะตอบโจทย์ใหม่ของธุรกิจประกันชีวิตหลังจากนี้ จำเป็นต้องพึ่งจุดเด่นของธุรกิจในด้านความคุ้มครองอย่างแท้จริง มากกว่าการกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มลูกค้าที่ซื้อประกันเพื่อผลตอบแทนด้านภาษีและอัตราดอกเบี้ยอย่างที่เคยเป็นมา เมื่อต้องเจออัตราดอกเบี้ยในประเทศที่จะยังทรงตัวต่ำต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 1-2 ปีข้างหน้า

 

]]>
1299102