บีวายดี – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 28 Mar 2024 08:39:18 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 มีสงครามราคาก็ไม่สะเทือน! ‘BYD’ โชว์กำไร 1.5 แสนล้าน โต 80% https://positioningmag.com/1468085 Thu, 28 Mar 2024 06:28:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1468085 แม้ว่าปีที่ผ่านมา ตลาดรถอีวีที่ใหญ่ที่สุดอย่างจีนจะเจอกับการแข่งขันราคาที่รุนแรง ทำให้หลายแบรนด์อัตรากำไรหดหาย แต่ไม่ใช่กับ BYD ที่ประกาศผลกำไรปี 2023 ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด หลังยอดขาย Q4/2023 แซงหน้า Tesla เรียบร้อยแล้ว

บีวายดี (BYD) ได้เปิดเผยถึงกำไรสุทธิในปี 2023 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 3 หมื่นล้านหยวน หรือราว 1.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า +80% จากปี 2022 ที่มีกำไรสุทธิ 1.66 หมื่นล้านหยวน (8.5 หมื่นล้านบาท) แม้ว่าบริษัทจะเจอกับปัญหาอัตราเงินเฟ้อในระดับสูงทั่วโลก และการชะลอตัวของการเติบโตในประเทศเศรษฐกิจหลักส่วนใหญ่

ย้อนไปช่วงไตรมาส 4/2023 ยอดขายของ BYD ได้แซงหน้า เทสลา (Tesla) ขึ้นเป็นแบรนด์อันดับ 1 ที่มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดในโลก ด้วยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) 525,409 คัน เทียบกับ Tesla ที่มียอดขาย 484,507 คัน หากรวมยอดขายทั้งปีอยู่ที่ 3.02 ล้านคันทั่วโลก เพิ่มขึ้น +62% จากปี 2022 โดยแบ่งเป็นยอดขาย BEV 1.8 ล้านคัน และรถปลั๊กอินไฮบริดที่ 1.44 ล้านคัน

หนึ่งในจุดที่ทำให้ BYD มียอดขายมากกว่า Tesla มาจาก ราคาที่ถูกกว่า เมื่อเทียบกัน ซึ่งช่วยให้ดึงดูดผู้ซื้อได้กว้างขึ้น โดยรถรุ่นเริ่มต้นที่ขายในประเทศจีนมีราคาเพียง 10,000 ดอลลาร์ (3.6 แสนบาท) ส่วนรถ Tesla ที่ถูกที่สุดคือ Model 3 มีราคาเกือบ 39,000 ดอลลาร์ (1.4 ล้านบาท)

ทั้งนี้ จากการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นและสงครามราคาในปีที่แล้ว ได้ส่งผลกระทบต่ออัตรากําไรของผู้ผลิตรถยนต์จีนหลายราย โดยอุตสาหกรรมรถยนต์ของจีนมี อัตรากําไรเฉลี่ย 5% ลดลงจากในปี 2022 ที่มีอัตรกำไรเฉลี่ย 5.7% และ 6.1% ในปี 2021 ตามตัวเลขล่าสุดจากสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของจีน

แม้จะมีอัตรากําไรเพียงเล็กน้อย แต่สงครามราคาก็ดูเหมือนจะไม่ลดลง เพราะเมื่อต้นเดือนนี้ BYD ได้ลดราคาเริ่มต้นของรถอีวีรุ่นเริ่มต้นอย่าง Seagull hatchback ลง 5% เป็น 69,800 หยวน (9,670 ดอลลาร์) ผู้ผลิตรถยนต์จีนรายอื่นๆ ได้ประกาศลดราคาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึง Geely, Chery และ XPeng Motors

Source

]]>
1468085
ถึงเวลาสู้ศัตรูคนเดียวกัน! ‘ฮอนด้า’ ผนึก ‘นิสสัน’ พัฒนารถอีวีเพื่อสู้กับ ‘ค่ายจีน’ https://positioningmag.com/1466580 Mon, 18 Mar 2024 03:58:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1466580 หากเป็นรถยนต์สันดาป ผู้ที่ครองตลาดก็จะเป็น ค่ายรถญี่ปุ่น แต่ถ้าเป็นตลาดรถอีวี ค่ายจีน ได้กลายเป็นผู้นำของตลาดไปเรียบร้อยแล้ว แม้แต่แบรนด์สุดแข็งอย่าง Tesla ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับค่ายจีน ดังนั้น แบรนด์ญี่ปุ่นจึงต้องเลิกสู้กันเอง หันมาจับมือกันเพื่อสู้ค่ายจีน

ในอดีตค่ายรถยนต์ของญี่ปุ่นอาจจะต้องแข่งกับค่ายรถจากฝั่งยุโรปและแข่งขันกันเอง แต่ตอนนี้ทุกค่ายคงตระหนักได้ว่า คู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดในตลาดก็คือ ค่ายรถอีวีจีน ทำให้ นิสสัน (Nissan) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจแบบไม่ผูกมัด (Memorandum of Understanding – MoU) กับ ฮอนด้า (Honda) ค่ายรถยนต์คู่แข่ง เพื่อร่วมมือกันในการผลิตส่วนประกอบสำคัญสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและปัญญาประดิษฐ์ในแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ยานยนต์

โดยความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยให้ทั้งสองบริษัทประหยัดต้นทุนในการผลิต เพราะทำให้มี Economy of scale ที่มากขึ้น ซึ่งจะยิ่งช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นสามารถแข่งขันกับค่ายรถอีวีจากจีน โดยเฉพาะ บีวายดี (BYD) จากจีนที่เพิ่งบุกตลาดประเทศญี่ปุ่น รวมถึง เทสลา (Tesla) ด้วย

“ผู้เล่นหน้าใหม่มีความก้าวร้าวมากและกำลังบุกเข้ามาด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง เราไม่สามารถชนะการแข่งขันได้ ตราบใดที่เรายึดมั่นในแนวคิดและแนวทางแบบดั้งเดิม” มาโกโตะ อุชิดะ ซีอีโอของนิสสัน กล่าว

อย่างไรก็ตาม นิสสันและฮอนด้า ยังไม่ได้หารือเกี่ยวกับการลงทุนร่วมกัน แต่ก็เปิดรับความเป็นไปได้ในอนาคต รวมถึงยัง เปิดกว้างในการร่วมมือกับพันธมิตร ที่มีอยู่หากมีโอกาสเกิดขึ้น

“เราถูกจำกัดด้วยเวลา ดังนั้น จำเป็นต้องทำให้เร็ว เพื่อที่ภายในปี 2030 เราจะอยู่ในตำแหน่งที่ดี เราจึงต้องตัดสินใจตั้งแต่ตอนนี้”

ทั้งนี้ ฮอนด้าตั้งเป้าที่จะเพิ่มอัตราส่วนรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงเป็น 100% ของยอดขายทั้งหมดภายในปี 2040 ส่วนนิสสันถือเป็นผู้บุกเบิกด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ด้วยรุ่น Leaf

ที่ผ่านมา ทั้งฮอนด้าและนิสสัน ได้พิจารณาเตรียมลดกำลังการผลิตในประเทศจีน โดยสาเหตุสำคัญคือผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นต้องแข่งขันกับค่ายรถยนต์ไฟฟ้าของจีน โดยนิสสันเตรียมลดกำลังการผลิตในจีนสูงสุดถึง 30% เหลือ 1.6 ล้านคัน/ปี ส่วนฮอนด้านั้นจะลดกำลังการผลิตราว 20% เหลือ 1.2 ล้านคันต่อปี

Source

]]>
1466580
‘BYD’ เตรียมเปิดโรงงานผลิตชิ้นส่วนใน ‘เวียดนาม’ เพื่อส่งประกอบใน ‘ไทย’ https://positioningmag.com/1429780 Mon, 08 May 2023 12:35:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1429780 ดูเหมือนว่า บีวายดี (BYD) แบรนด์รถอีวีอันดับ 1 ของจีน จะเปิดเกมรุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเต็มที่ เพราะหลังจากที่เปิดตัวในไทยไปเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ล่าสุด มีการเปิดเผยว่า บีวายดี เตรียมเปิดโรงงานใน เวียดนาม เพื่อผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ โดยมีเป้าหมายที่จะส่งไปประกอบที่ไทย

บีวายดี แบรนด์รถอีวีเบอร์ 1 ของจีนได้เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนเปิดโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในเวียดนาม โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งออกชิ้นส่วนไปประกอบรถยนต์ในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้เปิดเผยถึงมูลค่าการลงทุนดังกล่าว

ย้อนไปเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แบรนด์บีวายดี ได้เปิดตัวที่ไทยอย่างเป็นทางการ โดยเป็นการนำเข้าโดย บริษัท เรเว่ ออโตเมทีฟ จำกัด (RÊVER AUTOMOTIVE) บริษัทของ 2 พี่น้องตระกูล พรประภา เจ้าของกลุ่มสยามกลการ โดยในการเปิดตัวรถยนต์ บริษัท เรเว่ ได้เปิดเผยว่าในช่วง 2 ปีแรกบริษัทได้วางงบลงทุนไว้ 3,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะ ลงทุนสร้างโรงงานประกอบ ในอนาคต ขณะที่ทางแบรนด์ยืนยันว่ามีแผนจะเปิดโรงงานประกอบในไทยภายในปี 2024 คาดว่ามีกำลังผลิต 1.5 แสนคัน/ปี ดังนั้น การเปิดโรงงานในเวียดนามถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าจะได้เห็นโรงงานประกอบในไทย

ที่น่านสนใจคือ การปรากฏตัวของ BYD จะเป็นความท้าทายโดยตรงต่อบริษัท วินฟาสต์ (VinFast)​ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของเวียดนามที่เริ่มจำหน่ายรถยนต์ในปี 2018 และวางแผนที่จะขยายตลาดในตลาดสหรัฐอเมริกา

Source

]]>
1429780