ปรีดี ดาวฉาย – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 19 Aug 2020 14:43:30 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “ผยง ศรีวณิช” MD กรุงไทย เป็นประธานสมาคมธนาคารไทยคนใหม่แทน “ปรีดี ดาวฉาย” https://positioningmag.com/1293397 Wed, 19 Aug 2020 14:16:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1293397 ที่ประชุมคณะกรรมการสมาคมธนาคารไทย ได้แต่งตั้ง “ผยง ศรีวณิช” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ดำรงตำแหน่งประธานสมาคมธนาคารไทย คนที่ 24 แทนนายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ที่ลาออกจากตำแหน่งประธานสมาคมธนาคารไทย เพื่อไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยมีผลตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563

การรับตำแหน่งในครั้งนี้ มีภารกิจที่ต้องเร่งผลักดัน คือ การร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งการพัฒนาระบบธนาคารพาณิชย์ให้เป็นดิจิทัลเต็มรูปแบบ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวผ่านวิกฤตเศรษฐกิจและตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนไทยในทุกภาคส่วน ทั้งนี้ ประธานสมาคมธนาคารไทยจะหารือกับผู้บริหารของธนาคารสมาชิกเพื่อร่วมกันกำหนดแผน ยุทธศาสตร์ของสมาคมธนาคารไทยในระยะถัดไป

ประวัติประธานสมาคมธนาคารไทย คนที่ 24

ผยง ศรีวณิช ปัจจุบันอายุ 52 ปี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมศาสตร์ ที่ University of Arizona ,Tucson, Arizona สหรัฐอเมริกา ระดับปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ ที่ University of Pittsburgh, Pennsylvania  สหรัฐอเมริกา

มีประสบการณ์ในด้านธุรกิจการเงินการธนาคารมากว่า 20 ปี เคยดำรงตำแหน่ง Managing Director, Head of Global Markets & Country Treasurer Citibank N.A.,Thailand ระหว่างปี 2551-2557 ทำงานกับธนาคารกรุงไทยในปี 2558 ในตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน และปัจจุบันดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย

]]>
1293397
ผลกระทบ COVID-19 อาจพุ่งกว่า 1.3 ล้านล้าน สมาคมธนาคารไทย เชื่อมาตรการรัฐ “ช่วยได้” https://positioningmag.com/1273452 Tue, 14 Apr 2020 13:05:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1273452 สมาคมธนาคารไทย ชี้ผลกระทบ COVID-19 อาจสูงกว่า 1.3 ล้านล้านบาท หากสถานการณ์สงบเร็วกระทบจีดีพี 7.7% หากยืดเยื้อความเสียหายอาจรุนแรงขึ้น เชื่อมาตรการรัฐเป็น “ยาดี” ช่วยได้

เศรษฐกิจจะแย่กว่า “วิกฤตต้มยำกุ้ง” เเต่เเตกต่าง

ปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย มองว่า ผลกระทบจากวิกฤตการระบาดของไวรัส COVID-19 ในรอบนี้ สามารถประเมินเบื้องต้นเป็นเม็ดเงินสุทธิราว 1.3 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 7.7% ของจีดีพี โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวรายได้หายไปถึง 1.1 ล้านล้านบาท อันทำให้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสหดตัวลึกใกล้เคียงกับปี 2540 และอาจจะลึกกว่านั้น หากการระบาดไม่สามารถควบคุมได้ภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ อันจะทำให้ผลกระทบในเชิงตัวเงินใหญ่ขึ้นอีกจนอาจจะแย่กว่าวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540

“จุดแตกต่างที่สำคัญระหว่างวิกฤตการระบาดของเชื้อ COVID-19 กับวิกฤตปี 2540 คือ ในรอบนี้ ทางการไทยออกมาตรการให้ความช่วยเหลือที่ ‘เร็ว’ และมี ‘ขนาดใหญ่’ เพื่อยับยั้งไม่ให้เหตุการณ์ทรุดลงแรงกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งสิ่งที่ต้องจัดการเป็นลำดับแรกๆ คือ การจัดการด้านสาธารณะสุขเพื่อยับยั้งการระบาดของโรคและดูแลผู้ป่วยในวงที่กว้างขึ้น รวมถึงการดูแลเรื่องอาชีพและปากท้องของประชาชน”

ทั้งสองส่วนนี้ มาตรการด้านการคลังจะเข้ามาเป็นกลไกหลัก ทำให้การอนุมัติ พ.ร.ก.กู้เงินฯ เพิ่มเติมอีก 1 ล้านล้านบาท เป็นกระบวนการทางกฎหมายที่ต้องเร่งทำ เพื่อดึงงบประมาณจากหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ มาเป็นทรัพยากรเพิ่มเติมสำหรับตอบวัตถุประสงค์ข้างต้น หลังจากที่งบกลางเดิมได้จัดสรรไปหมดแล้ว

ด้านการดูแลเสถียรภาพของเศรษฐกิจตลาดการเงินก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะปัจจุบันตลาดการเงินไทยเชื่อมโยงกับต่างประเทศมากขึ้นกว่าในปี 2540 มาก ทำให้ความตื่นตระหนก ไม่ว่าจะจากทั้งในและต่างประเทศ ก็สามารถฉุดให้อัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนในตลาดการเงินปรับตัวแรง จนกระทบความมั่นคงของระบบสถาบันการเงิน ตลอดจนสถานะทางการเงินลูกค้าธุรกิจและครัวเรือนได้

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี พิจารณาอนุมัติพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจ ธปท. ออกซอฟต์โลน (Soft Loan) เพื่อดูแลภาคธุรกิจ พ.ร.ก. ดูแลเสถียรภาพภาคการเงิน ตลอดจน พ.ร.ก. กู้เงินเพื่อการเยียวยาและดูแลเศรษฐกิจ ซึ่งรวมแล้วคือมาตรการเยียวยาระยะที่ 3 ที่มีวงเงินรวม 1.9 ล้านล้านบาทนั้นถือเป็นส่วนสำคัญ

“ผมเชื่อมั่นว่า การดำเนินการต่าง ๆ ทั้งด้านการเงินและการคลังของภาครัฐ น่าจะทำให้การหดตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้อยู่ในขอบเขตจำกัด และไม่น่าจะลุกลามจนกลายเป็นวิกฤตที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งนี้ แม้ว่าในที่สุดแล้ว สถานการณ์ต่าง ๆ จะยังคงขึ้นอยู่กับว่า การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จะยุติลงเมื่อใด แต่ก็เชื่อว่า หากมีความจำเป็น ทางการไทยยังมีทรัพยากรอีกมากเพียงพอที่จะประคับประคองเศรษฐกิจให้ผ่านพ้นภาวะวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน” ปรีดีกล่าว

อุ้มตลาดทุน – ต่อลมหายใจ SMEs

ประธานสมาคมธนาคารไทย เเนะว่ามาตรการ 9 แสนล้านบาทในรอบนี้ จำเป็นต้องพุ่งเป้าหมายไปที่การจัดตั้งกองทุนเพื่อดูแลตลาดตราสารหนี้เอกชนที่มีขนาดใหญ่ราว 22% ของจีดีพี ซึ่งจะช่วยทั้งตัวกิจการที่ต้องการระดมทุนไปชำระคืนหนี้เดิมและเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ รวมถึงช่วยผู้ลงทุนสถาบันและรายย่อย ซึ่งต้องยอมรับว่าในระยะหลัง ผู้ฝากเงินรายย่อยหันมาออมเงินทั้งทางตรงและทางอ้อมในตราสารหนี้มากขึ้น

นอกจากนี้ ความช่วยเหลือในครั้งนี้ ยังประกอบด้วยมาตรการช่วยภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ที่ครอบคลุมกว่า 99% ของจำนวนกิจการทั้งหมด และการจ้างงานกว่า 85% ของการจ้างงานทั้งประเทศ หรือกว่า 13 ล้านคน ผ่านการให้ซอฟต์โลนเพิ่มเติม นอกเหนือไปจากการพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยแบบอัตโนมัติ

“ทั้งหมดนี้ ก็คาดหวังว่าการต่อลมหายใจทางธุรกิจ จะช่วยพยุงจ้างงานและกลไกของห่วงโซ่ธุรกิจบางส่วนให้พอเดินต่อไปได้ ในระหว่างที่ทุกคนรวมพลังอยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติ” 

]]>
1273452