ปุ๋ย – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 30 Oct 2024 02:59:18 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “อารักขาพืชเจียไต๋” พัฒนาโซลูชั่นช่วยให้เกษตรปลอดภัย ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพบนมาตรฐานสากล https://positioningmag.com/1496335 Wed, 30 Oct 2024 02:45:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1496335

เกษตรกรรมขึ้นชื่อว่าเป็นหัวใจสำคัญของอาหารการกินโดยเฉพาะในประเทศไทยที่การทำเกษตรกรรมแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ ยันปลายน้ำ ผลผลิตส่วนใหญ่ได้จากการเกษตรทั้งสิ้น เรียกได้ว่าถ้าเกษตรปลอดภัย ก็ช่วยให้ผลผลิตปลอดภัย มีคุณภาพด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นการที่มีโซลูชั่นช่วยดูแลพืชพรรณก็จะดีไม่น้อย

เจียไต๋ ผู้นำธุรกิจนวัตกรรมการเกษตรของไทย นอกจากจะมีธุรกิจใหญ่ในเรื่องของเมล็ดพันธุ์พืช และปุ๋ยแล้ว ยังมีธุรกิจที่เรียกว่า “อารักขาพืช” ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจเคมีเกษตรในไทยและอาเซียน ที่ช่วยดูแลทั้งพืช และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน

อารักขาพืชเจียไต๋ ดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักคุณธรรมและความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ ภายใต้กรอบแนวคิดตามหลักมาตรฐานทางจริยธรรมขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO Code of Conduct) ทุกผลิตภัณฑ์ของอารักขาพืชเจียไต๋ผลิตภายใต้คุณภาพมาตรฐานระดับนานาชาติที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยนับครั้งไม่ถ้วนว่าไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผู้ใช้งาน ชุมชนรอบข้าง รวมถึงผู้บริโภค เรารับผิดชอบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นทาง ทั้งยังส่งเสริมให้มีการอบรมให้ความรู้ด้าน การใช้อย่างถูกต้องเหมาะสมทั้งวิธีการและปริมาณที่ใช้แก่พนักงานขาย ร้านค้า และเกษตรกร โดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของทุกภาคส่วน

หลายคนจะทราบดีว่า ในการทำเกษตรกรรมย่อมมีปัจจัยที่หลากหลาย ทั้งที่ควบคุมได้ และควบคุมไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น สภาพดิน สภาพอากาศ ภัยพิบัติ บางพื้นที่มีทรัพยากร มีสภาพแวดล้อมที่พร้อมสรรพ สามารถเพาะปลูกได้ผลผลิตดี แต่ในบางพื้นที่ต้องอาศัยปัจจัยส่งเสริมอื่นๆ ที่จะช่วยให้การเกษตรประสบผลสำเร็จ

ในท้องตลาดจึงมีผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นตัวช่วยให้เกษตรกรเพาะปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือผลิตภัณฑ์อารักขาพืชเจียไต๋ โดยบริษัท เจียไต๋ จำกัด ผู้นำธุรกิจนวัตกรรมการเกษตรของไทย ที่เข้าใจถึงความต้องการของพืชแต่ละชนิด จึงช่วยบำรุงและดูแลพืชให้เจริญเติบโตในแต่ละช่วงได้อย่างเหมาะสม

ผลผลิตดี มีคุณภาพและความปลอดภัย คือเป้าหมายหลักของการเพาะปลูกแบบฉบับอารักขาพืชเจียไต๋

ธนพัฒน์ วงษ์โคเมท ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจอารักขาพืช บริษัท เจียไต๋ จำกัด เล่าว่า

เกษตรปลอดภัยคือหัวใจหลักของการพัฒนาผลิตภัณฑ์อารักขาพืชเจียไต๋ เพราะเรามุ่งนำเสนอสินค้าคุณภาพสูง พร้อมด้วยบริการ และโซลูชั่นที่จะช่วยให้เกษตรกรใช้งานได้อย่างเหมาะสม ได้ผลผลิตดี ในขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด และผู้บริโภคได้บริโภคผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่มีคุณภาพอย่างปลอดภัย” 

อารักขาพืชเจียไต๋มุ่งนำเสนอสินค้าคุณภาพสู่ตลาด พร้อมๆ กับตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อม จึงดำเนินธุรกิจบนมาตรฐาน ISO 14001: 2015 ซึ่งเป็นระบบจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่นอกจากเป็นกรอบการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพสูง มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับพืชแต่ละประเภทแล้ว ยังช่วยส่งเสริมด้านความยั่งยืน นอกจากนี้ อารักขาพืชเจียไต๋ยังมีห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ตั้งอยู่ภายในโรงงานเจียไต๋ อ้อมน้อย ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025: 2017 สำหรับตรวจสอบสินค้าทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการผลิต เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้ามีมาตรฐานตรงตามข้อกำหนดของกรมวิชาการเกษตร และการันตีคุณภาพของสินค้าได้อย่างแม่นยำและเชื่อถือได้

ธนพัฒน์ กล่าวเสริมว่า “อารักขาพืชเจียไต๋เรามีพันธกิจนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เป็นเชิงนวัตกรรม เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางการเพาะปลูกให้กับเกษตรกร ทั้งยังสามารถลดต้นทุน และเพิ่มความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน ผู้บริโภค รวมถึงสิ่งแวดล้อม เพราะเมื่อเกษตรกรสามารถใช้งานผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ก็จะมีความปลอดภัย ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผลผลิตทางการเกษตรที่อยู่ในท้องตลาดก็จะมีคุณภาพ และปลอดภัยต่อการบริโภคเช่นเดียวกัน ซึ่งส่งผลต่อเนื่องถึงความมั่นคงทางอาหาร และส่งเสริมเกษตรที่ยั่งยืนในระยะยาวด้วย”

3 กลยุทธ์ปั้นสินค้าคุณภาพ มุ่งสู่เกษตรปลอดภัย

1.หานวัตกรรมใหม่อยู่เสมอ

อารักขาพืชเจียไต๋มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ เสาะหาเทคโนโลยี พร้อมพัฒนาศักยภาพของบุคลากร ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อนำนวัตกรรมต่างๆ มาต่อยอดความสำเร็จให้กับภาคเกษตรกรรมไทย ผลิตภัณฑ์จึงมีความหลากหลายพร้อมสำหรับการบำรุง เพิ่มผลผลิต และปกป้องพืชพันธุ์ ในขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด

2.โซลูชั่น คำตอบที่ใช่สำหรับเกษตรกร

อารักขาพืชเจียไต๋ ทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมวิจัยและทดลองหาโซลูชั่นทางการเกษตรที่ตอบโจทย์ตามความต้องการของพืชแต่ละชนิด รวมถึงตอบสนองต่อสภาพความแตกต่างในแต่ละพื้นที่ทำเกษตร โดยนำสินค้านวัตกรรมต่างๆ มาสร้างสรรค์เป็นโซลูชั่น หรือ สูตรสำเร็จทางการเกษตร แนะนำการใช้งานให้กับเกษตรกรตั้งแต่เริ่มเพาะปลูกไปจนถึงการเก็บเกี่ยว ซึ่งช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนด้านปัจจัยการผลิต นอกจากนี้ ยังเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการใช้งานโซลูชั่นร่วมกับโดรนเพื่อการเกษตร เพื่อประหยัดเวลา ประหยัดแรงงาน อีกทั้ง เพิ่มความแม่นยำ และความปลอดภัย เช่น

  • โซลูชั่นนาข้าว แบ่งช่วงการดูแลเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะคุมเลน ระยะคุม-ฆ่า และระยะบำรุงรวงอ่อน ทั้ง 3 โซลูชั่นแบบฉบับเจียไต๋เพื่อพี่น้องชาวนาได้ข้าวเต็มถัง เงินเต็มถุง

  • โซลูชั่นทุเรียน อีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ แบ่งการดูแลออกแบ่ง 12 ระยะ ตั้งแต่ระยะเพิ่มความสมบูรณ์ใบอ่อน 3 รุ่น ระยะส่งเสริมการออกดอก ระยะกระตุ้นตาดอก ระยะบำรุงหลังออกดอก ระยะกระตุ้นแตกใบอ่อน ระยะเพิ่มปริมาณการติดผล ระยะบำรุงผลอ่อน ในช่วง 1-3 เดือน ระยะเร่งการสุกและคุณภาพ

ซึ่งเกษตรกรที่ได้รับคำแนะนำและนำไปปรับใช้กับพื้นที่เกษตรของตนต่างการันตีผลลัพธ์ เพิ่มคุณภาพผลผลิตได้จริง

3.ทำงานใกล้ชิดลูกค้า เข้าใจพืชผล มอบคำแนะนำการใช้งานผลิตภัณฑ์ 

เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปตามเป้าหมาย อารักขาพืชเจียไต๋ได้ปรับปรุงระบบงานเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการบริการลูกค้าทั้งเกษตรกรและร้านค้าตัวแทนจำหน่าย ด้วยการมอบคำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการใช้งานที่ถูกต้องเหมาะสมอย่างปลอดภัย ผ่านกิจกรรมอบรมและสัมมนาต่างๆ

ในส่วนของฝ่ายโรงงาน ได้ปรับระบบการทำงานให้เป็นไปตามข้อกำหนดและมีมาตรฐานรองรับ นอกจากนี้ การส่งมอบผลิตภัณฑ์สู่มือลูกค้า อารักขาพืชเจียไต๋ได้นำเทคโนโลยีมาใช้ อย่างระบบจัดการคลังสินค้า และระบบตรวจสอบย้อนกลับที่ลูกค้าจะสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นทาง เช่น ข้อมูลการผลิต ล็อตสินค้า และคำแนะนำการใช้งาน

เพราะเกษตรปลอดภัยไม่ใช่เรื่องไกลตัว และเกษตรกรรมคือการผลิตอาหารของโลก ระบบการผลิตที่ดีนำมาซึ่งอาหารปลอดภัย ทั้งนี้ เพื่อให้อาชีพเกษตรกรรมที่เป็นวิถีชีวิตของสังคมไทยสามารถเป็นอาชีพที่มั่นคงขึ้นได้อย่างยั่งยืน อารักขาพืชเจียไต๋พร้อมที่จะนำเสนอสินค้าคุณภาพ พร้อมด้วยบริการ และโซลูชั่น ภายใต้หัวใจหลักเรื่องความปลอดภัยต่อ 3 มิติ ทั้งผู้คน (ผู้ใช้งานและผู้บริโภค) สังคม และสิ่งแวดล้อม

 

]]>
1496335
ไม่ใช่แค่รัสเซีย! นักวิเคราะห์ชี้ ‘จีน’ อีกตัวการทำ ‘เงินเฟ้อ’ ทั่วโลกพุ่ง https://positioningmag.com/1383762 Tue, 03 May 2022 07:57:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1383762 สถาบันปีเตอร์สันเพื่อเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ (Peterson Institute for International Economics : PIIE) ระบุว่า รัสเซียมีความผิดในการสร้างวิกฤตความมั่นคงด้านอาหารและราคาพลังงานที่สูงขึ้นจากการทำสงครามกับยูเครน แต่จีนก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สถานการณ์เงินเฟ้อทั่วโลกแย่ลง

Chad Bown และ Yilin Wang นักวิเคราะห์จาก PIIE กล่าวว่า สงครามของรัสเซียในยูเครนส่งผลกระทบอย่างน่าตกใจ เนื่องจากรัสเซียกำลังปิดกั้นการส่งออกปุ๋ย จึงถือเป็นส่วนทำให้เกิดวิกฤตอาหารทั่วโลก ขณะที่บทบาทของยูเครนในฐานะที่เป็นแหล่งผลิตอาหารสำหรับแอฟริกาและตะวันออกกลางได้ถูกทำลายลง

แต่ยังมีความเสี่ยงอีกประการหนึ่งที่ไม่อาจประเมินค่าได้ต่อความมั่นคงด้านอาหารของโลก ซึ่งนั่นก็คือ การตั้งกำแพงภาษีการนำเข้าสำหรับปุ๋ยและเนื้อหมู นอกจากนี้ จีนซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของโลก ก็ได้มีการลดกำลังการผลิตลงอีกด้วย ซึ่งนโยบายเหล่านี้ของจีน นำไปสู่ราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้นในทั่วโลก

“ปัญหาคือ จีนทำตัวเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ออกมาตรการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนคนจีนก่อน เช่น ลดต้นทุนการผลิตให้กับอุตสาหกรรมหรือเกษตรกรชาวจีน แต่ผลักภาระต้นทุนให้กับคนทั้งโลก”

ปุ๋ย

ราคาปุ๋ยในจีนและทั่วโลกเริ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว เนื่องจากความต้องการที่และราคาพลังงานที่สูงขึ้น และราคาก็ยิ่งสูงขึ้นอีก หลังจากที่เกิดภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยย้อนไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทางการจีนได้สั่งให้บริษัทผู้ส่งออกปุ๋ยรายใหญ่ระงับการส่งออก เพื่อให้แน่ใจว่ามีเกษตรกรจีนจะมีปุ๋ยใช้เพียงพอ และในเดือนตุลาคมทางการก็ได้กำหนดให้มีการตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการส่งออกปุ๋ย ในขณะที่ราคายังคงสูงขึ้น โดยคาดว่ามาตรการควบคุมต่าง ๆ ที่ออกมาจะดำเนินต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้

มาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลจีนออกมาทำให้การส่งออกปุ๋ยของจีนลดลงอย่างรวดเร็ว ราคาปุ๋ยของจีนก็ทรงตัวและตั้งแต่นั้นมาก็เริ่มต่ำลง สวนทางกับสถานการณ์ทั่วโลกที่ราคาปุ๋ยยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพุ่งขึ้นเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า”

เหล็ก

ราคาเหล็กในจีนและทั่วโลกพุ่งขึ้นในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เนื่องจากจีนประกาศว่าจะลดการผลิตเหล็กในประเทศลงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ขณะที่ปีที่แล้วทางการได้ยกเลิกการห้ามนำเข้าเศษเหล็ก อีกทั้งยังจำกัดการส่งออก 2-3 รอบ และเพิ่มภาษีส่งออกสำหรับผลิตภัณฑ์เหล็ก 5 รายการ ส่งผลให้ช่วงในเดือนมีนาคมปีนี้ ราคาเหล็กของจีนลดลง 5%

เนื้อหมู

ส่วนราคาเนื้อหมูที่สูงขึ้นทั่วโลกเริ่มต้นขึ้นในปี 2018 เมื่อจีนซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตเนื้อหมูถึงครึ่งหนึ่งของโลก ได้เจอผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู ส่งผลให้จีนต้องกำจัดหมูไปประมาณ 40% ทำให้ราคาเนื้อหมูเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในช่วงปลายปี 2019 ส่วนราคาเนื้อหมูทั่วโลกได้พุ่งขึ้น 25% เนื่องจากจีนนำเข้าเนื้อหมูมากขึ้น ทำให้ดึงปริมาณเนื้อหมูออกจากตลาดโลก

“จีนเลือกที่จะนำเข้าเนื้อหมูจำนวนมาก เพื่อลดแรงกดดันด้านราคาภายในประเทศตั้งแต่ปี 2019 นโยบายเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อส่วนอื่น ๆ ของโลก”

นอกจากนี้ ปักกิ่งยังปรับลดภาษีนำเข้าเนื้อหมูในปี 2020 ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะทำให้ผู้บริโภคที่ทั่วโลกต้องเจอปัญหาราคาเนื้อหมูที่สูงขึ้น ทนเนื่องจากอุปทานที่ลดลง ซึ่งทางการจีนก็ได้ขึ้นอัตราภาษีดังกล่าวอีกครั้งในปีนี้ เนื่องจากปัญหาโรคอหิวาต์ในหมูเริ่มคลี่คลายลง

Source

]]>
1383762