ที่ผ่านมา ประเทศจีนได้มีข้อพิพาทกับสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ ทั้งในเอเชียแปซิฟิกและยุโรปมากขึ้นในประเด็นต่าง ๆ ตั้งแต่สิทธิมนุษยชนไปจนถึงการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม ทำให้นานาประเทศนั้นเกิดความกังวลว่าอิทธิพลทางการเมืองและเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นของจีนกำลังคุกคามระเบียบโลก

โดย สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมว่า จีนจะไม่ก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำโลกไม่ว่าจะมีอำนาจมากเพียงใด และเรียกร้องให้มีการกำกับดูแลระดับโลกที่ ”ยุติธรรมและเท่าเทียมกันมากขึ้น”

“อย่างไรก็ตาม จีนอาจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่จีนจะไม่แสวงหาความเป็นผู้ปกครองโลก และจีนจะไม่มีส่วนร่วมในการแข่งขันทางอาวุธ”

สี จิ้นผิง ได้ย้ำถึงการสร้างเศรษฐกิจโลกที่เปิดกว้างมากขึ้น พร้อมทั้งระบุอีกว่า โลกไม่ควรถูกนำโดยแนวคิดแต่ฝ่ายเดียวของไม่กี่ประเทศ โดยกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศไม่ควรถูกกำหนดจากประเทศเพียงประเทศเดียวหรือสองสามประเทศ ‘ประเทศใหญ่ ๆ’ ควรปฏิบัติตนในลักษณะที่ “เหมาะสมกับสถานะของตนและมีความรับผิดชอบมากขึ้น” นอกจากนี้ สี จิ้นผิง ยังต่อต้านแนวคิดของ ”สงครามเย็น” โดยเสริมว่าประเทศใดก็ตามที่เข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของผู้อื่นจะไม่ได้รับการสนับสนุนใด ๆ ทั้งสิ้น

ทั้งนี้ ย้อนไปเมื่อเดือนที่แล้ว โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า “จีนมีเป้าหมายที่จะเป็นประเทศชั้นนำ โดยต้องการเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก และเป็นประเทศที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก และเขาจะไม่ปล่อยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นภายใต้การเฝ้าระวังของเขา”

Source