ผ้าห่มจากเส้นใยrPET – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 17 Dec 2020 07:01:46 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “ผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลก” 2 แสนผืน ส่งมอบครบ 15 จังหวัด ปิดท้ายโครงการ “ไทยเบฟ…รวมใจต้านภัยหนาว ปีที่ 21”thaibev https://positioningmag.com/1310840 Sat, 19 Dec 2020 04:00:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1310840 เสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับโครงการ “ไทยเบฟ…รวมใจต้านภัยหนาว” ซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นที่ 21   แล้วโดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้ผสานความร่วมมือกับ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมด้วยภาคีเครือข่าย ทุกภาคส่วน ร่วมสานต่อปณิธานและแบ่งปันไออุ่น เพื่อพี่น้องชาวไทยผู้ประสบภัยหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างต่อเนื่อง พร้อมคาราวานไออุ่น เดินหน้าส่งมอบ “ผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลก” ที่ผลิตจากขวดพลาสติก ตอกย้ำแนวคิด BEYOND THE GREEN BLANKET… A SUSTAINABLE COMMUNITY OF GIVING มากกว่าความอบอุ่น คือสังคมแห่งการให้ที่ยั่งยืน”

สำหรับการเดินทางปิดท้ายคาราวานไออุ่นครั้งนี้ ได้ส่งมอบผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลกให้กับพี่น้องผู้ประสบภัยหนาวที่จังหวัดน่าน จำนวน 15,000 ผืน โดยมี คุณสัมฤทธิ์ สวามิภักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมด้วย คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) เป็นประธานในพิธีส่งมอบ ณ โรงเรียนบ่อเกลือ  อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ซึ่งความพิเศษของโครงการในปีนี้คือ การนำขวดพลาสติก PET หลังการบริโภค  เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล โดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจรีไซเคิล จำกัด (TBR) ทำการเก็บขวดพลาสติก PET จำนวน 7,600,000 ขวด เพื่อนำส่งต่อให้กับบริษัทผู้ผลิต เม็ดพลาสติกนำไปถักทอเป็นเส้นใยเพื่อถักทอเป็น  “ผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลก” จำนวน 200,000 ผืน นับเป็นปีแรกที่ ไทยเบฟ นำเส้นใย rPET มาใช้ในการผลิตผ้าห่ม  ซึ่งสามารถช่วยลดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต รวมถึงลดปัญหาขวดพลาสติกอีกด้วย  และยังคงคุณภาพของผ้าห่มผืนเขียวนี้ให้มีความนุ่ม และอบอุ่นเหมือนเช่นเคย

บรรยากาศการส่งมอบเต็มไปด้วยความอบอุ่นและรอยยิ้มจากผู้ให้และผู้รับ รวมถึงพันธมิตร จิตอาสาที่มาร่วมแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้พี่น้องอำเภอบ่อเกลือในวันนี้อีกด้วย ซึ่งนอกจากการมอบผ้าห่มในครั้งนี้แล้วยังมีกิจกรรมดี ๆ ที่ขนทัพมามอบความสุขให้กับพี่น้องชาว จ.น่าน อีกด้วย อาทิ บริการตรวจสุขภาพฟรีจากหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ การมอบทุนการศึกษาและอุปกรณ์กีฬา การสอนทักษะกีฬาฟุตบอล กิจกรรมสันทนาการให้ความรู้เรื่องการคัดแยกขยะ บริการตัดผมฟรี และ บูธให้บริการอาหาร เครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยว

คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า           บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ โครงการ ไทยเบฟรวมใจต้านภัยหนาได้เป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาทุกข์ให้แก่พี่น้องชาวไทย ด้วยการแบ่งปันไออุ่นให้แก่ผู้ประสบภัยหนาวในภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งในวันนี้ไทยเบฟได้รับเกียรติและความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานราชการทุกภาคส่วนในจังหวัดที่จะส่งมอบไออุ่น จำนวน 15,000 ผืน ให้กับพี่น้องจังหวัดน่าน ซึ่งตลอด 21 ปี เราได้ส่งมอบผ้าห่มแล้วจำนวน 4,2000,000 ผืน

สำหรับในปีนี้ เรามีความพิเศษของโครงการ ไทยเบฟรวมใจต้านภัยหนาว ปีที่ 21  ในฐานะองค์กรที่มีการดำเนินงานตามแนวทางพัฒนาที่ยั่งยืนนั่น ไทยเบฟจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญของเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด จึงทำให้ ผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลกในปีนี้ของเราถูกผลิตมาจากขวดพลาสติกบรรจุเครื่องดื่มที่ใช้แล้ว นำกลับมาคัดแยกและผ่านกระบวนทำความสะอาดในอุณหภูมิที่สูงก่อนจะบดขวดเป็นเกล็ดและนำไปหลอมเป็นเม็ดพลาสติกที่มีคุณภาพสูง เพื่อฉีดเป็นเส้นใยและนำมาขึ้นทอเป็นผืนผ้าห่มจำนวน 200,000 ผืนนี้ สามารถลดปัญหาขวดพลาสติกที่สามารถนำขวดกลับมาผลิตเป็นผ้าห่มได้มากถึง 7.6 ล้านขวด อีกทั้งยังช่วยลดการใช้พลังงานในการผลิตอีกด้วย โดยคุณภาพของผ้าห่มเขียวยังคงนุ่มและอบอุ่นอย่างเช่นเคย

นางอัญชลี วสินธา ชาวบ้าน อ.บ่อเกลือ ที่ได้รับผ้าห่ม เผยความรู้สึกว่า “ดีใจมาก ๆ ค่ะ ที่ได้มารับผ้าห่มจากไทยเบฟ ก่อนหน้านี้ลูกสาวบ่นว่าอยากได้ผ้าห่มผืนใหม่ เพราะที่มีอยู่มันเก่าแล้ว พอรู้ว่าไทยเบฟจะมาแจกผ้าห่มก็เลยดีใจค่ะ ได้ทันใช้พอดี และวันนี้ลูกสาวก็มาด้วย มาเล่นกับพี่ ๆ ที่เต็นท์ เค้ามีสอนเรื่องการทิ้งขยะ แยกขยะ และไปนั่งระบายสีกับเพื่อน ๆ ส่วนแม่ก็ไปตรวจสุขภาพกับคุณหมอมาด้วย รู้สึกดีจังเลยค่ะ ที่ไทยเบฟมาให้ตั้งหลายอย่าง ขอบคุณมาก ๆ ที่ยังเห็นถึงความลำบากของคนที่อยู่ห่างไกล จะใช้ผ้าห่มผืนนี้ให้คุ้มค่าที่สุดค่ะ

ไทยเบฟ  ยังคงตั้งมั่นที่จะส่งต่อรอยยิ้มและความอบอุ่นแก่พี่น้องคนไทย ผ่านโครงการ “ไทยเบฟ…รวมใจต้านภัยหนาว” ต่อไป โดยมุ่งหวังให้เกิดพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการร่วมกันสร้างสังคมแห่งการให้ที่ยั่งยืน

]]>
1310840
เปิดความสำเร็จ “ไทยเบฟ” ครองเบอร์ 1 อุตฯ เครื่องดื่ม DJSI “3 ปีซ้อน” นำความภาคภูมิใจของคนไทยไปสู่ระดับโลก https://positioningmag.com/1308911 Sat, 05 Dec 2020 04:00:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1308911

ยุคสมัยนี้…การนำพาองค์กรให้ประสบความสำเร็จไม่ได้วัดกันที่ “ตัวเลขรายได้” อีกต่อไป เเต่เป้าหมายสำคัญคือความยั่งยืนขององค์กร สานต่อให้เกิด “ความยั่งยืนของโลก”

ช่วงที่ผ่านมา เราได้เห็นความเคลื่อนไหวสำคัญของบิ๊กเครื่องดื่มอย่าง ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ ไทยเบฟ” ว่าเป็นองค์กรที่มีการ “เติบโตสูง” เเละมุ่งเติบโตไปพร้อมๆ กับการสร้างความยั่งยืนทั้งต่อธุรกิจ สังคมเเละสิ่งแวดล้อม

การใส่ใจโลกเหล่านี้ สะท้อนออกมาให้เห็น เมื่อไทยเบฟ คว้าอันดับ 1 DJSI ระดับโลกของกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม 3 ปีซ้อน”

“โฆษิต สุขสิงห์” รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดกลุ่มธุรกิจต่อเนื่อง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เล่าให้ฟังว่า ไทยเบฟ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (The Dow Jones Sustainability Indices-DJSI) โดยจัดลำดับให้เป็นสมาชิกของ DJSI Emerging Markets Index กลุ่มดัชนีตลาดเกิดใหม่เป็นปีที่ 5 และประเภทกลุ่มดัชนีโลก (World Index) เป็นปีที่ 4

โดยล่าสุด ได้รับการจัดอันดับ 1 Industry Leader ในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่มต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จากปีนี้มีบริษัทในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มทั่วโลกกว่า 48 บริษัท

“ปีนี้เราทำได้ดีขึ้น ตอบโจทย์สังคมได้ดีขึ้น ในการบริหารจัดการคุณค่าในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคมเเละสิ่งเเวดล้อม เราทำคะเเนนสูงสุดใน 8 บริษัทใหญ่ของเมืองไทย สามารถทำ Perfect Score ของ DJSI ได้ถึง 15 Area”

โฆษิต ฉายภาพว่า บนเส้นทางธุรกิจเครื่องดื่ม ไทยเบฟมุ่งพัฒนาห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ให้เป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่จะส่งผลสำเร็จทางธุรกิจ เริ่มตั้งแต่การจัดซื้อจัดหา ไปจนถึงการบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภค การนำเทคโนโลยีทางด้านดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินธุรกิจแทบทุกกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็นการประเมินความยั่งยืนด้านน้ำ การบริหารจัดการกระบวนการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน พัฒนาบุคลากร คู่ค้าและพันธมิตร

โดยยกตัวอย่างสิ่งที่ “ไทยเบฟ” ได้ดำเนินการและเห็นผลชัดเจน นั่นก็คือ การบริหารจัดการเรื่อง “น้ำ” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจเครื่องดื่ม เเละถือโจทย์สำคัญในเชิงธุรกิจว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมกับชุมชนโดยรอบ ทั้งการลดใช้น้ำ ควบคุมคุณภาพของน้ำให้มีประสิทธิภาพ เเละบำบัดน้ำเสียให้ได้มาตรฐาน รวมไปถึงการใช้พลังงานทดเเทน

บริษัทยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์ เริ่มตั้งแต่การออกแบบ เพื่อลดผลกระทบระยะยาวของบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคที่มีต่อสิ่งแวดล้อม

เราผลิตมาเท่าไหร่ ก็ต้องเอาคืนกลับไปเท่านั้น”  นี่คือหลักการง่ายๆ ที่ไทยเบฟยึดถือในเรื่องการจัดการซัพพลายเชนกับชุมชน

“โครงการสมุยโมเดล เป็นความร่วมมือกับท้องถิ่นที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก คือถ้าส่งผลิตภัณฑ์ของไทยเบฟไปบนเกาะ คิดเป็น 100% เราเก็บกลับมาได้ 125% หมายความว่า เราเก็บของเจ้าอื่นกลับมาพร้อมๆกัน เเละยังช่วยทำให้เกิดการหมุนเวียนเป็น Reverse Logistics บนเกาะด้วย”

ส่วนการบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่คำนึงถึงความยั่งยืนนั้น ไทยเบฟมีการพัฒนาฟิล์มยืดจากพลาสติกรีไซเคิล เพื่อห่อหุ้มผลิตภัณฑ์น้ำดื่มตราคริสตัล โดยผลิตจากพลาสติกประเภทโพลีเอทิลีน ที่มีส่วนประกอบจากวัสดุรีไซเคิลมากถึง 25%

รวมไปถึง การนำเอาบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคอย่างขวดพลาสติก PET มาเข้ากระบวนการรีไซเคิล ทำเป็นเส้นใย rPET ใช้ในการผลิตเสื้อโปโล เเละผ้าห่มเพื่อแจกในโครงการไทยเบฟ รวมใจต้านภัยหนาวจำนวน 200,000 ผืน คิดเป็นปริมาณพลาสติกกว่า 7 ล้านขวด

นอกจากนี้ การใช้เส้นใย rPET เมื่อเทียบกับการบวนการผลิตเส้นใยโพลีเอสเตอร์แล้ว ยังใช้น้ำลดลงถึง 94% และใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 60% สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 32%  เเละยังมีการลดน้ำหนักขวด PET ที่ใช้บรรจุน้ำดื่ม และลดน้ำหนักกระป๋องอะลูมิเนียมอีกด้วย

การที่จะขับเคลื่อนสังคมให้เกิดการเปลี่ยนเเปลงได้จริงๆ นั้น ไม่สามารถทำโดยคนๆ เดียวหรือองค์กรเดียวได้ จึงนำมาสู่การทำงานร่วมกันกับหลายบริษัทชั้นนำของไทย เช่น ความร่วมมือกับ “ปูนซีเมนต์ไทย” (SCC) เพื่อพัฒนาด้านโลจิสติกส์ สร้างเเพลตฟอร์มการขับขี่อย่างปลอดภัย เเละการบริหารจัดการสิ่งเเวดล้อมร่วมกัน ฯลฯ

โดยปีนี้ไทยเบฟ ได้ต่อยอดแนวทางการสร้างความยั่งยืนผ่านการสร้างแพลตฟอร์ม Thailand Sustainability Expo (TSX) 2020 ซึ่งความร่วมมือขององค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนของไทย เพื่อสร้างแรงบันดาลเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน ตามแนวคิด พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก”

โจทย์หลักของการนำธุรกิจฝ่าวิกฤติ COVID-19 คือการต้อง คิดให้เร็ว ปรับให้เร็ว”

ผู้บริหารไทยเบฟ เล่าว่า ในช่วงวิกฤตโรคระบาดที่ผ่านมา บริษัทได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการติดตามและวิเคราะห์ข่าวสาร มีการนำเทคโนโลยีทางด้านดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ เพื่อเป็นมาตราการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 สำหรับพนักงานในองค์กรซึ่งมีอยู่มากถึง 40,000 คน โดยมีการวิเคราะห์พนักงานที่มีความเสี่ยงต่างๆ

ไทยเบฟจะมุ่งโฟกัสไปที่การทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ดิจิทัลมากขึ้น การมาของ COVID-19 เป็นเหมือนตัวเร่งให้เรามูฟเร็วขึ้น มีโอกาสในการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ มากขึ้น พนักงานหลายเจเนอเรชั่น ต่างปรับตัวเเละเปิดใจมาใช้เทคโนโลยี สิ่งเหล่านี้เอื้อให้เกิดการนำดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจ ทั้งการดูแลจัดซื้อ การจัดส่ง การกระจายสินค้า และการทำตลาด”

โฆษิต อธิบายเพิ่มว่า การยกระดับองค์กรดิจิทัลนั้นต้อง “เปลี่ยนในทุกภาคส่วน” เช่นการนำเทคโนโลยีมาใช้ทำตลาดออนไลน์ การพัฒนาช่องทางจำหน่ายให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น โดยมองว่าสินค้าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ยังมีโอกาสอีกมากที่จะเติบโตต่อไปได้ในอนาคต

หลังไทยเบฟ ขึ้นครองอันดับ 1 ดัชนีความยั่งยืนโลก DJSI มาเเล้ว “3 ปีซ้อน” เกิดคำถามที่ว่า…อะไรคือความท้าทายในปีต่อไป

“ความท้าทายที่สุด คือเราต้องรักษามาตรฐานเดิมไว้ให้ได้ เเละต้องพัฒนาให้ดีขึ้นต่อๆ ไปด้วย จุดไหนที่ยังไม่เต็มที่ก็ต้องทำเพิ่ม จุดไหนที่เเข็งเเกร่งอยู่เเล้วก็ต้องส่งเสริม ภารกิจสำคัญคือการทำให้พนักงานหลายหมื่นคน มี DNA เดียวกันเเละมีการส่งต่อเเนวคิดที่ว่า ถ้าโลกยั่งยืน สังคมยั่งยืน บริษัทยั่งยืน พนักงานก็จะยั่งยืน เป็นการเเบ่งปันคุณค่าของการเติบโตไปด้วยกัน

 

]]>
1308911