พัฒนาตัวเอง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 20 Jan 2022 09:40:09 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 รู้จัก ‘กฎ 20%’ ของ ‘Google’ กับการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ เพื่อชิงความได้เปรียบในระยะยาว https://positioningmag.com/1370932 Thu, 20 Jan 2022 09:17:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1370932 คนส่วนใหญ่ใช้เวลาทุกวินาทีของวันทำงานเพื่อพยายามทำงานให้เสร็จตามกำหนดเวลา รวมถึงต้องเข้าร่วมการประชุม ตอบกลับอีเมล ฯลฯ ซึ่งแค่นั้นก็ทำให้หัวยุ่งจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้ว และด้วยการทำงานแบบนั้นก็ยิ่งทำให้ยากต่อการจัดเวลาไปเรียนรู้สิ่งที่เราสนใจหรือรู้ทักษะใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความเชี่ยวชาญให้ได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว ดังนั้น ไปรู้จักกับ “กฎเวลา 20% ของ Google” กัน ว่าจะช่วยให้พนักงานพัฒนาทักษาของตัวเองได้อย่างไร

จริง ๆ แล้วกฎเวลา 20% ของ Google เคยถูกเผยแพร่สู่สาธารณะตั้งแต่ปี 2547 โดยกฎดังกล่าวเกิดขึ้นจาก ‘เซอร์เกย์ บริน’ และ ‘แลร์รี เพจ’ สองผู้ก่อตั้งของ Google โดยทั้งคู่ได้อธิบายว่า กฎ 20% คือการสนับสนุนให้พนักงานใช้เวลา 20% ของการทำงานไปลองทำโปรเจกต์ใหม่ ๆ ซึ่งจะช่วยให้พนักงานมีความคิดสร้างสรรค์ โดยทั้งคู่ระบุว่า ความก้าวหน้าหลาย ๆ อย่างของ Google ไม่ว่าจะเป็น AdSense และ Google News ก็เกิดจากกฎ 20% นี้

ดังนั้น ไปดู 5 ข้อ ของ ‘กฎ 20%’ ว่าต้องทำอย่างไรเผื่อใครจะลองเอาไปปรับใช้ในชีวิตการทำงานในยุคที่ยิ่งมีทักษะที่มากก็ยิ่งได้มีความได้เปรียบในการแข่งขัน

1. ระบุสิ่งที่ต้องการเรียนรู้ให้ชัดเจน

สิ่งสำคัญในที่นี้คือ ต้องเจาะจงให้มากที่สุดเกี่ยวกับทักษะที่เราต้องการสร้าง ดังนั้น แทนที่จะเรียน 10 หลักสูตรใน 10 หัวข้อ แต่ให้เลือกมาแค่ ‘ข้อเดียว’ เพื่อพัฒนาจนเชี่ยวชาญ เมื่อใดก็ตามที่เราเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง นั่นจะยิ่งกระตุ้นให้ทำต่อไป ซึ่งในอนาคตทักษะนั้น ๆ จะยิ่งช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเอง การทำงาน รวมถึงรายได้เสริม

2. ชนะแม้ว่าจะแพ้

นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าเวลา 20% ของเราจะไม่สูญเปล่า ดังนั้น เราต้องคิดว่า ผลลัพธ์ขั้นต่ำสุด ที่จะได้จากการใช้เวลา 20% นี้ในการพัฒนาทักษะตัวเอง เช่น การพัฒนาดังกล่าวช่วยให้สามารถกล้าพูดในที่สาธารณะได้ดีขึ้น แม้อาจจะยังทำได้ไม่ดีเต็ม 100% แต่อย่างน้อยการพัฒนาดังกล่าวช่วยให้เราสามารถสื่อสารได้ดีมากขึ้น เป็นต้น

3. ยืดหยุ่นแต่มุ่งมั่น

การมีวินัยเป็นเรื่องที่ดี แต่บางครั้งเราก็จำเป็นต้องปรับกฎเกณฑ์และยืดหยุ่น เพราะหากเจอเหตุฉุกเฉินไม่ว่าจะเป็นงานด่วน, การประชุม หรือลูกค้าฉุกเฉิน ตารางงานแบบกะทันหันอาจทำให้เราไม่สามารถจัดเวลา 20% ไว้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ได้ แต่ไม่เป็นไร ตราบใดที่เราพยายามหาเวลาใหม่และรักษาความมุ่งมั่นนั้นไว้ เพราะประเด็นไม่ใช่ว่าต้องทำ 20% ตามกำหนดเวลาเป๊ะ ๆ แต่ต้องสม่ำเสมอ

4. หาวิธีที่จะทำให้สนุก

การเจียดเวลา 20% เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ว่ายากแล้ว แต่การจะรักษากำลังใจและความมุ่งมั่นนั้นยากยิ่งกว่า หากแค่เราเพียงทำมันด้วยตารางการฝึกที่เข้มงวด เราอาจจะเริ่มเบื่อและไม่อยากทำมัน จากนั้นก็จะหงุดหงิดและล้มเลิกไป ดังนั้น เราต้องสนุกไปกับมัน ซึ่งมีหลายวิธีมากที่จะทำให้เวลา 20% สนุกขึ้น เช่น การฟัง Podcast ขณะเดินเล่น, การพัฒนาทักษะร่วมกับเพื่อน เป็นต้น

5. ลงทุนระยะยาว

เช่นเดียวกับการลงทุนในอะไรสักอย่าง เมื่อเราลงทุนเวลาในโครงการ 20% ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ได้มาแบบก้าวกระโดด แต่จะเป็นเหมือน ดอกเบี้ย ที่อาจจะดูเหมือนเล็กน้อยและไร้ความหมายในตอนแรก แต่มันจะช่วยให้คุณสร้างระยะห่างมหาศาลระหว่างคุณกับคู่แข่งได้ในระยะยาว

เชื่อว่าหลายคนคงอยากเริ่มต้นทำอะไรใหม่ ๆ ในปีใหม่ ซึ่งใครยังไม่เริ่มตอนนี้ก็เหลือเวลาอีก 11 เดือนถึงจะหมดปี ดังนั้น คิดอะไรไว้ก็รีบลงมือทำเชื่อว่าการเริ่มทำสิ่งใหม่ ๆ ไม่มีคำว่าสายไป และแม้ว่าผลลัพธ์ของกฎเวลา 20% อาจไม่ได้เห็นอย่างรวดเร็วบางทีอาจใช้เวลาเป็น 10 ปี แต่อย่างน้อยผลสำเร็จเล็ก ๆ ก็อาจจะทำให้เรามีทางเลือกมากขึ้นในอนาคตหรือสามารถต่อยอดไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้

Source

]]>
1370932
ถึงเวลามูฟออนจากปีเก่า! เปิด 3 เคล็ดลับพาตัวเองสู่ความสำเร็จในปี 2022 https://positioningmag.com/1369571 Thu, 06 Jan 2022 06:52:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1369571 เริ่มต้นปีใหม่มาเกือบสัปดาห์แล้ว แต่หลายคนยังมูฟออนจากวันหยุดยาวที่ผ่านมาไม่ได้แน่เลย ความขี้เกียจกำลังแทรกไปในทุกอณู เอาเป็นว่ามาตั้งสติกันใหม่ โดยเรามี 3 คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอย่าง Susan Peppercorn Executive Coach & Career Strategist และ Letisha Bereola ที่ปรึกษาด้านอาชีพ (Life & Career Coach) ที่จะช่วยแนะแนวทางให้ เป้าหมายการทำงานในปีใหม่หรือเป้าหมายอื่น ๆ ของทุก ๆ คนสำเร็จแน่นอน แม้จากนี้งานจะยุ่งจนท้อแค่ไหนก็ตาม!

ถามคำถามสะท้อนตัวเอง 

เป็นเรื่องยากที่จะไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ถ้าหัวใจของคุณไม่อยู่กับมัน ดังนั้น เมื่อคุณมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลง คุณต้องแน่ใจว่าการกระทำของคุณสอดคล้องกับ ค่านิยมองค์กรหรือกรอบความคิดหลัก (Core value) ว่าตรงหรือไม่ความต้องการลึก ๆ ของคุณก่อน ดังนั้น อาจเริ่มจากการตั้งคำถามถึงเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าอะไรสำคัญที่สุดสำหรับคุณ อาจเริ่มต้นด้วย 20 ลิสต์และตัดให้เหลือสัก 5 ลิสต์

อีกสิ่งที่ควรทำคือ “การสร้างภาพตัวเองที่ดีที่สุด” โดยให้ลองนึกภาพตัวเองในอีก 1 ปีข้างหน้า จากนั้นให้ถามตัวเองด้วยคำถามต่อไปนี้

  • ฉันกำลังทำอะไร?
  • ฉันอยากอยู่กับใคร?
  • ฉันรู้สึกอย่างไร?

โดยแบบฝึกหัดนี้จะแสดงให้คุณเห็นว่าคุณต้องการให้อนาคตของคุณเป็นอย่างไร “โดยปราศจากการตัดสิน” และสร้างแรงบันดาลใจให้คุณเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย

เน้นไปที่เป้าหมายที่เล็กกว่า 

เหตุผลอันดับ 1 ที่คนไม่สามารถไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้ก็คือ เป้าหมาย ใหญ่ หรือ คลุมเครือ เกินไป ดังนั้น ขั้นตอนต่อไปหลังจากตัดสินใจคือ การซอยแบ่งเป้าหมายให้เล็ก ๆ ซึ่งจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายที่ใหญ่กว่านั้น

“ด้วยวิธีนี้ การแก้ปัญหาดูเหมือนจะไม่น่ากลัว และการให้รางวัลตัวเองสำหรับการทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้นให้สำเร็จไปพร้อมกัน จะช่วยให้คุณมีแรงจูงใจอยู่เสมอ”

ตัวอย่างเช่น ตั้งเป้าที่จะหางานใหม่ เราอาจจะแบ่งรายละเอียดที่จะทำ เช่น ตั้งเป้าที่จะแก้ไขประวัติย่อของคุณ อัปเดตโปรไฟล์ LinkedIn ของคุณ และส่งอีเมลไปยังแพลตฟอร์มจัดหางาน อีกสิ่งที่ ขาดไม่ได้ ควรกำหนด ไทม์ไลน์ ว่าคุณต้องการก้าวไปสู่เป้าหมายเมื่อใดและอย่างไร

แชร์เป้าหมายกับเพื่อน

การแบ่งปันเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงตัวเองกับเพื่อนที่เชื่อใจได้จะสามารถช่วยให้คุณมีแรงผลักดัน (แบบมีคู่แข่ง) จดจ่อ ติดตามความก้าวหน้า และเฉลิมฉลองความสำเร็จของกันและกันได้

“มันอาจเป็นเรื่องยากมากที่จะตั้งใจจะทำอะไรด้วยตัวเอง แต่การนำเพื่อนหรือที่ปรึกษามาร่วมการสนทนาสามารถทำให้คุณสนุกและไม่ต้องคิดมาก และไม่ใช่แค่แรงบันดาลใจในการทำเพื่อบรรลุเป้าหมายเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการหาคู่หูและพาพวกเขาไปผจญภัยกับคุณ”

คุณสามารถสร้าง Google Doc ที่ใช้ร่วมกันกับเพื่อได้ โดยที่คุณจดเป้าหมาย กำหนดเวลา แผนงาน และความคิดอื่น ๆ หรือกำหนดเวลาเช็กอินรายเดือนเพื่ออัปเดตความคืบหน้าซึ่งกันและกัน โดยจากการวิจัยของ American Society of Training and Development พบว่าผู้ที่มีเพื่อนร่วมแชร์เป้าหมายจะมีโอกาสสำเร็จได้มากกว่า 65%

จริง ๆ ไม่ใช่แค่การทำงาน แต่สำหรับใครที่พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ ๆ ในแต่ละปีแล้วมักจะไม่สำเร็จ ก็ลองเอาเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ได้ แม้เริ่มต้นอาจลำบากหรือผลลัพธ์ที่ได้จะไม่สมหวัง 100% แต่แค่ชนะใจตัวเองได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว

Source

]]>
1369571