พี่เบิ้ม – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 21 Apr 2021 09:27:01 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 KTC กับความท้าทายปี 2564 ปลุกธุรกิจ “สินเชื่อมีหลักประกัน” สร้างพลังคลื่นใต้น้ำ https://positioningmag.com/1328671 Wed, 21 Apr 2021 09:00:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1328671 เคทีซีเร่งรุกขยายขอบเขตธุรกิจสินเชื่อ หวังสร้างโอกาสสู่ผู้นำธุรกิจสินเชื่อเบ็ดเสร็จครบวงจร เตรียมศึกษาโมเดลธุรกิจใหม่สินเชื่อมีหลักประกันหลังการเข้าถือหุ้นใหญ่เคทีบี ลีสซิ่ง เน้นกำไรโตแบบค่อยเป็นค่อยไป และสานต่อการพัฒนาคนกระชับองค์ความรู้แน่น ให้คนกับเทคโนโลยีทำงานร่วมกัน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความสำเร็จเดียวกัน

ระเฑียร ศรีมงคล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“วิกฤติที่รุนแรงของโควิด-19 และมาตรการต่างๆ ที่ปรับเปลี่ยนต่อเนื่อง เป็นตัวกระตุ้นให้แผนยุทธศาสตร์ของเคทีซีในปี 2564 นี้ ต้องเร่งเปลี่ยนแปลงองค์กรแบบก้าวกระโดด สร้างโอกาสธุรกิจใหม่ให้เคทีซีเติบโตได้มากขึ้นและเร็วขึ้น คู่ขนานไปกับการทำธุรกิจเดิม เน้นทำกำไรแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อสร้างคลื่นใต้น้ำจนเป็นพลังคลื่นลูกใหญ่รับเกมธุรกิจที่ไม่มีวันสิ้นสุด (Infinite Game)

โดยจะมุ่งขยายขอบเขตธุรกิจสินเชื่อมีหลักประกันที่หลากหลาย เพื่อให้เคทีซีเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในตลาดที่ผู้บริโภคมองหา ซึ่งการเข้าถือหุ้นในบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด หรือ เคทีบี ลีสซิ่ง ถึง 75.05% จะทำให้เคทีซีสามารถทำธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่งทุกประเภท ต่อยอดธุรกิจสินเชื่อมีหลักประกันได้อย่างครบวงจร และยังได้ใช้ประโยชน์จากสาขาและฐานลูกค้าที่มีอยู่เดิม โดยบริษัทฯ จะเข้าไปศึกษาระบบในเคทีบี ลีสซิ่ง และคาดว่าจะเริ่มออกแบบโมเดลธุรกิจได้หลังจากผ่านการประชุมผู้ถือหุ้น”

ลุย “เคทีซี พี่เบิ้ม” เต็มสูบ

สำหรับธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ “เคทีซี พี่เบิ้ม” ถึงแม้จะเป็นธุรกิจน้องเล็กที่เพิ่งเข้ามาเมื่อปลายปี2563 แต่เราคาดหวังจะมุ่งขยายตลาดเป็นหลักในปี 2564 ด้วยความที่เป็นสินเชื่อมีหลักประกันซึ่งมีความสี่ยงต่ำ และให้ผลตอบแทนรวดเร็วสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน โดยจะเน้นทำการตลาดผ่านระบบออนไลน์ มีทีมงาน “พี่เบิ้ม Delivery” ติดต่อประสานงานกับลูกค้าเป้าหมายโดยตรง

ktc พี่เบิ้ม

พร้อมแผนขยายพื้นที่ให้บริการไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น เริ่มต้นที่ภาคตะวันออก ภาคเหนือตอนบนและภาคใต้ตอนบน อีกทั้งร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจและธนาคารกรุงไทยขยายฐานสมาชิกและออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ ตลอดจนร่วมมือกับเคทีบี ลีสซิ่ง เพื่อหาโอกาสต่อยอด และสนับสนุนธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถร่วมกัน เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการกลุ่มเป้าหมายและสร้างประสบการณ์ที่ดี ด้วยเป้าหมายยอดสินเชื่อในปี 2564 ประมาณ 1,000 ล้านบาท

บัตรเครดิต สินเชื่อ เป้าโต 8%

ในส่วนของธุรกิจเดิมซึ่งเป็นบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล บริษัทฯ จะมุ่งรักษาคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ที่ดีเน้นรักษาฐานสมาชิกปัจจุบัน ด้วยการสร้างประสบการณ์ที่ดีผ่านกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ รวมทั้งให้ความสำคัญกับระบบปฏิบัติการและระบบไอทีที่มีเสถียรภาพ เพื่อให้สมาชิกเกิดความมั่นใจและได้รับความสะดวก รวดเร็วและปลอดภัยทุกครั้งที่ทำรายการธุรกรรม

โดยกลยุทธ์หลักในการทำตลาดธุรกิจบัตรเครดิต จะยังใช้คะแนน KTC FOREVER ขับเคลื่อนกิจกรรมการตลาด เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการใช้จ่ายผ่านบัตร อีกทั้งรักษาและขยายความแข็งแรงของเครือข่ายพันธมิตรคู่ค้า เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตร และสนับสนุนการเติบโตของพันธมิตรด้วยผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของเคทีซี

เน้นส่งเสริมการตลาดในลักษณะออนไลน์มากขึ้น ตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้บัตรของผู้บริโภคปัจจุบัน ที่เปลี่ยนจากใช้เงินสดมาจ่ายผ่านบัตรเครดิต รวมถึงสร้างคอนเทนต์ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีผ่านช่องทางสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ โดยตั้งเป้าหมายยอดใช้จ่ายในปี 2564 เติบโต 8% หรือประมาณ 210,000 ล้านบาท

สินเชื่อส่วนบุคคล ใช้งานง่าย

ในขณะที่ธุรกิจสินเชื่อบุคคลจะใช้กลยุทธ์การตลาดสร้างความผูกพันกับฐานสมาชิกเดิม วางตัวเป็นบัตรกดเงินสดใบแรกที่ลูกค้านึกถึงเมื่อจำเป็นต้องใช้เงิน โดยออกแคมเปญแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและส่งเสริมให้สมาชิกมีวินัยการชำระเงิน อีกทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้บริการทางออนไลน์มากขึ้น ด้วยจุดเด่น “รูด โอน กด ผ่อน” ภายในบัตรเดียว กับบริการเบิกเงินสดออนไลน์ผ่านแอปฯ “KTC Mobile” 24 ชั่วโมงแบบเรียลไทม์เข้าบัญชีธนาคารได้ถึง 13 ธนาคาร และบริการ

เพิ่มวงเงินฉุกเฉินหรือขอรหัสเบิกถอนเงินสดที่ทำรายการได้เองตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ จะเดินหน้าสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกค้าอย่างยั่งยืน ผ่านการจัดสัมมนาให้ความรู้การเงิน และคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ในรูปแบบของสื่อที่เข้าใจง่าย รวมทั้งเวิร์กช็อป “สัมมนาพารวย” ที่เน้นการนำไปประกอบอาชีพสร้างรายได้เสริม พร้อมคำแนะนำด้านการคำนวณต้นทุนและวิธีหาช่องทางขายเพื่อสร้างรายได้ในอนาคต โดยตั้งเป้ารักษายอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลในปี 2564 ให้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา

คัดกรองเคทีซี พราวมากขึ้น

สำหรับกลยุทธ์การขยายฐานสมาชิกบัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” จะให้ความสำคัญกับการคัดกรองผู้สมัครมากขึ้น เพื่อให้ได้กลุ่มลูกค้าคุณภาพที่ต้องการสินเชื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและมีวินัยทางการเงิน ลดความเสี่ยงจากสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันและอัตราหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง

ผ่าน 4 ช่องทางหลักคือ ธนาคารกรุงไทย ผู้แนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินเคทีซี (อิสระ) ทั่วประเทศ เคทีซี ทัช ทุกสาขาและเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายทางโทรศัพท์ (Telesales) โดยในปี 2564 ตั้งเป้าหมายจำนวนสมาชิกใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา คือ บัตรเครดิต 235,000 ใบ และสมาชิกบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” 135,000 ราย

ในส่วนของการขยายฐานร้านค้ารับบัตรเคทีซี จะเน้นช่องทางออนไลน์มากขึ้น ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร ทั้งธนาคารกรุงไทยและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เพื่อเข้าถึงร้านค้าขนาดกลาง ร้านค้าขนาดเล็กและร้านค้าออนไลน์ รองรับการทำธุรกรรมอีคอมเมิร์ซ และโซเชียล คอมเมิร์ซ รวมถึงเพิ่มช่องทางรับชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน Link Pay และสแกน QR Code ที่ลูกค้าสามารถทำรายการธุรกรรมได้ง่ายด้วยตนเอง รวดเร็วและสะดวกทุกที่ทุกเวลา

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ในองค์กรต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาคนเคทีซีให้เตรียมพร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลงและการขยายธุรกิจที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่งเสริมให้คนทำงานร่วมกับเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อก้าวไปกับองค์กรทุกสถานการณ์ ทั้งเรื่องของดิจิทัล การรีสกิลและอัพสกิลในเนื้องาน โดยพนักงานสามารถเลือกเรียนรู้ได้เองตามความสมัครใจผ่านอีเลิร์นนิ่งและการเข้าคอร์สเรียน

“อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้บริษัทฯ ยังต้องประเมินผลกระทบต่อเนื่องเป็นระยะ โดยคาดว่าสภาพคล่องส่วนเกินในตลาดยังมีอยู่และอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนจัดสัดส่วนเงินกู้ยืมระยะสั้นมากขึ้น และระดมเงินกู้ยืมระยะยาวไม่เกิน 12,000 ล้านบาท ในช่วงอายุที่สั้นลงจากเดิม เพื่อรองรับหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในปี 2564 และการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อบริษัทฯ โดยจะเน้นการบริหารต้นทุนทางการเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้เป็นสำคัญ และบริหารพอร์ตลูกหนี้โดยรวมให้มีคุณภาพที่ดี โดยคาดว่าในปี 2564 บริษัทฯ จะมีอัตราการเติบโตของกำไรในระดับที่ยอมรับได้และดีกว่าปีที่ผ่านมา”

ผลประกอบการเคทีซี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563

  • กำไรสุทธิ 5,332 ล้านบาท
  • เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวมเท่ากับ 90,149 ล้านบาท
  • NPL ต่อเงินให้สินเชื่อรวมเท่ากับ 1.8%
  • ฐานสมาชิกรวม 3.4 ล้านบัญชี แบ่งเป็นธุรกิจบัตรเครดิต 2,575,684 บัตร สินเชื่อลูกหนี้บัตรเครดิตรวม 60,235 ล้านบาท
  • NPL ต่อเงินให้สินเชื่อลูกหนี้บัตรเครดิต 1.3%
  • ธุรกิจสินเชื่อบุคคลมีจำนวนทั้งสิ้น 814,329
  • บัญชียอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลรวม 29,915 ล้านบาท
  • NPL ต่อเงินให้สินเชื่อลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเท่ากับ 2.7%
]]>
1328671
KTC เปิดกำไรครึ่งปี 2,790 ล้านบาท ปรับโมเดลลุยธุรกิจสินเชื่อหวังเติบโตระยะยาว https://positioningmag.com/1288502 Mon, 20 Jul 2020 04:22:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1288502 เคทีซีแจ้งผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2563 กำไรสุทธิครึ่งปีแรกตามมาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS 9 เท่ากับ 2,790 ล้านบาท พอร์ตลูกหนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ 8.3% เล็งส่ง “พี่เบิ้ม” กลุ่มสินเชื่อที่มีหลักประกัน รุกตลาดควบคู่สินเชื่อพิโก้และนาโนไฟแนนซ์ ชิงสร้างโอกาสทางธุรกิจในระยะยาว

ไวรัสทำคนไทยใช้บัตรเครดิตลดลง

ระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคทีซีหรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“การดำเนินงานของเคทีซีในไตรมาสที่ 2 และครึ่งแรกของปี 2563 ยังคงความสามารถในการหารายได้ และการสร้างผลกำไร แม้ว่าการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในช่วงที่มีการระบาดของไวรัส COVID-19 จะส่งผลกระทบกับคุณภาพสินทรัพย์และปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรของบริษัทที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หากเมื่อสถานการณ์โดยทั่วไปดีขึ้นและมีการผ่อนคลายมาตรการลง ผู้บริโภคได้เริ่มปรับตัวกลับมาใช้จ่ายดีขึ้นตามลำดับ

ทำให้ช่วงครึ่งแรกของปี 2563 บริษัทฯ มีปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรลดลง 9.6% คิดเป็นมูลค่ารวม 90,613 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราที่ดีกว่าอุตสาหกรรมในช่วงระยะเวลา 5 เดือน ประกอบกับบริษัทให้ความสำคัญกับการควบคุมค่าใช้จ่ายทางการเงิน และการบริหารคุณภาพพอร์ตลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้รายได้หนี้สูญได้รับคืนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และพอร์ตลูกหนี้ยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น”

บริษัทฯ ประเมินว่าหากเหตุการณ์ระบาดของไวรัส COVID-19 ไม่ส่งผลถึงระดับที่รัฐบาลจำเป็นต้องพิจารณามาตรการที่เข้มข้นมากอีก เชื่อว่าไตรมาสที่สองนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ได้รับผลกระทบด้านคุณภาพสินทรัพย์มากที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว และอาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหากมีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของเชื้อ COVID-19 อีกครั้ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน ความสามารถในการชำระหนี้ หรือการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้

อีกทั้งการประกาศใช้มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของธปท. ในระยะที่ 2 ที่ปรับลดเพดานดอกเบี้ย ทั้งธุรกิจบัตรเครดิต 2% และธุรกิจสินเชื่อบุคคล 3% ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ดังนั้น นักลงทุนไม่ควรนำผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก มาเป็นฐานในการประมาณการผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลัง

ลุยธุรกิจสินเชื่อ

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจัดการจะปรับเปลี่ยนโมเดลทางธุรกิจให้ตอบสนองต่อสภาพการเปลี่ยนแปลงทั้งของเศรษฐกิจ และของอัตราดอกเบี้ยรับที่ลดลง โดยจะให้ความสำคัญกับการขยายตัวของสินเชื่อ “พี่เบิ้ม” ในส่วนที่เป็นสินเชื่อที่มีหลักประกัน อาทิ สินเชื่อจำนำทะเบียนทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ควบคู่กับการขยายสินเชื่อ “พิโก้ ไฟแนนซ์” และ “นาโน ไฟแนนซ์” ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีโอกาสสร้างการเติบโตได้ในระยะยาว”

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ตามมาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS 9 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563

  • กำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรก 2,790 ล้านบาท
  • มีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 เท่ากับ 1,149 ล้านบาท
  • รายได้ดอกเบี้ยรวม (รวมค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน) ครึ่งปีเติบโต 10% หรือคิดเป็นมูลค่า 7,247 ล้านบาท
  • สัดส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อายได้รวม (Cost to Income Ratio) ลดเหลือ 31.0% เนื่องจากการลดกิจกรรมการตลาดในช่วงเวลาดังกล่าว
  • หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวม (NPL) ภายใต้มาตรฐานใหม่ TFRS 9 อยู่ที่ 6.6%
  • เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม (ยอดลูกหนี้การค้ารวม) เท่ากับ 83,486 ล้านบาท
  • ฐานสมาชิกรวม 3.5 ล้านบัญชี (เพิ่มขึ้น 3.8%) แบ่งเป็น พอร์ตสมาชิกบัตรเครดิต 2,605,461 บัตร (เพิ่มขึ้น 8.3%)
  • เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิตและดอกเบี้ยค้างรับรวม (ยอดลูกหนี้บัตรเครดิต) 53,242 ล้านบาท
  • ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเท่ากั90,613 ล้านบาท ลดลง 9.6%
  • NPL บัตรเครดิตตามมาตรฐานใหม่ TFRS 9 อยู่ที่ 5.6%
  • พอร์ตสมาชิกสินเชื่อส่วนบุคคลเคทีซี (รวมสินเชื่อธนวัฏและสินเชื่อเจ้าของกิจการ) เท่ากับ 932,112 บัญชี (ลดลง 7.1%) จากการปิดบัญชีที่ไม่เคลื่อนไหว
  • เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สินเชื่อบุคคลและดอกเบี้ยค้างรับรวม (ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคล) 30,244 ล้านบาท  NPL สินเชื่อบุคคลตามมาตรฐานใหม่ TFRS 9 อยู่ที่ 8.5%

เคทีซีได้ดำเนินการช่วยเหลือด้านสินเชื่อให้กับลูกหนี้ เพื่อสนับสนุนมาตรการของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างเต็มที่และต่อเนื่อง ได้แก่

1. ปรับลดอัตราผ่อนชำระของบัตรเครดิตจากเดิม 10% เหลือ 5% ตั้งแต่เดือนเมษายน 2563-2564 ร้อยละ 8 ในปี 2565 และร้อยละ 10 ในปี 2566 เป็นต้นไป ส่วนลูกหนี้สินเชื่อบุคคล “เคทีซี พราว” (KTC PROUD) ปัจจุบันได้รับอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ 3% ซึ่งอยู่ในแนวทางการให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว

2. ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการระบาดของไวรัส COVID-19 เช่น การเปลี่ยนสินเชื่อเป็นระยะยาว การเลื่อนชำระค่างวดหรือเงินต้น การลดค่างวด เป็นต้น โดยขยายเวลาการให้ความช่วยเหลือไปสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 โดยมีกลุ่มลูกหนี้เข้าร่วมปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้มาตรการช่วยเหลือของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 เท่ากับ 4,000 ราย คิดเป็นมูลค่าหนี้ประมาณ 300 ล้านบาท และมียอดลูกหนี้ที่ขอพักชำระหนี้ 99 ราย และ

3. ปรับลดเพดานดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินใหม่ ตามอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป

]]>
1288502