ภัยพิบัติ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 13 Sep 2023 04:08:35 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘ราคาน้ำมัน’ ไต่ขึ้นสูงสุดอีกครั้ง หลัง ‘ลิเบีย’ เจอน้ำท่วมใหญ่ซึ่งกระทบการ ‘ส่งออกน้ำมัน’ ในกลุ่ม OPEC https://positioningmag.com/1444093 Wed, 13 Sep 2023 01:50:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1444093 เหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของ ลิเบีย เกิดขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่รัสเซียและซาอุดีอาระเบียประกาศขยายระยะเวลาที่จะจำกัดการผลิตน้ำมัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอีก เพราะลิเบียเป็นสมาชิก OPEC และเป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 13 ของโลก

น้ํามันดิบเบรนท์ ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานของโลกพุ่งขึ้นเกือบ 2% เป็นระดับสูงสุดระหว่างวันที่ 92.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นั่นเป็นราคาสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2022 ราคาน้ํามันสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 2.3% สูงถึง 89.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน

สาเหตุที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเป็นเพราะเหตุการณ์ อุทกภัยใหญ่ในลิเบีย หลังจากเจอฝนตกหนักในแถบตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ทําให้ เขื่อนสองแห่งถล่ม จนเกิดน้ำท่วมฉับพลัน โดยมีผู้เสียชีวิตในอุทกภัยครั้งนี้อย่างน้อย 2,000 คน และมีผู้สูญหายกว่า 10,000 คน รวมถึงมีอาคารบ้านเรือนเสียหายนับไม่ถ้วน

ลิเบียเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกโอเปก โดยมีกำลังการผลิตสูงสุด 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน นับเป็นประเทศที่มีการส่งออกน้ำมันมากที่สุดอันดับ 13 ของโลก ซึ่งอุทกภัยนี้จะขัดขวางการส่งออกน้ำมันจากกลุ่มประเทศโอเปกชั่วคราว ขณะที่ก่อนหน้านี้ ซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ํามันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลกจับมือกันขยายเวลาที่จะ ลดกำลังการผลิตน้ำมันเหลือ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ยาวถึงสิ้นปีเป็นอย่างน้อย

“ลิเบียมีท่าเรือหลายแห่งที่ไม่สามารถส่งออกได้ มันเป็นอีกสิ่งหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ํามันดิบพุ่งสูงขึ้น” แมตต์ สมิธ หัวหน้านักวิเคราะห์น้ํามันสําหรับอเมริกาที่ Kpler กล่าว

สำหรับเหตุการณ์อุทกภัยของลิเบียครั้งนี้ นับเป็น หายนะครั้งใหญ่ของประเทศ โดยลิเบียกําลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยโรงพยาบาลใน Derna ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไปและห้องเก็บศพก็เต็มจนทำให้ร่างผู้เสียชีวิตถูกทิ้งไว้นอกห้องเก็บศพบนทางเท้า

Source

]]>
1444093
ปี 2023 ‘สหรัฐฯ’ ประสบภัยพิบัติรวม 23 ครั้ง เสียหายกว่า 5.76 หมื่นล้านดอลลาร์ หนักสุดเป็นประวัติการณ์ https://positioningmag.com/1444068 Tue, 12 Sep 2023 07:55:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1444068 หนึ่งในสิ่งที่ทำให้นานาประเทศทั่วโลกหันมาเร่งฟื้นฟูสภาพอากาศทั่วโลกก็เพราะ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่เริ่มเกิดมากขึ้นทั่วโลกซึ่งเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน แต่ประเทศที่ประสบภัยพิบัติมากที่สุดก็ในเวลานี้ก็คือ สหรัฐฯ ซึ่งสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจในระดับสูงมากกว่าพื้นที่ใดในโลก

ตามรายงานที่เผยแพร่โดยรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ในปี 2023 นี้ ประเทศได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติถึง 23 ครั้ง ซึ่งเป็นจํานวนสูงสุดนับตั้งแต่ องค์การบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ หรือ NOAA (โนอา) เริ่มเก็บบันทึกในปี 1980 โดยสถิติสูงสุดที่ได้รับการบันทึกไว้คือ 22 ครั้ง ในปี 2020 ซึ่งได้ถูกทำลายลงภายใน 3 ปี และแต่ละเหตุการณ์สร้างความเสียหายเป็นพันล้านดอลลาร์ขึ้นไป

สำหรับภัยพิบัติ 23 ครั้งในปีนี้ ได้สร้างความเสียหายให้กับสหรัฐฯ มากกว่า 5.76 หมื่นล้านดอลลาร์ และคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 253 คน ตามรายงานของ NOAA โดยหนึ่งในภัยพิบัติที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 10 ปีก็คือ ไฟป่าฮาวาย ที่ทําลายล้างพื้นที่แถบ West Maui, Hawaii ในเดือนสิงหาคม คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 115 คนและสร้างความเสียหายประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์ และในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา พายุเฮอริเคนอิดาเลีย ได้พัดถล่มชายฝั่งบิ๊กเบนด์ของฟลอริดา ซึ่งเป็น พายุเฮอริเคนที่แรงที่สุดที่พัดถล่มภูมิภาคนี้ในรอบ 125 ปี 

ทั้งนี้ จํานวนภัยพิบัติจากสภาพอากาศที่สร้างความเสียหายหลักหลายพันล้านดอลลาร์ได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1980 โดยเฉลี่ยแล้ว นับตั้งแต่ปี 1980-2022 มีภัยพิบัติใหญ่เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 8 ครั้งทุกปี แต่หากนับเฉลาะแค่ช่วง 5 ปีล่าสุด มีภัยพิบัติขนาดใหญ่เฉลี่ย 18 ครั้งต่อปี ตามข้อมูลของ NOAA

หนึ่งในสิ่งที่ชาวอเมริกันกังวลก็คือ สํานักงานจัดการเหตุฉุกเฉินของรัฐบาลกลาง หรือ FEMA จะมีเงินเหลือเพียงพอที่จะตอบสนองอย่างเพียงพอเมื่อฤดูพายุเฮอริเคนเข้าสู่จุดสูงสุดหรือไม่ โดย Deanne Criswell ผู้บริหาร FEMA กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า กองทุนมีเงินลดลงเหลือเพียง 3.4 พันล้านดอลลาร์ ทําให้หน่วยงานต้องมุ่งเน้นไปที่ความต้องการเร่งด่วนของผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าเมาอิ, พายุเฮอริเคนอิดาเลีย และภัยพิบัติอื่น ๆ ที่อาจโจมตีในระยะเวลาอันใกล้นี้

“กองทุนภัยพิบัติจะเข้าสู่สีแดงภายในกลางเดือนนี้ในกรณีที่ไม่มีเงินมาช่วยเหลือเพิ่มเติม” 

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี โจ ไบเดนได้ขอให้สภาคองเกรสเพิ่มงบจำนวน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนกองทุน

Source

]]>
1444068
ไม่ใช่แค่ไทย! ราคาอาหารโลกขึ้น 30% ใน 1 ปี เหตุจากภัยพิบัติ การขาดแรงงาน และต้นทุน https://positioningmag.com/1360801 Mon, 08 Nov 2021 04:52:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1360801 ผลพวงจากปัญหาน้ำท่วมในหลายจังหวัดของประเทศไทย ส่งผลให้ ‘ผัก’ ราคาพุ่งสูงขึ้น ที่เห็นหลัก ๆ คงจะเป็น ‘ผักชี’ ที่ราคาเคยแตะถึง 400 บาท/กิโลกรัม จากเมื่อต้นปีราคาไม่เกิน 100 บาท/กิโลกรัม และหากมองภาพรวมทั่วโลกก็พบว่าไม่ใช่แค่ไทย แต่ในปีนี้ราคาอาหารแพงขึ้น 30% ถือว่าสูงสุดในรอบ 10 ปีเลยทีเดียว

ราคาอาหารทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนตุลาคม โดยเพิ่มขึ้น 3% จากเดือนกันยายน ตามดัชนีที่เผยแพร่โดยองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ซึ่งเกิดจากแรงหนุนจากราคาน้ำมันพืชและข้าวสาลีที่พุ่งสูงขึ้น และหากดูภาพรวมทั้งปีพบว่า ราคาอาหารโลกพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่าทศวรรษ โดยพุ่งสูงขึ้นถึง 30% ในปีนี้ และอยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2554

ราคาน้ำมันปาล์ม ถั่วเหลือง ดอกทานตะวัน และน้ำมันเรพซีดที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ดัชนีราคาผักของ FAO เพิ่มขึ้น 9.6% ซึ่งปัญหาวัตถุดิบราคาแพงเกิดปัญหาการเก็บเกี่ยววัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภัยพิบัติที่ส่งผลต่อผลผลิต การขาดแคลนแรงงาน และต้นทุนที่สูงขึ้น อย่างราคาน้ำมันปาล์มพุ่งขึ้นจากความกังวลเกี่ยวกับการผลิตที่ชะลอตัวในมาเลเซียเนื่องจากการขาดแคลนแรงงานข้ามชาติ

ซูเปอร์มาร์เก็ตในประเทศเศรษฐกิจหลักบางแห่งพยายามดิ้นรนเพื่อให้ชั้นวางสินค้ามีสินค้าเพียงพอในช่วงการระบาดใหญ่ อย่างในสหราชอาณาจักร กำลังเผชิญปัญหาการขาดแคลนแรงงานรุนแรงขึ้นจาก Brexit ขณะที่เชนฟาสต์ฟู้ดบางรายจำต้องถอดรายการเมนูยอดนิยมออกเนื่องจากการขาดแคลนวัตถุดิบ

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ของจีนเองได้ออกมาประกาศให้หน่วยงานท้องถิ่นตรวจสอบให้แน่ใจว่าพลเมืองของตนมี “สิ่งของจำเป็นที่เพียงพอ” ในฤดูหนาวนี้ และพยายามตรึงราคาอาหารให้คงที่

ทั้งนี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาหารที่สูงขึ้นนำไปสู่ต้นทุนที่สูงขึ้นสำหรับบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งบางบริษัทได้ส่งต่อการขึ้นราคาไปยังผู้ซื้อ Unilever ( UL ) , Kraft Heinz ( KHC ) และ Mondelez ( MDLZ ) ได้ปรับราคาสินค้ายอดนิยมทั้งหมดขึ้น

Source

]]>
1360801
เกษตรกรปวดใจ “ออสเตรเลีย” เสี่ยงขาดแคลนผลิตภัณฑ์นม หลังปศุสัตว์ตายจากไฟป่า https://positioningmag.com/1259621 Tue, 07 Jan 2020 09:29:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1259621 วิกฤตไฟป่าในออสเตรเลียยังส่งผลกระทบต่อเนื่อง เเละกำลังสร้างความเจ็บปวดให้เกษตรกรมากขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรม “โคนม” ที่หลังจากเผชิญภัยเเล้งมากกว่า 3 ปี ยังต้องมาเจอการล้มตายของปศุสัตว์จำนวนมาก

ออสเตรเลียต้องต่อสู้กับไฟป่าในบริเวณรัฐนิวเซาท์เวลส์ กิปส์แลนด์เเละวิคตอเรีย มาตลอดหลายสัปดาห์ โดยไฟป่าได้ลุกลามไปเเล้วกว่า 15 ล้านเอเคอร์ มีผู้ชีวิตราว 24 ราย วัว แกะและม้าหลายพันตัวต้องตายในเปลวไฟ ขณะที่เกษตรกรบางคนถูกบังคับให้ต้องฆ่าสัตว์อีกนับร้อยตัวด้วย

ออสเตรเลีย เป็นประเทศผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่อันดับ 7 ของโลกโดยมีตลาดหลักในเอเชีย ส่งออกผลิตภัณฑ์นมสด เนยและชีส รวมถึงนมผง โดย “โคนม” นับเป็นอุตสาหกรรมในชนบทที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศ มีมูลค่า 3.3 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ตามตัวเลขของรัฐบาล

แม้ก่อนหน้านี้จะไม่มีภัยจากไฟป่า เเต่การผลิตนมของออสเตรเลียก็ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 22 ปี จากปัญหาภัยเเล้งที่ยาวนาน

Robert Miller เจ้าของฟาร์มโคนมที่ได้รับผลกระทบ เปิดเผยกับ ABC ว่า “เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมทุกรายในพื้นที่ไฟป่ากำลังทุกข์ทรมาน เรามีปัญหาการขาดแคลนนมและสถานการณ์จะแย่ลงเรื่อยๆ เศรษฐกิจในชนบททั้งหมดกำลังได้รับผลกระทบอย่างมาก”

เขารักษาชีวิตเเม่วัวได้ส่วนหนึ่ง เเต่น่าเศร้าที่สัตว์ในฟาร์มของเขาต้องตายไปกว่า 200 ตัว “มันเป็นเรื่องของอารมณ์เเละความเครียดที่ต้องรับมือกับไฟป่าที่ไหม้บ้านตัวเอง เเละยังต้องเห็นสัตว์เลี้ยงล้มตาย…มันเป็นเหมือนส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของเรา”

Miller ยังกล่าวถึงผลกระทบจากการปิดถนนที่ทำให้เกษตรกรหาอาหารให้สัตว์ที่รอดชีวิตมาได้ยาก ซึ่งต้องรอรถบรรทุกขนส่งเข้ามา แต่ก็เสี่ยงเพราะไฟป่าอันตรายเกินไปที่จะนำหญ้าแห้งเข้าไปในพื้นที่ ส่วนทุ่งหญ้าธรรมชาติก็ถูกไฟไหม้หมดเเล้ว เเละจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างเร่งด่วน ซึ่งเเม้พวกเขาจะเข้าถึงสินเชื่อได้ เเต่ก็อยู่ในภาวะขาดเงินทุนอย่างหนัก

“เราไม่มีเงินสดสำรองไว้เลย เพราะต้องเจอภัยเเล้งมานาน” เกษตรกรหลายคนกำลังดิ้นรนเพื่อให้ได้อาหารสัตว์เลี้ยงซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทั้งการผลิตนมและการผสมพันธุ์สัตว์

นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย Scott Morrison กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ปศุสัตว์ตายเกือบ 4,000 ตัวเเล้วจากเหตุไฟป่าครั้งนี้

ด้าน Bega Cheese บริษัทแปรรูปผลิตภัณฑ์จากนมรายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียเปิดเผยว่า ไฟป่าไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อโรงงานผลิต แต่ส่งผลกระทบต่อซัพพลายเออร์หลายราย โดยหุ้น Bega ลดลงถึง 10% ในวันจันทร์ที่ผ่านมา

“ เรากำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับซัพพลายเออร์ฟาร์มโคนมและผู้ให้บริการขนส่งสินค้าเพื่อให้มั่นใจว่าสามารถจัดส่งและแปรรูปนมได้” ผู้บริหาร Bega Cheese กล่าว

 

ที่มา :  Reuters , ABC

 

]]>
1259621