มอเตอร์เวย์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 28 Oct 2021 07:36:40 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ทดสอบ M-Flow มอเตอร์เวย์ 29 ต.ค. ค้างจ่ายได้ 2 วัน เบี้ยวจ่ายเกิน 12 วัน ปรับหนัก 5,530 บาท https://positioningmag.com/1358974 Thu, 28 Oct 2021 07:07:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1358974 มอเตอร์เวย์สาย 9 พร้อมทดสอบ M-Flow 29 ต.ค.นำร่อง 4 ด่าน เปิดลงทะเบียนผูกทะเบียนรถ อัดแคมเปญ 1 แสนสิทธิ์แรกวิ่งฟรี 2 เที่ยว เผยค้างจ่ายเกิน 2 วันปรับ 2 เท่า กรณีไม่เป็นสมาชิกปรับหนัก 10 เท่าเกิน 12 วัน เจอผิด พ.ร.บ.ทางหลวงปรับสูงสุด 5,000 บาท

ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุม ติดตามและเร่งรัดการพัฒนาและการเปิดให้บริการการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น (M-Flow) ของกรมทางหลวง (ทล.) และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ว่า กรมทางหลวง ได้ดำเนินการพัฒนาระบบจัดเก็บบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 (ด่านทับช้าง 1, 2 และด่านธัญบุรี 1, 2) เพื่อแก้ไขปัญหารถติดขัดหน้าด่าน โดยวางระบบให้สามารถบูรณาการกับ กทพ.ที่มีการพัฒนาระบบ M-Flow ให้เป็นรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน (Single Platform System) โดยด้านเทคนิคและระบบ IT ได้ติดตั้งอุปกรณ์เสร็จแล้ว การอ่านป้ายทะเบียนระบบ AI ของ M-Flow มีความแม่นยำ 98.94% จึงมีความพร้อมช่องทางเก็บเงินค่าผ่านทาง ขั้นตอนการลงทะเบียน และการบริหารจัดการสมาชิก

และมีการพัฒนาระบบลงทะเบียนผ่าน Website/Mobile Application ระบบเชื่อมต่อกับระบบการชำระเงินออนไลน์ (Payment Gateway) ระบบเชื่อมต่อข้อมูลกับจุดให้บริการชำระเงิน Counter Service เสร็จแล้ว ซึ่ง ทล.จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนสมัครสมาชิกและร่วมทดสอบเสมือนจริง (Soft Opening) ในวันที่ 29 ต.ค. 2564 เวลา 09.00 น. และจะเปิดให้บริการระบบ M-flow ภายในต้นปี 2565

เปิดขั้นตอนลงทะเบียน 29 ต.ค. 64

สำหรับขั้นตอนลงทะเบียนนั้น ทล.เตรียมแนะนำการลงทะเบียนการใช้บริการด้วยตนเองผ่านรูปแบบ VTR Motion Register และ Infographic โดยเน้นเนื้อหาการแนะนำระบบ M-Flow ขั้นตอนการลงทะเบียน ช่องทางการลงทะเบียน รูปแบบการชำระเงิน การบังคับใช้กฎหมาย ด่านนำร่อง เป็นต้น

ทล.ได้จัดแคมเปญสำหรับผู้ที่สมัครใช้ M-Flow ได้ฟรี 2 เที่ยว สำหรับจำนวน 100,000 สิทธิ์แรกแบ่งเป็น รถยนต์ 4 ล้อ 80,000 สิทธิ์ รถยนต์ 6 ล้อ 10,000 สิทธิ์ และรถยนต์มากกว่า 6 ล้อ 10,000 สิทธิ์ (1 USER ต่อ 1 สิทธิ์) ที่ลงทะเบียนในวันที่ 29 ต.ค. 2564-31 มี.ค. 2565 โดยสิทธิ์ดังกล่าวจะใช้เมื่อเปิดบริการ M-Flow เต็มรูปแบบ

ส่วนวิธีการและรูปแบบการชำระค่าธรรมเนียมของ M-Flow มีหลากหลายเพื่อความสะดวก ทั้งชำระเป็นรายครั้ง ผ่านบัตรเครดิต/บัตรเดบิต/ผ่านบัญชีธนาคาร/ตัดจาก M-PASS หรือ Easy Pass/ชำระผ่านบาร์โค้ดหรือคิวอาร์โค้ด/เคาน์เตอร์ธนาคาร/เคาน์เตอร์เซอร์วิส (7-11) โมบายล์แบงกิ้งทุกธนาคาร ฯลฯ หรือชำระเป็นรอบบิล ทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน ผ่านบัตรเครดิต/บัตรเดบิต/บัญชีธนาคาร

ค้างจ่ายได้ 2 วัน เบี้ยวจ่ายเกิน 12 วันโดนปรับหนัก 5,530 บาท

ธนศักดิ์ วงศ์ธนากิจเจริญ ผู้อำนวยการกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ทล. กล่าวว่า เมื่อมีการใช้บริการจะมีระยะเวลาการจ่ายค่าธรรมเนียมภายใน 2 วัน หลังจากใช้บริการกรณีจ่ายเป็นรายเที่ยว หรือ หลังได้รับบิลเรียกเก็บค่าผ่านทางกรณีจ่ายตามรอบบิล ทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน โดยหากไม่ชำระตามกำหนดจะมีค่าปรับ ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ สำหรับสมาชิก M-Flow ประเภทรถ 4 ล้อ ค่าผ่านทาง 30 บาท กรณีค้างชำระเลย 2 วันแต่ไม่เกิน 12 วัน มีค่าผ่านทาง 30 บาท บวกค่าเสียหาย 2 เท่า คือ 60 บาท รวมต้องชำระ 90 บาท

กรณีค้างชำระเกิน 12 วัน มีค่าผ่านทาง 30 บาท บวกค่าเสียหาย 2 เท่า คือ 60 บาท บวกค่าปรับ 10 เท่า คือ 300 บาท บวกค่าปรับอีก 200 บาท (ซึ่งเป็นค่าปรับตาม พ.ร.บ.กำหนดค่าธรรมเนียมฯ) รวมเงินต้องชำระ 590 บาท

หากไม่ได้เป็นสมาชิก M-Flow ประเภทรถ 4 ล้อ ค่าผ่านทาง 30 บาท กรณีค้างชำระเลย 2 วันแต่ไม่เกิน 12 วัน มีค่าผ่านทาง 30 บาท บวกค่าปรับ 10 เท่า คือ 300 บาท รวมต้องชำระ 90 บาท กรณีค้างชำระเกิน 12 วันจะมีค่าปรับสูงสุดถึง 5,530 บาท ประกอบด้วย ค่าผ่านทาง 30 บาท บวกค่าปรับ 10 เท่า คือ 300 บาท บวกค่าปรับอีก 200 บาท (ค่าปรับตาม พ.ร.บ.กำหนดค่าธรรมเนียมฯ) และบวกค่าปรับ ตาม พ.ร.บ.ทางหลวง ปรับสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท ในกรณีฝ่าฝืนป้ายบังคับ เหตุเข้าใช้ช่องทาง M-Flow โดยไม่ได้เป็นสมาชิก ซึ่งอัตราค่าปรับส่วนนี้เป็นอำนาจตำรวจทางหลวง

]]>
1358974
คืนความสุข! ของขวัญปีใหม่ 64 ฟรีมอเตอร์เวย์-ทางด่วน-เรือข้ามฟาก-ลานจอดรถ MRT-สนามบิน https://positioningmag.com/1309934 Sun, 13 Dec 2020 15:48:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1309934 “ศักดิ์สยาม” เช็กความพร้อม “โครงการของขวัญปี 64” เตรียมรายงาน ครม. เผยคมนาคม จัดเต็มทุกมิติ “มอเตอร์เวย์-ทางด่วน” ฟรี 6 วัน รถไฟฟ้า MRT แอร์พอร์ตลิงก์ให้บริการถึงตี 2 “สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-ภูเก็ต” ให้จอดรถฟรี

ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้ประชุมหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมติดตามการเตรียมโครงการของขวัญปีใหม่ 2564 ของกระทรวงคมนาคม เพื่อจะรายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 15 ธ.ค. 2563 โดยจะมีการดำเนินการในช่วงการเดินทางของประชาชนช่วงวันที่ 30 ธ.ค. 2563 – 4 ม.ค. 2564

ฟรี “มอเตอร์เวย์-ทางด่วน” รวม 6 วัน

โดยมี 2 ประเภท คือ การบริการฟรี หรือให้ส่วนลดค่าบริการ ได้แก่

  • กรมทางหลวง (ทล.) จะยกเว้นจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-ชลบุรี) และหมายเลข 9 วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ตอนบางปะอิน-บางพลี และ ตอนพระประแดง-บางแค ช่วงพระประแดง-ต่างระดับบางขุนเทียน ตั้งแต่เวลา 00.01 น.ของวันที่ 30 ธ.ค. 2563 – เวลา 24.00 น. ของวันที่ 4 ม.ค. 2564
  • การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ยกเว้นจัดเก็บค่าผ่านทาง ทางพิเศษสายบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 30 ธ.ค. 2563 – เวลา 24.00 น. ของวันที่ 4 ม.ค. 2564

นอกจากนั้น กทพ. จะยกเว้นจัดเก็บค่าผ่านทาง 3 เส้นทาง คือ ทางพิเศษเฉลิมรัชมงคล (ทางด่วนขั้นที่ 1) ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) และทางพิเศษอุดรรัถยา (บางปะอิน-ปากเกร็ด) ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 31 ธ.ค. 2563 – เวลา 24.00 น.ของวันที่ 1 ม.ค. 2564

เรือข้ามฟากก็ฟรี

กรมเจ้าท่า (จท.) ให้บริการ “เรือข้ามฟาก” ฟรี จากท่าเรือคลองสาน – ท่าเรือกรมเจ้าท่า ซึ่งเริ่มให้บริการ ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 5 ม.ค. 2564 วันละ 3 ช่วงเวลา คือ ช่วงเวลา 06.30 น. – 08.30 น., เวลา 11.30 น. – 13.30 น. และ 16.30 น. – 18.30 น.

Photo : Shutterstock

องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดรถรับส่งประชาชนเพื่อสวดมนต์ข้ามปี ในวันที่ 31 ธ.ค. 2563 – 1 ม.ค. 2564 โดยจะขยายเวลาให้บริการถึง 02.00 น. เฉพาะพื้นที่จัดงานเคานต์ดาวน์ และบริเวณท้องสนามหลวง

บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จัดบริการรถ Shuttle Bus ให้บริการฟรี ระหว่างสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) กับสถานีรถไฟฟ้า BTS และกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) วันที่ 29 – 31 ธ.ค. 2563

สนามบินสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-ภูเก็ต จอดรถฟรี

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ยกเว้นค่าบริการจอดรถท่าอากาศยาน 3 แห่ง ได้แก่

  • ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยกเว้นอัตราค่าบริการจอดรถยนต์ ณ ลานจอดรถยนต์ระยะยาว โซน C ซึ่งรองรับรถยนต์ได้จำนวน 600 คัน ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 2563 จนถึงวันที่ 4 ม.ค. 2564 รวม 7 วัน โดยจัดรถ Shuttle Bus บริการภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปยังอาคารต่างๆ ตลอด 24 ชม.
  • ท่าอากาศยานดอนเมือง ยกเว้นอัตราค่าบริการจอดรถยนต์ บริเวณอาคารจอดรถ 5 ชั้น (เฉพาะชั้น 2) รองรับได้ 120 คัน ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 2563 จนถึงวันที่ 4 ม.ค. 2564
  • ท่าอากาศยานภูเก็ต ยกเว้นอัตราค่าบริการจอดรถยนต์ ณ อาคาร X-Terminal ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 2563 จนถึงวันที่ 4 ม.ค. 2564

รถไฟฟ้าขยายเวลาคืนข้ามปี วิ่งถึงตี 2

โครงการขยายเวลาให้บริการและอำนวยความสะดวก ได้แก่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ขยายเวลาให้บริการ รถไฟฟ้า MRT สายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) และสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ช่วงเตาปูน-บางใหญ่ (สถานีคลองบางไผ่) ข้ามปี ตั้งแต่เวลา 05.30 น. ของวันที่ 31 ธ.ค. 2563 – เวลา 02.00 น. ของวันที่ 1 ม.ค. 2564 และขยายบริการอาคารจอดแล้วจร และลานจอดรถ MRT ทั้ง 2 สาย ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันที่ 31 ธ.ค. 2563 – เวลา 03.00 น. ของวันที่ 1 ม.ค. 2564

Photo : Shutterstock

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ขยายเวลาให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ตั้งแต่เวลา 05.30 น. ของวันที่ 31 ธ.ค. 2563 – เวลา 02.00 น. ของวันที่ 1 ม.ค. 2564

ส่งความสุข ทุกโหมดการเดินทาง

นอกจากนี้ แต่ละหน่วยงานยังมีการจัดโครงการเพื่อเป็นการส่งมอบความสุขให้ประชาชนในช่วงปีใหม่ในรูปแบบต่างๆ เช่น กรมเจ้าท่าจัดโครงการ “เจ้าท่าพาล่องเจ้าพระยา สวดมนต์ภาวนาข้ามปี” ครั้งที่ 5 วันที่ 31 ธ.ค. 2563 สามารถรองรับประชาชนได้ประมาณ 500 คน

การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีมาตรการใหม่ โดยจัดกระเป๋าส่งความสุข (ขนาดใหญ่) จำนวน 10,000 ใบ ณ สถานีหัวลำโพง ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 2563

รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์มอบของขวัญแก่ผู้โดยสาร โดยแจกสเปรย์แอลกอฮอล์ 1,500 ชิ้น ตั้งแต่เวลา 13.00 น. – 16.00 น. ในวันที่ 25 ธ.ค. 2563 และในวันที่ 1 ม.ค. 2564 แจกที่รองแก้วน้ำ 1,000 ชิ้น (ที่ประตูทางออกทุกสถานี ตั้งแต่เวลา 05.30 น. จนกว่าของจะหมด)

รฟม. ปรับลดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานครเหลือ 12 – 20 บาท และเมื่อเดินทางต่อเนื่องทั้งสายสีม่วงจะมีอัตราค่าโดยสารสูงสุด 48 บาท ระหว่างวันที่ 1 – 31 ธ.ค. 63 สายสีม่วง ค่าโดยสารสูงสุด 20 บาท (14 – 20 บาท) เมื่อเดินทางต่อเนื่องทั้งสายเฉลิมรัชธรรม (สายสีน้ำเงิน) และสายสีม่วง ค่าโดยสารสูงสุด 48 บาท วันที่ 1 – 31 ธ.ค. 63

ส่วน บขส.มีโครงการ “คุ้มครองทั่วไทย คุ้มใจให้สุข” โดยมอบวัตถุมงคลจำนวน 999 เหรียญ แก่ผู้โดยสารที่ใช้บริการสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร)

สำหรับ ทอท. ได้จัดโครงการ “พาน้ำพริกกลับบ้าน” เฉพาะที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ โดยจัดเตรียมภาชนะขนาดปริมาตรบรรจุไม่เกิน 100 มิลลิลิตร เพื่อให้บริการผู้โดยสารที่นำอาหารพื้นบ้านที่อยู่ในภาชนะที่ไม่ได้มาตรฐานหรือมีขนาดเกิน 100 มิลลิลิตร ให้สามารถนำเข้าไปยังเครื่องบินได้ ตั้งแต่วันที่ 1 – 3 ม.ค. 2564

ด้านการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) จัดให้มีจุดบริการประชาชน บริการน้ำดื่ม ชากาแฟ ผ้าเย็น สำหรับผู้มาติดต่อที่ท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบัง สำนักท่าเรือภูมิภาค ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน ท่าเรือระนอง

สำหรับบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) ได้อำนวยความสะดวกด้านข้อมูลสภาพการจราจรทางอากาศและข่าวสารของเครื่องบินแก่ผู้ใช้บริการ รวมทั้งเผยแพร่สื่อในการรณรงค์ความสะดวก ปลอดภัย รองรับการเดินทางในทุกช่องทาง

Source

]]>
1309934
เตรียมใช้ M-Flow โละไม้กั้นมอเตอร์เวย์-ทางด่วน รื้อระบบเก็บเงินค่าผ่านทาง ก.พ. 64 https://positioningmag.com/1309334 Mon, 07 Dec 2020 05:51:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1309334 อีกไม่นานจะได้ใช้มอเตอร์เวย์และทางด่วนที่ไม่มีไม้กั้น หรือ M-Flow กันแล้ว เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณหน้าเก็บค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์และทางด่วน ซึ่งผลพลอยได้ที่ตามมา จะช่วยลดปริมาณฝุ่นพิษ PM2.5 ไปด้วยนั้น

โดยล่าสุดกรมทางหลวงได้เริ่มงานติดตั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานของระบบ M-Flow ไปแล้ว โดยจะนำร่องบนถนนมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 สายวงแหวนรอบนอกด้านตะวันออกจำนวน 4 ด่าน ได้แก่ ด่านทับช้าง 1 ด่านทับช้าง 2 ด่านธัญบุรี 1 และด่านธัญบุรี 2 ช่วงต้นปี 2564

ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเป็นสมาชิกระบบ M-Flow ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ และผ่านเว็บไซต์ของ ทล.ได้ช่วงปลายเดือน ธ.ค. 2563 เป็นการการันตีว่ามีของใหม่ให้ใช้แน่นอน

โดยในช่วงทดลองระบบนั้น จะเป็นการทดสอบระบบเสมือนจริงประมาณกลางเดือน ม.ค. 2564 ทั้งนี้ เพื่อเช็กความพร้อมทั้งในส่วนของผู้ลงทะเบียน และความพร้อมในการทำงานของระบบหลังบ้านทั้งหมดว่ามีการเชื่อมโยงข้อมูลกันถูกต้องหรือไม่

“คาดว่าจะเริ่มมีการทดสอบระบบประมาณ 1 เดือน ซึ่งในช่วงทดลองระบบนั้น ประชาชนที่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก M-Flow แล้ว เมื่อเข้าใช้มอเตอร์เวย์สาย 9 ระบบกล้องจะมีตรวจบันทึกป้ายทะเบียนรถแล้วจะแจ้งเตือนข้อมูลการใช้ เข้าไปในมือถือของสมาชิก แต่จะยังไม่มีการเก็บเงินค่าผ่านทางจากผู้ใช้ทาง โดยยังคงให้ชำระค่าผ่านทางตามวิธีเดิม คือ จ่ายเงินสด หรือ ผ่านบัตร M-Pass หรือ Easy Pass”

ช่องทางชำระเงินหลากหลาย

“ปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล” ผู้อำนวยการกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรมทางหลวง กล่าวว่า หลังทดสอบระบบประมาณ 1 เดือนแล้ว จะเข้าสู่ช่วงแรกในการใช้งานระบบ M-Flow คาดว่าจะประมาณปลายเดือน ก.พ. 2564

โดยจะเปิดให้ชำระค่าผ่านทางได้หลายช่องทาง ทั้งหักผ่านบัญชีธนาคาร สแกนคิวอาร์โค้ด บัตรเครดิต และเดบิต หักผ่านบัตร M-Pass หรือ Easy Pass จ่ายผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส หรือชำระตามรอบบิล ซึ่งสามารถตรวจสอบการใช้งานผ่านแอปฯ หรือเว็บไซต์ได้

ทางด่วน

ส่วนบริเวณด่านที่จะให้บริการระบบ M-Flow นั้น จะยกไม้กั้นออกและมีการแบ่งช่องทางให้ชัดเจน สำหรับรถใช้ระบบ M-Flow เพื่อให้สามารถวิ่งผ่านไปได้โดยไม่ต้องชะลอ

ส่วนรถที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก จะแบ่งช่องทางทางด้านซ้ายของด่านส่วนหนึ่ง ไว้ให้วิ่งผ่าน โดยยังให้ชำระค่าผ่านทางในรูปแบบเดิมได้ คือ เงินสด /บัตร M-Pass / Easy Pass

ทั้งนี้ ตามแผนงานจะส่งเสริมให้ประชาชนโหลดแอปฯ และลงทะเบียนเป็นสมาชิก เพื่อระบุตัวตนผูกกับระบบ M-Flow ให้มากที่สุด โดยจะใช้เวลาในการประเมินผลประมาณ 5-6 เดือน เพื่อแก้ไขปัญหา อุปสรรคในทุกด้าน ทั้งความเสถียรของระบบ การชำระเงิน

ซึ่งปลัดคมนาคมให้แนวคิดต่อกรมทางหลวงในการตั้ง KPI เพื่อประเมินผลการใช้งาน เพื่อประกอบการพิจารณาเดินหน้าขยายการใช้งานในระยะต่อไป เนื่องจากคาดว่าอาจจะมีโอกาสที่รถยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิกเข้าไปใช้ระบบ M-Flow ดังนั้น จะต้องประเมินว่า ระบบการตรวจสอบและติดตาม จะสามารถรองรับได้แค่ไหน โดยเบื้องต้นออกแบบระบบให้ค้างชำระค่าผ่านทางได้ 2 วัน

ทุ่มงบ 340 ล้าน “ติดตั้งระบบ-ถอดไม้กั้น-จ้าง Outsource บริหารจัดการ”

กรมทางหลวง จะมีการลงทุน 4 ส่วน ได้แก่

1. ติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานของระบบ M-Flow (M-Flow System Infrastructure) บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 วงเงินประมาณ 180 ล้านบาท ซึ่งจะเป็น Back Office ระบบหลัก โดยผู้รับจ้างเริ่มงานมาตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย. 2563 ซึ่งคาดว่าจะพร้อมสำหรับการเปิดให้ประชาชนโหลดแอปฯ และลงทะเบียนเป็นสมาชิกในปลายเดือน ธ.ค.นี้

2. ติดตั้งระบบกล้องตรวจจับป้ายทะเบียนอัตโนมัติ และจ้างบริหารจัดการระบบ วงเงิน 120 ล้านบาท ซึ่งประมูลจัดซื้อจัดจ้างแล้ว อยู่ระหว่างที่อัยการตรวจร่างสัญญา คาดว่าจะลนามสัญญากับผู้รับจ้างได้ภายในเดือน ธ.ค.นี้

ซึ่งจะเป็นการจ้าง Outsource สัญญาปีต่อปี ดำเนินการติดตั้งกล้องจับป้ายทะเบียน ติดระบบเซ็นเซอร์ ที่ด่านทับช้าง 1 ด่านทับช้าง 2 ด่านธัญบุรี 1 และด่านธัญบุรี 2 พร้อมจ้างบริหารจัดการระบบ และมีหน้าที่ในการแจ้งบิลค่าผ่านทาง เรียกเก็บไปยังผู้ใช้ทาง ติดตามทวงหนี้ หรือเป็น Customer Service ของระบบ M-Flow นั่นเอง

3.ติดตั้งโครงสร้างสำหรับติดตั้งกล้อง ระบบเซ็นเซอร์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ระบบจัดเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติ และติดป้ายข้อความ ที่ด่านเก็บเงินทับช้างและธัญบุรี วงเงิน 8.8 ล้านบาท

4. ปรับปรุงกายภาพช่องทางเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง เพื่อรองรับระบบ M-Flow วงเงิน 40 ล้านบาท เช่น แบ่งกั้นช่องจราจร รื้อไม้กั้นหน้าด่าน เป็นต้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประมูลจัดซื้อจัดจ้าง

ปัจจุบันปริมาณจราจรบนมอเตอร์เวย์สาย 9 ผ่านทั้ง 4 ด่าน มีเฉลี่ยประมาณ 250,000 – 3000,000 คันต่อวัน ซึ่งมีปัญหาการจราจรที่ด่านเก็บค่าผ่านทางอย่างมาก

ว่ากันว่า…การใช้เทคโนโลยี AI จัดเก็บค่าผ่านด้วยกล้องตรวจบันทึกภาพป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติ หรือ Automated License Plate Recognition ในการคิดค่าผ่านทางโดยไม่ต้องหยุดหรือชะลอรถ เป็นหลักการทำงานของ Video Tolling ภายใต้ความเร็วที่ 80 กม./ชม. จะรองรับรถได้ถึง 1,200 คัน/ชม. เปรียบเทียบกับช่องทางอัตโนมัติ (M Pass) ปัจจุบันรองรับได้ 500-800 คัน/ชม. ซึ่งเป้าหมายของระบบ M-FLOW จะให้รถวิ่งผ่านได้ที่ความเร็ว 120 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วที่ประกาศใช้บนทางด่วนและมอเตอร์เวย์ จะเพิ่มความเร็วรถผ่านหน้าด่านและรองรับรถได้ถึง 2,000-2,500 คัน/ช่องทาง หรือเพิ่มขึ้น 5 เท่า

ทางด่วน กทพ. นำร่องสายรามอินทรา-อาจณรงค์ กลางปี 64

สำหรับระบบ M-Flow ของทางด่วนนั้น กทพ. จะนำร่องที่ทางพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์) จำนวน 2 ด่าน คือ ด่านสุขาภิบาล 5 และด่านลาดพร้าว ซึ่ง กทพ. จะลงทุนเพื่อดำเนินงานระบบเก็บค่าผ่านทางพิเศษแบบไม่มีไม้กั้น (Multi-Lane Free Flow) หรือ M-Flow ในรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน (Single Platform System) จำนวน 38 ล้านบาท

เพื่อดำเนินการในส่วนของโครงสร้างและระบบซอฟต์แวร์ โดยจะเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบของกรมทางหลวง ที่จะใช้ดำเนินการกับระบบเก็บค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ โดย กทพ. จะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบพัสดุ และคาดว่าจะเริ่มติดตั้งในเดือน ก.พ. 2564 ใช้เวลา 4 เดือน ให้บริการได้ในเดือน มิ.ย. 2564

และขยายแผนการพัฒนาและขยายการบริการไปยังทางด่วนสายอื่นๆ รวมถึงทางด่วนในสัญญาสัมปทานกับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เพื่อให้การบริการเป็นรูปแบบเดียวกันทั้งหมด

ซึ่งเบื้องต้น กทพ. มีแผนดำเนินงาน บนทางด่วนสายรามอินทรา-อาจณรงค์ 4 ระยะ โดยระยะที่ 1 นำร่องใช้ระบบ M-Flow ในช่วงเดือน ก.ค. 2564 ที่ด่านสุขาภิบาล 5 และด่านลาดพร้าว ระยะที่ 2 ช่วง เดือน ม.ค. 2565 ขยายไปยังด่านที่เหลือทั้งหมด ระยะที่ 3 ประมาณกลางปี 2565 ขยายไปที่ทางพิเศษกาญจนาภิเษก หรือทางพิเศษศรีรัช และระยะที่ 4 จะใช้ได้ครอบคลุมโครงข่ายทางด่วนทั้งหมด

สำหรับการขยายระบบ M-Flow ไปยังทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 หรือมอเตอร์เวย์สายกรุงเทพมหานคร-ชลบุรี-บ้านฉาง นั้น คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกระยะเพื่อรอให้การใช้งานบนมอเตอร์เวย์สาย 9 มีความเสถียร และแก้ปัญหาอุปสรรคได้ระดับหนึ่ง อีกทั้งระบบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางของมอเตอร์เวย์สาย 7 ยังเป็นระบบปิด คือเก็บค่าผ่านทางตามจำนวนกิโลเมตรใช้จริง ซึ่งระบบจะมีความซับซ้อน ต่างจากมอเตอร์เวย์สาย 9 ที่เก็บค่าผ่านทางระบบเปิด

จ้าง Outsource บริหารระบบ “ส่องป้าย- แจ้งบิล-ทวงหนี้”

ทั้งนี้ การชำระเงินค่าผ่านทางที่มีทั้ง แบบหักบัญชี หักบัตรเครดิต หรือจะเป็นระบบ postpaid คือ แบบใช้ก่อน…จ่ายทีหลัง หรือการแจ้งเป็นรอบบิล เหมือนบิลค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ามือถือ ฯลฯ ซึ่ง ทล.จะจัดจ้างเอกชน ( Outsource) ทำหน้าที่บริหารจัดการระบบทั้งหมด

ซึ่งบริษัท Outsource จะต้องแบกรับความเสี่ยง กรณีที่ยังไม่สามารถติดตามรถ หรือติดตามเก็บค่าผ่านทางได้ เพราะอาจจะมีรถสวมทะเบียน รถที่ถูกโจรกรรมมา หรือกรณีป้ายทะเบียนรถลางเลือนทำให้กล้องอาจจะจับภาพได้ไม่ชัดเจน ระบบตรวจทะเบียนคลาดเคลื่อนตามไปด้วย…ปัญหามากมายที่มีโอกาสเกิดขึ้น

ขณะที่กรมทางหลวงและ กทพ.ในฐานะผู้กำกับ จะต้องได้รับค่าผ่านทางครบ 100% ดังนั้น นอกจากระบบ M-Flow จะต้องมีประสิทธิภาพแล้ว บริษัท Outsource ที่จะเข้ามาบริหารจัดการระบบหลังบ้าน จะต้องมีศักยภาพสูงมากเช่นกัน ด้วยค่าจ้าง 120 ล้านบาทต่อปี กับภาระหน้าที่บริหารจัดการระบบ ตรวจสอบรถ เรียกเก็บเงิน ออกบิล ไปจนถึง ติดตามทวงหนี้ ภายใต้เงื่อนไข คือ เงินค่าผ่านทางจะต้องส่งตรงเข้ากรมทางหลวงแบบ 100% ภายในเวลาที่กำหนด …ถือว่าต้องแบกรับความเสี่ยงที่สูงมาก

Source

]]>
1309334
ผุดไอเดียอาคารลอยฟ้าคร่อมถนนจุดพักรถ “มอเตอร์เวย์” หวังเพิ่มพื้นที่ร้านค้า-จอดรถ https://positioningmag.com/1294578 Sat, 29 Aug 2020 06:54:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1294578 “ศักดิ์สยาม” ปิ๊งไอเดีย สั่ง ทล.ปรับผังจุดพักรถ ผุดอาคารลอยฟ้าคร่อม “มอเตอร์เวย์” ใช้พื้นที่ด้านบนเชิงพาณิชย์ ส่วนด้านล่างเป็นที่จอดรถทั้งหมด มีทางเชื่อมสองฝั่งให้ผู้ใช้ทางทั้งขาเข้า-ขาออกสะดวก เผยโมเดลเกาหลีลดต้นทุนเพิ่มยอดขาย

ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงโครงการก่อสร้างจุดพักรถมอเตอร์เวย์ของกรมทางหลวง (ทล.) ว่าได้ให้นโยบายกรมทางหลวงว่าให้นำนวัตกรรมจากต่างประเทศ เช่น เกาหลีมาปรับใช้ เพื่อเกิดประโยชน์ในการพัฒนาและให้บริการสูงสุด เดิมจะมีพื้นที่จอดรถและพื้นที่ร้านค้าเพื่ออำนวยความสะดวกนั้น เห็นว่าควรจะใช้พื้นที่ทั้งหมดเป็นที่จอดรถ ส่วนพื้นที่ร้านค้านั้นให้ก่อสร้างเป็นอาคารคร่อมบนมอเตอร์เวย์ แล้วใช้พื้นที่ด้านบนทั้งหมดเป็นเชิงพาณิชย์

รูปแบบดังกล่าวจะทำให้มีพื้นที่สำหรับจอดรถมากขึ้น ในขณะที่ร้านค้าจะสามารถขายสินค้าได้มากขึ้น เพราะจะมีทางขึ้นลงเชื่อมทั้งสองฝั่งของมอเตอร์เวย์ ผู้ใช้ทางจากทั้งสองฝั่งจะสามารถเดินขึ้นไปบนพื้นที่ร้านค้าได้ ซึ่งที่ประเทศเกาหลีให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน (PPP) ระยะเวลา 25 ปี (รวมเวลาก่อสร้างด้วย) หากใช้เวลาก่อสร้างนานเอกชนจะมีเวลาเหลือเพื่อเก็บรายได้น้อยลง หากก่อสร้างเร็วก็มีเวลาเหลือมาก

“ผมได้ให้นโยบายอธิบดีกรมทางหลวงใช้แนวคิดโมเดลนี้ในทุกจุดที่จะทำ PPP จุดพักรถ ขึ้นกับพื้นที่ของแต่ละแห่ง ส่วนระยะเวลาสัญญาร่วมทุนอยู่ที่ความคุ้มค่า แต่รูปแบบนี้จะทำให้มีพื้นที่จอดรถเพิ่ม ส่วนร้านค้าให้ไปอยู่บนอาคารทั้งหมด อาจจะก่อสร้างเป็นอาคาร 3 ชั้น มีทางเชื่อมกับสองฝั่งมอเตอร์เวย์ ทั้งขาเข้าและขาออก ซื้อของได้หมด ผู้ประกอบการประหยัดการลงทุน ร้านค้าขายของได้มากขึ้นแน่นอน”

สำหรับโครงการก่อสร้างจุดพักรถมอเตอร์เวย์นั้น กรมทางหลวงได้สรุปการร่วมลงทุนเอกชน (PPP) นำร่องที่มอเตอร์เวย์สาย 7 ช่วงชลบุรี-พัทยา โดยแบ่ง 2 สัญญา เป็นบริการทางหลวงขนาดใหญ่ (Service center) คือ สัญญาจุดพักรถที่ศรีราชา บริเวณ กม.95 ทั้ง 2 ฝั่ง ฝั่งละประมาณ 50 ไร่ และสัญญาจุดพักรถที่บางละมุง บริเวณ กม.140 ซึ่งศึกษาเสร็จแล้ว เตรียมสรุปข้อมูลเสนอกระทรวงคมนาคม

เนื่องจากเป็นโครงการลงทุนที่มีมูลค่าไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ตามขั้นตอน พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนฯ ปี 2562 จะต้องเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อเสนอคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (คณะกรรมการ PPP) พิจารณา ซึ่งคาดว่าจะได้รับอนุมัติ และจัดทำทีโออาร์ประกาศเชิญชวนได้ต้นปี 2564

รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประมูลนั้นทีโออาร์จะกำหนดจุดที่ตั้ง ขนาดพื้นที่ และกิจกรรมในการพัฒนา และให้เอกชนนำเสนอรูปแบบพัฒนา ขณะที่แนวคิดการทำอาคารคร่อมมอเตอร์เวย์สองฝั่งเพื่อใช้เป็นพื้นที่ร้านค้านั้นอาจจะทำไม่ได้ทุกแห่ง เนื่องจากบางแห่งจุดพักรถสองฝั่งอยู่ไม่ตรงกัน

สำหรับที่พักริมทางนั้นมี 3 รูปแบบ คือ จุดพักรถ (Rest Stop) พื้นที่ประมาณ 15 ไร่, สถานที่บริการทางหลวง (Service Area) พื้นที่ประมาณ 20 ไร่ และศูนย์บริการทางหลวง (Service Center) พื้นที่ประมาณ 50 ไร่ ซึ่งจะเปิดให้เอกชนร่วม PPP net cost ระยะเวลา 20-30 ปี

โดยมอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมา มีทั้งสิ้น 8 แห่ง ประกอบด้วย จุดพักรถจำนวน 5 แห่ง (วังน้อย หนองแค ทับกวาง ลำตะคอง ขามทะเลสอ) สถานที่บริการทางหลวง จำนวน 2 แห่ง (สระบุรี สีคิ้ว) ศูนย์บริการทางหลวง จำนวน 1 แห่ง (ปากช่อง), สายบางใหญ่-กาญจนบุรี มีทั้งสิ้น 6 แห่ง ประกอบด้วย จุดพักรถ จำนวน 3 แห่ง (ทับช้าง ลาดกระบัง บ้านบึง) สถานที่บริการทางหลวง จำนวน 2 แห่ง (บางปะกง พัทยา-มาบตาพุด) ศูนย์บริการทางหลวง 1 แห่ง (ศรีราชา)

Source

]]>
1294578
เคาะแล้ว! ค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ “บางปะอิน-โคราช” รถ 4 ล้อจ่ายสูงสุด 240 บาท https://positioningmag.com/1292508 Fri, 14 Aug 2020 05:40:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1292508 ราชกิจจาฯ ประกาศอัตราค่าธรรมเนียมมอเตอร์เวย์” สายบางปะอินโคราช รถยนต์ 4 ล้อ วิ่งตลอดสายจ่ายสูงสุด 240 บาท

วันที่ 14 สิงหาคม ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่กฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงพิเศษ หมายเลข 6 ตอนบางปะอินนครราชสีมา พ.. 2563 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 3 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงและสะพาน พ.. 2479 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงและสะพาน (ฉบับที่ 3) .. 2534 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 ตอนบางปะอินนครราชสีมา เป็นทางหลวงที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวง

ข้อ 2 ให้เก็บค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงในข้อ 1 ตามประเภทของยานยนต์และตามอัตราในบัญชีท้ายกฎกระทรวงนี้ ทั้งนี้ นับแต่วันที่อธิบดีกรมทางหลวงประกาศกำหนดเป็นต้นไป

ข้อ 3 การใช้ยานยนต์บนทางหลวงตามข้อ 1 ถ้ายานยนต์นั้นจะต้องผ่านสถานที่ที่จัดเก็บค่าธรรมเนียม ผู้ใช้ยานยนต์ต้องเสียค่าธรรมเนียมต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่ที่จัดเก็บค่าธรรมเนียมนั้น และให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกบัตรไว้เป็นหลักฐานเพื่อแสดงว่าผู้ใช้ยานยนต์นั้นได้เสียค่าธรรมเนียมแล้ว หรือเสียค่าธรรมเนียมผ่านบัตรอัตโนมัติหรือโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามที่อธิบดีกรมทางหลวง ประกาศกำหนด

ข้อ 4 ในกรณีที่ผู้ใช้ยานยนต์เสียค่าธรรมเนียมโดยวิธีชำระต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้พนักงานเจ้าหน้าที่รักษาต้นขั้วของบัตรที่ออกให้แก่ผู้เสียค่าธรรมเนียมไว้เป็นหลักฐานในทางราชการ

ให้ไว้ ณ วันที่ 31 กรกฎาคม พ.. 2563

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

ทั้งนี้ สำหรับค่าธรรมเนียมในข่วง 5 ปีแรกนั้น หากวิ่งตลอดเส้นทางจากด่านขามทะเลสอมาถึงด่านบางปะอิน หรือจากด่านบางปะอินไปสิ้นสุดที่ด่านขามทะเลสอ จ.นครราชสีมา กรณีที่เป็นรถยนต์ 4 ล้อ เสียค่าธรรมเนียมตลอดสาย 240 บาท รถยนต์เกิน 4 ล้อแต่ไม่เกิน 6 ล้อ ค่าธรรมเนียมตลอดเส้นทาง 380 บาท รถยนต์ที่เกิน 6 ล้อขึ้นไป ค่าธรรมเนียมตลอดเส้นทาง 550 บาท

ทั้งนี้ กรมทางหลวงจะติดตั้งงานระบบ O&M ให้เสร็จใน 2 ปีครึ่ง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ปลายปี 2565

Source

]]>
1292508
เปิดแล้ว! มอเตอร์เวย์ “พัทยา-มาบตาพุด” ใช้ฟรี 3 เดือน จ่อขยายเส้นทางถึงสนามบินอู่ตะเภา https://positioningmag.com/1280250 Sat, 23 May 2020 07:39:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1280250 “ศักดิ์สยาม” กดปุ่มเปิดใช้มอเตอร์เวย์ “พัทยา-มาบตาพุด” ใช้ฟรีถึง ส.ค. 63 เผย “นายกฯ” สั่งเร่งต่อเข้าสนามบินอู่ตะเภาอีก 7 กม. เติมโครงข่าย EEC เชื่อมอากาศ และราง

ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดทดลองให้บริการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ-บ้านฉาง ส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยา-มาบตาพุด ณ ด่านเก็บเงินค่าผ่านทางอู่ตะเภา ซึ่งพร้อมเปิดทดลองให้ประชาชนได้ใช้บริการโดยไม่เก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 2563 เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป จนถึงสิ้นเดือน ส.ค. 2563

โดยผู้ใช้ทางสามารถเข้ามาใช้บริการได้ 2 ทาง คือ วิ่งต่อเนื่องจากทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ช่วงชลบุรี-พัทยา ที่บริเวณทางแยกต่างระดับมาบประชัน หรือเข้าจากทางหลวงหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิท ที่ด่านอู่ตะเภา

ตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 ที่อนุมัติให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ช่วงพัทยา-มาบตาพุด ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายของทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา เพื่อให้การพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์ของภาคอุตสาหกรรม เติมเต็มโครงข่ายคมนาคมขนส่งในพื้นที่

เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ขยายโอกาสการค้าและการลงทุน กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต

ในพื้นที่ EEC ยังมีโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน, โครงการเมืองการบินอู่ตะเภาซึ่งจะรองรับผู้โดยสารได้ถึง 60 ล้านคนต่อปี ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เมื่อวันที่ 21 พ.ค. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เร่งให้ดำเนินการต่อเชื่อม จากจุดสิ้นสุดมอเตอร์เวย์ช่วงพัทยา-มาบตาพุด ไปยังสนามบินอู่ตะเภา ระยะทางประมาณ 7 กม. เพื่อเติมเต็มระบบคมนาคมขนส่งในระเบียงเศรษฐกิจ EEC ให้สมบูรณ์

และอนาคตจะต่อขยายจากอู่ตะเภาไประยอง ปราจีนบุรี เพื่อเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้าน

สำหรับแผนแม่บทมอเตอร์เวย์ 6,000 กว่า กม.นั้น ได้ให้นโยบาย ทล.วางแผน ออกแบบ โดยบูรณาการก่อสร้างร่วมกับโครงการรถไฟทางคู่ และก่อสร้างไปพร้อมๆ กันเพื่อลดผลกระทบในการก่อสร้างและการเวนคืน ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นหน่วยงานกลาง ในการประสานการศึกษาร่วมกับกรมทางหลวงและการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปีจะชัดเจน

สำหรับการลงทุนมอเตอร์เวย์นั้นจะเป็นการให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) และให้เน้นการใช้ผู้รับจ้างในประเทศก่อน (Local Content) หากเต็มความสามารถผู้ประกอบการในประเทศแล้วจึงจะเปิดประมูลนานาชาติ ทั้งนี้ การพัฒนาระบบมอเตอร์เวย์ควบคู่กับรถไฟทางคู่จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์อาเซียนต่อไป

ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยา-มาบตาพุด เป็นทางหลวงมาตรฐานสูงที่มีการควบคุมการเข้า-ออกอย่างสมบูรณ์ (Fully Controlled Access) มีถนนขนาด 4-6 ช่องจราจร มีจุดเริ่มต้นเชื่อมต่อเส้นทางสายชลบุรี-พัทยา บริเวณทางแยกต่างระดับมาบประชัน มุ่งไปทางทิศใต้ผ่าน อ.บางละมุง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ไปสิ้นสุดที่บริเวณบรรจบทางหลวงหมายเลข 3 เทศบาลเมืองมาบตาพุด อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ระยะทางรวม 32 กม.

นับเป็นเส้นทางสายหลักที่เชื่อมสู่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา และนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ตลอดจนนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์ให้ดียิ่งขึ้น โดยกรมทางหลวงใช้รายได้ที่จัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางจากทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 ที่เปิดให้บริการในปัจจุบันมาใช้ดำเนินการก่อสร้างทั้งหมด แบ่งงานก่อสร้างออกเป็น 14 สัญญา ได้แก่ งานโยธา (งานก่อสร้างทางและสะพาน) 13 สัญญา และงานระบบ 1 สัญญา วงเงินลงทุนรวม 17,784 ล้านบาท (มูลค่าเวนคืน 6,000 ล้านบาท และมูลค่าก่อสร้าง 11,784 ล้านบาท) โดยเริ่มดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2559 จนเปิดทดลองให้ประชาชนได้ใช้บริการแล้วในวันนี้

สำหรับรูปแบบโครงการมีลักษณะเป็นทางหลวงพิเศษ ขนาด 4 ช่องจราจร ที่ควบคุมการเข้าออกอย่างสมบูรณ์ ผู้ใช้ทางสามารถใช้ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตลอดเส้นทาง ช่วยลดระยะเวลาการเดินทางจากทางแยกต่างระดับมาบประชันถึงสนามบินอู่ตะเภาลงกว่า 30 นาที โดยตลอดแนวเส้นทางโครงการมีด่านชำระค่าผ่านทาง 3 แห่ง ได้แก่ ด่านฯ ห้วยใหญ่ เชื่อมสู่บ้านอำเภอ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี, ด่านฯ เขาชีโอน เชื่อมสู่ทางหลวงหมายเลข 331 อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และด่านฯ อู่ตะเภา เชื่อมสู่ถนนสุขุมวิท อำเภอเมือง และอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง

โดยใช้ระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง ประกอบด้วย ระบบเงินสด (MTC) และแบบอัตโนมัติ (ETC) ซึ่งสามารถพัฒนาสู่รูปแบบการเก็บค่าผ่านทางแบบไร้ไม้กั้นในอนาคต โดยใช้เทคโนโลยี AI เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทาง

นอกจากนี้ ผู้ใช้ทางยังสามารถจอดพัก ผ่อนคลายจากการขับขี่ได้ ณ จุดพักรถ (Rest Stop) มาบประชัน และสถานที่บริการทางหลวง (Service Area) บางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างและมีแผนเปิดให้บริการภายในปี 2565

Source

]]>
1280250
เคาะค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ ”บางปะอิน-โคราช” 4 ล้อสูงสุด 255 บาท ปรับขึ้นทุก 5 ปี https://positioningmag.com/1263942 Wed, 12 Feb 2020 03:51:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1263942 ครม.เห็นชอบ ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม มอเตอร์เวย์ ”บางปะอิน – นครราชสีมา” เก็บค่าแรกเข้ารถ 4 ล้อ ที่ 10 บาท และเก็บตามระยะทาง ขั้นต่ำ 1.25 บาท/กม. โดยปรับทุก 5 ปีตามอัตราดัชนีผู้บริโภค

ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 11 ก.พ. ว่า ครม.มีมติอนุมัติ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 ตอนบางปะอิน – นครราชสีมา พ.ศ. ….

โดยกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม แบ่งเป็น ค่าธรรมเนียมแรกเข้า กับค่าธรรมเนียมตามระยะทางที่ใช้จริง สำหรับ 3 ประเภท ได้แก่ รถ 4 ล้อ มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า 10 บาท ค่าธรรมเนียมตามระยะทางที่ใช้จริง 1.25 บาทต่อกิโลเมตร อัตราสูงสุดที่จัดเก็บอยู่ที่ 255 บาท

รถ 6 ล้อ ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 16 บาท ค่าธรรมเนียมตามระยะทางที่ใช้จริง 2 บาทต่อกิโลเมตร อัตราสูงสุดที่จัดเก็บอยู่ที่ 408 บาท และรถเกิน 6 ล้อ ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 23 บาท ค่าธรรมเนียมตามระยะทางที่ใช้จริง 2.88 บาทต่อกิโลเมตร อัตราสูงสุดที่จัดเก็บอยู่ที่ 587 บาท

โดยกรณีมีเศษไม่เกิน 5 บาท ให้ปัดเศษออก หากเศษเกิน 5 บาทแต่ ไม่ถึง 10 บาท ให้เรียกเก็บเพียง 5 บาท

จะมีการปรับอัตราค่าธรรมเนียมทุก 5 ปี โดยพิจารณาจากเงินเฟ้อ ดัชนีราคาผู้บริโภค ตลอดอายุ 30 ปี โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่อธิบดีกรมทางหลวง ประกาศกำหนดเป็นต้นไป

สำหรับมอเตอร์เวย์สาย บางปะอิน-นครราชสีมา มี ระยะทางทั้งสิ้นรวม 196 กิโลเมตร ปัจจุบันการก่อสร้างมีความคืบหน้า 80 – 90% ซึ่งการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในปีนี้

โดยเป็นโครงการที่มีการควบคุมทางเข้า-ออกแบบสมบูรณ์ ผู้ใช้ทางสามารถสัญจรเข้า-ออกได้ในบริเวณที่กำหนดเท่านั้น เป็นระบบที่มีความปลอดภัยสูง และมีการเก็บค่าธรรมเนียมจำนวน 9 ด่าน ได้แก่ 1.ด่านบางปะอิน 2.ด่านวังน้อย 3.ด่านหินกอง 4.ด่านสระบุรี 5.ด่านแก่งคอย 6.ด่านมวกเหล็ก 7.ด่านปากช่อง 8.ด่านสีคิ้ว และ 9.ด่านขามทะเลสอ

Source

]]>
1263942