มิตรผล – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 04 Mar 2020 06:47:22 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เปิดใจ “น้ำตาลมิตรผล” ในยุค Low Sugar “น้ำตาลไม่ใช่ผู้ร้าย แต่ต้องกินให้ถูกสัดส่วน” https://positioningmag.com/1266848 Wed, 04 Mar 2020 05:41:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1266848 เมื่อเทรนด์การดูแลสุขภาพเริ่มตื่นตัวในไทย ทำให้คนไทยบริโภคน้ำตาลน้อยลง เกิดเป็นเทรนด์ Low Sugar งานนี้บริษัทน้ำตาลอย่าง “มิตรผล” ต้องปรับตัวอย่างหนัก สร้างทัศนคติใหม่ต่อน้ำตาล ต้องกินให้ถูกสัดส่วนก็ปลอดภัย

เทรนด์หวานน้อย กระทบมาก แต่ไม่ถึงกับลำบาก

การที่ผู้บริโภคคนไทยตื่นตัวกับการดูแลสุขภาพนับว่าเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง เทรนด์ใหญ่ที่มากับกระแสนี้ก็คือเทรนด์ “หวานน้อย” นั่นเอง หรือการบริโภคน้ำตาลน้อยลง เป็นที่ทราบกันดีว่าคนไทยมีการบริโภครสหวานจัด ไม่ว่าจะอาหาร หรือเครื่องดื่ม

ทำให้ผู้ประกอบการ แบรนด์ต่างๆ หันมาพัฒนาสูตรหวานน้อยบ้าง สูตรไม่มีน้ำตาลบ้าง หรือสูตรแคลอรีต่ำบ้าง เพื่อเอาใจสายเฮลท์ตี้

ทีนี้พอมีเทรนด์หวานน้อยเข้ามา ผนึกกับเรื่อง “ภาษีน้ำตาล” ทำเอาผู้ประกอบการถึงกับต้องกุมขมับ คำถามที่เกิดขึ้นคือผู้ประกอบการน้ำตาลจะต้องทำอย่างไร ได้รับผลกระทบมากแค่ไหน Positioning ขอพาไปพูดคุยกับ “วิภาดา อัตศรัณย์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานกลยุทธ์การตลาดและขายในประเทศ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด แบบ Exclusive ว่ามีการปรับตัวรับกับกระแสนี้อย่างไร

วิภาดาฉายภาพรวมว่าเทรนด์หวานน้อยได้รับความกระทบมาก แต่ยังไม่ได้ลำบากเท่าไหร่ มีการรับมือ และยังมีบางเซ็กเมนต์ที่เติบโต มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะเครื่องดื่มนอกบ้านยังมีการเติบโต รวมถึงเทรนด์ของ “ชาไข่มุก” ด้วย

“ตลาดน้ำตาลในภาคของรีเทลยังมีการเติบโต ผู้บริโภคยังใช้น้ำตาลในการปรุงอาหาร แต่ภาคอุตสาหกรรมเจอเรื่องภาษีความหวานเข้าไป ประกอบกับเรื่องเทรนด์การดูแลสุขภาพ ทำให้ลดการใช้น้ำตาลลงไปเยอะ มีผลกระทบประมาณหนึ่ง แต่ก็ต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงให้ได้ สามารถทำได้หลายรูปแบบ”

เมืองไทยเมืองร้อน เครื่องดื่มนอกบ้านยังโต

การปรับตัวของมิตรผลจึงมีหลายรูปแบบ ที่เห็นชัดที่สุดคือ การพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ให้กับลูกค้า ทั้งผู้บริโภค และภาคธุรกิจ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือโรงแรมบางแห่งย่อมอยากได้เมนูแปลกใหม่ ก็ต้องช่วยสรรหาสินค้าใหม่ๆ โดยที่วัตถุแทนความหวานยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีการแบ่งเซ็กเมนต์ชัดเจน

อีกทั้งยังมีตลาดร้านกาแฟ ร้านเครื่องดื่มต่างๆ ที่สร้างการเติบโตสูง เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคชอบทานกาแฟนอกบ้าน หรือแม้กระทั่งชานมไข่มุกที่เป็นที่นิยมกันในยุคนี้ ก็ยังส่งผลทำให้ยังมีการใช้น้ำตาลอยู่ เพราะฉะนั้นทำให้เทรนด์หวานน้อยไม่ได้สร้างความลำบากให้มิตรผลเท่าไหร่

“จะเห็นว่าลักษณะการบริโภคนอกบ้านยังเติบโตต่อเนื่อง เพราะไทยเป็นเมืองร้อน เครื่องดื่มสดชื่นยังขายได้ดี ไม่ว่าจะกาแฟ น้ำหวาน หรือชาไข่มุก แต่ในอนาคตเทรนด์นี้อาจจะเปลี่ยนเป็นโนชูการ์ก็ได้ มีวิธีการเตรียมตัวกัน ทำกับพาร์ตเนอร์หลายราย”

ในส่วนของภาคธุรกิจนั้น มิตรผลได้ปรับตัวเป็น Solution Provider ที่ไม่ได้ขายสินค้าแค่อย่างเดียว แต่มีการคิดโซลูชั่นให้ครอบคลุมการทำธุรกิจ ตั้งแต่เรื่องโลจิสติกส์ที่ต้องทำให้ต้นทุนการขนส่งน้ำตาลดีขึ้น หรือบางที่มีการติดตั้งเครื่องมือเพื่อให้ขนถ่ายน้ำตาลที่ดีขึ้น หรืออาจจะเป็นติดตั้งเครื่องมือแจ้งเตือนเมื่อน้ำตาลใกล้หมด โดยจะมีการทำเป็นโปรเจกต์ไปขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า

วิภาดาบอกว่า “เป็นการคิดที่ละเอียดขึ้น ต้องพัฒนาตัวเอง อย่าขายแต่สินค้า แต่ต้องขายลูกเล่น ท้ายที่สุดผู้ประกอบการต้องการได้ต้นทุนถูกที่สุด” 

น้ำตาลไม่ใช่ตัวร้าย แต่ต้องอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะ

เมื่อดูพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคนี้ พบว่ามีการเลือกกินมากขึ้น เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ดูแลสุขภาพมากขึ้น น้ำตาลอาจจะยังอยู่ในเมนูอาหาร แต่ผู้บริโภคอาจจะลดการดื่มน้ำอัดลม ชาเขียว น้ำผลไม้ และหันมาออกกำลังกายมากขึ้น

แต่หลายคนยังมีความเชื่อที่ว่าต้องงดการกินน้ำตาล เพราะน้ำตาลทำให้อ้วน ที่จริงแล้วน้ำตาลยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย ยังต้องใช้พลังงานจากน้ำตาลอยู่ เพียงแต่ต้องกินในสัดส่วนที่เหมาะสมเท่านั้นเอง

“น้ำตาลไม่ใช่ของมีโทษแต่กำเนิด แต่อยู่ที่การกินให้เป็น กินในสัดส่วนที่ยังอร่อยกับรสชาติ แล้วรูปร่างยังดี และสุขภาพดีในระยะยาว เป็นการจัดการพื้นฐานของร่างกาย แต่บางคนชอบหาทางลัดในเลี่ยงกินน้ำตาล แล้วไปหาตัวช่วยอื่นๆ ซึ่งร่างกายยังต้องการพลังงานอยู่ ต้องสร้างสมดุลของน้ำตาล และไขมันให้ได้ เป็นไปได้อยากให้ทางภาครัฐออกมาตรการ ที่ทำให้การบริโภคน้อยลง แต่ให้คนไทยได้รับความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพ การจัดการตัวเอง ต้องทำให้บาล๊านซ์กันนั่นเอง”

กินอย่างไรให้ชีวิตแฮปปี้

วิภาดาเสริมว่า เทรนด์หวานน้อย ลดน้ำตาลก็เป็นที่ตื่นตัวที่ต่างประเทศเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่จะมีการนำผลวิจัย และข้อมูลมายืนยัน บางประเทศมีกฎหมายปรับคนอ้วนด้วย!

“ที่ต่างประเทศมีการหาข้อมูล งานวิจัย ดูทางเลือกต่างๆ ในการทานน้ำตาล หรือวัตถุแทนความหวาน บางประเทศตั้งกฎหมายปรับคนอ้วน กลายเป็นความท้าทายของสังคมไทยที่ต้องให้ความรู้ในเรื่องนี้ ต้องมีนักวิชาการเอาเรื่องยากมาย่อยเป็นเรื่องง่าย แต่ที่ไทยเป็นการเลี่ยง อดทนอดกลั้น ไม่ทานเลย เป็นเรื่องไม่ดี”

สรุปแล้ว ความท้าทายของมิตรผลจึงอยู่ที่การให้ความรู้ แก้กังวลเรื่องของน้ำตาลแก่ผู้บริโภค ต้องทำให้การกินน้ำตาลเป็นเรื่องไม่ฝืนไลฟ์สไตล์ แต่กินในสัดส่วนที่เหมาะสม ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายนั่นเอง ต้องกินน้ำตาลแล้วใช้ชีวิตได้อย่างแฮปปี้ ที่สำคัญน้ำตาลไม่ใช่ตัวร้ายด้วย

]]>
1266848
มิตรผลเปิดคลังนวัตกรรม โชว์ศักยภาพยกระดับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานชีวภาพไทย ตอบรับเทรนด์ความยั่งยืนของโลก https://positioningmag.com/1254840 Tue, 26 Nov 2019 06:47:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1254840 ประเทศไทยกำลังเดินหน้าเต็มกำลังเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและก้าวสู่ประเทศเศรษฐกิจฐานชีวภาพ ที่สอดรับกับกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs) ของสหประชาชาติ ภายใต้วิสัยทัศน์ดังกล่าวนี้ การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อให้ได้มาซึ่งองค์ความรู้ที่สามารถต่อยอดไปสู่นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ตอบสนองกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมฯ จึงสำคัญอย่างยิ่ง

ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) พบว่าในปี 2561 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีสถิติการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 1% ของ GDP และคาดว่าจะขยับสู่ 1.5% ภายในปี 2564 โดยมีสัดส่วนการลงทุนของภาคเอกชน 80% และภาครัฐ 20% สะท้อนถึงความตื่นตัวของสองภาคส่วนสำคัญในการพยายามผลักดันให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันกับนานาชาติได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น ด้วยการวิจัยและพัฒนา ซึ่งยั่งยืนกว่าการแข่งขันด้วยราคาวัตถุดิบและแรงงานเป็นหลัก

ในฐานะภาคเอกชนที่ตระหนักถึงความสำคัญของการวิจัยเพื่อค้นหาองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์การพัฒนาของประเทศและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในวงกว้างอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะองค์ความรู้เกี่ยวอ้อย ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศไทย ที่มีศักยภาพสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดและเพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์ได้ทุกส่วน กลุ่มมิตรผลจึงได้จัดตั้งศูนย์นวัตกรรมและการวิจัยมิตรผลขึ้นที่ อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ เมื่อปี 2540 เพื่อคิดค้นผลงานวิจัยและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับอ้อยและน้ำตาล ตลอดจนพัฒนาต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ฐานชีวภาพมูลค่าสูง อื่นๆ ซึ่งกลุ่มมิตรผลเชื่อว่าจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างคุณค่าให้แก่องค์กร อุตสาหกรรม เกษตรกร และทุกภาคส่วนได้อย่างยั่งยืน

เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมและผลงานวิจัยเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทย เมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มมิตรผลจึงได้จัดงาน RDI Open House 2019 พร้อมเปิดคลังแสดงผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ดำเนินการตลอด 22 ปีที่ผ่านมา ให้พันธมิตร ทั้งหน่วยงานราชการ มหาวิทยาลัย และคู่ค้า ได้แลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็นร่วมกัน ณ ศูนย์นวัตกรรมและการวิจัยมิตรผล

นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า “ปัจจุบัน การพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ sustainability กลายเป็นวาระสำคัญที่ทุกคนทั่วโลกให้ความใส่ใจมากขึ้น ประเทศไทยเองก็มีการนำประเด็นดังกล่าวมาใช้กำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศ โดยมีการวิจัยและนวัตกรรมเป็นตัวแปรสำคัญ ภายใต้แนวคิด “สร้างคุณค่า สร้างอนาคตที่ยั่งยืน” กลุ่มมิตรผล มีความตั้งใจที่จะสนับสนุนภาครัฐในการสร้างสรรค์และนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อเพิ่มผลิตภาพและสร้างคุณค่าสูงสุดให้กับอ้อย พร้อมต่อยอดไปสู่ธุรกิจชีวภาพ สอดรับกับโมเดลการบูณาการการพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติ BCG Economy – เศรษฐกิจฐานชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ที่ประเทศไทยกำลังขับเคลื่อนเพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับชาวไร่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศ”

ด้านรองศาสตราจารย์ ดร. กล้าณรงค์ ศรีรอต Head of Innovation and Research Development Institute กลุ่มมิตรผล อธิบายเพิ่มเติมว่า “งาน RDI Open House ที่จัดขึ้นในวันนี้ ตอกย้ำถึงความตั้งใจของกลุ่มมิตรผลในการนำนวัตกรรมและผลงานวิจัยไปพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยยึดหลักการใช้ประโยชน์จากอ้อย น้ำตาล และสิ่งที่เหลืออยู่ในกระบวนการผลิตน้ำตาลให้ได้ประโยชน์มากที่สุด โดยเฉพาะการนำไปผ่านกระบวนการทางชีวภาพ (Biorefinery) เพื่อแปรรูปไปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น อาทิ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอาง โดยที่ผ่านมาเรายังได้ร่วมกับองค์กร หน่วยงาน และสถาบันการวิจัยและเทคโนโลยีชั้นนำ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการสร้าง แลกเปลี่ยน และต่อยอดองค์ความรู้ในการวิจัยร่วมกัน”

ปัจจุบัน ศูนย์นวัตกรรมและการวิจัยมิตรผล อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ มีนักวิจัย 70 คน ดำเนินงานวิจัยที่หลากหลายตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ด้วยงบประมาณสนับสนุนปีละกว่า 450 ล้านบาท ภายในศูนย์ฯ มีห้องปฏิบัติการประสิทธิภาพสูง เครื่องมือที่ทันสมัย และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน รองรับงานพัฒนานวัตกรรมและการวิจัย 4 สาขา ได้แก่

  • งานวิจัยด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการไร่อ้อยสมัยใหม่ (Crop Production) มุ่งเน้นการพัฒนาพันธุ์อ้อยที่มีศักยภาพ แข็งแรง ทนต่อโรคและแมลง รวมถึงการควบคุมโรคและแมลงศัตรูอ้อย และการใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศและ AI เพื่อการทำเกษตรแบบแม่นยำ
  • งานวิจัยด้านการเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์น้ำตาล (Sugar Technology and Specialty) มุ่งเน้นการพัฒนาปรับปรุงกระบวนการผลิตน้ำตาลให้ทันสมัยและคงไว้ซึ่งคุณภาพสูง เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค อาทิ การพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำตาลใหม่ที่ดีต่อสุขภาพ
  • งานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพ (Bio-based Chemicals and Energy) มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับน้ำตาล อ้อย ตลอดจนนำผลพลอยได้จากกระบวนการผลิต มาแปรรูปเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ (Circular Economy) ต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ในด้านเศรษฐกิจฐานชีวภาพ (Bio-economy) เพื่อสร้างความคุ้มค่า ลดความสูญเสีย และเพิ่มการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Economy) โดยมุ่งค้นคว้าและพัฒนางานวิจัยเพื่อเพิ่มศักยภาพในการต่อยอดจากระดับห้องปฏิบัติการไปสู่ระดับโรงงานต้นแบบที่มีความพร้อมทางด้านเครื่องมือและบุคลากรที่เชี่ยวชาญ
  • ศูนย์ข้อมูลงานวิจัยระดับโลก (Global Sourcing for Innovation) รวบรวมข้อมูลการวิจัยและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เพื่อสร้างโอกาสทางการวิจัยใหม่ๆ ภายใต้การคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งติดต่อประสานงาน สร้างความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมทั้งในและนอกประเทศ เพื่อต่อยอดสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ

นางวรวรรณ ชิตอรุณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) กล่าวว่า “จากสถานการณ์ราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกที่ลดลงและขาดเสถียรภาพ สะท้อนถึงความจำเป็นในการพัฒนาเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและสร้างความยั่งยืนตลอดกระบวนการให้กับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลของไทย ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแลและส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมฯ เราสนับสนุนผลการวิจัยทุกอย่างในกระบวนการผลิต ตั้งแต่การปลูกอ้อย เตรียมดิน เก็บเกี่ยว ไปจนถึงกระบวนการลดความสูญเสียในการผลิต สอน. รู้สึกดีใจที่ได้เห็นภาคเอกชนมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงในการพัฒนาแนวทางการทำเกษตรแม่นยำและยั่งยืนให้กับชาวไร่อ้อย และยังได้เห็นการวิจัยคิดค้นนวัตกรรมหลายอย่างที่น่าสนใจและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความต้องการของอุตสาหกรรมไทย ทั้งหมดนี้จะเป็นแนวทางให้ สอน. สามารถนำไปต่อยอดพัฒนาศูนย์วิจัยและพัฒนาของเราด้วย และเราหวังจะได้เห็นการลงทุนในลักษณะเดียวกันนี้มากขึ้นทั้งจากภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกัน และนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทยอย่างยั่งยืน”

กลุ่มมิตรผล จะยังคงเดินหน้าผลักดันการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผ่านศูนย์นวัตกรรมและการวิจัยมิตรผล เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการต่อยอดคุณค่าให้กับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อุตสาหกรรมฐานชีวภาพที่มีความยั่งยืน สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประชาคมโลก

]]>
1254840