ยูทูบ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 15 May 2024 06:05:52 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Youtube ประกาศสู้ศึก Podcast ชูจุดเด่น ‘พอดแคสต์แบบวิดีโอ’ ท้าชน 2 คู่แข่งสำคัญ Spotify และ Apple https://positioningmag.com/1473606 Wed, 15 May 2024 01:47:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1473606 Youtube ประกาศสู้ศึก Podcast โดยชูจุดเด่นในเรื่องของ ‘พอดแคสต์แบบวิดีโอ’ เพื่อที่จะชนกับคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Spotify และ Apple ซึ่งปัจจุบันตัวเลขผู้ฟังนั้นยังเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้บริษัทเห็นโอกาสในการขยายช่องทางผู้ฟัง

Youtube โดยล่าสุดบริษัทเตรียมลุยตลาดพอดแคสต์ (Podcast) ที่มีผู้ฟังเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีคู่แข่งรายสำคัญนั่นก็คือ Spotify และ Apple ที่เป็น 2 ผู้เล่นใหญ่ในตลาดนี้ โดยมองว่าแพลตฟอร์มของบริษัทสามารถที่จะเป็นจุดที่ผู้ฟังสามารถหารายการใหม่ๆ ในสิ่งที่ตัวเองสนใจได้

ในงานสัมมนาของผู้ผลิต Podcast ซึ่งจัดโดย Youtube เมื่อไม่นานมานี้ ทีมงานผู้บริหารของ Youtube ถึง 2 รายได้กล่าวถึงความนิยมในแพลตฟอร์มสำหรับผู้ฟัง Podcast ไม่ว่าจะเป็นการฟังด้วยเสียงเพียงอย่างเดียว หรือแม้แต่ Podcast ที่เป็นวิดีโอก็เช่นกัน

ขณะที่ Johanna Voolich ผู้บริหารสูงสุดด้านผลิตภัณฑ์ของ Youtube เคยกล่าวใน Blog ของบริษัทว่า สูตรลับของ YouTube คือคำแนะนำของแพลตฟอร์ม ช่วยให้ผู้คนค้นพบสิ่งใหม่ๆ หรือเจาะลึกสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบ (ผ่าน Podcast) ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้ผลิต Podcast เข้าถึงผู้ชมใหม่ๆ ที่พบได้บน YouTube เท่านั้น

Emma Sweet ผู้จัดการฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับ Podcast และเพลง ของ Youtube กล่าวว่า บริษัทได้ให้ความสำคัญกับ Podcast แม้ว่าจะไม่ใช่วิดีโอ ผลงานของผู้ผลิตก็สามารถขึ้นโชว์บนหน้าแรกได้ และนอกจาก Youtube Music แล้ว บริษัทยังขยายทางเลือกให้กับผู้ฟังสามารถฟัง Podcast ได้

นอกจากนี้ Youtube เองเตรียมที่จะพัฒนาระบบการฟังข้ามอุปกรณ์ ให้ผู้ฟังสามารถที่จะฟัง Podcast ได้สะดวกเพิ่มมากขึ้น ถ้าหากมีการสลับใช้งานอุปกรณ์เช่น ฟัง Podcast บนคอมพิวเตอร์ที่บ้าน แล้วมาใช้งานบนโทรศัพท์มือถือต่อ เป็นต้น

ทางด้านในส่วนของผู้ผลิต Podcast นั้นในการอัปโหลดรายการขึ้นไปยัง Youtube Music นั้นก็สามารถมีรายการอยู่บน Youtube ได้ทันที ไม่ต้องอัปโหลดซ้ำ ไม่เพียงเท่านี้ถ้าหากผู้ผลิต Podcast ได้อัปโหลด Podcast ทั้ง 2 รูปแบบทั้งแบบมีเสียงอย่างเดียว หรือมีวิดีโอด้วย ผู้ใช้งานสามารถกดเปิดปิดว่าจะดูวิดีโอได้ทันที

ข้อมูลจาก eMarketer และ PodcastIndex ชี้ว่าจำนวนผู้ฟัง Podcast นั้นมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปีนับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา ตัวเลขล่าสุดในปี 2021 อยู่ที่ 383.7 ล้านราย เติบโตมากถึง 15.5% และคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะยังเติบโตเรื่อยๆ

คู่แข่งรายสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น Spotify หรือแม้แต่ Apple เองได้เอาจริงเอาจังในส่วนของ Podcast เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้ฟังมีจำนวนที่มาก และยังมีการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยให้ผู้ฟังสามารถที่จะหารายการโปรดหรือรายการแนวที่ชอบได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

หลังจากนี้ศึกของแพลตฟอร์มในการฟัง Podcast นั้นจะดุเดือดกว่านี้อย่างแน่นอน เพราะหลายบริษัทได้มีการลงทุนในเรื่องดังกล่าวไปไม่น้อย

ที่มา – 9to5Google, Business Insider

]]>
1473606
อัปเดต 3 เทรนด์ ‘YouTube’ ในวันที่ ‘Gen Z’ กว่าครึ่งดูวิดีโอที่คนทั่วไปไม่ดู https://positioningmag.com/1403033 Tue, 04 Oct 2022 08:17:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1403033 ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงแรกวิดีโอไวรัลบน YouTube เป็นตัวกำหนดเทรนด์ต่าง ๆ แต่บทบาทของ YouTube เปลี่ยนไปจากแมสเทรนด์ไปสู่คน แต่ตอนนี้เป็นการสร้างเทรนด์ ยิ่งในยุคนี้ที่ใคร ๆ ก็ครีเอทวิดีโอเองได้ โดยเฉพาะ Gen Z ที่เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยี อีกทั้ง ยังมีความเป็นตัวเองสูง ดังนั้น ไปอัปเดต 3 Types ที่เหล่าครีเอเตอร์ควรรู้ เพื่อที่จะสร้างวิดีโอให้ตรงใจคนดู

จากการสำรวจของ Ipsos พบว่า Gen Z ถึง 85% เคยโพสต์วิดีโอมาก่อน และเพราะคน Gen Z คุ้นเคยกับการผลิตและชมวิดีโอ ทำให้มีความเป็นตัวเองมากที่สุด 65% ของคน Gen Z ดูคอนเทนต์ที่ เกี่ยวของกับตัวเองมากกว่าคอนเทนต์ที่เป็นที่สนใจ และ 50% ดูคอนเทนต์ที่คนทั่วไปไม่ดู ดังนั้น ไปเจาะลึก 3 เทรนด์ ที่เหล่าครีเอเตอร์ควรรู้

Community Creativity

การสร้างคอนเทนต์สำหรับคนที่สนใจเรื่องเดียวกัน โดย 61% ของคน Gen Z ระบุว่าพวกเขาเป็น BigFan ของใครสักคนหรืออะไรสักอย่าง ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจหากแค่ วิดีโอเครื่องบินขึ้น-ลง จะมียอดวิวหลักหมื่นล้าน หรือครีเอเตอร์บางคนก็ผันตัวจาก แฟนด้อม ไปสู่การสร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจเหล่าแฟน จนสามารถขยายฐานผู้ติดตามไปจนกลายเป็นแมส

“เราเห็นชุมชนย่อย ๆ ที่มีความเฉพาะตัวสูงบน YouTube มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมันอาจไม่แมสแต่มีคนดูเหนียวแน่น และ 92% รอตอนต่อไปของครีเอเตอร์ นอกจากนี้ ยังพบเห็นการสนับสนุนผ่าน Fan Funding จากแฟนคลับด้วยฟีเจอร์ Membership” มุกพิม อนันตชัย หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ ยูทูบ ประเทศไทย และเวียดนาม กล่าว

มุกพิม อนันตชัย หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ ยูทูบ ประเทศไทย และเวียดนาม

Responsive Creativity

การสร้างคอนเทนต์เพื่อตอบสนองต่อความรู้สึกหรืออารมณ์ของคน โดย 83% ของ Gen Z หาคอนเทนต์ที่ทำให้ ผ่อนคลาย ทำให้คอนเทนต์ประเภท ASMR (Autonomous Sensory Meridian Response) มีการค้นหามากขึ้น โดยยอดวิวทั่วโลกของคอนเทนต์ประเภทนี้มีกว่า 65,000 ล้านวิวเลยทีเดียว นอกจากนี้ Gen Z 64% ยังต้องการหาคอนเทนต์ที่สามารถดูเรื่อย ๆ เพื่อเป็น เพื่อนแก้เหงา และ 80% ใช้วิดีโอรำลึกอดีต

Multi-format Creativity

เพราะฟอร์แมตวิดีโอบน YouTube เปลี่ยนไป มีทั้ง Shorts From, Long From และ Live-Stream ดังนั้น ครีเอเตอร์ควรสร้างสรรค์หลาย ๆ แบบ เพื่อหารูปแบบที่ตรงใจกับผู้ชม อย่าง Shorts อาจตั้งสั้น ๆ เป็น Meme เพื่อดึงดูดให้มาดูวิดีโอยาว เพราะ 59% ของ Gen Z ระบุว่า เขามักเจอวิดีโอใหม่ ๆ ในวิดีโอสั้น

]]>
1403033
‘YouTube’ เจอพิษ ‘TikTok’ และสงคราม ‘รัสเซีย-ยูเครน’ ทำรายได้ไตรมาสแรกพลาดเป้า ฉุดหุ้นร่วง 4% https://positioningmag.com/1383054 Wed, 27 Apr 2022 06:13:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1383054 ‘อัลฟาเบท’ (Alphabet) บริษัทแม่ของ ‘Google’ และ ‘YouTube’ ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกซึ่งต่ำกว่าที่หลาย ๆ คนคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้หุ้นของบริษัทตกลง 4% โดยภาพรวมทั้งปีหุ้นของบริษัทตกลงไปแล้วถึง 18% ร่วงสู่จุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2564

รายได้ของ Alphabet ในไตรมาสแรกของปีปิดที่ 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ยังต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะทำรายได้ 6.81 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยช่วงไตรมาสแรกของปี 64 Alphabet สามารถเติบโตได้ถึง 34% หลังจากที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งจากการระบาดใหญ่

โดยบริษัทรายงานรายได้โฆษณาจากฝั่งของ Google ที่ 5.46 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้นจาก 4.46 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า ส่วนรายได้จาก YouTube ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ โดยปิดที่ 6.9 พันล้านดอลลาร์ พลาดเป้าของนักวิเคราะห์ที่ 7.5 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจาก TikTok ครองส่วนแบ่งตลาดวิดีโอโซเชียลมีเดียที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทหยุดการขายโฆษณาในรัสเซีย เนื่องจากสงคราม

สืบเนื่องจากภาวะสมครามรัสเซีย-ยูเครน ทางบริษัทได้ระงับการให้บริการ Google ในรัสเซีย ส่งผลให้การขยายตัวของรายได้ในภูมิภาคยุโรปซึ่งรวมถึงตะวันออกกลางและแอฟริกา ชะลอตัวลงสู่ระดับ 19% ในไตรมาสแรก จาก 33% ของปีก่อน

Ruth Porat CFO กล่าวว่า YouTube เติบโตเพียงเล็กน้อย การชะลอตัวดังกล่าวสะท้อนถึงความยากลำบากเมื่อเทียบกับเวลาเดียวของปีที่แล้ว ด้าน Sundar Pichai CEO เปิดเผยว่า ฟีเจอร์ Shorts มียอดรับชมกว่า 3 หมื่นล้านครั้ง/วัน ซึ่งเติบโตเป็นสองเท่าในไตรมาสก่อนหน้าและสี่เท่าของปีก่อน

ส่วนรายได้อื่น ๆ ของ Google ซึ่งรวมถึงฝั่งฮาร์ดแวร์, Play Store และรายได้ที่ไม่ใช่โฆษณาบน YouTube อยู่ที่ 6.81 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าปีก่อนเล็กน้อยเล็กน้อย ส่วนแผนกอื่น ๆ อย่าง Waymo หน่วยรถยนต์ไร้คนขับ มีรายได้เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากปีก่อนหน้าปิดที่ 440 ล้านดอลลาร์ จาก 198 ล้านดอลลาร์ 

สำหรับธุรกิจที่โดดเด่นในช่วงไตรมาสแรกนี้ ได้แก่ คลาวด์ โดยเติบโตขึ้น 44% และทำลายสถิติเกินคาด เนื่องจากองค์กรขนาดใหญ่จำนวนมากขึ้นเปลี่ยนการเก็บข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลของตนเองไปไว้บนคลาวด์ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงขาดทุนจากการดำเนินงาน 931 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 974 ล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ กำไรต่อหุ้นในไตรมาสนี้อยู่ที่ 24.62 ดอลลาร์ ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 30.69 ดอลลาร์ และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ของเรฟินิทีฟ (Refinitiv) คาดการณ์ไว้ที่ 25.91 ดอลลาร์ หุ้นของ Alphabet ลดลง 18% สำหรับปี โดยร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่พฤษภาคม 2564

Source

]]>
1383054
จับตา ‘YouTube’ ที่รายได้กำลังจะแซง ‘Netflix’ อีกหนึ่งศัตรูตัวฉกาจในศึกสตรีมมิ่งที่ห้ามมองข้าม https://positioningmag.com/1344527 Thu, 29 Jul 2021 10:42:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1344527 หากพูดถึงตลาดวิดีโอสตรีมมิ่ง แน่นอนว่าหลายคนไม่ได้คิดถึง ‘YouTube’ เท่าไหร่ โดยส่วนใหญ่จะไปคิดถึง Netflix, Disney+ และอื่น ๆ ที่มีรูปแบบรายได้แบบซับสคริปชั่นหรือสมัครสมาชิก และเน้นแย่งชิงฐานคนดูด้วยภาพยนตร์-ซีรีส์ แต่หากพูดกันตามจริงสงครามนี้คือการแย่งชิง ‘เวลา’ ผู้ชม ดังนั้น YouTube จึงถือเป็นศัตรูที่มองข้ามไม่ได้

จากผลการเก็บข้อมูลของ Nielsen พบว่า ปัจจุบันผู้คนรับชมคอนเทนต์บน YouTube และ Netflix แค่ 2 แพลตฟอร์มก็มากกว่าแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งอื่น ๆ รวมกัน ซึ่งไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะปัจจุบัน YouTube มีผู้ใช้งานกว่า 2,000 ล้านคนทั่วโลก ส่วน Netflix ที่มียอดผู้ใช้งานทั้งหมด 209 ล้านบัญชี ตามด้วย Disney+ ที่มียอดผู้ใช้งานทั้งหมด 104 ล้านบัญชี

ขณะที่ยอดรับชม YouTube ผ่าน ‘ทีวี’ ก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จากปีก่อนมียอดรับชมที่ 100 ล้านคน/เดือน มาปีนี้เติบโตเป็น 120 ล้านคน/เดือน นั่นแสดงให้เห็นว่า การรับชมทีวีปกติก็ได้ถูก YouTube แย่งเวลาไปแล้ว แม้ว่าการรับชมผ่านสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์ และแท็บเล็ตยังคงเป็นสัดส่วนหลักก็ตาม ซึ่ง Nielsen ระบุว่า YouTube และ Netflix เป็นสตรีมเมอร์สองอันดับแรก โดยแต่ละบริการคิดเป็น 6% ของเวลาที่ใช้ในการดูทีวี

ในส่วนของรายได้ก็มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 2 ที่ผ่านมามีรายได้โฆษณาเพิ่มขึ้น 83% จากปีที่แล้ว โดยทำรายได้กว่า 7,002 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 230,400 ล้านบาท เทียบกับรายได้ไตรมาส 2 ของ Netflix ที่ 7.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 241,600 ล้านบาท เติบโต 19.4% จากปีที่แล้ว

จะเห็นว่า YouTube ไม่ได้เป็นเพียงผู้นำด้านสตรีมวิดีโอที่มีอัตราเติบโตที่น่าเหลือเชื่อ แต่ยังกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งแบบ SVOD (Subscription Video On Demand) หรือแบบเสียเงินสมัครสมาชิก เพราะรายได้ดังกล่าวของ YouTube มาจากแค่ค่าโฆษณา ยังไม่รวมรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่ต้องสมัครสมาชิก เช่น YouTube TV และ YouTube Premium นอกจากนี้ยังแย่งเวลาของการดูทีวีอีกด้วย ดังนั้น YouTube ยังมีพื้นที่มากมายให้เติบโต

ไม่ใช่แค่วิดีโอยาว แต่วิดีโอแบบสั้นที่เป็นเทรนด์บนโซเชียลมีเดียในปัจจุบัน YouTube เองก็มี YouTube Shorts บริการวิดีโอแบบสั้นของตัวเองที่ออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ TikTok อย่างไรก็ตาม Alphabet บริษัทแม่ของ YouTube ยังไม่ได้เปิดเผยว่ามีคนใช้ YouTube Shorts กี่คน แต่มีการรับชมทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 6.5 พันล้านครั้งต่อวันในเดือนมีนาคมเป็น 1.5 หมื่นล้านครั้งต่อวันภายในสิ้นไตรมาสที่ 2

อย่างไรก็ตาม ตามรายงานของ Nielsen เมื่อเดือนที่แล้วแสดงให้เห็นว่ายังมีที่ว่างมากมายสำหรับสตรีมเมอร์ทุกคนที่จะเติบโต เนื่องจากผู้คนจำนวนมากขึ้นไม่ได้ดูทีวีแบบเดิม ๆ และการสตรีมยังคงเป็นเพียง 1 ใน 4 ของเวลาที่ใช้รับชมทีวีทั้งหมด ดังนั้น ด้วยเทรนด์ของวิดีโอสตรีมมิ่งที่ยังเติบโต แปลว่าทุกแพลตฟอร์มก็ยังมีโอกาสที่จะเป็นผู้ชนะในสงครามนี้

Source

]]>
1344527