ยูทูบ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 04 Oct 2022 11:47:38 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 อัปเดต 3 เทรนด์ ‘YouTube’ ในวันที่ ‘Gen Z’ กว่าครึ่งดูวิดีโอที่คนทั่วไปไม่ดู https://positioningmag.com/1403033 Tue, 04 Oct 2022 08:17:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1403033 ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงแรกวิดีโอไวรัลบน YouTube เป็นตัวกำหนดเทรนด์ต่าง ๆ แต่บทบาทของ YouTube เปลี่ยนไปจากแมสเทรนด์ไปสู่คน แต่ตอนนี้เป็นการสร้างเทรนด์ ยิ่งในยุคนี้ที่ใคร ๆ ก็ครีเอทวิดีโอเองได้ โดยเฉพาะ Gen Z ที่เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยี อีกทั้ง ยังมีความเป็นตัวเองสูง ดังนั้น ไปอัปเดต 3 Types ที่เหล่าครีเอเตอร์ควรรู้ เพื่อที่จะสร้างวิดีโอให้ตรงใจคนดู

จากการสำรวจของ Ipsos พบว่า Gen Z ถึง 85% เคยโพสต์วิดีโอมาก่อน และเพราะคน Gen Z คุ้นเคยกับการผลิตและชมวิดีโอ ทำให้มีความเป็นตัวเองมากที่สุด 65% ของคน Gen Z ดูคอนเทนต์ที่ เกี่ยวของกับตัวเองมากกว่าคอนเทนต์ที่เป็นที่สนใจ และ 50% ดูคอนเทนต์ที่คนทั่วไปไม่ดู ดังนั้น ไปเจาะลึก 3 เทรนด์ ที่เหล่าครีเอเตอร์ควรรู้

Community Creativity

การสร้างคอนเทนต์สำหรับคนที่สนใจเรื่องเดียวกัน โดย 61% ของคน Gen Z ระบุว่าพวกเขาเป็น BigFan ของใครสักคนหรืออะไรสักอย่าง ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจหากแค่ วิดีโอเครื่องบินขึ้น-ลง จะมียอดวิวหลักหมื่นล้าน หรือครีเอเตอร์บางคนก็ผันตัวจาก แฟนด้อม ไปสู่การสร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจเหล่าแฟน จนสามารถขยายฐานผู้ติดตามไปจนกลายเป็นแมส

“เราเห็นชุมชนย่อย ๆ ที่มีความเฉพาะตัวสูงบน YouTube มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมันอาจไม่แมสแต่มีคนดูเหนียวแน่น และ 92% รอตอนต่อไปของครีเอเตอร์ นอกจากนี้ ยังพบเห็นการสนับสนุนผ่าน Fan Funding จากแฟนคลับด้วยฟีเจอร์ Membership” มุกพิม อนันตชัย หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ ยูทูบ ประเทศไทย และเวียดนาม กล่าว

มุกพิม อนันตชัย หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ ยูทูบ ประเทศไทย และเวียดนาม

Responsive Creativity

การสร้างคอนเทนต์เพื่อตอบสนองต่อความรู้สึกหรืออารมณ์ของคน โดย 83% ของ Gen Z หาคอนเทนต์ที่ทำให้ ผ่อนคลาย ทำให้คอนเทนต์ประเภท ASMR (Autonomous Sensory Meridian Response) มีการค้นหามากขึ้น โดยยอดวิวทั่วโลกของคอนเทนต์ประเภทนี้มีกว่า 65,000 ล้านวิวเลยทีเดียว นอกจากนี้ Gen Z 64% ยังต้องการหาคอนเทนต์ที่สามารถดูเรื่อย ๆ เพื่อเป็น เพื่อนแก้เหงา และ 80% ใช้วิดีโอรำลึกอดีต

Multi-format Creativity

เพราะฟอร์แมตวิดีโอบน YouTube เปลี่ยนไป มีทั้ง Shorts From, Long From และ Live-Stream ดังนั้น ครีเอเตอร์ควรสร้างสรรค์หลาย ๆ แบบ เพื่อหารูปแบบที่ตรงใจกับผู้ชม อย่าง Shorts อาจตั้งสั้น ๆ เป็น Meme เพื่อดึงดูดให้มาดูวิดีโอยาว เพราะ 59% ของ Gen Z ระบุว่า เขามักเจอวิดีโอใหม่ ๆ ในวิดีโอสั้น

]]>
1403033
‘YouTube’ เจอพิษ ‘TikTok’ และสงคราม ‘รัสเซีย-ยูเครน’ ทำรายได้ไตรมาสแรกพลาดเป้า ฉุดหุ้นร่วง 4% https://positioningmag.com/1383054 Wed, 27 Apr 2022 06:13:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1383054 ‘อัลฟาเบท’ (Alphabet) บริษัทแม่ของ ‘Google’ และ ‘YouTube’ ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกซึ่งต่ำกว่าที่หลาย ๆ คนคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้หุ้นของบริษัทตกลง 4% โดยภาพรวมทั้งปีหุ้นของบริษัทตกลงไปแล้วถึง 18% ร่วงสู่จุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2564

รายได้ของ Alphabet ในไตรมาสแรกของปีปิดที่ 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ยังต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะทำรายได้ 6.81 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยช่วงไตรมาสแรกของปี 64 Alphabet สามารถเติบโตได้ถึง 34% หลังจากที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งจากการระบาดใหญ่

โดยบริษัทรายงานรายได้โฆษณาจากฝั่งของ Google ที่ 5.46 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้นจาก 4.46 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า ส่วนรายได้จาก YouTube ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ โดยปิดที่ 6.9 พันล้านดอลลาร์ พลาดเป้าของนักวิเคราะห์ที่ 7.5 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจาก TikTok ครองส่วนแบ่งตลาดวิดีโอโซเชียลมีเดียที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทหยุดการขายโฆษณาในรัสเซีย เนื่องจากสงคราม

สืบเนื่องจากภาวะสมครามรัสเซีย-ยูเครน ทางบริษัทได้ระงับการให้บริการ Google ในรัสเซีย ส่งผลให้การขยายตัวของรายได้ในภูมิภาคยุโรปซึ่งรวมถึงตะวันออกกลางและแอฟริกา ชะลอตัวลงสู่ระดับ 19% ในไตรมาสแรก จาก 33% ของปีก่อน

Ruth Porat CFO กล่าวว่า YouTube เติบโตเพียงเล็กน้อย การชะลอตัวดังกล่าวสะท้อนถึงความยากลำบากเมื่อเทียบกับเวลาเดียวของปีที่แล้ว ด้าน Sundar Pichai CEO เปิดเผยว่า ฟีเจอร์ Shorts มียอดรับชมกว่า 3 หมื่นล้านครั้ง/วัน ซึ่งเติบโตเป็นสองเท่าในไตรมาสก่อนหน้าและสี่เท่าของปีก่อน

ส่วนรายได้อื่น ๆ ของ Google ซึ่งรวมถึงฝั่งฮาร์ดแวร์, Play Store และรายได้ที่ไม่ใช่โฆษณาบน YouTube อยู่ที่ 6.81 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าปีก่อนเล็กน้อยเล็กน้อย ส่วนแผนกอื่น ๆ อย่าง Waymo หน่วยรถยนต์ไร้คนขับ มีรายได้เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากปีก่อนหน้าปิดที่ 440 ล้านดอลลาร์ จาก 198 ล้านดอลลาร์ 

สำหรับธุรกิจที่โดดเด่นในช่วงไตรมาสแรกนี้ ได้แก่ คลาวด์ โดยเติบโตขึ้น 44% และทำลายสถิติเกินคาด เนื่องจากองค์กรขนาดใหญ่จำนวนมากขึ้นเปลี่ยนการเก็บข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลของตนเองไปไว้บนคลาวด์ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงขาดทุนจากการดำเนินงาน 931 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 974 ล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ กำไรต่อหุ้นในไตรมาสนี้อยู่ที่ 24.62 ดอลลาร์ ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 30.69 ดอลลาร์ และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ของเรฟินิทีฟ (Refinitiv) คาดการณ์ไว้ที่ 25.91 ดอลลาร์ หุ้นของ Alphabet ลดลง 18% สำหรับปี โดยร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่พฤษภาคม 2564

Source

]]>
1383054
จับตา ‘YouTube’ ที่รายได้กำลังจะแซง ‘Netflix’ อีกหนึ่งศัตรูตัวฉกาจในศึกสตรีมมิ่งที่ห้ามมองข้าม https://positioningmag.com/1344527 Thu, 29 Jul 2021 10:42:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1344527 หากพูดถึงตลาดวิดีโอสตรีมมิ่ง แน่นอนว่าหลายคนไม่ได้คิดถึง ‘YouTube’ เท่าไหร่ โดยส่วนใหญ่จะไปคิดถึง Netflix, Disney+ และอื่น ๆ ที่มีรูปแบบรายได้แบบซับสคริปชั่นหรือสมัครสมาชิก และเน้นแย่งชิงฐานคนดูด้วยภาพยนตร์-ซีรีส์ แต่หากพูดกันตามจริงสงครามนี้คือการแย่งชิง ‘เวลา’ ผู้ชม ดังนั้น YouTube จึงถือเป็นศัตรูที่มองข้ามไม่ได้

จากผลการเก็บข้อมูลของ Nielsen พบว่า ปัจจุบันผู้คนรับชมคอนเทนต์บน YouTube และ Netflix แค่ 2 แพลตฟอร์มก็มากกว่าแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งอื่น ๆ รวมกัน ซึ่งไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะปัจจุบัน YouTube มีผู้ใช้งานกว่า 2,000 ล้านคนทั่วโลก ส่วน Netflix ที่มียอดผู้ใช้งานทั้งหมด 209 ล้านบัญชี ตามด้วย Disney+ ที่มียอดผู้ใช้งานทั้งหมด 104 ล้านบัญชี

ขณะที่ยอดรับชม YouTube ผ่าน ‘ทีวี’ ก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จากปีก่อนมียอดรับชมที่ 100 ล้านคน/เดือน มาปีนี้เติบโตเป็น 120 ล้านคน/เดือน นั่นแสดงให้เห็นว่า การรับชมทีวีปกติก็ได้ถูก YouTube แย่งเวลาไปแล้ว แม้ว่าการรับชมผ่านสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์ และแท็บเล็ตยังคงเป็นสัดส่วนหลักก็ตาม ซึ่ง Nielsen ระบุว่า YouTube และ Netflix เป็นสตรีมเมอร์สองอันดับแรก โดยแต่ละบริการคิดเป็น 6% ของเวลาที่ใช้ในการดูทีวี

ในส่วนของรายได้ก็มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 2 ที่ผ่านมามีรายได้โฆษณาเพิ่มขึ้น 83% จากปีที่แล้ว โดยทำรายได้กว่า 7,002 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 230,400 ล้านบาท เทียบกับรายได้ไตรมาส 2 ของ Netflix ที่ 7.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 241,600 ล้านบาท เติบโต 19.4% จากปีที่แล้ว

จะเห็นว่า YouTube ไม่ได้เป็นเพียงผู้นำด้านสตรีมวิดีโอที่มีอัตราเติบโตที่น่าเหลือเชื่อ แต่ยังกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งแบบ SVOD (Subscription Video On Demand) หรือแบบเสียเงินสมัครสมาชิก เพราะรายได้ดังกล่าวของ YouTube มาจากแค่ค่าโฆษณา ยังไม่รวมรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่ต้องสมัครสมาชิก เช่น YouTube TV และ YouTube Premium นอกจากนี้ยังแย่งเวลาของการดูทีวีอีกด้วย ดังนั้น YouTube ยังมีพื้นที่มากมายให้เติบโต

ไม่ใช่แค่วิดีโอยาว แต่วิดีโอแบบสั้นที่เป็นเทรนด์บนโซเชียลมีเดียในปัจจุบัน YouTube เองก็มี YouTube Shorts บริการวิดีโอแบบสั้นของตัวเองที่ออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ TikTok อย่างไรก็ตาม Alphabet บริษัทแม่ของ YouTube ยังไม่ได้เปิดเผยว่ามีคนใช้ YouTube Shorts กี่คน แต่มีการรับชมทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 6.5 พันล้านครั้งต่อวันในเดือนมีนาคมเป็น 1.5 หมื่นล้านครั้งต่อวันภายในสิ้นไตรมาสที่ 2

อย่างไรก็ตาม ตามรายงานของ Nielsen เมื่อเดือนที่แล้วแสดงให้เห็นว่ายังมีที่ว่างมากมายสำหรับสตรีมเมอร์ทุกคนที่จะเติบโต เนื่องจากผู้คนจำนวนมากขึ้นไม่ได้ดูทีวีแบบเดิม ๆ และการสตรีมยังคงเป็นเพียง 1 ใน 4 ของเวลาที่ใช้รับชมทีวีทั้งหมด ดังนั้น ด้วยเทรนด์ของวิดีโอสตรีมมิ่งที่ยังเติบโต แปลว่าทุกแพลตฟอร์มก็ยังมีโอกาสที่จะเป็นผู้ชนะในสงครามนี้

Source

]]>
1344527