ยูนิโคล่ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 14 Jul 2025 11:11:16 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ทำไม GLOBAL WORK เลือก ‘ไทย’ เปิดสาขาแรกในอาเซียน แบบไม่หวั่นเศรษฐกิจ https://positioningmag.com/1529834 Mon, 14 Jul 2025 03:55:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1529834 GLOBAL WORK เป็นแบรนด์แฟชั่นญี่ปุ่นอายุ 30 ปี ที่มาภายใต้แนวคิด People First มีสาขาในญี่ปุ่นราว 221 แห่ง รวมถึงมีสาขาในต่างประเทศอย่างฮ่องกงกับไต้หวัน 21 สาขา และล่าสุดตัดสินใจเลือก ‘ไทย’ เป็นประเทศแรกสำหรับการปักหมุดเปิดสาขาในอาเซียน 

ความน่าสนใจ คือ ทำไม GLOBAL WORK ถึงเลือกบ้านเราเปิดสาขาแรกในภูมิภาคนี้ ทั้ง ๆ ที่ไทยกำลังเผชิญความท้าทายมากมาย โดยเฉพาะสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่อมส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคและยอดขายของแบรนด์อย่างแน่นอน ยังไม่รวมถึงสภาพการแข่งขันของตลาดแฟชั่นที่รุนแรง 

คนไทยเทสดี มีการบริโภคสินค้าแฟชั่นสูง

‘โอตะ ซาโตรุ’ Adastria Executive Officer, GLOBAL WORK Division และ ‘เซกิโมริ คาซึชิ’ Adastria Thailand Managing Director ให้คำตอบถึงเหตุผลที่ Adastria เจ้าของแบรนด์ GLOBAL WORK เลือกไทยเปิดสาขาแรกในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากไทยเป็นตลาดที่มีโอกาสการเติบโตของธุรกิจแฟชั่นสูง เพราะ 

  1. ไทย เป็นประเทศที่มีการบริโภคสินค้าแฟชั่นเป็นจำนวนมาก
  2. ผู้บริโภคไทยมีเทสในเรื่องของแฟชั่นดี ถือเป็นปัจจัยบวกต่อการพัฒนาและสร้างการเติบโตให้กับตลาด
  3. ทางบริษัทฯ มองว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีการพัฒนาในระดับสูงและรายได้ของชนชั้นกลางกำลังขยายตัว โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานช่วงอายุ 20-30 ปี ที่มีความกระตือรือร้นในการใช้จ่ายด้านแฟชั่น

แม้หลายคนจะกังวลถึงสภาวะเศรษฐกิจของไทยที่อยู่ในช่วงขาลง แต่ด้วยผลตอบรับของ ‘niko and …’ อีกหนึ่งแบรนด์ในเครือของ Adastria ซึ่งเปิดไปก่อนหน้านี้ 3 สาขาในไทยที่กำลังไปได้ดี ทาง Adastria จึงมองใน ‘แง่บวก’ และตัดสินใจเปิดสาขาของ GLOBAL WORK แห่งแรกในไทย ณ เดอะมอลล์ ไลฟ์สไตล์ งามวงศ์วาน โดยไม่ได้มีความกังวลเป็นพิเศษต่อภาวะเศรษฐกิจ 

วางไทยเป็นฮับอาเซียน 

นอกจากนี้ ด้วยความพร้อมในด้านต่าง ๆ ของไทย และความได้เปรียบในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ทาง Adastria วางจะสร้างให้ไทยเป็นฮับของภูมิภาคอาเซียน โดยในอนาคตจะมีการนำแบรนด์อื่น ๆ ภายในเครือที่มีกว่า 50 แบรนด์เข้ามาวางจำหน่ายเพิ่มเติม และจะใช้ความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมในไทยต่อยอดไปสู่การเปิดสาขาในประเทศอื่นๆ ในกลุ่มอาเซียนต่อไป 

กลยุทธ์ดังกล่าว เป็นไปตนโยบายของบริษัทแม่ Adastria ที่ต้องการขยายสาขาในอาเซียนอย่างจริงจัง เนื่องจากอาเซียนเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่ทางบริษัทให้ความสำคัญ เพราะตลาดแฟชั่นมีแนวโน้มเติบโตได้ดี จำนวนประชากรวัยหนุ่มสาวสัดส่วนสูง ซึ่งขณะนี้ได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศไทยและฟิลิปปินส์ไว้เรียบร้อยแล้ว

 อย่างไรก็ตาม ไทยถือเป็นตลาดแฟชั่นที่มีความเติบโตและมีการแข่งขันสูง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ สำหรับแบรนด์ GLOBAL WORK ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ด้วยการสร้างความแตกต่างผ่านการออกแบบสินค้าและการบริการที่ ‘ใส่ใจลูกค้า’ ภายใต้แนวคิด People First จุดแข็งที่ได้สั่งสมมาจากประสบการณ์ในญี่ปุ่น 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีระบบที่พนักงานหน้าร้านจะรับฟังเสียงจากลูกค้า แล้วส่งข้อมูลกลับไปยังสำนักงานใหญ่เพื่อนำไปวิเคราะห์ด้วย AI และสะท้อนกลับสู่การพัฒนาสินค้า ซึ่งในญี่ปุ่นได้นำมาใช้แล้ว และมีแผนจะนำแนวทางนี้มาใช้ในประเทศไทยด้วยเช่นกัน 

นอกจากนี้ ขณะที่แบรนด์แฟชั่นระดับโลกหลายแบรนด์เลือกขายสินค้าที่เหมือนกันทั่วโลก แต่ GLOBAL WORK จะเน้นการปรับสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการและสภาพอากาศของแต่ละพื้นที่ ถือเป็นอีกกลยุทธ์สำหรับสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง 

ในส่วนของราคา วางไว้ให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่ง โดยเฉพาะกับแบรนด์ที่มาจากญี่ปุ่นเหมือนกัน โดย

  • เสื้อยืด ราคา 590-1,490 บาท
  • เสื้อเชิ้ต ราคา 1,290-1,990 บาท
  • กางเกง ราคา 1,299-2,990 บาท

 อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจราคาในร้าน ‘ยูนิโคล่’ (UNIQLO) พบว่า เสื้อยืด ราคาจะอยู่ระหว่าง 290-590 บาท, เสื้อเชิ้ต มีราคา 590-1,990 บาท และกางเกง มีราคา 390-1,290 บาท 

ส่วน ‘มูจิ’ (Muji) เสื้อยืด ราคาจะอยู่ระหว่าง 290-790 บาท, เสื้อเชิ้ต ราคา 690-1,290 บาท และกางเกง ราคา 590-1,490 บาท

]]>
1529834
ผลสำรวจชี้ ‘อาการศร้อน’ มีผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง https://positioningmag.com/1520837 Thu, 08 May 2025 06:45:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1520837 ยูนิโคล่ แบรนด์เครื่องแต่งกายระดับโลก เจ้าของ AIRism เผยผลการวิจัยล่าสุดที่สำรวจถึงการเปลี่ยนแปลงของการใช้ชีวิตในปัจจุบันของผู้คนในเมือง จาก 7 เมืองใหญ่ทั่วโลก รวมถึงกรุงเทพฯ ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน นำไปสู่ความรู้สึกไม่สบายตัวที่เกิดขึ้นจากการเดินทางและสภาพแวดล้อมการทำงานที่เคร่งเครียด

 

ผลสำรวจดังกล่าว เป็นการสำรวจผู้ที่ต้องเดินทางไปทำงานกว่า 7,000 คนจาก 7 เมืองใหญ่ทั่วโลก เช่น ลอนดอน, ปารีส, นิวยอร์ก, เซี่ยงไฮ้, โซล, โตเกียว และ กรุงเทพฯ ที่ต้องเดินทางไปทำงานโดยใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง โดยพบว่า

 

ผู้คนจำนวนมากที่ใช้ชีวิตและทำงานอยู่ในเมืองใหญ่หลายแห่งทั่วโลก รู้สึกว่า การที่เหงื่อออกโดยไม่คาดคิด ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง มีผลเสียต่อสุขภาพ หรือแม้กระทั่งทำให้กิจกรรมสังสรรค์ต่างๆ เสียบรรยากาศได้อีกด้วย

 

*86% ของผู้ตอบแบบสอบถามสังเกตว่าสภาพอากาศในเมืองนั้นไม่สามารถคาดเดาได้เลย

*70 % สมาธิในการทำงานลดลง

*65% รู้สึกว่าเมื่ออากาศร้อนเกินไป ยิ่งทำให้ช่วงเวลาสังสรรค์ต่างๆ สนุกน้อยลง

*56% ตัดสินใจเปลี่ยนแผนหรือยกเลิกนัดเนื่องจากความไม่สบายตัวจากเหงื่อ

*70% เลือกซื้อเสื้อผ้าที่สวมใส่แล้วสบายตัวเมื่อต้องเดินทาง

*76% ให้ความสำคัญกับเรื่องสไตล์การแต่งตัวและเสื้อผ้าที่มีประสิทธิภาพ

 

ความร้อนคืออุปสรรคหลักในการใช้ชีวิตของคนกรุงเทพฯ

 

*กว่า 4 ใน 5 หรือ 82% ระบุกังวลเมื่อรู้สึกเหนียวตัวและอึดอัดกับเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่

*80% ระบุอากาศร้อนทำให้เผชิญผลกระทบเชิงลบมากกว่าที่เคยเป็น เช่น ปวดหัว อ่อนเพลีย มีอาการชา หรือนอนได้ไม่ต่อเนื่อง

*50% เผยรู้สึกหงุดหงิดอารมณ์ไม่ดี ถ้าร้อนจนเหงื่อตกระหว่างเดินทาง ปัญหาไม่ได้จำกัดอยู่แค่ช่วงระหว่างเดินทางเท่านั้นด้วย เพราะพอไปถึงที่ทำงานแล้ว เสื้อผ้าก็มักส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน

*42% ยอมรับว่า เวลาอึดอัดกับเสื้อผ้าที่สวมใส่ คุณภาพงานของพวกเขาจะลดลง

*86% ของผู้ตอบแบบสอบถามสังเกตว่าสภาพอากาศในพื้นที่นั้นคาดเดาได้ยากขึ้น

*65% เห็นด้วยว่าการใช้ชีวิตสบายๆ ในแต่ละวันนั้นเต็มไปด้วยความท้าทายเพราะสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน

*59% ความกังวลเรื่องกลิ่นตัว

*72% ของกลุ่มคนอายุระหว่าง 25 – 34 ปี กังวลเกี่ยวกับคราบเหงื่อ (หรือประมาณ 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด)

]]>
1520837
‘ยูนิโคล่’ เสี่ยงโดน ‘จีน’ แบน! หลัง CEO หลุดว่าไม่ได้ใช้ ‘ฝ้ายซินเจียง’ https://positioningmag.com/1501626 Mon, 02 Dec 2024 12:49:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1501626 ฝ้ายซินเจียง ถือเป็นหนึ่งในผ้าที่ดีที่สุดของโลก และถือเป็นประเด็นแสนละเอียดอ่อนของ จีน ที่ทำให้แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นจากฝั่งตะวันตกหลายรายต้องปลิวออกนอกประเทศ เนื่องจากมีการกล่าวหาว่ารัฐบาลจีนบังคับใช้แรงงานชาว อุยกูร์ ในการผลิตผ้า

ล่าสุด แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นรายใหญ่ของโลกอย่าง ยูนิโคล่ (Uniqlo) ก็สุ่มเสี่ยงจะโดนลูกค้าในจีนคว่ำบาตร เนื่องจาก ทาดาชิ ยาไน (Tadashi Yanai) ซีอีโอของ Fast Retailing ได้แสดงความคิดเห็นระหว่างการสัมภาษณ์กับ BBC ว่า บริษัทไม่ได้ใช้ผ้าฝ้ายซินเจียง แม้ว่าในท้ายที่สุดเขาจะ ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธว่า ผ้าฝ้ายซินเจียงถูกใช้ในเสื้อผ้าของยูนิโคลหรือไม่ พร้อมทั้งระบุว่า เขาต้องการ เป็นกลางระหว่างสหรัฐฯ และจีน

อย่างไรก็ตาม บทสัมภาษณ์ดังกล่าวได้ทำให้เกิดเป็นไวรัลใน Weibo โซเชียลมีเดียชื่อดังของจีน โดยผู้ใช้หลายคนออกมาแสดงความเห็นประณามและบอกว่าจะ ไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัท

แม้ว่า Uniqlo จะขยายตัวอย่างรวดเร็วในยุโรปและสหรัฐอเมริกา แต่ตัวซีอีโอบอกเองว่า “ยูนิโคล่ไม่ใช่แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก” และเอเชียยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด และตลาดจีนเป็นตลาดต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของ Fast Retailing โดยเมื่อรวมตลาดไต้หวันและฮ่องกงแล้ว จะคิดเป็นสัดส่วนรายได้กว่า 20% เลยทีเดียว

ขณะที่จำนวนสาขาในจีนแผ่นดินใหญ่ของยูนิโคล่ปัจจุบันมีประมาณ 900-1,000 แห่ง แต่ทางซีอีโอเชื่อมั่นว่ามีโอกาสขยายได้ถึง 3,000 แห่ง นอกจากนี้ จีนยังเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สําคัญของบริษัทอีกด้วย

ที่ผ่านมา ประเด็นผ้าฝ้ายซินเจียงถือเป็นประเด็นสุดอ่อนไหวในจีน เนื่องจากในปี 2022 ฝั่งสหรัฐฯ มีการแบนใช้ผ้าฝ้ายซินเจียง เนื่องจากสงสัยว่าใช้แรงงานชาวอุยกูร์ ส่งผลให้แบรนด์แฟชั่นหลายแบรนด์ได้เลิกใช้ผ้าฝ้ายซินเจียง อาทิ H&M จนเป็นผลให้ผู้บริโภคชาวจีนร่วมกันแบนจนร้านถูกถอดออกจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ ขณะที่หน้าร้านบางแห่งก็ถูกสั่งปิดไม่มีกำหนด

ปัจจุบัน ยูนิโคล่ต้องเจอกับการแข่งขันที่สูงในตลาดฟาสต์แฟชั่น เนื่องจากการมาของแบรนด์อย่าง Shein และ Temu ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มของจีนที่เน้นขายของราคาถูก 

Source

]]>
1501626
‘ยูนิโคล่’ โชว์กำไรพุ่ง 31% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจาก ‘เงินเยน’ ที่อ่อนค่า https://positioningmag.com/1494172 Fri, 11 Oct 2024 12:04:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1494172 ทำสถิติ 3 ปีติดแล้ว สำหรับผลประกอบการของ Fast Retailing บริษัทแม่ของ ยูนิโคล่ (Uniqlo) ผู้ผลิตเสื้อผ้าและผู้ค้าปลีกที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกรองจาก Inditex เจ้าของ Zara และ H&M โดยในปีงบประมาณ 2024 สามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้น 31%

Fast Retailing รายงานผลประกอบการในปีงบประมาณ 2024 (สิ้นสุดส.ค.) ว่า ทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง 3 ปี โดยกำไรเพิ่มขึ้น 31% ทะลุ 5 แสนล้านเยน (1.2 แสนล้านบาท) จากที่ในปีงบประมาณก่อนหน้าทำได้ 3.81 แสนล้านเยน โดยผลกำไรที่ทำได้ถือว่าสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะแตะระดับ 4.7 แสนล้านเยน

ปัจจัยที่ทำให้กำไรของบริษัทพุ่งขึ้นมาจากทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ โดยการเติบโตในประเทศได้ปัจจัยหนุนจากการท่องเที่ยวที่ยังคงเฟื่องฟู และคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด 35 ล้านคนในปี 2024 นี้ โดยยอดขาย Same Store เพิ่มขึ้น 11.7% ในช่วงครึ่งหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมถึง 31 สิงหาคม 2024)

นอกจากนี้ Uniqlo ยังได้รับประโยชน์จาก เงินเยนที่อ่อน ทำให้รายได้จากการขยายกิจการไปยังตลาดตะวันตกก็เพิ่มขึ้นเมื่อแปลงค่าเงินกลับเป็นเงินเยน

“ความต้องการจากนักท่องเที่ยวต่างชาติมีส่วนทําให้รายได้ของ Uniqlo Japan เพิ่มขึ้น เนื่องจากการรับรู้แบรนด์ของ Uniqlo ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก” Fast Retailing กล่าว

ในส่วนของยอดขายในจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกงนั้นแข็งแรงในช่วงครึ่งแรกของปี แต่ซบเซาหนักขึ้นในช่วงครึ่งหลัง โดยบริษัทระบุว่า เกิดจากการชะลอตัวของต้องการของผู้บริโภค และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไม่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในท้องถิ่นอย่างเต็มที่ ซึ่งจีนเป็นตลาดต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุด ด้วยร้านค้ามากกว่า 900 แห่ง

ทั้งนี้ Fast Retailing คาดว่า กําไรจากการดําเนินงานจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.3 แสนล้านเยน ในปีงบประมาณ 2025

Source

]]>
1494172
Uniqlo ยอดขายในอินเดียปีที่ผ่านมาเติบโตถึง 60% บริษัทเตรียมขยายสาขา เพิ่มซัพพลายเออร์ https://positioningmag.com/1447285 Mon, 09 Oct 2023 17:38:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1447285 บริษัทแม่ของร้าน Uniqlo อย่าง Fast Retailing ตั้งใจบุกตลาดในประเทศอินเดียอย่างเต็มที่ หลังจากในปีที่ผ่านมา ยอดขายในประเทศอินเดียเติบโตมากถึง 60% แสดงให้เห็นถึงความนิยมของแบรนด์เสื้อผ้าญี่ปุ่นรายนี้ในอินเดีย

Fast Retailing บริษัทแม่แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดัง Uniqlo ได้เตรียมที่จะขยายสาขาเพิ่มในประเทศอินเดีย หลังจากในผลประกอบการในปีที่ผ่านมา ยอดขายในแดนภาระตะของบริษัทนั้นเพิ่มขึ้นมากถึง 60% ไม่เพียงเท่านี้บริษัทยังเตรียมเพิ่มซัพพลายเออร์เพื่อที่จะส่งออกเสื้อผ้าไปยังต่างประเทศด้วย

ผลประกอบการของธุรกิจที่อยู่ในอินเดียในปีที่ผ่านมา (สิ้นสุดเดือนมีนาคมของปีนี้) หลังบริษัทได้ยื่นงบบริษัทให้หน่วยงานพาณิชย์ของอินเดีย Uniqlo นั้นทำรายได้มากถึง 6,240 ล้านรูปี เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมามากถึง 60% ส่งผลทำให้บริษัทมีกำไรมากถึง 683 ล้านรูปี

ล่าสุดเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดัง Uniqlo ยังได้เปิดสาขาที่เมืองมุมไบสาขาแรก ซึ่งเป็นเมืองสำคัญอีกเมืองโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ขณะที่สาขาที่ 2 ในเมืองมุมไบนั้น บริษัทคาดว่าจะเปิดสาขาได้ภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้

ทำให้ล่าสุดสาขาของ Uniqlo ในประเทศอินเดียมีเพิ่มขึ้นเป็น 11 สาขาแล้ว หลังบริษัทได้เปิดสาขาแรกในปี 2019 ที่กรุงนิวเดลี ซึ่งการเปิดสาขาในเมืองมุมไบ บริษัทส่งสัญญาณว่าพวกเขากำลังเร่งเพิ่มสาขาอย่างจริงจังในอินเดีย

ไม่เพียงเท่านี้ Fast Retailing เองยังได้เตรียมหาซัพพลายเออร์เพิ่มเติมในประเทศอินเดียเพื่อที่จะผลิตเสื้อผ้าหลังจากยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบัน Fast Retailing กำลังทำงานร่วมกับโรงงานเย็บผ้าและโรงงานมากกว่า 20 แห่งในอินเดีย ซึ่งข้อกำหนดของรัฐบาลอินเดียคือจะต้องมีสินค้าที่ผลิตในประเทศอย่างน้อย 30% ของสัดส่วนสินค้าทั้งหมด

Tomohiko Sei ซึ่งเป็น CEO ของ Uniqlo ในประเทศอินเดียได้กล่าวว่า ด้วยขนาดประชากร การเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้อินเดียถือเป็นโอกาสสำคัญของบริษัท และไม่ใช่แค่โอกาสสำคัญของแบรนด์เสื้อผ้ารายนี้เท่านั้น แต่เขายังมองว่านี่เป็นโอกาสของบริษัทอื่นๆ ด้วย

นอกจากนี้ CEO รายดังกล่าวยังได้มองว่าทำไมแบรนด์เสื้อผ้ารายนี้ถึงมียอดขายที่เติบโต เขาได้กล่าวว่า “นี่ไม่เกี่ยวกับการขายสินค้าหรือกำไร แต่หมายถึงการเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้คนทั่วอินเดีย และเป็นแบรนด์ที่เป็นส่วนหนึ่งของชาวอินเดีย”

บริษัทจากญี่ปุ่นรายนี้ได้ตั้งเป้าที่จะมียอดขายให้ได้ถึง 5 ล้านล้านเยนภายใน 5 ปีที่จะถึงนี้ให้ได้ และอินเดียเป็นอีก 1 ประเทศที่จะช่วยผลักดันยอดขายของบริษัทให้ถึงฝั่งฝันได้ และบริษัทต้องการที่จะเป็นผู้เล่นระดับโลกในด้านการจำหน่ายเสื้อผ้าด้วย

ที่มา – Money Control, Bloomberg, Business Today

]]>
1447285
‘Uniqlo’ ขึ้นเงินเดือนพนักงานในญี่ปุ่น 40% เพื่อลดช่องว่างค่าตอบแทนกับพนักงานต่างประเทศ https://positioningmag.com/1415178 Wed, 11 Jan 2023 10:57:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1415178 ยูนิโคล่ (Uniqlo) บริษัท Fast Retailing สัญชาติญี่ปุ่นยักษ์ใหญ่ของโลก ได้เปิดเผยว่าจะขึ้นเงินเดือนพนักงานประจำในญี่ปุ่นสูงถึง 40% ในเดือนมีนาคมนี้ เพื่อพยายามลดช่องว่างของค่าตอบแทนกับพนักงานในต่างประเทศและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันระดับโลกของบริษัท

ก่อนหน้านี้ ยูนิโคล่ ในญี่ปุ่นเคยขึ้นค่าจ้างรายชั่วโมงของพนักงานพาร์ทไทม์โดยเฉลี่ยประมาณ 20% เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ล่าสุด บริษัทก็เตรียม ปรับขึ้นเงินเดือนสูงสุด 40% สำหรับพนักงานประจำซึ่งปัจจุบันมีจำนวนราว 8,400 คน โดยเงินเดือนขั้นต่ำของพนักงานที่จบในระดับมหาวิทยาลัยจะเพิ่มขึ้นจาก 255,000 เยน (ราว 66,300 บาท) เป็น 300,000 เยน (ราว 78,000 บาท) เพิ่มขึ้น 18%

ส่วนเงินเดือนของผู้จัดการร้านใหม่จะอยู่ที่ 390,000 เยน (ราว 101,400 บาท) เพิ่มขึ้น 100,000 เยน (ราว 26,000 บาท) และเพิ่มขึ้นประมาณ 36% ต่อปี ส่วนรายได้ประจำปีของพนักงานคนอื่น ๆ จะเพิ่มขึ้นถึง 40% ตามข้อมูลของบริษัท โดยรวมแล้ว ต้นทุนแรงงานของบริษัทคาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 15%

นอกจากนี้ โบนัสของพนักงาน Fast Retailing ยังคาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกด้วย บริษัทกล่าวว่า จะยกเลิกเบี้ยเลี้ยงผู้บริหาร และนำระบบการให้คะแนนทั่วไปมาใช้ในการตัดสินใจขึ้นเงินเดือนของพนักงาน

ที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นเรียกร้องให้บริษัทต่าง ๆ ขึ้นค่าเงินเดือนเนื่องจากวิกฤตค่าครองชีพที่สูงขึ้น และคาดว่าความเคลื่อนไหวของยักษ์ใหญ่ด้านเสื้อผ้าระดับโลกจะส่งผลกระทบต่อการเจรจาค่าจ้างประจำปีระหว่างผู้บริหารและแรงงานทั่วญี่ปุ่น

สำหรับยูนิโคล่ มีกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 273,340 ล้านเยน (ราว 71,000 ล้านบาท) จากยอดขาย 2.3 ล้านล้านเยน สำหรับปีงบประมาณที่ผ่านมา (สิ้นสุดในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว) เพิ่มขึ้น 60.9% จากปีก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายในต่างประเทศที่แข็งแกร่ง

Source

]]>
1415178
เจ้าของ ‘ยูนิโคล่’ ขึ้นแท่น ‘มหาเศรษฐีอันดับ 1 ญี่ปุ่น’ แม้ความมั่งคั่งลดลง 40% https://positioningmag.com/1387690 Fri, 03 Jun 2022 08:00:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1387690 ทาดาชิ ยานาอิ ผู้ก่อตั้ง ‘ยูนิโคล่’ แบรนด์เสื้อผ้าชั่นสัญชาติญี่ปุ่น ได้ขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของญี่ปุ่น หลังจากที่อยู่ในตำแหน่งเบอร์ 2 มา 2 ปีติด ตามการจัดอันดับของ Forbes Asia นิตยสารธุรกิจระหว่างประเทศชื่อดัง

ทาดาชิ ยานาอิ (Tadashi Yanai) ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท Fast Retailing Co ซึ่งเป็นผู้ดำเนินกิจการเชนเสื้อผ้าลำลองชื่อ Uniqlo ที่คนไทยและทั่วโลกคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี โดยจากรายงานของ Forbes Asia ระบุว่า ยานาอิ ขึ้นเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ญี่ปุ่น โดยมีมูลค่าทรัพย์สินรวม 2.36 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ความมั่งคั่งของเขาลดลงถึง 44% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของยอดขายในตลาดภายในประเทศและในจีน

มูลค่าทรัพย์สินที่ลดลงอย่างรวดเร็วของยานาอิถือเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มการหดตัวในวงกว้างของเศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยสะท้อนจากความมูลค่าทรัพย์สินของมหาเศรษฐีญี่ปุ่น โดยเมื่อนำทรัพย์สินมหาเศรษฐีทั้ง 50 อันดับมารวมกัน จะเห็นว่าความมั่งคั่งลดลงเกือบ 1 ใน 3 เหลือเพียง 1.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาสินค้าพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงการหยุดชะงักของซัพพลายเชน

ทั้งนี้ มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของญี่ปุ่น ได้แก่ ทาเคมิตสึ ทากิซากิ ผู้ก่อตั้งบริษัทคีย์เอ็นซ์ คอร์ป ผู้ผลิตอุปกรณ์เซ็นเซอร์ออโตเมชั่น โดยมีสินทรัพย์รวม 2.16 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยลดลงจากปีที่แล้ว 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วย มาซาโยชิ ซัน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ SoftBank Group Corp ที่หล่นจากเบอร์ 1 ในปีที่แล้วมาอยู่อันดับ 3 เนื่องจากมูลค่าสุทธิของเขาลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่งเหลือ 2.11 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

Source

]]>
1387690
‘Uniqlo’ ฟันกำไรไตรมาส 4 ‘2.7 หมื่นล้านบาท’ โต 33% แม้ตลาด ‘จีน’ รายได้หด https://positioningmag.com/1370536 Mon, 17 Jan 2022 05:22:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1370536 Fast Retailing บริษัทแม่ของแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นยักษ์ใหญ่ Uniqlo (ยูนิโคล่) ได้ออกมาประกาศผลกำไรไตรมาสแรก (ต.ค. – ธ.ค. 64) ว่าทำได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน และยังคงรักษาการคาดการณ์ประจำปีไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าธุรกิจในตลาดหลักของจีนแผ่นดินใหญ่ได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดด้านไวรัส

กลุ่มบริษัทเสื้อผ้าลำลองของญี่ปุ่น กล่าวว่า ยอดขายและกำไรที่ออกมาดีเกินคาดในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี โดยปัจจัยที่ส่งผลให้กำไรเติบโตมาจาก “ความหลากหลายที่เพิ่มขึ้น” ของธุรกิจของบริษัท โดยกำไรสุทธิสำหรับไตรมาสแรกพุ่งขึ้น 33% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะ 93.6 พันล้านเยน (2.7 หมื่นล้านบาท) ถือเป็น ไตรมาสแรกที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ทั้งนี้ กำไรสุทธิของ 3 ไตรมาสแรกของ ปีงบประมาณ 2021 ของ Fast Retelling (กันยายน 2020 – สิงหาคม 2021) อยู่ที่ 1.51 แสนล้านเยน หรือ 4.49 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม โลกกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ โอมิครอน (Omicron) ที่แพร่เชื้อได้สูง จนหลายคนกังวลว่าอาจจะทำให้ประสิทธิภาพโดยของบริษัทในปีงบประมาณ 2564-2565 อาจไปไม่ถึงฝัน แต่ Uniqlo ยังคงประมาณการกำไรสุทธิสำหรับปี 2022 จนถึงเดือนสิงหาคมไม่เปลี่ยนแปลงที่ 175 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น 3% จากตัวเลขสถิติของปีที่แล้ว

“เราคาดว่าจะบรรลุประมาณการเบื้องต้น แม้ว่าเราจะมีปัญหากับสถานการณ์ในอนาคตอันเนื่องมาจากการแพร่กระจายของ COVID-19 ทั่วโลก” คำแถลงระบุในถ้อยแถลง

ทั้งนี้ สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงของ Uniqlo ในปัจจุบันมาจากตลาดประเทศ จีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของ Uniqlo ด้วยนโยบาย ‘Zero Covid’ ทำให้ภาครัฐมีการกำหนดมาตรการการควบคุมการระบาดอย่างเข้มงวด ส่งผลให้รายได้และกำไรของบริษัทในจีนลดลง

และไม่ใช่แค่จีน แต่ยอดขายใน ญี่ปุ่น ก็ลดลงเช่นกัน เนื่องจากสภาพอากาศที่อบอุ่นในฤดูใบไม้ร่วงกระทบความต้องการเสื้อผ้าฤดูหนาว แต่ยังดีที่ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินเยนซึ่งเพิ่งแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์

Source

]]>
1370536
ขายแค่เสื้อไม่พอ! ‘ยูนิโคล่’ เปิดร้าน ‘กาแฟ’ พ่วงขาย ‘ดอกไม้’ ที่แฟล็กชิปสโตร์ในกินซ่า https://positioningmag.com/1352505 Sun, 19 Sep 2021 05:53:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1352505 เป็นเวลา 10 ปีแล้วที่แฟล็กชิปสโตร์ระดับโลกของ ‘ยูนิโคล่’ (Uniqlo) ที่ตั้งอยู่ในย่านกินซ่า ซึ่งย่านหรูหราของโตเกียวได้ให้บริการ โดยสโตร์ดังกล่าวสูง 12 ชั้น ถือเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศต้องแวะเยี่ยมชม ล่าสุด ยูนิโคล่ได้รีโนเวตใหม่ พร้อมโซนคาเฟ่ และโซนขายดอกไม้อีกด้วย

หลังจากทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวจาก COVID-19 ‘Uniqlo Ginza’ แฟล็กชิปสโตร์ของยูนิโคล่ก็พร้อมต้อนรับลูกค้าอีกครั้ง โดยทั้ง 12 ชั้นได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด แต่ 1 ในไฮไลต์หลักคือพื้นที่ Uniqlo Coffee ใหม่ล่าสุดที่ชั้นบนสุด โดยถือเป็นร้านกาแฟแห่งแรกของยูนิโคล่ โดยลูกค้าสามารถซื้อกาแฟ Uniqlo Original Blend ใหม่ล่าสุดของแบรนด์ได้ที่นี่ ทั้งแบบร้อนและเย็นในราคา 200 เยน (ราว 60 บาท)

โดย Uniqlo Ginza เป็นที่เดียวในโลกที่ลูกค้าสามารถดื่มกาแฟแบรนด์ยูนิโคล่และยังมีเมนูอื่น ๆ เช่น กาแฟดริปเกอิชาราคา 450 เยน และคุกกี้เนยที่เป็นขนมขึ้นชื่อของท้องถิ่นที่มีมาช้านาน ส่วนไฮไลต์อื่น ๆ ที่น่าจับตามองในคอมเพล็กซ์ที่ปรับปรุงใหม่ ได้แก่ ร้านสูท ที่มีพนักงานที่ผ่านการฝึกอบรมมาเป็นพิเศษเพื่อปรับแต่งเสื้อผ้าของลูกค้า บูธถ่ายภาพใหม่ และ ร้านดอกไม้

นอกจากนี้ ยูนิโคล่ยังออกคอลเลกชั่นพิเศษเป็นเสื้อทีเชิร์ต และกระเป๋าที่มีโลโก้แบรนด์ของร้านค้าในย่านกินซ่าอย่าง Kyukyodo, Cafe Paulista, Ginza Kimuraya และ Ginza Sembikiya ออกมาให้ได้ซื้อหากัน ซึ่งถือเป็นการช่วยส่งเสริมธุรกิจใกล้เคียงด้วย

โซนตัดสูท
คอลเลกชั่นที่ขายเฉพาะยูนิโคล่กินซ่า

Source

]]>
1352505
‘Uniqlo’ กลับมาตามหลัง ‘Zara’ หลังตลาดเอเชียสะดุดเพราะเข้าถึงวัคซีนช้ากว่ายุโรป https://positioningmag.com/1336428 Thu, 10 Jun 2021 10:30:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1336428 หลังจากที่มูลค่าบริษัทของ ‘Fast Retailing’ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ ‘Uniqlo’ แซงหน้า ‘Zara’ ไปช่วงสั้น ๆ เมื่อช่วงต้นปี แต่ปัจจุบัน Zara ก็พลิกกลับมาแซง Uniqlo เนื่องจากผู้ที่ได้รับวัคซีนในประเทศฝั่งตะวันตกทำให้หน้าร้านกลับมาเปิดได้อีกครั้งหลังจากการล็อกดาวน์

จากที่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ Uniqlo เคยแซง Zara เนื่องจากบริษัทได้รับประโยชน์จากจุดแข็งในตลาดเอเชีย ซึ่งทำได้ดีกว่าประเทศตะวันตกในช่วงแรก ๆ ของการแพร่ระบาด แต่การเปิดตัววัคซีนในตลาดหลักได้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ส่งผลให้มูลค่าตลาดของ Fast Retailing บริษัทแม่ของญี่ปุ่นของ Uniqlo มีมูลค่ารวม 8.7 ล้านล้านเยน (7.94 หมื่นล้านดอลลาร์) ต่ำกว่า Inditex ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในสเปนของ Zara ซึ่งมีมูลค่า 1 แสนล้านยูโร (1.21 แสนล้านดอลลาร์)

ในสหราชอาณาจักรมีอัตราการฉีดวัคซีนต่อ 100 คนอยู่ที่ 103 โดส ขณะที่สหรัฐอเมริกามีอัตรา 91 โดสต่อ 100 คน ตามการวิเคราะห์โดยนิกเคอิและไฟแนนเชียลไทมส์ ขณะที่ในเอเชียอย่างเกาหลีใต้ตามหลังด้วยปริมาณยา 20 โดสต่อ 100 คน ตามด้วยญี่ปุ่น 14 โดสต่อ 100 คน และมาเลเซีย 11 โดสต่อ 100 คน

แม้ Fast Retailing ยังคงแข็งแกร่งในตลาดหลักในจีน ซึ่งควบคุมการแพร่ระบาดได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อนำไปสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังน่าห่วง เพราะในมาเลเซีย Uniqlo ต้องปิดร้านทั้งหมด 49 แห่งชั่วคราวเนื่องจากการระบาด ส่วนเวียดนามต้องปิดหน้าร้านถึง 5 ใน 8 แห่ง

ส่วนในญี่ปุ่นก็ประสบปัญหากับการดำเนินงานเช่นกัน โดยในเดือนพฤษภาคม ยอดขาย Uniqlo สาขาเดิมลดลง 0.6% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นตัวเลขติดลบครั้งแรกในรอบ 12 เดือน เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2019 ก่อนเกิดโรคระบาด ยอดขายสาขาเดิมลดลง 18.6%

Photo : Shutterstock

ท่ามกลางฉากหลังของการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของ COVID-19 ในเอเชียและตลาดในประเทศที่ชะลอตัว หุ้นของ Fast Retailing อยู่ในแนวโน้มขาลง ในวันพุธที่ผ่านมาราคาหุ้นแตะระดับต่ำสุดในรอบปี โดยล่าสุดปิดที่ 82,500 เยน ลดลง 760 เยนจากการปิดครั้งก่อน

Fast Retailing มีความแข็งแกร่งในด้านเสื้อผ้าในร่มและชุดลำลอง แต่การเปลี่ยนแปลงทั่วโลกไปสู่การเปิดเศรษฐกิจใหม่ได้ฟื้นความต้องการเสื้อผ้ากลางแจ้งแฟชั่นชั้นสูงซึ่งเป็นประโยชน์ต่อ Inditex” Dairo Murata จาก JPMorgan Securities Japan กล่าว

Inditex รายงานเมื่อวันพุธว่ามีกำไรสุทธิ 421 ล้านยูโรสำหรับไตรมาสแรกสิ้นสุดในเดือนเมษายน สิ่งนี้แสดงถึงการฟื้นตัวจากรายได้ที่ลดลง 409 ล้านยูโรในปีก่อนหน้า โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณของ Inditex เมื่อปีที่แล้ว บริษัทต้องปิดหน้าร้านกว่า 88% ทั่วโลก แต่ปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 16% ขณะที่ ยอดขายออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น 67% ในเดือนกุมภาพันธ์-เมษายนจากปีก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม ยังคงเป็นความเชื่อร่วมกันว่าเอเชียจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตระยะกลางถึงระยะยาว โดยเมื่อสิ้นเดือนที่แล้ว Fast Retailing ได้เปิดร้าน Uniqlo จำนวน 818 แห่งในประเทศจีน แซงหน้าร้านค้าในญี่ปุ่นทั้งหมด 810 แห่ง เป็นครั้งแรก โดย Fast Retailing วางแผนที่จะเปิดร้านค้า 100 แห่งในจีน รวมถึงไต้หวันและฮ่องกง ในช่วงปีงบประมาณปัจจุบันจนถึงเดือนสิงหาคม

Source

]]>
1336428