รถซูเปอร์คาร์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sat, 14 Sep 2024 06:08:08 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ถอดกลยุทธ์ ‘มาเซราติ’ ประเทศไทย ทำไมถึงเป็นแบรนด์ที่ได้ใจลูกค้า ‘LGBTQ+’ https://positioningmag.com/1489864 Fri, 13 Sep 2024 05:08:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1489864 แม้ว่าในอดีต ผู้ชายอาจถูกมองว่ามีความสนใจในรถยนต์มากกว่าผู้หญิง แต่ในปัจจุบันความคิดนี้ไม่เป็นความจริงเสมอไป ความสนใจในรถยนต์เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพศใดเพศหนึ่ง ดังเช่น มาเซราติ ในไทย ที่มีสัดส่วนลูกค้าที่เป็นกลุ่ม LGBTQ+ ถึง 30% ของยอดขาย อะไรทำให้มาเซราติประเทศไทยถึงมัดใจลูกค้ากลุ่ม LGBTQ+ ได้ ไปหาคำตอบกัน

รู้จักมาเซราติ

เชื่อว่าคนที่ชื่นชอบรถยนต์ต้องรู้จักกับ มาเซราติ (Maserati) แบรนด์รถยนต์หรูสัญชาติอิตาลีที่มีชื่อเสียงโด่งดัง โดยเฉพาะโลโก้ ตรีศูล ของเทพโพเซดอน ซึ่งได้แรงบัลดาลใจมา น้ำพุแห่งเนปจูน ซึ่งเป็นรูปปั้นสัญลักษณ์ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโบโลญญา ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของแบรนด์

โดยมาเซราติ ได้ถือกำเนิดจากพี่น้องตระกูลมาเซราติในปี 1914 ที่เริ่มจากการผลิตหัวเทียนสำหรับรถยนต์ ก่อนจะต่อยอดไปสู่การพัฒนา รถแข่ง ในปี 1920 จนมาทศวรรษ 1930 มาเซราติขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ไปสู่รถยนต์หรูสำหรับใช้งานบนท้องถนน

หลังจากที่แบรนด์มี ยุคทอง ในช่วง ทศวรรษ 1950-1960 มาเซราติก็ประสบปัญหาทางการเงิน เข้าสู่ช่วงขาลงในปี 1970-1980 และถูกซื้อกิจการไปมาหลายครั้ง จนมา ทศวรรษ 1990 มาเซราติถูกซื้อโดยกลุ่มเฟียต และเริ่มฟื้นฟูแบรนด์อีกครั้ง

ปัจจุบัน มาเซราติเป็นแบรนด์รถยนต์หรูที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ทำให้มาเซราติมักถูกเปรียบเทียบเสมือนงานศิลปะบนล้อ เพราะผสมผสานความหรูหราเข้ากับความสปอร์ตได้อย่างลงตัว

แค่ 6.5 ล้าน ก็เป็นเจ้าของมาเซราติได้ 

สำหรับประเทศไทย มาเซราติ แบรนด์ พาร์ทเนอร์บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย (MGC-ASIA) ผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ครบวงจร

อย่างไรก็ตาม ภาพจำของมาเซราติมักจะเป็น รถซูเปอร์คาร์ ราคา 20-30 ล้านบาท แต่ในความเป็นจริงแล้ว มาเซราติในไทยมีรถหลายเซกเมนต์ โดยแบ่งเป็น 

  • Maserati Grecale เอสยูวี เริ่มต้นประมาณ 6.5 ล้านบาท
  • Maserati GranTurismo สปอร์ตคูเป้ เริ่มต้น 12.9 ล้านบาท
  • Maserati MC20 ซูเปอร์คาร์ เริ่มต้น 23.5 ล้านบาท

โดย ปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้จัดการทั่วไป มาเซราติ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา มาเซราติประเทศไทยมียอดส่งมอบประมาณ 60 คัน สำหรับปีนี้มียอดจองโตขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก 20% โดยคาดว่าสิ้นปีนี้จะมียอดส่งมอบประมาณ 70 คัน 

ปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้จัดการทั่วไป มาเซราติ ประเทศไทย

ลูกค้ารุ่นใหม่ 30% เป็น LGBTQ+

หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจของแบรนด์มาเซราติในไทยก็คือ ลูกค้า LGBTQ+ โดย ปิยะเทพ เล่าให้ฟังว่า กลุ่มลูกค้ามาเซราติจะแบ่งชัดเจนได้ 2 กลุ่ม ได้แก่ ลูกค้ากลุ่มดั้งเดิม อายุ 50-60 ปี ที่มี ชื่นชอบในตัวแบรนด์อยู่แล้ว แต่อีกกลุ่มที่น่าสนใจ คือ Urban Luxury อายุ 35-40 ปี ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ถึง 30% เป็น LGBTQ+

โดย ปิยะเทพ มองว่า สาเหตุที่ทำให้มาเซราติมัดใจลูกค้ากลุ่ม LGBTQ+ ก็คือ การ คัสตอมไมซ์ได้ตามความต้องการของลูกค้า ต่างจากแบรนด์พรีเมียมที่อาจมีสินค้าในราคาเดียวกัน แต่ไม่สามารถคัสตอมไมซ์รถได้ตามใจ จุดนี้จึงเป็น ข้อได้เปรียบ ของมาเซราติ เพราะต้องยอมรับว่า ลูกค้ากลุ่มลักชัวรีต้องการ สะท้อนความเป็นตัวตน ผ่านทุกสิ่งรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแฟชั่น, ที่พัก รวมถึงรถยนต์ ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่ของมาเซราติเลือกที่จะคัสตอมไมซ์รถเพื่อให้สะท้อนถึงตัวตน บางคนใช้งบมากกว่าราคารถด้วยซ้ำ

“เพราะคนมีเงินเขาไม่ค่อยชอบแต่งตัวเหมือนใคร ถ้าเจอคนใส่ชุดเหมือนกันเขาก็จะรู้สึกเสียเซลฟ์เหมือนกัน ดังนั้น แนวคิดนี้มันก็ไปบนฐานลูกค้ามาเซราติเหมือนกัน เราเลยเห็นว่าลูกค้าส่วนน้อยมาก ๆ ที่ไม่ปรับแต่งรถที่สั่ง บางคนใช้แต่งรถแพงกว่าราคารถก็มี”

6 หรือ 50 ล้านก็ได้ประสบการณ์เอ็กซ์คลูซีฟ

อีกจุดที่ทำให้มาเซราติยังคงมีลอยัลตี้เหนียวแน่น ซึ่งวัดได้จาก 20% ของยอดขายแต่ละปีมาจากลูกค้าเก่า ก็คือ ประสบการณ์ที่ได้รับ ด้วยโควต้าจำหน่ายแต่ละปีที่จำกัด ทำให้นอกจากจะทำให้ลูกค้าคัสตอมไมซ์รถได้ตามใจ การบริการก็สามารถได้ได้ทั่วถึง ในระดับเดียวกันไม่ว่าจะซื้อรถราคา 6 ล้านบาท หรือ 20 ล้านบาท

“หนึ่งที่หลายแบรนด์ในระดับราคา 5-6 ล้านบาททำไม่ได้ก็คือ เอ็กซ์พรีเรียนซ์แบบเหนือระดับ เพราะเขาเน้นวอลลุ่ม ดังนั้น สิ่งที่จะสร้างความแตกต่างได้คือ ประสบการณ์ นี่จึงเป็นสิ่งที่เราเน้นย้ำว่า เขามาเลือกแล้วเลือกไม่ผิด เพราะว่าการที่จะจ่ายเงิน 6-7 ล้านบาท ทุกคนอยากมีความเอ็กซ์คลูซีฟ มีความ VIP”

นอกจากนี้ ที่มาเซราติประเทศไทยรู้จักพฤติกรรมลูกค้าในเชิงลึกเป็นเพราะ การมีส่วนร่วมของแบรนด์ เพราะลูกค้ามาเซราติจะมี คลับ ที่มักจะะจัดกิจกรรมเพื่อพบปะสังสรรค์และพรีเซนต์ตัวเอง ซึ่งมาเซราติก็ได้ทำงานร่วมกับประธานคลับ เพื่อพยายามมีส่วนร่วมและสนับสนุน นอกจากนี้ ทางมาเซราติเองก็จะมีการจัดกิจกรรมในช่วงรอยต่อที่คลับไม่มีกิจกรรม รวมแล้วทั้งมาเซราติและคลับมีการจัดกิจกรรมประมาณ 8-9 ครั้ง/ปี

“คลับของลูกค้าเราจะไม่เหมือนแบรนด์อื่น คือ เน้นพบปะ สังสรรค์ ปาร์ตี้ ได้มาแลกเปลี่ยน ไม่ได้มาเน้นไปที่การขับขี่รถ”

ทุ่มงบ 10 ล้าน รีโนเวตโชว์รูมพารากอน

ล่าสุด บริษัทได้ทุ่มงบประมาณกว่า 10 ล้านบาท รีโนเวตโชว์รูมรถยนต์มาเซราติ ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ภายใต้คอนเซ็ปต์ห้องศิลป์แห่งความหลงใหล ซึ่งจะมี Corporate Identity เหมือนกับที่อิตาลี โดยโชว์รูมใหม่นี้จะไม่ได้เปิดโล่ง แต่ล้อมรอบด้วยกระจกใส มองเห็นได้จาก 3 ด้าน พร้อมโชว์รถเพียงแค่ รุ่นเดียว เสมือนโชว์งานศิลปะ 

นอกจากนี้จะมีห้องพิเศษซึ่งเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถรังสรรค์รายละเอียดการตกแต่งรถยนต์มาเซราติแบบ immersive 3D ที่เรียกว่าโปรแกรม Fuoriserie ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันกับโชว์รูมในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี และนับเป็นโชว์รูมมาเซราติ ที่มาพร้อมอัตลักษณ์ใหม่ แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

ขอโตช้า ๆ เพื่อรักษาตัวตน

ปิยะเทพ ยอมรับว่า ในแง่คนทำธุรกิจก็อยากเติบโต แต่แบรนด์มาเซราติมีข้อจำกัดในเรื่องของ กำลังการผลิต นอกจากนี้ ถ้าแบรนด์ขายมากขึ้น การลงทุนก็ต้องมากขึ้นตาม เพื่อรักษามาตรฐานการบริการ ดังนั้น แนวทางการเติบโตของมาเซราติจะไม่เน้นเรื่อง จำนวน เพื่อรักษาคุณภาพของบริการ และ คาแรกเตอร์ ของแบรนด์ซึ่งก็คือ ความ Personalize 

“คนทำธุรกิจเราอยากขายเยอะอยู่แล้ว แต่ลูกค้าเราก็พูดเองว่าอย่าไปทำเยอะ ๆ นะ อย่าไปทำเป็นแมสนะ เราเลยต้องบาลานซ์ทั้งลูกค้าเก่า และหาลูกค้าใหม่ ดังนั้น เราอยากคงคาแรกเตอร์ของเราไว้คือ โปรดักส์ที่มีความ Personalize แต่สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างที่เราทำมันไม่ใช่เพราะนโยบายของเรา แต่พฤติกรรมลูกค้าที่เป็นตัวกำหนด”

]]>
1489864
‘Ferrari’ ปักเป้าผลิตรถยนต์ 80% เป็นไฮบริดและไฟฟ้าล้วนภายในปี 2030 https://positioningmag.com/1389286 Sun, 19 Jun 2022 06:24:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1389286 หลังจากที่ค่าย ‘ม้าลำพอง’ หรือ ‘เฟอร์รารี่’ (Ferrari) รถสปอร์ตหรูสัญชาติอิตาลี ได้เปิดตัว Ferrari 296 GTB ซูเปอร์คาร์ ขุมพลัง ปลั๊ก-อิน ไฮบริด คันแรกของค่ายไปหมาด ๆ ล่าสุด ทางค่ายก็ได้ออกมาประกาศว่าภายในปี 2030 รถในค่าย 80% จะต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้า

Benedetto Vigna CEO Ferrari ยืนยันว่า หลังจากที่เปิดตัวรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด รุ่นแรกของค่ายไปแล้ว ภายในปี 2025 เฟอร์รารี่จะ เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 100% คันแรก และภายในปี 2030 รถยนต์ 80% จะเป็นรถไฟฟ้า โดย 40% เป็นไฮบริด และอีก 40% จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100%

ปัจจุบัน เฟอร์รารี่มีรถเพียง 4 รุ่น หรือคิดเป็น 10% ของรถยนต์ทั้งหมดที่เป็นรถไฮบริดและปลั๊ก-อิน ไฮบริด โดยรถไฮบริดคันแรกที่ค่ายเปิดตัวก็ต้องย้อนไปถึงปี 2013

“ไม่เพียงแต่จะเป็นไปตามข้อกำหนดการปล่อยมลพิษเท่านั้น แต่ที่สำคัญที่สุด เราเชื่อว่าเราสามารถใช้เครื่องยนต์ไฟฟ้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของรถยนต์ของเรา เช่นเดียวกับที่เราทำกับเฟอร์รารี่ไฮบริดของเราแล้ว”

โดยรวมแล้ว ตั้งแต่ปี 2023-2026 เฟอร์รารี่วางแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ทั้งหมเ 15 รุ่น รวมถึงซูเปอร์คาร์ประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่

Source

]]>
1389286