รถอีโคคาร์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 17 Aug 2022 08:55:20 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘อีวี ไพรมัส’ ส่ง ‘VOLT’ แบรนด์อีวีน้องใหม่จับตลาด ‘อีโคคาร์’ ราคาเริ่มต้น 3.2 แสนบาท https://positioningmag.com/1396566 Wed, 17 Aug 2022 08:03:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1396566 หากพูดถึงนามสกุล ธนาดำรงศักดิ์ วงการรถยนต์น่าจะคุ้นเคยกับ บมจ.ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ หรือ FPI เพราะเป็นผู้คว่ำวอดในตลาดอะไหล่รถยนต์มานานกว่า 50 ปี ล่าสุด พิทยา ธนาดำรงศักดิ์ หลานชายของ สมพล ธนาดำรงศักดิ์ ก็ได้รุกตลาดรถอีวีไทยที่กำลังเติบโตผ่านบริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด โดยจะเจาะไปที่กลุ่ม อีโคคาร์ ที่ยังไม่มีแบรนด์ใหญ่ ๆ เข้ามาทำตลาด

ส่ง VOLT จับตลาดอีโคคาร์ที่ยังว่าง

พิทยา ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด เล่าว่า บริษัทก่อตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2021 ที่ผ่านมา โดยวางตัวเองเป็น ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ามัลติแบรนด์ (Multi-Brand EV Distributor) ทำให้แตกต่างจากผู้จัดจำหน่ายรายอื่นที่จะเป็นตัวแทนแค่แบรนด์เดียว ซึ่งจุดดีของการเป็นมัลติแบรนด์คือ บริษัทสามารถคัดเลือกรุ่นรถยนต์ที่เหมาะกับตลาดไทยมาจำหน่ายได้ไม่จำเป็นต้องมีทุกรุ่น

ที่ผ่านมา บริษัทจำหน่ายรถอีวีไปแล้ว 2 แบรนด์ ได้แก่ DFSK หรือ DONGFENG ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 2 ของจีน อีกแบรนด์คือ SERES และล่าสุด บริษัทก็ได้เปิดตัวอีกแบรนด์ คือ VOLT โดยจะเน้นเจาะไปที่กลุ่ม City EV หรือ อีโคคาร์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมในจีน โดยจีนมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้ารวม 3.3 ล้านคัน ซึ่งสัดส่วนของรถ City EV มีถึงกว่า 9 แสนคัน หรือราว 1 ใน 3 ของตลาดรถอีวีจีนเลยทีเดียว

พิทยา ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด

ลงทุน 400 ล้านสร้างโรงงานในไทย

สำหรับตลาดอีโคคาร์ไทยมียอดขายประมาณ 1 แสนคัน โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายของแบรนด์ VOLT ที่ 1,000 คัน ภายในปีนี้ และ 5,000 คัน ภายในปีหน้า โดยบริษัทมั่นใจว่าจะเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มนี้ เนื่องจากคู่แข่งยังน้อยและส่วนใหญ่ที่มีในตลาดยังเป็นพวงมาลัยซ้าย อีกทั้งแบรนด์ VOLT ยังประกอบที่ไทย ทำให้สามารถปรับแต่งให้เข้ากับการใช้งานคนไทยได้ดีกว่า และยังมีวิริยะประกันภัยเป็นพาร์ตเนอร์เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า

นอกจากนี้ บริษัทยังได้การสนับสนุนส่วนลดจากภาครัฐ เนื่องจากบริษัทได้วางแผน สร้างโรงงานประกอบในไทย เตรียมงบลงทุน 400 ล้านบาท ขึ้นไลน์ประกอบที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา โดยคาดว่าจะมีกำลังผลิตที่ 4,000 คันในเฟสแรก และเพิ่มเป็น 8,000 คันในอนาคต เพื่อรองรับการส่งออกไปต่างประเทศ

“อย่างรถ SUV ที่มียอดขายคิดเป็น 55% ของรถทั่วโลก เทรนด์นี้ก็มาจากจีน ดังนั้น เทรนด์ออโตโมบิลจากจีนเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ อีกทั้งคนไทยไม่อคติกับรถเล็ก ชอบอีโคคาร์ และเราเชื่อว่ารถเราจะตรงกับไลฟ์สไตล์คนไทยที่มองหารถเสริมคันที่ 2-3 หรือรถสำหรับใช้งานใกล้ ๆ และเป็นคันทดลองสำหรับเข้าสู่ตลาดอีวี”

ชูความมัลติแบรนด์แข่งแบรนด์ใหญ่

ปัจจุบัน บริษัทมีดีลเลอร์ 32 รายทั่วประเทศ และแผนต่อไปของบริษัทคือ สร้างแพลตฟอร์มออนไลน์หรือ อีวี มาร์เก็ตเพลส ที่จะนำรถทุกแบรนด์ที่บริษัทจำหน่ายมาขาย และด้วยความหลากหลายของแบรนด์เชื่อว่าจะช่วยให้เกิดทราฟฟิกบนแพลตฟอร์ม ซึ่งจะช่วยให้บริษัทศักยภาพในการหาแบรนด์ใหม่ ๆ มาขายมากขึ้น

“แบรนด์ใหญ่มีรถที่ขายดี ขายไม่ดี แต่เราจะเลือกมาเฉพาะรถที่โดนของแต่ละแบรนด์ ซึ่งแบรนด์จีนมีเป็นสิบ ๆ แบรนด์ในตลาด มีทั้งแบรนด์ใหญ่ทั้งสตาร์ทอัพ และไม่ใช่ทุกแบรนด์ที่อยากเข้ามาทำตลาดไทยเอง ซึ่งถ้าเรามีทราฟฟิกให้เขาเห็น เขาก็อาจสนใจให้เราเป็นดิสทริบิวเตอร์แบรนด์เขาในไทยได้”

สำหรับการเลือกแบรนด์เข้ามาทำตลาดในไทย พิทยา อธิบายว่า ต้องเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและไม่ทับไลน์กัน ซึ่งบริษัทต้องการให้มีสินค้าครบทุกระดับราคาทั้ง ล่าง กลาง บน แต่จะเน้นขายที่กลุ่มล่างและบนเป็นหลัก เนื่องจากรถอีวีระดับกลางช่วงราคา 1 ล้านบาท มีผู้เล่นแบรนด์ใหญ่อยู่แล้วซึ่งบริษัทไม่สามารถแข่งขันได้

ตลาด HRV หรือกลุ่มราคา 1 ล้านต้น ๆ เป็นตลาดเรดโอเชียน มีการแข่งขันสูงมาก ซึ่งเราไม่น่าแข่งได้ เราเลยต้องหลบไม่ชนกับคู่แข่งในกลุ่มนี้ ดังนั้น เราจะเน้นไปที่ตัวล่างราคาหลักแสน กับตัวบนราคาเกือบ 2 ล้านขึ้นไป

มั่นใจ 5 ปีข้างหน้า ทุกบ้านจะมีรถอีวี

มีการคาดการณ์ว่าปีนี้ตลาด รถไฟฟ้า 100% จะอยู่ที่ราว 12,000 คัน และในปีหน้าคาดว่าจะเติบโตเป็น 20,000 คัน และภายในปี 2025 รัฐบาลไทยตั้งเป้าว่าจะเพิ่มสัดส่วนของรถอีวีเป็น 70,000 คัน อย่างไรก็ตาม พิทยา มองว่าหากประเมินจากความพร้อมของอินฟาสตรักเจอร์ไทยอาจทำให้จำนวนรถอีวีอยู่ที่ 50,000 คัน ไม่เป็นไปตามเป้าที่รัฐบาลวางไว้ แต่เชื่อว่าภายใน 5 ปีจากนี้ หรือปี 2027 ทุกบ้านจะมีอีวีอย่างน้อย 1 คัน

“รถไฟฟ้ามันเป็นรถที่คนต้องปรับตัวเข้าหารถ และคนไทยยังต้องใช้เวลาเพื่อดูว่าชอบหรือไม่ชอบอีวีอย่างไร ดังนั้น คงตอบไม่ได้ว่าคนไทยจะชอบใช้รถอีวีแบบไหนมากที่สุด และตอนนี้รถอีวียังไม่ใช่ไฟนอลฟอร์มยังต้องใช้เวลาศึกษา แต่เรามั่นใจว่าเราจะปรับตัวได้เร็ว”

สำหรับ VOLT CITY EV มี 2 รุ่น ได้แก่ VOLT FOR-TWO รถยนต์นั่งแบบ 2 ประตู 2 ที่นั่ง มาพร้อมมอเตอร์ขนาด 30 กิโลวัตต์ 40 แรงม้า แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 11.5 KW/h ราคา 325,000 บาท และ VOLT FOR-FOUR รถยนต์นั่ง 5 ประตู 4 ที่นั่ง แบตเตอรี่ขนาด 34 กิโลวัตต์ 46 แรงม้า แรงบิด 102 นิวตันเมตร สามารถทำความเร็วสูงสุด 105 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 16.5 KW/h ราคา 385,000 บาท วิ่งได้ไกล 165-200 กม. เสียบชาร์จไฟบ้านใช้เวลา 5 ชั่วโมงครึ่ง

]]>
1396566