รองเท้าแตะ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sat, 29 Jul 2023 00:50:26 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ครบ 20 ปี ‘แกมโบล’ ถึงเวลาลดอายุ เน้นออก “คอลเล็กชั่นพิเศษ” กระตุ้นให้ลูกค้าซื้อเพิ่มไม่ต้องรอเปลี่ยน! https://positioningmag.com/1439304 Thu, 27 Jul 2023 12:43:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1439304 การระบาดของ COVID-19 เกือบ 3 ปี อีกตลาดที่ได้รับผลกระทบก็คือ รองเท้าแตะ เพราะคนออกจากบ้านน้อยลง รองเท้าก็ไม่ใช่อะไรที่ต้องเปลี่ยนบ่อย ทำให้ตลาด หมื่นล้าน มีแต่ทรงกับทรุด ซึ่ง แกมโบล (Gambol) แบรนด์ที่อยู่คู่คนไทยมา 20 ปีเต็ม ก็ต้องงัดกลยุทธ์ใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตให้เหนือตลาด

ไม่เปลี่ยนก็ต้องซื้อเพิ่ม

นิติ กิจกำจาย ผู้อำนวยการ บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด อธิบายว่า โดยเฉลี่ยการเปลี่ยนรองเท้าแตะจะอยูที่ 1 คู่ครึ่งต่อปี แต่พอเกิดการระบาดของโควิดค่าเฉลี่ยยิ่งต่ำลงเพราะคนไม่ออกจากบ้าน ดังนั้น สิ่งที่แกมโบลจะเน้นจากนี้คือ การกระตุ้นให้ผู้บริโภค เพิ่ม รองเท้าคู่ใหม่ไม่จำเป็นต้องซื้อเพราะ เปลี่ยน เช่น รองเท้าใส่ในออฟฟิศ หรือล่าสุด รองเท้าแตะสำหรับวิ่ง ในรุ่น Gambol Run

“โควิดทำให้ผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ตั้งแต่การเลือกทานอาหารไปจนถึงการใส่รองเท้า ดังนั้น เราเลยมองว่าข่องทางที่เราขยายได้ก็คือ เซกเมนต์กีฬา” นิติ กล่าว

คอลเล็กชั่นพิเศษเพื่อสร้างอแวร์เนส

ในเซกเมนต์กีฬานอกจากจะมีรองเท้าแตะสำหรับวิ่งแล้ว แกมโบลได้ซื้อลิขสิทธิ์สโมสร ลิเวอร์พูล (Liverpool) ซึ่งมีผลตอบรับดีมาก ขายหมดภายใน 30 นาที ดังนั้น ในปีนี้แกมโบลเตรียมออกรองเท้าแตะคอลเล็กชั่นลิเวอร์พูล และมีแผนจะออกเพิ่มอีก 5-6 รุ่น เนื่องจากบริษัทยังเหลือสัญญากับลิเวอร์พูลอีก 2 ปี

“ลิเวอร์พูลถือเป็นสโมสรใหญ่ที่คนส่วนใหญ่รู้จัก และบังเอิญแกมโบลเรามีพาร์ตเนอร์ที่สามารถดีลเรื่องลิขสิทธิ์กับสโมสรลิเวอร์พูลได้ เราเลยตัดสินใจลองดู ปรากฏว่าผลตอบรับดีกว่าที่คาด โดยเฉพาะเรื่องของอแวร์เนส”

นิติ ย้ำว่า ในการออกคอลเล็กชั่นพิเศษนั้นไม่ได้เน้นยอดขาย แต่แกมโบลต้องการ สร้างการรับรู้ (Awareness) เพราะแกมโบลมีอายุมา 20 ปี กลุ่มลูกค้าหลักในปัจจุบันจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ เด็ก/วัยรุ่น อายุ 18-24 ปี และ กลุ่มอายุ 25-34 ปีขึ้นไป ซึ่งทั้ง 2 ช่วงอายุหลักที่แกมโบลเน้นทำการสื่อสาร ถ้าโตกว่า 34 ปีส่วนใหญ่จะรู้จักแกมโบลอยู่แล้ว ดังนั้น แกมโบลต้องการทำให้แบรนด์เด็กลงเพื่อเข้าถึงกลุ่มเด็กและวัยรุ่น ดังนั้น คอลเล็กชั่นพิเศษ จึงเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างการรับรู้

สำหรับคอลเล็กชั่นพิเศษในปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 70 รุ่น เพิ่มขึ้น 10% โดยในช่วงครึ่งปีแรกออกไปแล้ว 20-30 รุ่น และครึ่งปีหลังจะออกอีก 40 รุ่น โดยคอลเล็กชั่นพิเศษที่ออกจะมีการจับกลุ่มผู้บริโภคที่แตกต่างกัน อาทิ GAMBOL X JamyJamess ที่เน้นเจาะกลุ่มวัยรุ่น ลิเวอร์พูล จับกลุ่มกีฬา และ คอลเล็กชั่น 3 สหายสายมึน จับกลุ่มคนรักสัตว์ เป็นต้น

“เด็กและวัยรุ่นเขาจะเลือกรองเท้าจากดีไซน์ หรือใส่ตามศิลปินที่ชอบ ส่วนกลุ่มผู้ใหญ่หน่อยจะเน้นที่ฟังก์ชันไม่ใช่แค่แบบ เช่น เน้นนุ่ม ส่วนกลุ่มที่เน้นราคาเราก็มีรองรับ แต่ไม่ได้ทำการสื่อสารเพราะไม่ใช่เป้าหมายหลัก และสำหรับสินค้าคอลเล็กชั่นพิเศษจะมีราคาสูงกว่ารุ่นปกติ 30-40% แต่คนที่ถูกใจเขาก็พร้อมจะจ่าย”

ตลาดไทยโตยาก ต้องไปต่างประเทศ

โดยภาพรวมตลาดรวมรองเท้าแตะลำลองมีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท โดย 60% ของตลาดรองเท้าแตะลำลองเป็น รองเท้าที่มีแบรนด์ มีอัตราเจริญเติบโตในกลุ่มแบรนด์รองเท้าแตะลำลองเฉลี่ยค่อนข้างต่ำ ตลาดเป็นลักษณะ Fragment ในกลุ่ม Others มีแบรนด์ย่อย และ Non Brand ของจีนประมาณ 50 ยี่ห้อทั่วประเทศ สำหรับส่วนแบ่งทางการตลาดแบรนด์แกมโบล ปัจจุบันยังคงเป็นเลข 2 digit หรือประมาณ 10% ถือเป็น Top3 ของตลาด

ดังนั้น แกมโบลมองว่า ตลาดต่างประเทศ เป็นส่วนที่มีโอกาสสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้มากที่สุด โดยปัจจุบัน แกมโบลมีการรุกตลาด CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะมีรองเท้าจาก จีน ที่มีราคาถูกเป็นคู่แข่ง ส่วนตลาดต่างประเทศที่สำคัญของแกมโบลจะเป็นฝั่งยุโรป เช่น อิตาลี รัสเซีย ยูเครน และจอร์เจีย ส่วนตะวันออกกลาง เช่น ดูไบ เป็นต้น

“เราอยู่ในไทยเต็มที่ก็ได้พันล้าน แต่ไปต่างประเทศเรามีโอกาสทำเงินได้อีก 2-3 พันล้าน แต่ไปต่างประเทศก็ไม่ง่าย ใน CLMV เขาชอบสินค้าไทย เชื่อในคุณภาพของเรา แต่ก็เจอของจีนที่ถูกกว่า หรือตลาดรัสเซียกับยูเครนก็เคยเป็นตลาดหลัก พอมีสงครามก็มีสะดุดบ้าง”

วางเป้าโต 30% ทำรายได้ 1,300 ล้าน

สำหรับเป้าหมายของแกมโบลในปีนี้ ต้องเติบโตให้ได้ 30% หรือมีรายได้ 1,300 ล้านบาท และใน 2 ปี ตั้งเป้าขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดไทย พร้อมขึ้นเป็นแบรนด์ชั้นนำในอาเซียน และภายในปี 2070 แกมโบลมีเป้าใหญ่คือเป็น โกลบอลแบรนด์ มีรายได้แตะ 3,500 ล้านบาท

“เรามั่นใจว่าตลอด 20 ปีที่อยู่ในตลาด ทำให้เรามีดาต้าล้นเหลือที่จะพัฒนาสินค้าให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค นี่คือกลยุทธ์ที่เราเน้นที่สุด และเราไม่แข่งราคาแน่นอน เราเน้นความถูกใจ ดีไซน์ที่ชอบ เน้นเจาะไปที่เซกเมนต์ซึ่งหลังจากนี้เราจะมีสินค้าที่เจาะลึกลงไปในแต่ละเซกเมนต์” นิติ ทิ้งท้าย

]]>
1439304
ISSUE x KitoLAB เมื่อแบรนด์แฟชั่น จับมือกับรองเท้าแตะ Kito https://positioningmag.com/1299172 Tue, 29 Sep 2020 05:28:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1299172 ดูเหมือนจะเป็นการโคแบรนด์กันครั้งแรกของแบรนด์แฟชั่นสัญชาติไทยอย่าง ISSUE จับมือกับรองเท้าแตะ Kito ดีไซน์รองเท้าคอลเลกชันพิเศษ แน่นอนว่าทำให้แบรนด์แฟชั่นมีราคาที่จับต้องได้

ISSUE แบรนด์แฟชั่นเก่าแก่ของเมืองไทยได้เฉลิมฉลองวาระครอบรอบ 21 ปี ในเดือนกันยายน 2020 ด้วยการจับมือกับแบรนด์ Kito แบรนด์รองเท้าที่มีชื่อเสียงมานานมากกว่า 30 ปี และด้วยการร่วมมือกันภายใต้โปรเจกต์ KitoLAB สร้างรองเท้าคอลเลกชันพิเศษ 

การร่วมมือระหว่างสองแบรนด์ดังทำให้เกิดโปรเจกต์ ISSUE x KitoLAB ได้ดีไซน์รองเท้าแตะที่สวมใส่สบาย และมีลวดลายแฟชั่นตามสไตล์ของ ISSUE

พิศาล กิจกำจาย ผู้บริหารแบรนด์ Kito บอกว่า

“เห็นว่าแบรนด์ ISSUE เป็นแบรนด์ไทย ดีไซเนอร์ อันดับต้นๆ ของประเทศไทย มองเห็นแนวทางในการพัฒนาโปรเจกต์ร่วมกันภายใต้ชื่อ ISSUE x KitoLAB ที่ดึงเอาความเชี่ยวชาญของทั้งสองแบรนด์ ต่อยอดคุณค่าให้กับรองเท้าแตะ รวมถึงเป็นการเปิดตลาดของกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ แล้ว ยังเพิ่มความหลากหลายให้กับสินค้า เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีตัวเลือกมากยิ่งขึ้น”

รองเท้าคอลเลกชันนี้ มีการออกแบบพิเศษ 2 แบบ 4 ลาย เริ่มจากรุ่น Tree of Life ดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสมบูรณ์แบบของโลกในอุดมคติในยุคพระศรีอริยเมตไตรย ผ่านต้นกัลปพฤกษ์จากมุมมองของ อองรี รุสโซ ศิลปินชาวฝรั่งเศส โดยพิมพ์ลายลงบนผ้าแคนวาส มี 2 ลายให้เลือก และรุ่น BLACK AND WHITE ดีไซน์สีขาวดำมีให้เลือก 2 ลาย โดยดีไซเนอร์ต้องการสะท้อนให้เห็นถึงดุลยภาพของการดำรงชีวิตของโลกที่มีทั้งสองด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านมืดและด้านสว่าง ความสุขและความทุกข์ ผ่านสัญลักษณ์สีขาว และดำ เพื่อสื่อให้เห็นขั้วตรงข้ามที่อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว เมื่อชีวิตต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสมดุล

คอลเลกชันพิเศษ ISSUE x KitoLAB จะผลิตเพียง 2,000 คู่เท่านั้น สามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม เป็นต้นไป รุ่น TREE OF LIFE ในราคา 890 บาท และรุ่น BLACK AND WHITE ราคา 690 บาท ได้ที่  www.kito.co.th,  lazada.co.th และ Issue Line My Shop

]]>
1299172