ศบค. – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 16 Jul 2021 12:36:55 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ห้ามขายชุดตรวจโควิด ‘Antigen Test Kit’ ในร้านสะดวกซื้อเเละทางออนไลน์ ต้องจำหน่ายผ่านสถานพยาบาล-ร้านขายยาที่มีเภสัชกรเท่านั้น  https://positioningmag.com/1342829 Fri, 16 Jul 2021 09:54:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1342829 ศบค.ย้ำ ห้ามขายชุดตรวจโควิด ‘Antigen Test Kit’ ในร้านสะดวกซื้อเเละทางออนไลน์ ต้องจำหน่ายผ่านสถานพยาบาล หน่วยงานของรัฐ เเละร้านขายยาที่มีเภสัชกรเท่านั้น 

จากสถานการณ์การเเพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รุนเเรงมากขึ้น ที่ประชุม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)​ เห็นว่าควรให้ให้ประชาชนสามารถใช้เครื่องตรวจแบบ ‘Antigen Test Kit’ หรือ ATK ได้ด้วยตนเอง เพื่อให้สามารถเข้าถึงที่ตรวจและครอบคลุมประชากรให้มากที่สุด

ATK จัดอยู่ในหมวดอุปกรณ์ทางการแพทย์ จึงแนะนำให้ไปตรวจที่สถานพยาบาล หรือซื้ออุปกรณ์เหล่านี้ที่ร้านขายยาเท่านั้นเพราะมีเภสัชกรคอยให้คำแนะนำที่ถูกต้องกับประชาชน

“ไม่อนุญาตให้ขายในร้านสะดวกซื้อหรือทางออนไลน์ เนื่องจากต้องมีการตรวจและยอมรับในเรื่องมาตรฐาน จึงขอให้ระมัดระวังในการซื้อเพราะอาจแปลผลผิด และเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ”

ด้านผู้ประกอบการโรงงาน ที่มีพนักงานเกิน 50 คนขึ้นไป ปกติตามกฎหมายจะต้องมีสถานพยาบาลกำกับสถานประกอบการอยู่แล้ว จึงอนุญาตให้สามารถจัดหา ATK เพื่อตรวจพนักงานได้

โดย ศบค. ระบุว่า แม้มาตรฐานของ ATK จะไม่เท่าแบบชุดตรวจแบบ RT-PCR แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้รับการตรวจ

สำหรับแนวทางการตรวจ กรณีพบผลการตรวจเป็นบวก (Antigen Kit positive) หรือติดเชื้อ’ ต้องเข้ารับการรักษา ขอให้ประชาชนไปติดต่อสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทันที ไม่ต้องเดินทางไปที่โรงพยาบาลใหญ่ๆ

หากกรณีผลการตรวจเป็นลบ (Antigen Kit negative) หรือไม่ติดเชื้อ’ แต่มีประวัติสัมผัสหรือใกล้ชิดผู้ป่วยติดเชื้อ หรือมีประวัติเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง แม้ผลตรวจจะออกมาเป็นลบ เเต่จะต้องตรวจซ้ำในวันที่ 3 ถึงวันที่ 5 พร้อมลดการเดินทาง เนื่องจาก ATK ยังไม่มีความแม่นยำเพียงพอ ต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด

ทั้งนี้ 16 ก.ค. 2564 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้อนุมัติขึ้นทะเบียนชุดตรวจโควิด-19 แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเองแล้ว ซึ่งชุดตรวจดังกล่าวจะเป็นการเก็บตัวอย่างจากโพรงจมูกด้านหน้าหรือน้ำลาย ภายในชุดตรวจจะมีคู่มืออธิบายถึงวิธีการใช้ และวิธีการแปลผลฉบับภาษาไทย เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและนำไปใช้ได้ได้อย่างถูกต้อง 

ขอให้ผู้บริโภคสังเกตข้อความบนฉลากบุคคลทั่วไปสามารถใช้ได้โดยสามารถตรวจสอบชุดตรวจที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ทางเว็บไซต์กองควบคุมเครื่องมือแพทย์ >>> https://www.fda.moph.go.th/sites/Medical/SitePages/test_kit_covid19.aspx

อย. เน้นย้ำว่าผู้บริโภคไม่ควรซื้อชุดตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง ผ่านทางสื่อออนไลน์หรือแหล่งอื่น เนื่องจากอาจได้รับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานเสี่ยงต่อการนำไปใช้และแปลผลผิดพลาด สำหรับผู้ประกอบการที่จะโฆษณาจำหน่ายชุดตรวจต้องได้รับอนุญาตจาก อย. ก่อนหากฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

]]> 1342829 สรุปมาตรการล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว ห้ามออกนอกบ้าน 3 ทุ่มถึงตี 4 ห้างร้านเปิดถึง 2 ทุ่ม ห้ามรวมกลุ่มเกิน 5 คน เริ่ม 12 ก.ค.นี้ https://positioningmag.com/1341598 Fri, 09 Jul 2021 10:43:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1341598 สรุปมาตรการล็อกดาวน์-จำกัดการเดินทางในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามออกจากบ้าน 3 ทุ่มถึงตี 4 ถ้าไม่จำเป็น ห้าง-ร้านสะดวกซื้อในกรุงเทพฯ ปิด 2 ทุ่ม ห้ามรวมกลุ่มเกิน 5 คน เริ่ม 12 ก.ค.นี้

วันนี้ (9 ก.ค.2564) ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. เเถลงว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบตามข้อเสนอยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ในพื้นที่ 10 จังหวัดสีแดงเข้ม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี นราธิวาส ยะลา สงขลา ดังนี้

6 จังหวัด กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 

  • กำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนใช้การปฏิบัติงานในลักษณะ Work from Home ให้มากที่สุด โดยไม่กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินที่สำคัญ และการบริการประชาชน
  • ระบบขนส่งสาธารณะ ปิดให้บริการได้ในห้วงเวลา 21.00 น. ถึง 03.00 น. ของวันรุ่งขึ้น
  • ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง ปิดเวลา 20.00 ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น
  • ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์เปิดได้เฉพาะ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ธนาคารและสถาบันการเงิน ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ ร้านอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสาร รวมถึงสถานที่ฉีดวัคซีน ทั้งนี้เปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.
  • ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ห้ามบริโภคอาหารหรือสุราหรือเครื่องดื่มในร้าน โดยเปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.
  • ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค ได้แก่ นวดเพื่อสุขภาพ สปา สถานเสริมความงาม
  • สวนสาธารณะ สามารถเปิดให้บริการสำหรับการออกกำลังกายได้ถึงเวลา 20.00 น.
  • ห้ามการรวมกลุ่มทำกิจกรรมทางสังคม ที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ การประกอบอาชีพ กิจกรรมทางศาสนาหรือกิจกรรม ตามประเพณี ที่มีการรวมตัวกันของบุคคลตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป

เคอร์ฟิว 10 จังหวัด กรุงเทพฯ-ปริมณฑล เเละ 4 จังหวัดภาคใต้ 

  • ให้บุคคลงดการเดินทางที่ไม่จำเป็น และห้ามออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00 ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็นยิ่ง หรือได้รับอนุญาตเป็นรายกรณี

นอกจกานี้ การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้างยังคงเป็นไปตามข้อกำหนดของ ศบค.ที่ได้มีประกาศไปแล้วก่อนหน้านี้ เเละกำกับดูแลให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคล (DMHTTA) อย่างสูงสุด

โดยให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.64 เป็นต้นไป และให้นำมาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหรับพื้นที่ระดับ สถานการณ์ต่าง ๆ ข้อห้าม และข้อปฏิบัติตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 24, 25, 26) มาใช้บังคับเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้

ส่วนหน่วยงานด้านความมั่นคงจัดตั้งจุดตรวจจุดสกัด และชุดลาดตระเวน เพื่อกำกับดูแลการปฏิบัติอย่างเข้มงวด ให้พร้อมดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. 64 เวลา 06.00 น.เป็นต้นไป (เจ้าหน้าที่เริ่มตั้งด่าน)

ทั้งนี้ กรณีตรวจพบผู้ฝ่าฝืนให้บังคับใช้บทลงโทษตามแห่ง พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558

 

 

]]>
1341598
รับมือระลอกสาม! ศบค.สั่งแบ่งพื้นที่สีแดง-ส้ม คุมเวลาปิดร้านอาหาร-ห้าง-สะดวกซื้อ https://positioningmag.com/1327959 Fri, 16 Apr 2021 10:06:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1327959 หลังยอดผู้ติดเชื้อทะลุพันรายในหนึ่งวันติดต่อกันมา 3 วัน ในที่สุด ศบค. พิจารณาออกข้อบังคับเร่งด่วน จัดแบ่งพื้นที่สีแดงและสีส้มเพื่อกำกับควบคุม บังคับใช้ 2 สัปดาห์ เริ่ม 18 เม.ย.นี้

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงการปรับระดับพื้นที่สีแดงและสีส้มทั่วประเทศ โดยมีพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 18 จังหวัด และ พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 59 จังหวัด

พื้นที่สีแดง 18 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ขอนแก่น ชลบุรี เชียงใหม่ ตาก นครปฐม นครราชสีมา นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต ระยอง สงขลา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สระแก้ว สุพรรณบุรี และอุดรธานี ส่วนจังหวัดอื่นๆ  จัดเป็นพื้นที่สีส้ม

โดยเน้นย้ำว่าไม่ได้มีการสั่งล็อกดาวน์หรือเคอร์ฟิวห้ามออกจากเคหะสถาน เพราะจะมีผลต่อการใช้ชีวิตและทำมาหากินของประชาชน

ดังนั้น เมื่อไม่ล็อกดาวน์ จะเป็นการควบคุมกิจกรรมบางประเภทที่มีรายงานเข้ามาแล้วว่าทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโรค COVID-19 เช่น สถานบันเทิง ออกค่าย งานสัมมนา แข่งขันกีฬา ฯลฯ

ทำให้ ศบค. ตัดสินใจร่างข้อกำหนดเหล่านี้เพื่อควบคุมการระบาด ดังนี้

1.ห้ามดำเนินการจัดกิจกรรมหรือที่เสี่ยงต่อการแพร่ของโรคทั่วราชอาณาจักร คือ
– ห้ามจัดการเรียนการสอน การฝึกอบรม หรือใดๆ ที่มีผู้ร่วมกิจกรรมจำนวนมาก
– ห้ามรวมกลุ่มกันมากกว่า 50 คน ยกเว้นได้รับอนุญาต
2.ปิดสถานบริการที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคทั่วราชอาณาจักร เช่น ผับบาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด ฯลฯ อย่างน้อย 14 วัน
3.กำหนดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและพื้นที่ควบคุมตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น จะมีมาตรการต่างกันตามสีพื้นที่ ดังข้อ 4-5

4.พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง)
– ให้ร้านอาหารและเครื่องดื่ม สามารถนั่งทานในร้านได้ไม่เกิน 21.00 น. และเปิดสำหรับซื้อกลับบ้านได้ไม่เกิน 23.00 น.
– ห้ามจำหน่ายสุราภายในร้านเด็ดขาด
– ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้ มอลล์ เปิดได้ถึง 21.00 น. และงดเว้นกิจกรรมส่งเสริมการขาย รวมถึงงดเว้นบริการตู้เกม เครื่องเล่นเกม สวนสนุก
– ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ถนนคนเดิน ตลาดนัด ตลาดโต้รุ่ง ให้เปิดได้ไม่เกิน 23.00 น. และเปิดอีกครั้งได้ในเวลา 04.00 น.
– ยิม ฟิตเนส สนามกีฬา เปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. แต่ยังสามารถจัดการแข่งขันได้โดยจำกัดผู้ชมในสนาม

5.พื้นที่ควบคุม (สีส้ม)
– ร้านอาหารและเครื่องดื่มสามารถนั่งทานในร้านและซื้อกลับบ้านได้ไม่เกิน 23.00 น.
– ห้ามจำหน่ายสุราภายในร้านเด็ดขาด
– ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้ มอลล์ เปิดได้ถึง 21.00 น. และงดเว้นกิจกรรมส่งเสริมการขาย รวมถึงงดเว้นบริการตู้เกม เครื่องเล่นเกม สวนสนุก
(สำหรับร้านสะดวกซื้อและกลุ่มยิม ฟิตเนส สนามกีฬา ไม่มีกำหนดในพื้นที่สีส้ม)

6.ขอความร่วมมือประชาชนงดจัดกิจกรรมสังสรรค์ งานเลี้ยง หรือรื่นเริง
7.ขอความร่วมมือภาคเอกชนจัด Work from Home หรือสลับวันทำงาน
8.ให้ภาครัฐเร่งดำเนินจัดหาสถานที่รองรับ ดูแลรักษา และ สถานที่แยกกัก กักกันผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อ โดยขอความร่วมมือจากสถานที่ต่างๆ เช่น หอประชุม มหาวิทยาลัย ภาคเอกชน ที่เหมาะสมให้ระดมความพร้อมในการจัดเตรียมสถานที่
9.กำหนดระยะเวลาทดลองใช้มาตรการดังนี้ 2 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2564 และในระยะนี้ หากผู้ว่าราชการจังหวัดต้องการเปลี่ยนระดับสีพื้นที่หรือออกมาตรการเพิ่มเติมสามารถทำได้

นพ.ทวีศิลป์ ย้ำว่า “ไม่มีเคอร์ฟิว” ทำให้การเดินทาง กิจการการค้าสามารถขนส่งได้ตามปกติ เพื่อให้ชีวิตของประชาชนเป็นปกติมากที่สุดที่ทำได้

]]>
1327959
ศบค.เตรียมเปิดนำเข้าต่างชาติ 4 กลุ่ม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ https://positioningmag.com/1288629 Mon, 20 Jul 2020 14:07:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1288629 ศบค.แจงเตรียมนำต่างชาติเข้า 4 กลุ่ม มาจัดนิทรรศการ ถ่ายหนัง แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ และเข้ามารักษา ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนคนไทยรอกลับบ้าน จะพยายามจัดสรรให้สมดุล เต็มศักยภาพวันละ 600 คน ย้ำนักการทูตจะอยู่ในสเตทควอรันทีนจนครบ 14 วัน หากครบแล้วกลับไปพักคอนโดได้

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวถึงการเปิดให้ต่างชาติเข้าประเทศ รวมถึงกองถ่ายภาพยนตร์ต่างชาติ ว่า จะมีการอนุญาตชาวต่างชาติ 4 กลุ่ม คือ

1. ต่างชาติเข้ามาจัดแสดงสินค้าในราชอาณาจักร ตรงนี้ทำเป็นประจำ ทำให้มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ โดยจำนวนคนไม่มาก และมีขอบเขตพื้นที่ มีวันเวลาชัดเจน

2. ชาวต่างชาติถ่ายทำภาพยนตร์ในราชอาณาจักร ก็จะขออนุญาตมามีช่วงเวลา มีกลุ่มคน มีพื้นที่สถานที่ มีตารางกำหนดแผนก็ควบคุมได้

3. แรงงาน 3 สัญชาติที่จะเข้ามา ไม่ใช่นักท่องเที่ยว เพราะเราขาดแรงงานในภาคอุตสาหกรรมอาหาร และก่อสร้าง โดยจะเข้ามาช่วยหมุนเวียนเศรษฐกิจ

4. เมดิคัลแอนด์เวลเนส ที่เข้ามารักษาจนครบ 14 วัน ก็ให้อยู่ต่อ หรือรอนัดหมายของแพทย์อีกสักรอบ ก็จะได้เม็ดเงินเข้ามา ทั้งนี้ มาตรการชัดเจน คือ สเตทควอรันทีน หรือฮอสปิทัล คอวรันทีน จำนวน 14 วัน เพื่อให้เกิดความแน่ใจ

เมื่อถามว่า เมื่อไรจะเปิดให้คนไทยกลับมามากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีนักศึกษาที่เรียนจบในต่างประเทศรอเดินทางกลับจำนวนมาก มีโอกาสเพิ่มโควตาหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เราพยายามทำเต็มที ก่อนหน้านั้น ประมาณ 200 ราย และเพิ่มมาเป็น 300 400 500 และ 600 ราย ซึ่งต้องใช้ทรัพยากรคนต่อวันจำนวนมาก ตอนนี้วันละ 600 คน ก็เต็มศักยภาพอยู่ อย่างไรก็ตาม การกลับมาก็ขอให้เต็มศักยภาพก่อน แล้วค่อยเพิ่มอีกได้หรือไม่ บางคนที่ไปต่างประเทศได้ มีศักยภาพสูง จะกลับเข้ามาแบบ อัลเทอร์เนทีฟ สเตทควอรันทีน หรือไม่ โดยจ่ายเงินเอง หากอยากกลับมาเร็วก็ติดต่อสถานทูต และพยายามประสานลงทะเบียนเอาไว้ และบอกว่าจะกลับมาอยู่ในที่อะไรแบบไหน เราจะจัดการบริการในพื้นที่ในประเทศ

]]>
1288629
เปิด 3 แนวทางติดตาม 11 กลุ่มต่างชาติเดินทางเข้าไทย “แยกกัก-กักกัน-คุมสังเกตอาการ” https://positioningmag.com/1286171 Thu, 02 Jul 2020 04:56:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1286171 ศบค.แจงยิบแบ่ง 11 กลุ่มคนเข้าไทย ใช้ 3 แนวทางติดตามสกัด COVID-19 ใช้วิธี “แยกกัก” ในคนป่วย หากไม่ป่วยอยู่ระยะยาวใช้วิธี “กักกัน” 14 วัน ในสถานที่ตามเหมาะสมแต่ละกลุ่ม ทั้ง State Quarantine แบบจ่ายเงินเอง รพ. สถานทูต หรือสถานที่ที่องค์กรจัดเอง ส่วนแขกรัฐบาล-มาระยะสั้น ใช้วิธี “คุมไว้สังเกตอาการ” มีบุคลากรทางการแพทย์ติดตาม ห้ามออกนอกเส้นทาง

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของไทย เนื่องจากต่างประเทศยังมีผู้ป่วยเพิ่มวันละมากกว่าแสนราย ว่า เรามีการประชุมในกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และเสนอต่อ ศบค.ชุดใหญ่ โดยเรามีความพร้อมเรื่องเตียง

  • กทม.มีเตียงระดับไอ.ซี.ยู. 106 เตียง ไม่ใช่ไอ.ซี.ยู. 1,589 เตียง โรงแรมที่จัดทำเป็นสถานที่พักผู้ป่วย (Hospitel) 568 เตียง
  • ทั่วประเทศไอ.ซี.ยู. มี 465 เตียง ไม่ใช่ไอ.ซี.ยู. 9,617 เตียง และ Hospitel 9,781 เตียง
  • รวมแล้วมีไอ.ซี.ยู. 571 เตียง ไม่ใช่ไอ.ซี.ยู. 11,206 เตียง และ Hospitel 10,349 เตียง
  • เวชภัณฑ์ หน้ากาก N09 มี 1.12 ล้านชิ้น ชุด PPE มี 5.11 แสนชุด และเครื่องช่วยหายใจ 1.1 หมื่นเครื่อง
  • ยาฟาวิพิราเวียร์ มี 3.19 แสนเม็ด สำหรับผู้ป่วย 4,571 คน และจะมีอีก 4 แสนเม็ดภายใน ก.ค. 2563

มาตรการรองรับการเดินทางมาจากต่างประเทศ การจัดการในทางกฎหมายโดย พ.ร.บ.โรคติดต่อ บัญญัติวิธีการไว้ 3 อย่าง คือ

1. แยกกัก คือ ลงเครื่องมาป่วยเอาเข้า รพ.ทันที เรียกว่า Isolation

2. กักกัน (Quarantine) มี 4 ประเภท คือ

  • กักกันที่บ้าน (Home Quarantine)
  • สถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine : SQ) หรือตามต่างจังหวัด (Local Quarantine :LQ ) และที่จ่ายเงินเอง (Alternative State Quarantine ASQ) และในระดับจังหวัด (Alternative Local Quarantine : ALQ)
  • องค์กรนั้นจัดขึ้นมาและให้พักในพื้นที่ตนเองจัดไว้ (Organization Quarantine : OQ) ซึ่งข้อกำหนดฉบับที่ 12 แบ่งคนออกมา 11 ประเภท มีกลุ่มหนึ่งที่มาเป็นโรงเรียน ครู นักเรียนต่างชาติ ผู้บริหารต่างๆ มาครั้งหนึ่งอาจหลายสิบหรือร้อยคน แต่มีหอพัก หรือ รพ.ประจำสถานศึกษาอยู่แล้ว เราก็อนุญาตให้พักในสถานที่ที่องค์กรจัดได้ แต่จะต้องผ่านมาตรฐานที่กรมควบคุมโรค กรมอนามัย และฝ่ายมั่นคงเข้าไปกำกับตรวจสอบ และยืนยันว่า จะไม่มีการออกไปข้างนอกให้เกิดการแพร่เชื้อ
  • Hospital Quarantine สำหรับคนที่เดินทางมารักษาหรือดูแลสุขภาพ โดยใช้ รพ.เป็นสถานที่กักกัน
(Photo by Adisorn Chabsungnoen/SOPA Images/LightRocket via Getty Images)

3. คุมไว้สังเกตอาการ (Close Observation) คือ ไม่ต้องนอนใน รพ.หรือ รพ. ประเภทนักธุรกิจมาระยะสั้นๆ มาเซ็นสัญญานอน 2-3 วันกลับบ้าน ก็ไม่อยากมาอยู่ 14 วัน แต่ต้องมีระบบตรวจสอบตั้งแต่ก่อนมา ระหว่างมา และก่อนจะกลับ ว่าไม่มีเชื้อ ตรวจกันยิบ และต้องมีแผนว่าจะไปไหนให้เราเห็น โดยรถยนต์ส่วนตัว จะไปดูไปตรงไหนต้องบอกเราทั้งหมดและไปในเส้นทางนี้ และต้องจ่ายเอง นอนโรงแรมไหน โรงแรมนั้นก็ต้องเป็น Alternative State Quarantine มีแพทย์ พยาบาลประกบ และจะไปที่ไหนจะไปเดี่ยวๆ ไม่ได้ ต้องมีบุคลากรทางการแพทย์ติดตามไปด้วย คือ เป็นการคุมไว้สังเกต อยู่ในสายตาของเราตลอด และต้องไม่เป็นความเสี่ยงกับเรา

11 กลุ่มเข้าไทย

การผ่อนปรน 6 กลุ่มที่จะเข้าไทย 200 คนต่อวัน กลุ่มคนที่จะเข้ามาในประเทศไทยมี 11 กลุ่ม ดังนี้

1. ผู้มีสัญชาติไทย อยู่ได้ทั้ง SQ LQ ALQ

2. ผู้มีเหตุยกเว้น ใช้แนวทางคุมไว้สังเกตอาการ

3. บุคคลในคณะทูต ใช้วิธีกักตนเองในสถานทูตนั้น (Home/Self Quarantine)

4. ผู้ขนส่งสินค้าตามความจำเป็น เมื่อขนส่งเสร็จเข้ามาก็ขับรถออกไปได้ ไม่ต้องอยู่

5. ผู้ควบคุมยานพาหนะ อาจต้องพักค้าง เช่น กัปตันเครื่องบิน แอร์โฮสเตส สายการบินทั้งหลาย ใช้วิธี ASQ

6. ผู้ไม่มีสัญชาติไทยซึ่งเป็นคู่สมรสคนมีสัญชาติไทย ใช้ ASQ

7. ผู้ไม่มีสัญชาติไทยมีถิ่นที่อยู่ในไทย ใช้ ASQ

8. ผู้ไม่มีสัญชาติไทยมีใบอนุญาตทำงาน ใช้ ASQ

9. ผู้ไม่มีสัญชาติไทยเป็นนักเรียนหรือนักศึกษาในไทย ใช้ ASQ หรือ OQ

10. ผู้ไม่มีสัญชาติไทยมีความจำเป็นต้องเข้ามารับการตรวจรักษาในไทย ใช้กักใน รพ.

11. ผู้ไม่มีสัญชาติไทยได้รับอนุญาตเข้ามาในไทยตามข้อตกลงพิเศษ มาระยะยาวใช้วิธี ASQ หรือมาระยะสั้นๆ ใช้วิธีคุมไว้สังเกตอาการ

]]>
1286171
อนุมัติต่างชาติ 6 กลุ่มเข้าไทย จ่ายเงินกักตัว 14 วันเอง กลุ่มแขกรัฐบาลห้ามออกนอกเส้นทาง https://positioningmag.com/1285696 Mon, 29 Jun 2020 15:09:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1285696 ศบค.เห็นชอบบุคคล 6 กลุ่มเดินทางเข้าไทย ชี้กลุ่มอยู่นานต้องกักตัว 14 วัน ออกค่าใช้จ่ายเอง คาดให้เข้ามาได้วันละ 200 คน ส่วนกลุ่มเข้ามาด้วยข้อตกลงพิเศษ มี 4 ประเทศเป้าหมาย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ จีน และ 1 เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ด้านกลุ่มเข้ามาระยะสั้น เร่งด่วน หรือแขกของรัฐบาล ต้องเป็นคณะเล็กไม่เกิน 10 คน ตรวจเชื้อก่อนมาและเมื่อถึงไทยว่าปลอดเชื้อ ห้ามออกนอกเส้นทาง ย้ำเดินทางเข้าพร้อมไฟลต์นำคนไทยกลับบ้าน

เปิด 6 กลุ่มให้เข้าประเทศ

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวถึงมาตรการผ่อนคลายผู้คนเข้าราชอาณาจักรว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอเพิ่มบุคคล 6 กลุ่มเดินทางเข้าประเทศ ได้แก่

1. คู่สมรสและบุตรของผู้ที่มีใบอนุญาตทำงานหรือได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ทำงานในราชอาณาจักร หรือคนที่ได้ Work Permit เดิมได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่แล้ว แต่ญาติไม่ได้เข้ามา ก็อนุญาตให้เข้ามาได้

2. ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทย หรือคนต่างด้าวที่มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร

3. คู่สมรสต่างชาติและบุตรที่อบด้วยกฎหมายของผู้มีสัญชาติไทย หรือคนต่างชาติที่แต่งงานกับคนไทยและบุตรอนุญาตให้เข้ามา

4. ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยหรือต่างชาติ ที่ต้องการเข้ามารับการรักษาในประเทศไทยและมีผู้ติดตามเข้ามา คือ Medical Hub โดยจะเน้นบางโรคบางกลุ่ม ยืนยันว่าไม่ได้เอาคนป่วย COVDI-19 เข้ามา เพราะหากป่วยจะต้องถูกกันไว้ตั้งแต่แรก แต่ผู้ที่จะเข้ามารับการรักษา เช่น มาทำตา มาเสริมจมูก ตรวจเรื่องการมีบุตรยาก ซึ่งชื่อเสียงแพทย์ไทยดังด้านนี้ ก็มาได้

5. นักเรียนนักศึกษาต่างชาติ และผู้ปกครองของบุคคลดังกล่าว

6. ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยหรือต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าราชอาณาจักรตามข้อตกลงพิเศษ (Special Arrangement) กับประเทศเป้าหมาย อาจจะรวมแขกของรัฐบาล นักลงทุนพิเศษทั้งหลาย

Photo : Shutterstock

ต้องจ่ายค่ากักตัว 14 วันเอง

รมว.กต.ได้เสนอขึ้นมาถึงการจัดทำความตกลงพิเศษ โดยกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มนักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค โควตาที่กำหนดให้สอดคล้องกับสถานที่กักตัวทางเลือก (Alternative State Quarantine : ASQ) คือ โรงแรมหรู ที่จับมือกับ รพ. ซึ่งคนเข้ามาต้องจ่ายเงินเองในการอยู่กักตัว 14 วัน

ขั้นต้นอาจกำหนดจำนวนรวม 200 คนต่อวัน ซึ่งตอนนี้ห้องว่าง 600 กว่าห้องก็คิดว่าน่าจะพอไหว ส่วนประเทศเป้าหมายที่พิจารณา คือ 4 ประเทศและ 1 เขตการปกครอง คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ จีน และเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เกณฑ์การพิจารณา คือ 1. มีความสำคัญทางเศรษฐกิจต่อไทย 2. ควบคุมการระบาดได้ดีใกล้เคียงกับไทย 3. มีระบบสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ และ 4. มีความพร้อมและความสนใจในการทำความตกลง

การที่ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาทำได้ 2 ระบบ คือ

1. ระบบปกติ (Normal Track) คือ ต้องเข้ามาอยู่ใน ASQ เพื่อกักตัว 14 วันก่อน โดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง คือ คนที่ต้องมาอยู่กับเรานานๆ มาทำงานนานๆ

2. ระบบ Fast Track คือ มาระยะสั้นๆ หรือมาเร่งด่วน เช่น มาจดทะเบียนลงนามสัญญาสำคัญ 2 วันแล้วกลับ เป็นต้น ไม่ต้องอยู่ 14 วัน แต่ต้องมีเงื่อนไขเข้มงวด โดยหลักเกณฑ์ในการรองรับการเดินทางของแขกรัฐบาล คือ

  • เป็นคณะเล็กไม่เกิน 10 คน
  • เดินทางระยะสั้น
  • ตรวจรับรองการปลอดเชื้อโควิดที่ประเทศต้นทางและเมื่อเดินทางถึงไทย โดยให้ตรวจและรอผลตรงนั้น ต้องเป็นลบ 2 ครั้งถึงเข้าประเทศได้
  • ให้หน่วยงานราชการที่เป็นเจ้าภาพเชิญแขกระดับสูง พิจาณาจัดเจ้าหน้าที่ประจำคณะในลักษณะ Liaison Officer ติดตาม หรือมีคนตามประกบ
  • มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และหน่วยงานความมั่นคงติดตามคณะนั้นไปด้วย และมีค่าใช้จ่ายให้ทีมเหล่านี้ด้วย
  • ต้องจำกัดการเดินทางเฉพาะกำหนดการที่ได้ตกลงไว้ล่วงหน้าเท่านั้น ห้ามคณะเดินทางไปในที่สาธารณะและห้ามใช้ขนส่งมวลชน สำหรับการเดินทางเข้ามา แบ่งเป็น กลุ่มที่ได้รับการอนุมัติแล้วและยังรอการเดินทาง ให้เดินทางกลับพร้อมคนไทยในเที่ยวบิน Repratiation Flight และกลุ่มที่กำลังขออนุมัติการเดินทาง

ยกเว้นการนั่งที่เว้นที่บน BTS

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ขณะที่กระทรวงการคมนาคมขอยกเว้นการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เสนอไป คือ การจัดที่นั่งเว้นที่นั่งบนบีทีเอส หรือรถต่างๆ เนื่องจากตอนนี้เข้าสู่การปกติ การเคลื่อนย้ายโดยขนส่งสาธารณะเพิ่มมากขึ้น จึงขอยกเว้นเรื่องดังกล่าว แต่ต้องใส่หน้ากากตลดเวลา และความหนาแน่นสูงสุด คือ 70%

(Photo by Allison Joyce/Getty Images)

เมื่อถามถึงการลักลอบเข้าประเทศ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ผอ.ศบค.ห่วงใยและสั่งการให้ตรวจสอบ พบว่ามีการเดินทางผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายมีเป็นประจำ และมีรอบพื้นที่ประเทศไทย จึงสั่งการให้ฝ่ายมั่นคงดูแลเข้ม โดยพบว่ามิ.ย.ที่ผ่านมา ในรอบ 24 ชั่วโมงจากลาวจับกุม 7 คน กัมพูชา จับกุม 26 คน พม่า 35 คน และรายงานตลอดทั้งเดือนสะสม 2,498 คน ในช่วงเกือบ 1 เดือน มากที่สุด พม่า 1,276 คน ลาว 142 คน กัมพูชา 1,016 คน เวียดนาม 4 คน จีน 6 คน อินเดีย 27 คน อื่นๆ 27 คน ซึ่งไม่ใช่แค่พื้นที่ขอบชายแดน ยังมีพื้นที่ตอนในเข้ามาด้วย หมายความว่าเป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายอยู่ในเมืองไทยและอาจอยู่มานานด้วย อาจจะเป็นเหตุที่เรายังวางใจไม่ได้ ถ้ามีการเดินทางกันอย่างนี้ ฝ่ายมั่นคงดูแลเต็มที่ก็จับได้ประมาณนี้ จะรอให้ฝ่ายมั่นคงทำอย่างเดียวไม่ได้ ต้องขอประชาชนช่วยกันสอดส่องด้วยเพราะมีความเสี่ยงทั้งสิ้น

Source

]]>
1285696
เปิด 3 ขั้นตอน ผ่อนคลายชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ล็อตแรกเริ่ม 1 ก.ค. https://positioningmag.com/1284978 Sat, 27 Jun 2020 07:46:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1284978 ศบค.เผย 3 ขั้นผ่อนคลาย “ต่างชาติ” เข้าไทย ขั้นแรกเริ่มทันที 1 ก.ค. เป็นนักธุรกิจ แรงงานฝีมือ ต่างด้าว ครู นศ. กักตัว 14 วัน ส่วนนักธุรกิจ-แขกรัฐบาลที่มาระยะสั้น มีทีมแพทย์ติดตามสังเกตอาการ

ขั้นสองเริ่ม 1 ก.ค.หรือเมื่อพร้อมในกลุ่มเข้ามารับการรักษา ส่วนขั้นที่ 3 คือ Travel Bubble จ่อทำ 2 รูปแบบ เป็น “วิลลา ควอรันทีน” เริ่ม 1 ส.ค. ส่วนรูปแบบยกเลิกควอรันทีนยังต้องรออีกนาน

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวถึงการเปิดให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยว่า การผ่อนคลายจะแบ่งออกเป็น 3 ขั้น คือ

ขั้นที่ 1

มี 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ดำเนินการให้เข้ามาได้ทันที คือ นักธุรกิจ/นักลงทุน มีลงทะเบียนไว้ 700 คน และอยู่ใน Waiting List เมื่อเข้ามาจะต้องถูกกักตัวตามมาตรการ 14 วัน และกลุ่มที่ให้เข้ามาได้ในวันที่ 1 ก.ค. 2563 หลังเสนอ ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาเห็นชอบวันที่ 29 มิ.ย. คือ แรงงานฝีมือ/ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 15,400 คน คนต่างด้าว กรณีเป็นครอบครัวคนไทยหรือมีถิ่นที่อยู่ในไทยจำนวน 2,000 คน ครู อาจารย์ บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน นักศึกษา ประมาณ 2,000 คน ส่วนนี้ต้องถูกกักตัว 14 วันเช่นกัน

ส่วนนักธุรกิจ นักลงทุน หรือแขกของรัฐบาลที่เดินทางเข้ามาสั้นๆ เช่น ประชุมสัมมนา 2 วันแล้วกลับ หรือลงนามสัญญาวันเดียวแล้วกลับ จะเสนอ ศบค.ให้เริ่มวันที่ 1 ก.ค.ด้วย โดยต้องมีมาตรการขั้นตอนตรวจเชื้อว่าปลอดโควิดทั้งต้นทาง เมื่อเดินทางถึงไทย มีประกันสุขภาพแสนเหรียญ และมีการจัดทีมติดตามทางการแพทย์อย่างน้อย 1 คน เพื่อกำกับดูแลสังเกตอาการ

(Photo by Anusak Laowilas/NurPhoto via Getty Images)

ขั้นที่ 2

กลุ่มที่จะขอให้ดำเนินการวันที่ 1 ก.ค. หรือเมื่อมีความพร้อม ได้แก่ กลุ่ม Medical and Wellness Tourism ซึ่งประมาณการว่าจะเข้ามาประมาณ 30,000 คน โดยอาจเลือกไว้ในเขต กทม. ภูเก็ต หาดใหญ่ เชียงใหม่ เชียงราย (ตามความพร้อม) และกลุ่ม Medical and Wellness Tourism ที่ผนวกกับการดำเนินงานด้าน Safety Tour หรือ SHA

ขั้นที่ 3

โครงการทราเวล บับเบิล (Travel Bubble) แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ มาตรการวิลลา ควอรันทีน จะเริ่ม 1 ส.ค. โดยกลุ่มเดียวกันที่เข้ามาแล้วพักกลุ่มก้อนเดียวกัน เพื่อสะดวกติดตามกำกับ เช่น เช่าบังกะโลชุดใหญ่ริมหาด บางคนมาอยู่เป็นสัปดาห์เป็นเดือนอยู่แล้วก็อยู่ในพื้นที่ที่จำกัด โดยจะเปิดบริการแบบนี้เพื่อนำเงินเข้ามา

รูปแบบที่ 2 คือ ผ่อนคลายมาตรการกักตัว แต่จะเริ่มดำเนินการเมื่อพร้อม และสังคมเชื่อมั่นในมาตรการ ตรงนี้ต้องรอไปอีกสักระยะ ส่วนกลุ่มประเทศยังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพราะตอนแรกหารือจีน ก็มีติดเชื้อปักกิ่ง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จะคุยก็มีติดเชื้อในประเทศก็ยืดออกไป ก็ต้องค่อยๆ คุยกัน

เมื่อถามว่ายังมีคนไทยรอกลับประเทศอีก แต่โควตาเข้ามาได้วันละ 500 คน เมื่อจะเปิดให้ต่างชาติเข้ามา ควรรอให้คนไทยกลับก่อนหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า จะมีการขอเพิ่มโควต้าเป็น 600 คนต่อวันหรือมากกว่า นอกจากนี้ คนไทยที่ต้องการเดินทางกลับก็อาจเลือกเข้าพักสถานกักตัวแบบทางเลือกที่เป็นโรงแรมดีๆ จับมือกับ รพ.เอกชน ซึ่งยังมีห้องว่างอยู่ 605 ห้อง ก็จะกลับมาเพิ่มเติมได้ และอาจจะหารือโรงแรมในต่างจังหวัดเปิดเป็น Alternative Local Quarantine ด้วย ในจังหวัดที่มีสนามบินให้ต่างชาติลง เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงราย โดยจับคู่กับ รพ.เอกชน

Source

]]>
1284978
ยกเลิกเคอร์ฟิว! คลายล็อกดาวน์ระยะ 4 เริ่ม 15 มิ.ย. 63 ผ่อนผันจัดคอนเสิร์ต-เพิ่มที่นั่งขนส่งมวลชน https://positioningmag.com/1283242 Fri, 12 Jun 2020 06:54:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1283242 ศบค. อนุมัติการผ่อนปรนคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 4 เริ่มวันที่ 15 มิ.ย. 63 ยกเลิกเคอร์ฟิวห้ามออกนอกเคหสถาน ร้านอาหารขายสุราได้ ผ่อนผันจัดอบรม อีเวนต์ คอนเสิร์ต เปิดร้านอบตัว ออนเซ็น แต่ต้องควบคุมจำนวนคน จัดแข่งกีฬาได้แต่ต้องไม่มีผู้ชม ทั้งนี้ กิจกรรมเสี่ยงสูงสุดอย่างผับ บาร์ คาราโอเกะ โรงเบียร์ อาบอบนวด ยังไม่อนุญาตให้เปิด ด้านการจัด Travel Bubble อยู่ระหว่างหารือรายละเอียด

วันนี้ (12 มิ.ย. 63) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงการผ่อนคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 4 จากการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธานการประชุม โดยมีรายละเอียดดังนี้

ยกเลิกเคอร์ฟิว

ยกเลิกเคอร์ฟิวการห้ามออกนอกเคหสถาน วันที่ 15 มิ.ย. 63 แต่ยังควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักรทั้งทางบก น้ำ และอากาศ เนื่องจากยังพบผู้ติดเชื้อที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ

ผ่อนผันการใช้อาคารสถานที่

  • ให้โรงเรียนนานาชาติ สถาบันกวดวิชา และสถานศึกษาใดๆ ที่มีนักเรียนรวมทั้งโรงเรียนไม่เกิน 120 คน สามารถเปิดได้แล้ว
  • สามารถใช้อาคารสถานที่ของรัฐเพื่อใช้ในการอบรมสัมมนา

ผ่อนผันกิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต

  • การจัดประชุม อบรม สัมมนา การแสดงดนตรี นาฏศิลป์ คอนเสิร์ต ที่จัดในโรงแรม ศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้า โรงมหรสพ ให้ใช้เกณฑ์ 4 ตร.ม.ต่อคน และนั่ง/ยืนห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร และต้องดูแลไม่ให้แออัด ไม่ไร้ระเบียบ
  • การบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มในร้านอาหาร ภัตตาคาร หรือสถานที่ที่ได้รับอนุญาตการขายสุราอยู่ก่อนแล้ว “ยกเว้น” ผับ บาร์ คาราโอเกะ โรงเบียร์ ยังไม่อนุญาต
  • ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ หรือสถานอื่นใดที่รับดูแลผู้สูงอายุหรือเด็กแบบรายวัน (ไป-กลับ) อนุญาตให้เปิดได้
  • ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา เช่น ท้องฟ้าจำลอง อนุญาตให้เปิด
  • กองถ่าย เพิ่มจำนวนคนได้ รวมทุกแผนกไม่เกิน 150 คน
  • สถานประกอบการด้านสุขภาพ สปา ออนเซ็น อบตัว สมุนไพร อบไอน้ำแบบรวมสามารถเปิดได้ แต่ขอความร่วมมือให้ใช้ 1 ห้อง/คน หรืออย่างน้อยเว้นระยะ 5 ตร.ม.ต่อคน อย่างไรก็ตาม “ยกเว้น” กิจการอาบอบนวด ยังไม่อนุญาต
  • สวนสาธารณะ ลานกีฬา สามารถจัดกิจกรรมรวมกลุ่ม เช่น เต้นแอโรบิก ได้ โดยคิดเกณฑ์ 5 ตร.ม.ต่อคน รวมกันไม่เกิน 50 คน
  • สวนสนุก สนามเด็กเล่น สวนน้ำ สระว่ายน้ำสาธารณะ เปิดได้แล้ว แต่ไลฟ์การ์ดต้องคอยดูแลคำแนะนำ อย่างไรก็ตาม ยัง “ยกเว้น” เครื่องเล่นที่มีผิวสัมผัสมาก เช่น บ้านบอล บ้านลม
  • สนามกีฬาประเภทกลางแจ้ง โรงเรียนศิลปะการต่อสู้ โรงยิม และสถานที่ออกกำลังกาย คือ ทุกประเภทกีฬาสากล เพื่อออกกำลังกาย ฝึกซ้อม การเรียนการสอน ทำได้หมด โดยแข่งได้แต่ยังไม่มีผู้ชม
  • ตู้เกม เครื่องเล่นหยอดเหรียญ ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ โรงมหรสพ สวนสนุก ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย สามารถเปิดได้

ผ่อนผันการขนส่งโดยสาร

  • อนุญาตที่นั่งบนเครื่องบินสามารถนั่งได้เกือบ 100% (โปรดติดตามข้อกำหนดที่ชัดเจนภายในวันที่ 14 มิ.ย. 63)
  • ขนส่งมวลชนอื่นๆ เช่น รถเมล์ รถไฟฟ้า เพิ่มที่นั่งเป็น 70%

การเปิดประเทศแบบ Travel Bubble 

นพ.ทวีศิลป์ยังกล่าวถึงแนวทางการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจำกัด หรือ Travel Bubble ว่า ขณะนี้ ศบค.รับในหลักการแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการหารือ โดยมีการเสนอข้อกำหนดหลายประเด็น เช่น ผู้ที่เดินทางเข้ามาต้องผ่านการตรวจหาเชื้อ COVID-19 จากประเทศต้นทางเพื่อไม่ต้องกักตัว 14 วันภายในประเทศไทย

รวมถึงคาดว่าจะมีการอนุญาตให้เฉพาะบางกลุ่มที่มีแผนการเดินทางชัดเจน สามารถติดตามตัวได้ (track & trace) เช่น กลุ่มนักธุรกิจที่เข้ามาติดต่อธุรกิจ กลุ่มนักกอล์ฟที่เข้ามาเพื่อทำกิจกรรมในบริเวณสนามกอล์ฟเท่านั้น กลุ่มที่เดินทางมาเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยหรือด้านเวลเนส (Medical Tourism)

การเปิด Travel Bubble น่าจะเกิดขึ้นเฉพาะบางประเทศ ในการหารือมีชื่อประเทศเหล่านี้ที่ได้รับการหยิบยกขึ้นมา เช่น จีน ฮ่องกง มาเก๊า ญี่ปุ่น เวียดนาม สปป.ลาว กัมพูชา ตะวันออกกลางบางประเทศ

หลังจากนี้จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการชุดย่อยเพื่อลงรายละเอียดข้อกำหนด Travel Bubble พร้อมสร้างความเข้าใจกับประชาชนต่อไป

ทั้งนี้ วันที่ 12 มิ.ย. 63 ไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 4 ราย โดยพบในสถานที่กักตัวของรัฐทั้งสิ้น ไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศ รวมมีผู้ติดเชื้อสะสม 3,129 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 58 ราย (ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม) เป็นเวลา 18 วันติดต่อกันที่ประเทศไทยไม่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือให้ประชาชนระมัดระวังและป้องกันตัวจากโรค COVID-19 อย่างเคร่งครัด

]]>
1283242
เช็กให้ชัด! คลายล็อกดาวน์เฟส 2 เปิดศูนย์การค้า ธุรกิจอะไรเปิดได้ อะไรที่ต้องปิดต่อ https://positioningmag.com/1278756 Fri, 15 May 2020 10:17:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1278756 ศบค.เตรียมผ่อนคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 2 ในวันที่ 17 พ.ค. นี้ โดยสถานที่สำคัญก็คือการเปิดให้บริการของศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ภายในมีหลายธุรกิจด้วยกัน เช็กกันอีกครั้งว่าธุรกิจ หรือกิจกรรมอะไรสามารถเปิดได้ แล้วอะไรที่ยังต้องปิดต่อ

ซึ่งก่อนหน้านี้ห้างสามารถเปิดได้ในส่วนของซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา สินค้าเบ็ดเตล็ด ร้านขายปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ธนาคาร และที่ทำการหน่วยงานของรัฐและวิสาหกิจ ส่วนการคลายล็อกรอบที่ 2 นี้ มีอะไรที่เปิดได้ และยังต้องปิดต่อบ้าง เช็กลิสต์ได้เลย

กิจการที่ให้เปิดเพิ่มในห้างสรรพสินค้า

1. สินค้าอุปโภค ร้านขายปลีกธุรกิจคอมพิวเตอร์ หนังสือ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องนอน วัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ วัสดุสำนักงาน เครื่องครัว อุปกรณ์จำเป็นภายในครัวเรือน ดอกไม้ ต้นไม้ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องสำอาง อุปกรณ์กีฬา

2. สินค้าโภคภัณฑ์ ทอง เครื่องประดับ จิวเวลรี

3. บริการอินเทอร์เน็ต ซักอบรีด ซ่อมแซมเครื่องใช้อุปกรณ์

4. ธุรกิจบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ

5. บริษัทประกันภัย ประกันชีวิต

6. คลินิกเวชกรรม สถานทันตกรรม

7. ห้องรับรอง

8. ร้านเสริมสวย แต่งผม หรือตัดผม สำหรับบุรุษ สตรี (เปิดเฉพาะสระ ตัด ซอยผม แต่งผม) ร้านทำเล็บ

9. ร้านอาหาร ภัตตาคาร ฟู้ดคอร์ต และศูนย์อาหาร

กิจการที่ยังต้องปิดต่อไป

1. โรงภาพยนตร์ โบว์ลิ่ง สเกต คาราโอเกะ

2. สวนสนุก สวนน้ำ สวนสัตว์

3. พื้นที่กิจกรรม กิจกรรมส่งเสริมการขาย แข่งขันกีฬา

4. ตู้เกม เครื่องเล่นหยอดเหรียญ

5. สถานที่ออกกำลังกาย ฟิตเนส

6. ศูนย์ประชุม ห้องประชุม ฮอลล์

7. สถานที่จัดนิทรรศการ

8. โรงเรียน สถาบันกวดวิชา

9. สนามพระเครื่อง พระบูชา

10. ร้านนวดแผนไทย สปา

สำหรับกิจการกลุ่มอื่นๆ ที่มีการอนุญาตให้เปิดในเฟสสองนั้น ในส่วนของห้องประชุมโรงแรมและศูนย์ประชุม อนุญาตให้เปิดเฉพาะให้บริการจัดประชุมขององค์กรหรือหน่วยงาน (Meeting) ลักษณะนั่งประชุมแบบจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมประชุม แต่ที่ยังต้องปิดต่อไป คือ การจัดอบรม สัมมนา จัดแสดงสินค้า นิทรรศการ จัดงานเลี้ยง อีเวนต์ในโรงแรม ศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้าสถานที่จัดนิทรรศการ

ขณะที่กิจการกลุ่มสถานพยาบาลที่คลายล็อกเพิ่มเติม คือ คลินิกเสริมความงาม เฉพาะเรือนร่าง ผิวพรรณ และเลเซอร์ ไม่รวมการเสริมความงามบริเวณใบหน้า ส่วนที่ยังต้องปิดต่อไปคือ การเสริมความงามควบคุมน้ำหนัก สถานที่สัก เจาะผิวหนัง หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย สถานประกอบกิจการอาบน้ำ อบไอน้ำ อบสมุนไพร และสถานประกอบกิจการอาบอบนวด คือ นวดเสริมความงาม นวดตัว อาบน้ำ อบตัว อบไอน้ำ ออนเซน อาบ อบ นวด

]]>
1278756